ชายผู้นี้มีชื่อว่าซีเหมินต้า ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก
วันนี้อากาศดี เขาเลยเกิดอารมณ์อยากชวนสองสาวขึ้นเขา มาทำกิจกรรมกลางแจ้งด้วยกันสามคนแท้ๆ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เริ่มกิจกรรม จู่ๆเมฆสายฟ้าก็ก่อตัวรวมกันเสียได้
ใครบางคนกำลังจะรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์!
โดยปกติแล้วสวรรค์จะมีตา ตราบใดที่ไม่แทรกแซงขัดขวางทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของคนอื่น ผู้คนรอบข้างก็จะไม่ถูกทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ไปด้วย เพียงแต่หลังจากที่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ผ่าลงมาแล้ว คนรอบข้างจะโดนลูกหลงไปด้วยไหมนั้น ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่สวรรค์จะสนใจ
เพราะงั้นเมื่อใดที่มีใครบางคนกำลังรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ผู้คนโดยรอบก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงออกจากรัศมี
นอกจากว่าจอมยุทธที่รับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เป็นนิรันดร์ระดับโลกียิพพาน แต่คนรอบข้างเป็นนิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณ ในกรณีเช่นนี้ต่อให้ยืนอยู่ใกล้ก็ไม่ใช่ปัญหา
แต่ประเด็นก็คือหลิงฮันกับจักรพรรดินีนั้น มีศักยภาพที่ใกล้เคียงกับจักรพรรดิเป็นอย่างมาก เพราะงั้นทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ในระดับสี่นิพพานของทั้งสอง จึงน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
ซีเหมินต้าไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากพยายามพาสตรีข้างกายทั้งสอง หลบหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย
“บัดซับ นี่พวกเจ้าจงใจสินะ!” หลังจากหลบมายืนอยู่ในรัศมีที่ปลอดภัยแล้ว ซีเหมินต้าก็ชี้นิ้วไปยังท้องฟ้า และสบถออกมา
เพียงแต่ว่าทันทีที่สายตาของเขามองไปที่จักรพรรดินี ใบหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความตกตะลึง
ไม่จริง… ในโลกนี้มีสตรี้ที่งดงามขนาดนี้อยู่ได้อย่างไร!
“หืม หมอนั่นมัน!” เขามองไปที่หลิงฮันด้วยท่าทีหวาดผวา
“นั่นมันบุรุษที่โค่นจ้าวจิงงงเฟิงลงได้!” จู่ๆร่างกายของเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือก และใบหน้ากลายเป็นซีดเผือด
ตระกูลชีเหมินคือขุมอำนาจทรงพลัง ที่มีประมุขเป็นตัวตนระดับขอบเขตตำหนักอมตะ ในเมืองวิถีโอสถแห่งนี้ตระกูลเขาพอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นขุมอำนาจที่สำคัญอะไรนัก
ในช่วงนี้ขุมอำนาจทรงพลังที่สนใจหลิงฮันนั้นมีอยู่มากมาย บ้างก็ต้องการรับอีกฝ่ายเป็นศิษย์ หรือไม่ก็ต้องการไปเป็นบุตรเขย กล่าวคือหลิงฮันในตอนนี้ คือบุคคลที่เป็นที่ต้องการตัวอย่างมาก
ด้วยเหตุนนี้การจะล่วงเกินหลิงฮัน จึงไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเท่าไหร่
ถึงแม้ชีเหมินต้าจะเป็นพวกบ้าตัณหา แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่
“ตระกูลชีเหมินเองก็ต้องการตัวเขาเช่นกัน แต่จะให้ไปแข่งขันกันขุมอำนาจที่ทรงพลังอื่นๆก็คงเป็นไปไม่ได้” ชีเหมินต้าครุ่นคิด “เพียงแต่จากเหตุการณ์ในวันนี้ ถือว่าเขาติดหนี้ข้าแล้ว ซึ่งข้าสามารถใช้โอกาสนี้สร้างสายสัมพันธ์กับเขาได้!”
เขามองไปยังหลิงฮันกับจักรพรรดินี และรอให้ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของทั้งคู่สิ้นสุด
แต่ยิ่งมองนานเท่าไหร่ ใบหน้าของเขาก็ยิ่งเปลี่ยนไป
นั่นใช่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของระดับสี่นิพพานจริงๆรึ?
เมื่อตอนนี้เขาทะลวงผ่านเป็นนิรันดร์สี่นิพพาน ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของเขาไม่ได้มีพลังทำลายล้างที่ทรงพลังเช่นนี้… ไม่สิ หากเทียบพลังทำลายล้างกันแล้ว ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของเขานั้น เทียบไม่ติดเลยแม้แต่หนึ่งในหมื่น
สมกับเป็นบุรุษที่โค่นจ้าวชิงเฟิงลงได้!
เดี๋ยวก่อน ถ้าแค่หลิงฮันก็ว่าไปอย่าง แต่เหตุใดแม้แต่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของสตรีผู้นั้น ก็น่าสะพรึงกลัวเหมือนกัน?
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์คือเกณฑ์สำหรับวัดศักยภาพของจอมยุทธที่แม่นยำที่สุด ยิ่งทัณฑ์สายฟาสวรรค์รุนแรง ก็หมายความว่าจอมยุทธผู้นั้นทรงพลัง
สัตว์ประหลาด… สัตว์ประหลาดสองตัว!
หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งวัน ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก็จบลง และเมฆสายฟ้าก็ค่อยๆสลายไป หลิงฮันกับจักรพรรดินีล่อนลงสู่พื้น และมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
ความแข็งแกร่งของหลิงฮันเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก กายหยาบของเขาในตอนนี้ ถูกขัดเกลาจนมีความทนทานเทียบเท่าแร่โลหะกึ่งนิรันดร์สามดาว ถึงแม้พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ จะยังเทียบกับตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณไม่ได้ แต่ตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณก็สังหารเขาไม่ได้ง่ายๆเช่นกัน
ต่อให้ตัวตนระดับนั้นหล่อหลอมเขาด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ ก็ต้องใช้เวลายาวนานนับปี
ตอนนี้หากพูดถึงจ้าวชิงเฟิงล่ะก็ หลิงฮันมั่นใจว่าเขาจะสามารถสังหารอีกฝ่าย ได้ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่า!
ถูกแล้ว…ไม่ใช่เอาชนะ แต่เป็นสังหาร
หลิงฮันมองไปยังชีเหมินต้าและยิ้ม “สหาย ข้าขออภัยด้วยที่มารบกวนเจ้า พอดีข้าคิดว่าที่นี่ไม่มีใครอยู่”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่! ข้าเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรด้วย” ชีเหมินต้าหัวเราะ “ข้ายังไม่ได้ยินดีกับนายน้อยหลิงเลยที่ทะลวงผ่านขั้นพลังสำเร็จ ทีนี้นายน้อยหลิงฮันจะบรรลุเป็นตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณตอนไหน ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว”
หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้ารู้จักข้าด้วยรึ?”
“ในเมืองวิถีโอสถตอนนี้ ใครบ้างจะไม่รู้จักนายน้อยหลิง?” ชีเหมินต้ากล่าว แน่นอนว่าคำพูดของเขาดูจะเกินจริงไปมาก แต่ที่เขาจงใจพูดแบบนี้ออกมา ก็เพราต้องการเยินยอหลิงฮัน
อย่างน้อยจักรพรรดินีที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกพึงพอใจ การที่คนอื่นมาชื่นชม เคารพ หรือหวั่นเกรงนางนั้น นางไม่ได้รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย แต่สำหรับคำพูดชื่นชมหลิงฮันนั้น นางได้ยินแล้วรู้สึกดีเป็นอย่างมาก
หลิงฮันยิ้ม แน่นอนว่าเขาไม่มีทางหลงระเริงเพราะคำพูดเยินยอของอีกฝ่าย แต่เขาก็คิดว่าการนับอีกฝ่ายเป็นสหายก็ไม่เลว
“นายน้อยหลิงจะว่าอย่างไร หากข้าจะชวนท่านมาฉลองที่ตระกูลชีเหมิน?” ชีเหมินต้ากล่าว
หลิงฮันส่ายหัว “คงทำเช่นนั้นไม่ได้ ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่อีก แต่ตอนนี้ข้าพักอาศัยอยู่ในที่พักของหลู่เซียนหมิง เจ้าสามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
“ได้เลย! ได้แน่นอน!” ชีเหมินต้าที่ผิดหวังในประโยคแรก เมื่อได้ยินประโยคต่อมา เขาก็รู้สึกตื่นเต้นและรีบพยักหน้า
หลิงฮันยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะจับมือจักรพรรดินีและกลับที่พักของหลู่เซียนหมิง
หลู่เซียนหมิงที่ได้ยินว่าหลิงฮันออกจากการเก็บตัวแล้ว ก็แสดงท่าทางตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด เขาคิดว่ากว่าหลิงฮันจะทะลวงผ่านขั้นพลังสำเร็จ เขาต้องรอไปอีกหลายหมื่นปีเสียอีก แต่นี่เวลาผ่านไปแค่สองเดือน หลิงฮันกลับทะลวงทะลวงผ่านขั้นพลังสำเร็จแล้ว!
สัตว์ประหลาด!
เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมจ้าวชิงเฟิงถึงได้พ่ายแพ้ หลิงฮันผู้นี้มีพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธที่น่าอัศจรรย์เกินพรรณนาอย่างแท้จริง โชคดีที่สถานะของเขาคือนักปรุงยา ไม่เช่นนั้นศักยภาพของหลิงฮัน อาจจะสั่นคลอนตำแหน่งของเขาได้
หลู่เซียนหมิงต้องการจัดงานฉลองให้หลิงฮันแต่ก็ถูกปฏิเสธ หลิงฮันรีบมุ่งหน้าไปยังห้องบ่มเพาะกาลเวลา เนื่องจากต้องการบรรลุเป็นนักปรุงยาระดับนิรันดร์ให้เร็วที่สุด
ก่อนหน้านี้มีปรมาจารย์ที่ทรงพลังมากมายมาหาหลิงฮัน เพื่อที่จะยื่นข้อเสนอรับเขาเข้าตระกูล แต่เมื่อมาถึงและเห็นว่าหลิงฮันเก็บตัวบ่มเพาะอยู่ พวกเขาก็ต้องยอมรอคอยอย่างไม่มีทางเลือก ปรมาจารย์บางคนถึงขนาดแสดงความไม่พอใจออกมา ‘เจ้าเป็นเพียงนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานตัวจ้อยแท้ๆ แต่ข้ากลับต้องมารอเจ้างั้นรึ?’ ช่างอวดดีนัก
เพียงแต่เมื่อได้รับข่าวว่าหลิงฮันทะลวงผ่านระดับสี่นิพพานสำเร็จภายในเวลาสองเดือน ความเกรี้ยวกราดของปรมาจารย์เหล่านั้นก็หายไปทันที
อัจฉริยะ! เป็นพรสวรรค์น่าอัศจรรย์อะไรอย่างนี้!
พวกเขารีบกลับไปทบทวนแผนการดึงตัวหลิงฮัน โดยเพิ่มข้อเสนอที่เย้ายวนใจยิ่งกว่าเดิม
ในตอนนี้ หลิงฮันไม่ได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย เขาพยายามหลอมเม็ดยาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย อยู่ภายในห้องบ่มเพาะกาลเวลา
ในอาณาเขตที่สี่ของเมือง ประสิทธิภาพของห้องเร่งเวลานั้นมีตั้งแต่ยี่สิบเท่าจนถึงสามสิบเท่า แต่ราคาที่ต้องจ่ายก็ขูดเลือดขูดเนื้อไม่แพ้กัน ห้องเร่งเวลาสามสิบเท่านั้น มีค่าใช้จ่าต่อวันอยู่ที่สามหมื่นศิลาดวงดาว! ต่อให้ผู้คนจากอาณาเขตแรกมาที่นี่ คนที่สามารถใช้งานห้องเร่งเวลาได้ ก็คงมีเพียงหยิบมือเท่านั้น
หลิงฮันเช่าห้องบ่มเพาะกาลเวลาสามสิบเท่าเป็นเวลาสิบวัน
ระยะเวลาสิบวัน หลังจากที่เร่งเวลาแล้วก็จะเท่ากับสามร้อยวัน ซึ่งเวลาเท่านี้ถือว่าเพียงพอแล้ว ที่เขาจะหลอมเม็ดยาเตาแรกได้สำเร็จ
หลังจากหลอมเม็ดยาล้มเหลวมาหลายต่อหลายครั้ง ในวันที่ห้าของโลกภายใน และเป็นเวลากว่าร้อยห้าสิบวันในห้องเร่งเวลา ในที่สุดหลิงฮันก็เผยสีหน้าดีใจ เนื่องจากเขาใกล้จะหลอมเม็ดยาชุดแรกสำเร็จแล้ว
“อั่ก!” เพียงแต่ทันใดนั้นจู่ๆเขาก็ส่งเสียงร้องโอดครวญออกมา และลมตึงลงกับพื้น ‘ตูม’ พร้อมกันนั้น เตาหลอมที่สูญเสียการควบคุมก็เกิดการระเบิด