ผู้ส่งสารคนนี้… มาจากวิหารอนันต์รุ่งโรจน์!
บังเอิญเหลือเกินที่ผู้ส่งสารคนนี้ เพิ่งจะมาถึงก่อนที่หลิงฮันจะออกจากการเก็บตัวฝึกฝนเพียงสามวัน
ด้วยชื่อเสียงอันน่าเกรงขามของวิหารอนันต์รุ่งโรจน์ ในสามวันที่ผ่านมา ผู้ส่งสารผู้นี้จึงถูกจัดให้พักอาศัยอยู่ในอาณาเขตที่สี่ เมื่อเห็นว่าหลิงฮันออกมาจากการเก็บตัวแล้ว ใครบางคนก็รีบไปแจ้งข่าวทันที เพราะกลัวว่าหลิงฮันจะกลับไปเก็บตัวฝึกฝนอีกครั้งเสียก่อน
หลังรออยู่สักพัก รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งก็ปรากฏตัว
เขาสวมชุดสีฟ้าครามและมีพลังบ่มเพาะอยู่ในระดับสี่นิพพาน กลิ่นอายรอบกายของเขาน่ายำเกรงเป็นอย่างมาก
เพียงแค่คนส่งสารก็ยังมีศักยภาพอยู่ในระดับราชา นี่แสดงให้เห็นว่าผู้คนที่จะอยู่ภายใต้อาณัติของเอี๋ยนเซียนลู่ได้ จำเป็นต้องมีพรสวรรค์มากมายเพียงใด
“ช่างกล้าหาญไม่น้อย ที่ปล่อยให้ข้าต้องรอคอยถึงสามวัน! ” รุ่นเยาว์ชุดฟ้ากล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจเมื่อพบเจอหลิงฮัน
เหอะๆ
หลิงฮันหัวเราะเหยียดหยามในใจ ก่อนจะชี้นิ้วไปยังประตู “ประตูอยู่ตรงนั้น เจ้าไสหัวไปซะ”
รุ่นเยาว์ชุดฟ้าไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะหยิงยโสเพียงนี้ ใบหน้าของเขาขึ้นสีอยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าว “หลิงฮัน ข้ามาที่นี่ในฐานะของผู้สืบทอด”
“โอ้ ผู้สืบทอดคนใดล่ะ? ” หลิงฮันกล่าวออกไปอย่างไม่แยแส
“แน่นอนว่าต้องเป็น ผู้สืบทอดเอี๋ยนเซียนลู่อยู่แล้ว! ” รุ่นเยาว์กล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “นอกจากนายน้อยเอี๋ยนแล้ว ในวิหารอนันต์รุ่งโรจน์จะยังมีใครมีคุณสมบัติเป็นผู้สืบทอดได้? ”
“แล้วเอี๋ยนเซียนลู่มีธุระอะไรกับข้า? ” หลิงฮันนั่งไขว้ขา ราวกับไม่รู้สึกอะไรกับคำว่า ‘เอี๋ยนเซียนลู่’
รุ่นเยาว์ชุดฟ้าสูดหายใจลึก และอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียงตอบกลับไป “บังอาจนัก เจ้ากล้าเรียกชื่อของผู้สืบทอดห้วนๆ แบบนั้นได้อย่างไร? ”
หลิงฮันแสยะยิ้ม “เจ้ามาหาข้าถึงที่ เพื่อสั่งสอนวิธีการพูดจาให้ข้างั้นรึ? ”
รุ่นเยาว์ชุดฟ้าเกิดความคิดอยากจะลงมือ แต่เมื่อนึกถึงวีรกรรมของหลิงฮัน ความคิดที่ว่าก็หายไปในพริบตา
ตัวเขาเป็นราชาแห่งยุคก็จริง แต่ก็อ่อนแอกว่าจ้าวชิงเฟิงไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า เพราะงั้นหากแม้แต่จ้าวชิงเฟิงก็ยังถูกหลิงฮันสังหาร แล้วเขาล่ะจะไปทำอะไรได้?
“ฮึ่ม เมื่อใดที่เจ้าเห็นผู้สืบทอดของข้า เจ้าจะได้รู้ว่าความต่างชั้นระหว่างเขากับเจ้านั้น กว้างใหญ่เพียงใด! ” รุ่นเยาว์ชุดฟ้ากล่าวอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะนำซองจดหมายออกมา และโยนให้หลิงฮัน “นี่คือคำเชิญเข้าร่วมงานชุมนุมจากนายน้อยของข้า”
หลิงฮันรับจดหมายมา แต่ก็ไม่ได้แกะอ่านในทันที
“อีกหนึ่งปีหลังจากนี้ จะมีการจัดงานชุมนุมเหล่าอัจฉริยะขึ้นที่ขุนเขาทลายเมฆา” รุ่นเยาว์ชุดฟ้ากล่าวอย่างภาคภูมิใจ “หลิงฮัน เจ้าควรรู้เอาไว้ว่าในหมู่คนที่ได้รับการเชิญชวนนั้น คนที่ไม่ได้เป็นผู้สืบทอดขุมอำนาจราชานิรันดร์ มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น”
“สำหรับเวลา และสถานที่ล้วนแต่ถูกเขียนเอาไว้ในจดหมายแล้ว เจ้าลองเปิดดูเอาเอง”
เขาแน่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “จดหมายฉบับนี้ นายน้อยของข้าเป็นคนเขียนด้วยตัวเอง? ”
จดหมายที่เอี๋ยนเซียนลู่เขียนเองงั้นรึ?
หลิงฮันรู้สึกสนใจ และรีบเปิดซองจดหมายทันที
ตราประทับบนหน้าซองจดหมาย คือหลักฐานว่าซองจดหมายนี้ยังไม่เคยถูกเปิดมาก่อน เมื่อหลิงฉีกตราประทับออกคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัว ที่ราวกับจะฉีกสวรรค์ออกเป็นเสี่ยงๆ ก็พรั่งพรูออกมาจากซองจดหมาย
แข็งแกร่งมาก!
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้าน ในขณะที่เอี๋ยนเซียนลู่เขียนจดหมาย อีกฝ่ายจะต้องประทับเจตจำนงยุทธ ของตนเองเอาไว้ด้วยอย่างแน่นอน
นี่คือการทดสอบจากเอี๋ยนเซียนลู่ ว่าคนที่ได้รับจดหมายจะมีคุณสมบัติพอรึไม่
‘พรึบ’ คลื่นแสงเจิดจ้าของอำนาจแห่งเต๋า ส่องสว่างไปทั่วห้องราวกับปรมาจารย์ที่ทรงพลัง กำลังจู่โจมออกมาจากซองจดหมาย
สีหน้าของหลิงฮันกลายเป็นเคร่งขรึม แต่ก็ไม่หยุดมือและทำการฉีกซองจดหมายต่อไป
รุ่นเยาว์ชุดฟ้าไม่สามารถต้านทานอำนาจจากซองจดหมายได้ และขยับล่าถอยออกไปหลายก้าว โดยที่ใบหน้าแสดงออกถึงความชื่นชม
สมแล้วที่เจ้าสามารถสังหารจ้างชิงเฟิงได้ และได้รับการเชิญชวนจากผู้สืบทอด
แต่ที่เจ้าเปิดอยู่ก็แค่ซองจดหมายเท่านั้น บดทดสอบที่แท้จริงอยู่ที่ตัวจดหมายต่างหาก
รุ่นเยาว์ชุดฟ้าจ้องมองดูอยู่อย่างเงียบๆ ก่อนจะเห็นหลิงฮันนำจดหมายที่อยู่ด้านในซองออกมา
แผ่นจดหมายถูกพับเอาไว้สี่ทบ
หลิงฮันทำการคลี่แผ่นจดหมายหนึ่งทบ ‘พรึบ’ คลื่นแสงสีทองส่องสว่างออกมาจากจดหมาย และแปรเปลี่ยนกลายเป็นเล่มดาบทองคำพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน แต่ก็ถูกหลิงฮันใช้มือสะบัดใส่จนสลายไป
เมื่อเขาเปิดจดหมายอีกทบ ดาบทองคำก็โผล่มาอีกครั้ง แต่ก็ถูกทำให้สลายไปในที่สุด
ในขณะที่จดหมายถูกคลี่ออกอย่างสมบูรณ์นั่นเอง คลื่นพลังสีดำอันไร้ที่สิ้นสุดก็พรั่งพรูหลั่งไหลออกมา พร้อมกับควบแน่นกลายเป็นกำปั้นจู่โจมเข้าใส่หลิงฮัน
หมัดนี้ทรงพลังราวกับจะบดขยี้สวรรค์ ห้วงกาลเวลา และห้วงจักรวาลให้แหลกสลายได้
หลิงฮันเองก็ปล่อยหมัดตอบโต้
ตูม!
หมัดสองหมัดเข้าปะทะกัน ร่างของหลิงฮันสั่นสะท้านและถูกทำให้ล่าถอยไปสามก้าวก่อนจะหยุด และเดินโซซัดโซเซอีกเจ็ดก้าวกว่าจะทรงตัวได้
หมัดสีดำแหลกสลายกลับกลายเป็นคลื่นสีดำ และแปรเปลี่ยนกลายเป็นตัวอักษร ‘ยอดเขาสามตะวัน ณเวลาที่ดวงดาราทั้งสามโคจรมาพบกัน’
อักษรเหล่านี้คงสภาพอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนจะระเบิดออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย และสลายไป
“หลิงฮัน ในเมื่อจดหมายถูกส่งเรียบร้อยแล้ว ข้าก็ขอตัว! ” รุ่นเยาว์ชุดฟ้ากล่าว ด้วยใบหน้าเลื่อมใส
การที่สามารถรับการโจมตีของผู้สืบทอดได้ หมายความว่าพลังของหลิงฮันนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แน่นอนว่าถึงแม้จะยังเทียบเท่าไม่ได้ แม้แต่ฝ่าเท้าของผู้สืบทอดก็ตาม
หลิงฮันเมินเฉยรุ่นเยาว์ชุดฟ้า และจ้องมองไปยังแผ่นจดหมาย เนื่องจากตอนนี้เจตจำนงยุทธของเอี๋ยนเซียนลู่ได้สลายไปแล้ว บนหน้ากระดาษจึงเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า
หากเมื่อครู่เขาทำลายหมัดสีดำไม่ได้ สิ่งที่เขาจะพบเห็นก็มีเพียงจดหมายที่ว่างเปล่า
หลิงฮันยิ้มโดยที่ดวงตาลุกโชนไปด้วยจิตวิญญาณสู้รบ
หากพูดตามตรง จากหมัดเมื่อครู่ทำให้เขารับรู้เลยว่า ตนเองไม่ใช่คู่ต่อของเอี๋ยนเซียนลู่
อีกฝ่ายจะต้องบรรลุเป็นนิรันดร์ห้านิพพานแล้วแน่นอน เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่มีพลังที่สามารถกดขี่เขาได้ขนาดนี้
หากการโจมตีเมื่อครู่ไม่ใช่การโจมตีผ่านจดหมาย ที่เป็นเพียงเจตจำนงยุทธ แต่เป็นหมัดของจริงล่ะก็ อย่างน้อยเขาคงจะกระอักโลหิตออกมาแล้ว
“หลังจากนี้อีกหนึ่งปี… ข้าต้องทะลวงผ่านเป็นระดับห้านิพพานให้ได้! ” หลิงฮันพึมพำและตั้งเป้าหมาย
“บางทีหากได้รับแรงกดดันจากเอี๋ยนเซียนลู่ ประตูสู่นิรันดร์ห้านิพพานของข้าอาจจะเปิดออกก็เป็นได้”
“เพียงแต่ข้าก็มีภารกิจด่วน ที่ต้องฝึกฝนทักษะห้วงจิตปรับแต่งให้บรรลุขั้นสองในอีกหกเดือน เพราะงั้นเรื่องของเอี๋ยนเซียนลู่ค่อยเอาไว้ทีหลังแล้วกัน”
หลิงฮันจับคางทำท่าครุ่นคิด เขารู้สึกว่าเวลาที่เขามีช่างไม่เพียงพอจริงๆ