หลิงฮันไม่ใช่คนที่จะฝักใฝ่กับอะไรเพียงอย่างเดียว
เขาหมกมุ่นในศาสตร์ปรุงยาก็จริง แต่กับศาสตร์วรยุทธแล้วเขาเองก็หมกมุ่นไม่ต่างกัน เพียงแต่ปัญหาที่พบเจอในศาสตร์ปรุงยาตอนนี้คือ เขาไม่สามารถทะลวงผ่านเป็นระดับห้านิพพานได้
เอี๋ยนเซียนลู่ถูกกล่าวว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในยุทธภพ งานรวมตัวที่เขาจัดขึ้นจึงต้องเต็มไปด้วยอัจฉริยะอันดับต้นๆ เป็นแน่ ถ้าหากได้แลกเปลี่ยนวรยุทธกับอัจฉริยะเหล่านี้ หลิงฮันเชื่อว่ามันอาจจะช่วยให้เขาทะลวงผ่านเป็นนิรันดร์ห้านิพพานได้
ยิ่งกว่านั้น เอี๋ยนเซียนอู่ที่ว่าก็ต้องเป็นนิรันดร์ระดับห้านิพพานเป็นแน่ ถ้าได้ประมือกับอีกฝ่ายสองหรือสามกระบวนท่า มันจะช่วยให้เขาเข้าใจถึงความลึกลับของระดับห้านิพพานได้อย่างแน่นอน
เพราะงั้นงานรวมตัวครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องไป
ศาสตร์ปรุงยาเป็นเพียงสิ่งเขาต้องฝึกฝนในตอนนี้ แต่สิ่งที่จะตัดสินชะตาชีวิตของเขาคือศาสตร์วรยุทธ
เขายังไม่ลืมเรื่องที่หอคอยน้อยและสุนัขตัวดํา กล่าวถึงอนาคตที่เขาจะพบเจอกับศัตรูที่น่าสะพรึงกลัว ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้อย่าว่าแต่จะให้เผชิญหน้าเลย แค่จะรู้ว่าศัตรูเป็นใครพลังบ่มเพาะของเขาก็ต้องบรรลุเป็นระดับราชานิรันดร์เสียก่อน
เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะต้องเผชิญหน้าในอนาคต สถานะผู้สืบทอดหรือตําแหน่งประมุขในอนาคตนั้น ไม่นับเป็นอันใดเลยแม้แต่น้อย
ปรมาจารย์จ่อเฉิงต้องการจัดเตรียมเรือเหาะให้หลิงฮัน แต่หลิงฮันก็ปฏิเสธ
การเดินทางด้วยเรือรบจะตกเป็นเป้าหมายง่ายเกินไป ต่อให้เรือรบของขุมอํานาจสี่ดาว ที่สามารถสังหารตัวตนระดับตําหนักอมตะได้ แต่การจะรับมือกับตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ที่ ยังทําได้ยากอยู่ดี ยิ่งหลิงฮันล่วงเกินขุมอํานาจระดับราชานิรันดร์ไปด้วยแล้ว ถ้าหากราชานิรันดร์เหลยหยุนหรือราชานิรันดร์ชื่อเหอ คิดลงมือด้วยตัวเองล่ะ หลิงฮันจะทําอย่างไร?
เพราะงั้นทําตัวไม่โดดเด่นไว้จะดีกว่า
ที่สําคัญคือหากไม่มีใครอื่นร่วมเดินทางไปด้วยการจะเข้าออกหอคอยทมิฬก็ทําได้สะดวกกว่า
“ท่านผู้สืบทอด ช่วยพาสตรีตัวน้อยๆ อย่างข้าไปเปิดหูเปิดตาด้วยได้รึไม่? ” ธิดาโร่วปรากฏตัวด้วยใบหน้าที่ประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม
ตัวตนของหลิงฮันเริ่มน่าเกรงขามยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ได้กลายเป็นประมุขคนต่อไปของเมืองวิถีโอสถ สถานะนี้มีความสําคัญถึงขนาดที่แทบจะสามารถ ควบคุมการส่งเม็ดยาของทั่วทั้งดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกได้เลย
เพราะงั้นนางจึงต้องประชิดกุมตัวหลิงฮันเอาไว้ให้ได้ในอนาคตภายภาคหน้า นิกายซุ่นจะ สลัดคราบของขุมอํานาจสามดาว กลายเป็นขุมอํานาจสี่ดาวได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวนางแล้ว
“ไม่มีปัญหา คืนนี้ข้าจะนําตัวเจ้าขึ้นเตียงเอง” จักรพรรดินีเอ่ยแทรก
“พี่สาว ท่านช่างชอบพูดเรื่องตลกเสียจริง! ” ตอนนี้ธิดาโร่วเริ่มมีภูมิคุ้มกันต่อจักรพรรดินีแล้ว “ต่อหน้าความงดงามของพี่สาวแล้ว น้องสาวผู้นี้จะกล้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้สืบทอดได้อย่างไร? ”
“เหอๆ ” จักรพรรดินีแสยะยิ้ม และยื่นมือไปจับคางกับธิดาโร่ว “จงเลือกว่าจะยอมเป็นสตรี ของตระกูลหลิงหรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้นก็ล้มเลิกความคิดต่างๆ นานา ไปได้เลย”
“พี่สาว! ” ธิดาโร่วทําสีหน้าอ้อนวอนด้วยเสน่ห์อันยั่วยวน
จักรพรรดินีไม่หวั่นไหว นอกจากหลิงฮันแล้วนางไม่เคยเห็นใครอื่นในโลกนี้อยู่ในสายตา เพราะงั้นมีรีที่เสนห์ของธิดาโร่วจะส่งผลต่อนาง?
ธิดาโร่วเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นสตรีนกอมตะแทน ซึ่งไม่รู้ว่านางใช้วิธีการใดกันแน่ สตรีนกอมตะถึงได้ยอมให้นางติดตามพวกเขาทั้งสามมาด้วย
กลุ่มหลิงฮันสี่คนออกเดินทางด้วยการทําตัวไม่โดดเด่น หากเพียงแค่หลู่เซียนหมิงหรือฉินกู่ยวี่รู้เข้า และแพร่งพรายออกไปว่าหลิงฮันออกมาจากเมืองวิถีโอสถไปแล้ว ตัวตนที่ทรงพลังมากมาย จะต้องไล่ล่าเอาชีวิตหลิงฮันเป็นแน่
ยกตัวอย่างเช่นป้าเยา อีกฝ่ายรับรู้แล้วว่าหลิงฮันมีสมบัติบางอย่างซ่อนอยู่ในร่างกาย เพราะงั้นอีกฝ่ายย่อมไม่เลิกตามราวีแน่
นอกจากนั้นก็ยังมีอสูรเฒ่าเงาโลหิตอยู่อีก แต่เดิมอีกฝ่ายวางแผนมอบภารกิจให้หลิงฮันทําเป็นเวลาสิบล้านปี แต่ใครจะไปคาดคิดว่าในอีกห้าปีต่อมา หลิงฮันจะได้ขึ้นเป็นประมุข คนต่อไปของเมืองวิถีโอสถ เพราะงั้นหากรู้ว่าหลิงฮันออกเดินทาง อีกฝ่ายจะต้องตามหาเขาเพื่อบังคับเอายันต์ไม้ท้อผูกชะตาไปแน่นอน
ทั้งสี่คนจึงออกจากเมืองวิถีโอสถอย่างเงียบเชียบ และมุ่งหน้าไปยังขุนเขาทะลายเมฆา
เนื่องจากจุดหมายปลายทางอยู่หากจากเมืองวิถีโอสถหลายแสนไมล์ พวกหลิงฮันจึงไม่คิดจะเดินทางด้วยขาสองข้าง แต่เลือกที่จะนั่งเรือโดยสารขนาดใหญ่ผ่านทางน้ําไปแทน
ขุนเขาทะลายเมฆาตั้งอยู่ในอาณาเขตของวิหารอนันต์รุ่งโรจน์ ต่อให้ไปถึงวิหารอนันต์รุ่งโรจน์ก็ยังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะถึงขุนเขาทะลายเมฆา
แต่เพราะดินแดนแห่งเซียนนั้นมีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล และนิรันดร์เองก็มีอายุขัยไม่จํากัด เพราะงั้นผู้คนจึงไม่คร่ําครวญเมื่อต้องสูญเวลาไปกับการเดินทาง
สี่เดือนต่อมา ในที่สุดพวกหลิงฮันก็เดินทางเข้าสู่อาณาเขตของวิหารอนันต์รุ่งโรจน์
ดินแดนแห่งเซียนนั้นไม่มีกลางวันหรือกลางคืน แต่ราชานิรันดร์หย่งชางได้ใช้พลังอันยิ่งใหญ่สร้างดวงอาทิตย์ขึ้นมา เพื่อแบ่งแยกกลางวันกลางคืนในอาณาเขตของตนเอง
เวลาผ่านไปอีกไม่กี่วัน พวกหลิงฮันก็มาถึงเทือกเขาอันกว้างใหญ่
ที่นี่คือขุนเขาทะลายเมฆา
ที่มันถูกตั้งชื่อแบบนี้ ก็เพราะมันเป็นขุนเขาที่มีความสูงเสียดฟ้า จนทะลุขึ้นไปบนชั้นเมฆ
ขุนเขาแห่งนี้มียอดเขาอยู่อีกหลายร้อยยอด ซึ่งจุดหมายที่หลิงฮันต้องไปคือยอดเขาสามตะวัน
ยอดเขาสามตะวันไม่ใช่ยอดเขาที่สูงที่สุดใน ขุนเขาทะลายเมฆา แต่มันคือยอดเขาที่มีชื่อเสียงเลื่องลือมากที่สุด เนื่องจากมันเป็นสถานที่ที่ราชานิรันดร์หย่งชางบรรลุเป็นราชานิรันดร์
เมื่อมีการบรรลุเป็นราชานิรันดร์ที่นี้ แน่นอนว่าต้องมีออร่าของราชานิรันดร์หลงเหลือเอาไว้ด้วย หากทําความเข้าใจและซึมซับมันได้ ย่อมได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย
วิหารอนันต์รุ่งโรจน์ไม่ได้ทําให้สถานที่แห่งนี้ เป็นเขตหวงห้ามส่วนตัวห้ามใครขึ้นไป เนื่องจากคนที่สามารถขึ้นไปได้ ย่อมหมายถึงคนผู้นั้นมีคุณสมบัติเพียงพอ
หลิงฮันแวะเมืองหนึ่งก่อนถึงขุนเขาและได้รับข้อมูลเรื่องนี้มา เขารู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก สถานที่ที่ราชานิรันดร์ถือกําเนิดงั้นรึ? ที่แห่งนั้นจะมีความลึกลับแบบใดอยู่กันแน่