ตอนที่ 1926 เหนือฟ้ายังมีฟ้า
หุบปาก!
มีคนที่กล้าพูดว่าหุบปากใส่เอี๋ยนเซียนลู่ด้วยงั้นรึ?
“ฮึ่ม” ทุกคนสูดหายใจลึก และเผยสีหน้าตกตะลึง
ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มีถึงสองคน
ที่ทําให้ทุกคนประหลาดใจมากกว่านั้นก็คือ แม้จะถูกตะคอกใส่เช่นนั้น อู๋เซียนลู่ก็ไม่แสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดเลยแม้แต่น้อย อีกฝ่ายทําเพียงส่ายหัวด้วยสีหน้าหมดหนทาง
ต้องเป็นแบบนั้นต้องเป็นเพราะว่าอู๋เซียนลู่ถือคติ บุรุษที่ดีย่อมไม่ทําร้ายสตรีเป็นแน่
เพียงแต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะคิดเช่นนั้น ใครหลายคนมองไปยังฮูหนิว และจําได้ว่าพวกเขาไม่เคยพบเห็นสตรีผู้นี้มาก่อน ซึ่งหมายความว่านางไม่ได้รับการเชิญชวนจากอู๋เซียนลู่
ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่อู๋เซียนลู่ก็ยังไม่เกรี้ยวกราดกับนาง นั่นหมายความว่าอย่างไรน่ะ?
“นางคือ สตรีปีศาจตนนั้น!”
ใครบางคนจดจําฮูหนิวได้ เนื่องจากพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ถูกฮูหนิวแซงหน้า ในขณะที่กําลังไต่เขา
พริบตานั้นเอง ผู้คนอย่างน้อยสิบคนก็จดจ้องสายตาไปที่ฮูหนิวด้วยความโกรธ
ถึงแม้ฮูหนิวจะเป็นสตรีที่มีความงดงามล่มเมือง แต่เสน่ห์ของนางก็แตกต่างกับของจักรพรรดินีอย่างสิ้นเชิง
จักรพรรดินีเป็นสตรีที่มีเสน่ห์น่าเกรงขามและดูสูงส่ง ผู้ชมมากมายใต้ดวงตะวันล้วนแต่ยินยอมที่จะศิโรราบต่อนาง แต่ฮูหนิวนั้นไม่ใช่แบบนั้น นางมีนิสัยที่ป่าเถื่อนและหยาบคาย เหมือนกับเด็กที่ยังไม่โต
ฮูหนิวแยกเขี้ยวราวกับเสือดาวเพศเมียที่กําลังเกรี้ยวกราด “ทําไม พวกเจ้าอยากปะทะรึไง?”
ใครหลายสิบคนเกรี้ยวกราดยิ่งไปกว่าเดิม เจ้าเป็นคนทําให้ร่างความทรงจํามากมายมาเหยียบย่ำพวกข้าก่อนแท้ๆ แต่ยังกล้าพูดจาเช่นนั้นงั้นรึ?
“ฮ่าๆ ทุกคนอย่าได้มีโทสะกันไปเลย!” อู๋เซียนลู่ลุกขึ้นยืนและผายมือออกไปด้านหน้า “ยังไงก็มาฟังกันก่อนดีกว่า ว่าข้าเรียกพวกเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร”
อันที่จริงตอนนี้เขาเองก็รู้สึกไม่สบอารมณ์มากเช่นกันทุกครั้งที่ผ่านว่า ไม่ว่าในสถานการณ์ไหนเขาก็คือจุดศูนย์กลางของทุกคน เพียงแค่เขากล่าวคําพูดออกมาครั้งเดียว ไม่ว่าใครก็ต้องหันหน้ามารับฟังอย่างตั้งใจ ผิดกับครั้งนี้ที่เขาต้องย้ำคําพูดตนเองหลายครั้ง
เพียงแต่ว่าฮูหนิวนั้นแข็งแกร่งเกินไป นางมีทักษะบางอย่างที่สามารถบดขยี้ร่างความทรงจํานับหมื่นได้ในพริบตา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจทัดเทียมได้
ฮูหนิวคิดจะส่งสายตาข่มขู่อีกครั้ง แต่หลิงฮันก็ลูบหัวห้ามปรามนางเอาไว้ ทําให้สีหน้าของนางแสดงออกถึงความสุข ไม่หลงเหลือท่าที่เหี้ยมโหดอีกต่อไป
“อะแฮ่ม ที่ข้าเรียกทุกคนมาในวันนี้ เหตุผลหลักก็คือต้องการสร้างพันธมิตร” เอู๋เซียนลู่กล่าวเข้าประเด็น
“ฮ่าๆๆ!” ซานจี้ถงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “พันธมิตรงั้นรึ? ข้าอยากให้ตายไปเลยจริงๆ เจ้าต้องการให้ข้าไปร่วมเป็นพันธมิตรกับเศษสวะเหล่านี้งั้นรึ?” เขากวาดมองฝูงชนด้วยสายตาเหยียดหยาม แน่นอนว่าในขณะที่มองไปยังฮูหนิว เขาได้รีบทําการปิดตาลงอย่างรวดเร็ว
ความโหดเหี้ยมของฮูหนิวยังคงประทับอยู่ในจิตใจของเขา!
อู๋เซียนลู่กล่าวอย่างไม่แยแส “น้องชายซาน ถ้าเจ้ามีข้อกังขาอะไรก็เชิญกลับไป แต่ข้าขอบอกเลยว่าเจ้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่นอน!”
ซานจี้ถงเผยสีหน้าลังเลว่าควรจะอยู่ต่อหรือจากไปดี
หากอยู่ต่อเขาก็ต้องทนต่อความอัปยศที่ถูกพูดจาหักหน้าเมื่อครู่ แต่หากจากไป อู๋เซียนลู่ก็กล่าวเอาไว้ว่าเขาจะต้องเสียใจ
หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะ ซานจี้ถงก็เลือกที่จะกลับไปนั่งที่โขดหินก้อนเดิม และไม่กล่าวอะไร
ถึงแม้ซานจี้ถงจะถูกหักหน้า แต่ก็ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะและแสร้งทําเป็นหน้าตายราวกับไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงเหลาซงเท่านั้นที่แสยะยิ้มมุมปากอย่างเหยียดหยามไปยังซานจี้ถง
“ตลกจัง!” ฮูหนิวปรบมือชอบใจเสียงดัง
ซานจี้ถงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปิดตา แสร้งทําเป็นไม่รู้ไม่เห็น
ทุกคนตกตะลึง ดูเหมือนว่าทั้งซานจี้ถงและเอี๋ยนเซียนลู่ จะมีความยําเกรงต่อสตรีผู้นี้อย่างมาก จนทุกคนเริ่มอยากรู้อยากเห็นขึ้นไปอีกว่าสตรีผู้นี้เป็นใครกันแน่
“ดินแดนแห่งเซียนนั้นกว้างใหญ่เกินกว่าจะจินตนาการ เขตมหาสมุนไร้พรมแดนคือชายแดนที่แบ่งแยกดินแดนแห่งเซียนออกเป็น อาณาเขตตะวันตกและตะวันออก โดยในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกของพวกเรานั้น ยังสามารถแบ่งแยกย่อยออกเป็นอีกสามสิบสามอาณาเขตสวรรค์” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าวอธิบายความรู้ในเชิงภูมิศาสตร์
เรื่องนี้ทําให้ผู้คนหลายคนมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ เจ้าเรียกพวกข้ามาเพื่อฟังเรื่องนี้น่ะรึ?
“หากกล่าวตามตรง อาณาเขตสวรรค์ไท่อัน (สันติคงกระพัน) ของพวกเรานั้น ถูกจัด อยู่ในอันดับสุดท้ายของสามสิบสามอาณาเขตสวรรค์ รองจากอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋ง (มหาเอกะโชติช่วง) และอาณาเขตสวรรค์เหยี่ยนหนาน (ทักษิณผงาดฟ้า) ” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าว “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกนั้น มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก แม้แต่ในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก อาณาเขตสวรรค์ไท่อันของเราก็ยังมีความอ่อนแอรั้งท้าย”
“เมื่อไม่นานมาอยู่ ข้าได้วางแผนคิดจะเดินทางไปฝึกตนที่ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตก แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะมุ่งหน้าไปหาประสบการณ์ ที่อาณาเขตสวรรค์กว่างสิ่งก่อน”
“ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ… ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย!”
ทันทีที่ประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา เหล่าฝูงคนก็กลายเป็นเอะอะกันทันที
“พี่ชายเอี๋ยน คู่ต่อสู้ที่ท่านสู้ด้วยมีระดับพลังที่สูงกว่าท่านใช่หรือไม่?” ใครบางคนหัวเราะแห้งและเอ่ยถามด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ
เอี๋ยนเซียนลู่ส่ายหัว “ไม่ คนผู้นั้นมีพลังบ่มเพาะระดับห้านิพพานเหมือนกับข้า”
เมื่อสิ้นประโยค ทุกคนก็แน่นิ่งไร้คําพูด
ซานจี้ถงที่ต้องการจะกล่าวอะไรสักอย่าง จู่ๆ ก็กลายเป็นพูดไม่ออก
เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก แต่ก็รู้ตัวดีว่าตนเองนั้นมีพลังต่อสู้ด้อยกว่าเอี๋ยนเซียนลู่ ถ้าหากแม้แต่เอี๋ยนเซียนลู่ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ แล้วเขาจะนับเป็นอันใดได้?
เหลาซงยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง ดวงตาของเขาค่อยๆ หรี่ลงราวกับอสรพิษ
“ผู้ที่ข้าประลองด้วยมีชื่อว่า ซื๋อซิวเหวิน” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าวต่อ “จากที่เขาบอกมา ภายในการจัดอันดับของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋ง พลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งเป็นอันดับที่เก้าเท่านั้น!”
“พรวด” ใครหลายคนสําลักทันที
ไม่มีทาง! เป็นไปไม่ได้
เอี๋ยนเซียนลู่ที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ถูกโค่นล้มโดยจอมยุทธที่แข็งแกร่งเป็นอันดับเก้าของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งงั้นรึ….ใครจะทําใจเชื่อได้ลงกัน?