ตอนที่ 1946 คารวะอาจารย์ลุง
หลิวหานกล่าวอย่างโมโห “เจ้าแย่งชิงเม็ดยามาจากคนอื่น เพื่อบอกว่าเจ้าเป็นคนห ลอมมันขึ้นมาเองงั้นรึ?”
“สตรีโง่เง่า” หลิงฮันกล่าวดูหมิ่น
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” หลิวหานขมวดคิ้ว ความเกรี้ยวกราดของนาง สามารถมองออกได้ทั้ง จากสีหน้าและน้ําเสียง
“เจ้าได้ยินไม่ชัดงั้นรึ?” “สตรีโง่เง่า สตรีโง่เง่า สตรีโง่เง่า!” หลิงฮันกล่าวคําว่าสตรีโง่เง่าออกไปถึงสามครั้ง
โทสะของหลิวหานปะทุออกมา ตั้งแต่เด็กจนโต มีสักครั้งหรือไม่ที่นางถูกสบฤด่าว่าเป็นสตรีโง่? ตัวนางไม่ใช่แค่เป็นอัจฉริยะในศาสตร์วรยุทธ แต่ยังมีความงดงามอันไร้ที่เปรียบจนได้ฉายาว่า เป็นสตรีที่งดงามอันดับสองของอาณาเขตสวรรค์กว่างลงอีกด้วย บุรุษเพศทุกคนต้องจดจ้องนางด้วยสายตาแข็งข้างต่างหาก ถึงจะเป็นปฏิกิริยาที่ถูกต้อง
เจ้าต่างหากที่เป็นคนโง่ ที่มีตาหามีแววไม่
“นั่นมันของข้างของข้า!” หวั่นเฟยรีบตะโกนออกมา ไม่เช่นนั้นหากปล่อยไว้เช่นนี้ ความจริงจะต้องปรากฏออกมาแน่
“ของเจ้างั้นรึ?” หลิงฮันแสยะยิ้ม “เจ้าก็รู้ไม่ใช่รึไงว่านักปรุงยาทุกคนมีนิสัยประทับลายเซ็นของตนเองเอาไว้บนเม็ดยา?” เขาชี้นําเศษเสี้ยวปราณก่อเกิดเข้าไปในเม็ดยา พริบตาเดียวกันนั้นเอง เม็ดยาก็ส่องประกายและมองหลิงฮันอักษร “หลิง” บนเม็ดยาได้อย่างเลือนราง
ทุกคนชะงักแข็งแกร่งในทันใด
เท่านี้ก็กระจ่างแล้วว่าเม็ดยาเม็ดนี้เป็นต้องหลิงฮันอย่างแน่นอน หรือถ้าไม่งั้น หวั่นเฟยก็ต้องมีความรักในตัวหลิงฮันมากเป็นแน่ ถึงได้สลักตัวอักษร “หลิง” ลงไปบนเม็ดยา
หวั่นเฟยแน่นิ่งไร้คําพูดไปในทันที พร้อมกับใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอาย
หลิวหานเองก็กลายเป็นไร้คําพูดเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะเป็นฝ่ายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงๆ
“นี่คงเป็นเพราะว่าศิษย์พี่หรั่น เก็บเม็ดยาไปผิดโดยไม่รอบคอบเป็นแน่” จูงื่อจวินกล่าวปัดความรับผิดชอบไปยังหวั่นเฟย
เพียงแต่ผู้คนที่อยู่ที่นี่ใครบ้างที่เป็นคนโง่? เมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ ทุกคนจึงอดคิดไม่ได้ว่าจูจื่อจวินช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ทั้งๆ ที่พวกเจ้าทําผิดร่วมกันแท้ๆ แต่กลับผลักไสเพื่อให้ตนเองรอดอยู่ฝ่ายเดียว พวกข้าไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายขนาดเจ้ามาก่อนเลยจริงๆ
หลิงฮันเลือกที่จะเป็นเรื่องนี้ไปก่อนชั่วคราว “ในที่นี้ใครเป็นนักปรุงยาบ้าง รบกวนช่วยตรวจสอบเม็ดยาของข้าด้วย”
“ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง” หลิวเจี้ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่นักปรุงยา แต่ก็มีความรู้ในศาสตร์ปรุงยาอยู่บ้าง อย่างน้อยการตรวจสอบก็ย่อมไม่มีปัญหา”
หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่ายและพยักหน้า “ถ้างั้นก็รบกวนพี่ชายหลิวด้วย”
หลิงฮันส่งมอบเม็ดยา เมื่อหลิวเจี้ยรับไป เขาก็จ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าว “นี่คือเม็ดยาเมฆาผ่องขจี ในหมู่เม็ดยานิรันดร์สองดาว นับเป็นเม็ดยาที่หลอมได้ยากมาก จากที่ตรวจสอบเม็ดยาเม็ดนี้มีคุณภาพระดับสูง แถมยังถูกปรับแต่งถึงสามครั้ง!”
ว่าไงนะ… สามครั้งนั้น
ในชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนได้สูดหายใจลึกพร้อมกัน ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเม็ดยาเมฆาผ่องขจีหลอมได้ยากเย็นขนาดไหนแต่เพียงแค่การปรับแต่งสามขั้น ก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกอย่างได้แล้ว
การปรับแต่งสี่ขั้นคือขีดจํากัดของนักปรุงยาแทบทั้งหมดในขณะที่การปรับแต่งขั้นห้าสามารถเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์!
รุ่นเยาว์ผู้นี้ช่างน่าอัศจรรย์นัก นอกจากจะบรรลุเป็นจักรพรรดิในศาสตร์วรยุทธแล้วในศาสตร์ปรุงยาก็ยังบรรลุได้ถึงการปรับแต่งห้วงจิตขั้นสาม
ประเด็นสําคัญอยู่ที่ว่าหลิงฮันนั้นยังเยาว์วัยเป็นอย่างมากด้วยอายุเพียงเท่านี้ยังสามารถบรรลุการปรับแต่งขั้นสามได้เพราะงั้นเรื่องที่ว่าในอนาคต จะบรรลุการปรับแต่งขั้นห้าได้ ก็ไม่ใช่ความหวังลมๆ แล้งๆ
เยี่ยนเว่ยกลายเป็นโง่งม ไม่เพียงแค่เม็ดยาที่อีกฝ่ายหลอมสําเร็จ จะมีคุณภาพเหนือกว่าเขาแต่จํานวนของการปรับแต่งก็ยังเหนือกว่าเขาด้วย เขาฝืนกล่าวออกไป ด้วยความหวังอันริบหรี่ “แล้วคุณภาพของการปรับแต่งล่ะ?”
“การปรับแต่งสองครั้งกล่าวได้ว่าสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ครั้งที่สามมีข้อบกพร่องอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร” หลิวเจียวอธิบายโดยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และกล่าวความเป็นจริง
เยี่ยนเว่ยพูดอะไรไม่ออก
ในความเป็นจริง ถ้าหากการปรับแต่งของหลิงฮันทั้งสามครั้งมีคุณภาพเพียงแค่ทั่วไปล่ะก็เขาก็ยังพอใช้คุณภาพของการปรับแต่งที่สูงกว่าของตนเองเป็นข้อได้เปรียบได้ แต่ทว่าตอนนี้ความหวังสุดท้ายได้พังทลายไปเสียแล้ว
“โม่ซวง เก็บของเดิมพัน” หลิวฮันดีดนิ้ว เหตุผลที่เขายอมรับการประลองก็เพราะการเดิมพันนี่เองหากไม่เช่นนั้นล่ะก็ เขาย่อมคร้านที่จะแสดงความสามารถต่อหน้าสาธารณชนอยู่แล้ว
โม่ชวงเก็บรางวัลเดิมพันด้วยความตื่นเต้น ผลกอบโกยครั้งนี้มากมายจริงๆ เพียงแต่ดันมีคนโชคดีบางส่วน ที่เดิมพันข้างหลิงฮัน ซึ่งก็ต้องแบ่งของเดิมพันให้ไปอย่างช่วยไม่ได้
“ต่อไปก็อีกปัญหาหนึ่ง” หลิงฮันมองไปยังจูงื่อจวิน “เจ้าที่ทําการแอบเปลี่ยนขโมยเม็ดยาของข้า ในฐานะผู้อาวุโสแล้ว หากข้าไม่สั่งสอนเจ้าให้ดี คนจะกล่าวหากันได้ว่าเหล่าศิษย์ภายใต้ปรมาจารย์จื่อเฉิงนั้นไม่มีกฏ!”
เมื่อกล่าวประโยคนี้ออกไป ใบหน้าของหลิงฮันก็เปลี่ยนเป็นขึงขัง
จื่อเฉิง!
ใครคือนักปรุงยาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกกัน?
แน่นอนว่านอกจากปรมาจารย์จื่อเฉิงก็ไม่มีใครอื่น!
หลิงฮันเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์จื่อเฉิงงั้นรึ? เดี๋ยวก่อน ถ้าแบบนั้นปรมาจารย์จูเฟิงก็ต้องเป็นศิษย์ของปรมาจารย์จื่อเฉิงด้วยสิ?
เนื่องจากปรมาจารย์จูเพิ่งถูกปรมาจารย์จื่อเฉิงตัดขาด นอกจากกลุ่มคนจํานวนน้อยนิดแล้วจึงไม่มีใครเลยที่รู้ต้นกําเนิดของปรมาจารย์จูเฟิง ตอนนี้เมื่อได้ยินคําพูดของหลิงฮันเรื่องราวทั้ง สองก็เชื่อมต่อกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ใบหน้าของจูจือจวินเปลี่ยนสีทันที อย่างหวั่นเฟยและสื่อหย่งที่อยู่ในยุคสมัยที่ห่างกันหลายยุคนั้น จึงไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างปรมาจารย์จูเฟิงกับปรมาจารย์จื่อเฉิง แต่สําหรับตัวเขาเองนั้นเขารับรู้เป็นอย่างดี
การที่หลิงฮันกล่าวถึงปรมาจารย์จื่อเฉิงออกมา นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายก็รู้ถึงต้นกําเนิดของปรมาจารย์จูเพิ่งเช่นกัน
“ไร้สาระ!” หวั่นเฟยและสือหย่งคํารามพร้อมกัน
“อย่างนั้นรึ?” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส “ถ้างั้นก็ลองกลับไปถามเผิงฮวาเหนียนดู ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเขาจะกล่าวว่าอย่างไร”
“เจ้ายังคิดจะใช้ประโยชน์จากอาจารย์ของข้าอีกงั้นรึ?” หวั่นเฟยเกรี้ยวกราด “เจ้าตัวบัดซ..”
“เพี้ยะ!”
ยังไม่ทันที่เขาจะกล่าวจบ ใบหน้าของเขาก็ถูกจูงื่อจวินตบ “หุบปาก!”
หวั่นเฟยมองไปยังจูงื่อจวินขุ่นเคือง เจ้าตบข้าทําไมกัน?
จูจื่อจวินต้องการจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงออร่าอันคุ้นเคยและหันไปมองด้านหลัง ในระยะที่ห่างออกไปไม่ไกล ชายวัยกลางคนสองคนได้ก้าวเดินเข้ามาด้วยความเร็วสูงคนหนึ่งมีร่างกายที่สูงโปร่ง ในขณะที่อีกหนึ่งอ้วนเตี้ยราวกับก้อนเนื้อเดินได้
“อาจารย์ลุงหม่า อาจารย์ลุงเฉิน” หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง จูจือจวินก็รีบทักทายทั้งสองคน
ชายวัยกลางคนทั้งสองมีชื่อว่า หม่ายงและเฉินต่ง พวกเขาคือลูกศิษย์ของปรมาจารย์จูเฟิงแถมยังเป็นศิษย์สายตรงอีกด้วย ถึงแม้ความสามารถค์ของทั้งสองก็ยังด้อยกว่าเผิงฮวาเหนียนเล็กน้อย แต่ก็บรรลุเป็นนักปรุงยาสามดาวแล้ว
หม่ายงและเฉินต่งพยักหน้าให้กับจูจือจวิน เมื่อพวกเขาพบเห็นหลิงฮันท่ามกลางฝูงชนก็รีบเข้าไปหาและโค้งตัวผสานมือคารวะ “ศิษย์หม่ายง และศิษย์เฉินต่งคารวะอาจารย์ลุงสี่”
อาจารย์ลุงสี!
ทุกคนรอบข้างชะงักในทันใด ไม่มีใครสงสัยอีกต่อไปแล้ว หลิงฮันคือศิษย์น้องของปรมาจารย์จื่อเฉิงจริงๆ ไม่เช่นนั้นแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่หม่ายงกับเฉิงต่งจะบ้าพร้อมกับแบบนี้