เมื่อรู้ว่าคนที่จะทดสอบเป็นนักปรุงยาคือหลิงฮัน ความคาดหวังของทุกคนก็ลดลงไปกว่าครึ่ง
หลิงฮันเพิ่งจะอายุเท่าไหร่กันเชียว? ปรมาจารย์ที่สายตาเฉียบคนบางคนสามารถมองออกอย่างแม่นยำกว่า อายุของหลิงฮันนั้นยังอยู่ในช่วงห้าร้อยปีด้วยซ้ำ!
ต่อให้ตั้งแต่เกิดมาหลิงฮันใช้ช่วงชีวิตทั้งหมดอยู่ในห้องเร่งเวลาระดับสูงสุด เวลาที่เขาสามารถใช้ฝึกฝนได้ก็คือห้าหมื่นปีเท่านั้น
จะบอกว่าเพียงแค่ระยะเวลาห้าหมื่นปี ก็สามารถบรรลุเป็นนักปรุงยาหนึ่งดาวได้งั้นรึ?
เรื่องเพ้อเจ้อแบบนั้น ใครเชื่อก็บ้าเต็มทีแล้ว!
แต่จะอย่างไรก็ตาม การที่สุดยอดอัจฉริยะแห่งยุคอย่างหลิงฮันต้องการทดสอบเป็นนักปรุงยานั้น ได้ทำให้ใครต่อใครต่างรู้สึกสนใจเป็นอย่างมากจนต้องตามมาดู แม้แต่เหล่าผู้สืบทอดก็ไม่มีข้อยกเว้น
หากจะบอกว่าใครที่รู้สึกตกตะลึงมากที่สุดล่ะก็ คงหนีไม่พ้นหลู่เซียนหมิง
หลิงฮันคิดอะไรอยู่กันแน่?
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของหลู่เซียนหมิง เจ้าที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะในศาสตร์วรยุทธ จะต้องการเป็นนักปรุงยาไปทำไม? ถ้าหากหลิงฮันกลายเป็นนักปรุงยาหนึ่งดาวได้จริงๆล่ะก็ ผลกระทบที่ตามมาภายหลังจะยิ่งใหญ่มหาศาล
นักปรุงยาหนึ่งดาวที่อายุยังไม่เกินห้าหมื่นปี… พรสวรรค์ระดับนี้น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า การที่หลิงฮันเอาชนะจ้าวชิงเฟิงได้เสียอีก เพราะในประวัติศาสตร์อันยาวนาน นักปรุงยาหนึ่งดาวที่อายุเพียงห้าหมื่นปีนั้นไม่เคยมีมาก่อน
บารมีอำนาจของอัจฉริยะเช่นนั้น เพียงพอที่จะยึดครองเมืองวิถีโอสถไปอยู่ในฝ่ามือ!
ผู้สืบทอดคนใหม่!
ด้วยพรสวรรค์ทั้งในศาสตร์วรยุทธและศาสตร์ปรุงยา ในอนาคตผู้สืบทอดคนใดกัน จะสามารถแย่งชิงตำแหน่งผู้ปกครองเมืองวิถีโอสถกับหลิงฮันได้?
หลู่เซียนหมิงปวดหัวจนหัวแทบระเบิด ณ ตอนนี้เขาทำได้แต่หวังเพียงอย่างเดียวว่า หลิงฮันจะทดสอบไม่ผ่าน เพราะไม่อย่างนั้น ตัวเขาคงต้องกลายไปเป็นศัตรูกับหลิงฮันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
เขาหันไปมองฉินกู่ยวี่ เจียวปัง และโอวข่าน ทั้งสามคนเองก็หันมามองหน้ากันและกันเช่นกัน สายตาของทั้งสี่คนต่างแสดงออกไปในทางเดียวกันว่า จะยอมให้มีผู้สืบทอดคนใหม่เกิดขึ้นมาไม่ได้ โดยเฉพาะอัจฉริยะที่ราวกับสัตว์ประหลาดแบบหลิงฮันด้วยแล้ว
เพียงแต่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดแบบพวกเขา หลายขุมอำนาจต่างคาดหวังให้หลิงฮันทดสอบผ่าน หากหลิงฮันกลายเป็นนักปรุงยาได้จริงล่ะก็ เขาจะถือว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะทั้งในศาสตร์ปรุงยาและศาสตร์วรยุทธ และในอนาคต เขาจะกลายเป็นตำนานของเมืองวิถีโอสถอย่างแน่นอน
หลิงฮันเข้าสู่ห้องหลอมเม็ดยา เพื่อก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการเป็นนักปรุงยาอย่างเต็มตัว
แน่นอนว่าเม็ดยาที่เขาเลือกหลอมคือ เม็ดยาจันทราม่วงสะกดวิญญาณ
ระยะเวลาในการหลอมเม็ดยาคือสามเดือน แต่โชคดีที่ห้องหลอมยาของการทดสอบเป็นนักปรุงยาคือห้องเร่งเวลาหนึ่งร้อยเท่า เพราะงั้นระยะเวลาการหลอมของหลิงฮัน จึงลงลงมาเหลือเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น
ท่ามกลางสายตาที่ทุกคนกำลังจับจ้องจากภายนอกห้องหลอม การเคลื่อนไหวของหลิงฮันได้ถูกเร่งให้เคลื่อนไหวเร็วขึ้นร้อยเท่า แต่ถึงอย่างนั้นทักษะการขยับมือของเขาก็ยังคงนุ่มนวลและลื่นไหลเป็นอย่างมาก
เรื่องนี้ทำให้ผู้คนมากมายต่างอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง ถึงแม้ใครหลายคนที่มาดูจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ปรุงยา แต่จากมุมมองของพวกเขา การเคลื่อนไหวของหลิงฮันนั้น เปรียบได้ดั่งปรมาจารย์นักปรุงยาเฒ่าที่มากประสบการณ์อย่างแท้จริง
ใบหน้าของหลู่เซียนหมิง โอวข่าน และผู้สืบทอดคนอื่นกลายเป็นบูดบึ้ง และรู้สึกได้ถึงลางร้าย
บางที… หลิงฮันอาจจะผ่านการทดสอบได้จริงๆ
ทั้งสี่รู้สึกหวาดกลัว ต่อให้ผู้สืบทอดเช่นพวกเขาจะบรรลุเป็นนักปรุงยาสองดาวกันแล้ว แต่พวกเขาก็คงถูกรัศมีของหลิงฮันบดบังอยู่ดี
ทำไมน่ะรึ? ลองคิดดูว่าทั้งๆที่ในเมืองวิถีโอสถมีนักปรุงยาที่ระดับสูงกว่าพวกเขาอยู่แท้ๆ แต่ทำไมถึงมีแค่พวกเขามีได้เป็นผู้สืบทอด?
นั่นเพราะพวกเขาคืออัจฉริยะที่มีศักยภาพพอที่จะบรรลุ เป็นนักปรุงยาสามดาว สี่ดาว หรือห้าดาวได้ในอนาคต!
หากหลิงฮันกลายเป็นนักปรุงยาได้ด้วยอายุที่น้อยกว่าห้าหมื่นปีจริง นั่นหมายความว่าศักยภาพของเขาจะเหนือยิ่งกว่าผู้สืบทอดคนใดทั้งหมด
แววตาของผู้สืบทอดทั้งสี่ผันผวนไปด้วยจิตสังหารอันรุนแรง แม้แต่หลู่เซียนหมิงก็ไม่มีข้อยกเว้น จิตใจของเขาค่อยๆเริ่มรู้สึกหนักอึ้ง
ที่ด้านนอกห้องหลอม เวลาหนึ่งวันผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ส่วนด้านในห้องหลอม ระยะเวลาที่หลิงฮันใช้หลอมเม็ดยาใกล้จะผ่านไปหนึ่งร้อยวันแล้ว ซึ่งในขณะนั้นเอง มือของเขาก็เริ่มขยับพริ้วไหว การหลอมเม็ดยาของเขาราวกับกลายเป็นการแสดงทักษะอะไรบางอย่าง
‘ตูม’ เขาผลักฝ่ามือเข้าใส่เตาหลอมพร้อมกับโคจรเพลิงเก้าสวรรค์ ส่งผลให้เตาหลอมเกิดการระเบิดในทันที
“ล้มเหลวงั้นรึ?” ทุกคนที่กำลังมองอย่างดูอย่างเคลิบเคลิ้ม เมื่อเห็นว่าเตาหลอมเกิดการระเบิด ก็รู้สึกผิดหวังในทันที
แต่ก็ช่างมันเถอะ หากสามารถควบคุมเตาหลอมไม่ให้ระเบิดได้เป็นเวลานานขนาดนี้ล่ะก็ หลิงฮันจะกลายเป็นนักปรุงยาหนึ่งหนึ่งดาวไหน ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
การที่สามารถเป็นนักปรุงยาหนึ่งดาวได้ทั้งๆที่อายุน้อยขนาดนี้ แถมยังเป็นสุดยอดอัจฉริยะในศาสตร์วรยุทธด้วย มันหมายความว่าอะไรน่ะรึ?
มันหมายความว่าหลิงฮันคือดาวดวงใหม่อันเจิดจรัส ที่ควรค่าแก่การทุ่มเทอำนาจทั้งหมด เพื่อให้ได้เขามาอยู่ในตระกูล
หลู่เซียนหมิงและผู้สืบทอดอีกสามคนถอนหายใจโล่งอก แต่ถึงอย่างนั้นความหวาดระแวงของพวกเขากลับทะยานสูงขึ้นไปอีกหลายร้อยเท่า พวกเขาต้องรีบกำจัดหลิงฮันให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นตราบใดอีกอีกฝ่ายบรรลุเป็นนักปรุงยาหนึ่งดาวได้สำเร็จ ผลกระทบที่ตามมาจะหนักหนาสาหัสเกินจะแก้ไหว
เพียงแต่หลังจากเวลาผ่านไปอีกครู่หนึ่ง สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
ถึงแม้เตาหลอมจะระเบิดไปแล้ว แต่เม็ดยาสามเม็ดกลับกำลังล่องลอยขึ้นสู่เพดานห้องหลอม ราวกับต้องการจะหลบหนี
ละ… หลอมเม็ดยาสำเร็จ!
ทุกคนตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ใบหน้าของพวกหลู่เซียนหมิงทั้งสี่คนก็กลับกลายมาเป็นบูดบึ้ง
หลิงฮันคว้ามือไปยังเม็ดยาทั้งสาม ก่อนจะเบิดประตูออกมาและส่งมอบเม็ดยาให้นักปรุงยา “เชิญตรวจสอบได้”
‘พรึบ’ เหล่านักปรุงยามากมายแก่กันเข้ามาล้อมวงทันที
“เหลือเชื่อ ไม่ใช่แค่หลอมได้สำเร็จ แต่คุณภาพของเม็ดยายังอยู่ในขั้นกลางอีกด้วย!”
“รุ่นเยาว์… เจ้าเป็นอัจริยะในศาสตร์วรยุทธจริงๆรึ?
“ขนาดข้าบรรลุเป็นนักปรุงยาระดับหนึ่งมากว่าเจ็ดพันล้านปีแล้ว ยังไม่สามารถหลอมเม็ดยาขั้นกลางสำเร็จแล้ว”
เหล่านักปรุงยามากมายอุทานด้วยความตกตะลึง ไม่ใช่แค่นักปรุงยาหน้าใหม่ผู้นี้จะมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นที่สุด แต่เม็ดยาที่เขาหลอมยังเป็นเม็ดยาขั้นกลางอีกด้วย
“เจ้าคือหลิงฮัน?” ทันใดนั้นเอง ผู้ช่วยนักปรุงยาผู้หนึ่งก็ก้าวเดินเข้ามา ถึงแม้รูปลักษณ์ของอีกฝ่ายจะอยู่ในช่วงอายุสิบห้าถึงสิบหกปี แต่ดูจากพลังชีวิตแล้ว อายุที่แท้จริงคงอยู่ในช่วงหนึ่งร้อยล้านปีเป็นอย่างน้อย
เมื่อคนผู้นี้เดินเข้ามา ผู้คนที่มุงกันอยู่ต่างเผยสีหน้าหวาดผวา แม้แต่เหล่านักปรุงยาเองก็ต้องล่าถอยยอมเปิดทางให้อีกฝ่าย
สิ่งที่ทุกคนหวาดกลัวไม่ใช่ผู้ช่วยนักปรุงยาผู้นี้ แต่เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างหาก
คนผู้นี้คือตัวแทนของ ปรมาจารย์นักปรุงยาจื่อเฉิง!