ตอนที่ 1953 บริการน้ำชาและนวดหลัง
สายตาทุกคู่เพ่งมายังหลิงฮัน เพื่อเฝ้ารอคําตอบ
ทุกคนจะไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากรุ่นเยาว์ผู้นี้จะใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงและหันหลังหนีไปด้วยความอับอาย
เพียงแต่ใบหน้าของหลิงฮันกลับยังคงสงบนิ่ง และเกิดความรู้สึกในใจว่าช่างบังเอิญยิ่งนัก
นั่นเพราะไม่นานมานี้เขาได้ทําการเริ่มศึกษาเม็ดยาสามดาวพอดี ซึ่งหนึ่งในเม็ดยาห้าประเภทที่เขาเลือก ก็คือเม็ดยาอัฐิคชสารสี่ทิศ
เจ้าแส่หาความอัปยศเองเสียแล้ว
หลิงฮันจงใจทําสีหน้าครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด
“อาจารย์สี่ อย่าบอกว่าน่าท่านไม่รู้จักแม้แต่ว่า เม็ดยาอัฐิคชสารสี่ทิศคือเม็ดยาอะไร?” หลิวซิงฉวยโอกาสซัดโจมตี
หลิงฮันยิ้ม ก่อนจะมองหาที่นั่งและกล่าว “ก่อนจะขอคําชี้แนะจากผู้อาวุโส เจ้าควรบริการนําชาก่อนไม่ใช่รึ?”
ฮึ่ม ยังจะแสร้งทําตัวเหนือกว่าอยู่อีก!
หลิวซิงแสยะยิ้มในใจ ในความคิดของเขา หลิงฮันคงกําลังรู้สึกอับอาย จึงได้พยายามเอาคืนเขาเพื่อหลบหนีออกจากสถานการณ์ในตอนนี้
“แน่นอน! แน่นอน!” ใบหน้าของหลิวซิงแสดงออกอย่างเคารพเขาเรียกบริกรของสถานที่มารินน้ำชาให้ ก่อนคว้าหยิบน้ำชาและเดินไปมอบให้หลิงฮัน
เอาล่ะ… ข้าแสดงได้อย่างไร้ที่ติขนาดนี้ มาดูว่าเจ้าจะหาทางหลบหนีไปได้อย่างไร
ผู้คนที่มามุงดูเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนแค่ผ่านมาเห็น บางคนมามุงดูเพราะสงสัยว่าหลิงฮันเป็นของจริงหรือไม่ เนื่องจากสถานะศิษย์น้องของปรมาจารย์เซียวลี่สิง เป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้เลย
หลิงฮันนั่งไขว้ขวา และยื่นมือขวาออกไป
หน้าผากของหลิวซิงปูดบวมไปด้วยเส้นเลือด แต่ก็ต้องยอมกัดฟันและโค้งตัววางแก้วชาลงบนมือหลิงฮัน
ตอนนี้ข้าจะยอมไปก่อน เดี๋ยวอีกไม่นานก็รู้กันว่าเจ้าจะร้องไห้โอดครวญแค่ไหน!
หลิงฮันรับแก้วชามาและเปาลมเบาๆ ก่อนจะจิบดื่มอย่างเชื่องช้า
อดทนไว้ อดทนไว้ อดทนไว้
หลิวซิงท่องคํานี้อยู่ในหัววนไปมา ตราบใดที่เขาผ่านจุดนี้ไปได้ คนที่จะอัปยศก็คือหลิงฮัน
และแล้วในที่สุดหลิงก็ดื่มชาเสร็จ
เขามอบถ้วยช้าคืนให้หลิวซิง ซึ่งหลิวซิงก็รีบรับแก้วชามาและกล่าว “อาจารย์ลุงสี่….”
“หลังขารู้สึกตึงหน่อยๆ เจ้าช่วยข้าหน่อยสิ”
บัดซบ!
หลิวซิงรู้สึกเกรี้ยวกราดจนอยากจะสังหารคน เพียงแต่ในขณะที่ดวงตาของเขากําลังจะส่องประกายโหดเหี้ยม เขาก็รีบกัดฟันแน่นและพยายามปลอมประโลมตัวเอง ว่าจะทําเสียแผนไม่ได้
เขาเดินไปยืนด้านหลังหลิงฮัน และทํานวดที่แผ่นหลัง
จักรพรรดินี ฮูหนิวและสตรีคนอื่นๆ เผยรอยยิ้ม กล้ามาเล่นกับหลิงฮันเช่นนี้ เจ้าไม่รู้เลยรึไงว่าหลิงฮันได้รับการฝึกสอนมาโดยสุนัขตัวดํา?
หลิวซิงเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมา ยังไม่ทันที่จะได้ทําให้หลิงฮันอัปยศ เขาก็ดันถูกเล่นงานเข้าเสียก่อน เขาเริ่มครุ่นคิดอย่างจริงจังภายในใจว่าควรจะดําเนินแผนต่อไปดีหรือไม่
แต่แผนการก็ดําเนินมาแล้ว จะให้ยอมถอยกลางทางได้อย่างไร?
หลังจากหลิวซิงนวดอยู่เป็นเวลานานสักพัก เขาก็พยายามระงับความโกรธเอาไว้และกล่าวออกไป “ท่านลุงสี่ยังไม่พอใจอีกงั้นรึ?”
“ตรงขา…” หลิงฮันเอ่ยขึ้นพร้อมกับนิ่งไปครู่หนึ่ง
เจ้าตัวบัดซบ!
“คงไม่ต้องนวด” หลิงฮันกล่าวต่อ
หลิวซิงแทบจะสงบสติอารมณ์ไม่ทัน ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้นวด แล้วจะพูดออกมาทําไม? เจ้าอยากให้ข้าหวาดกลัวตกใจจนตายรึไง?
“ถ้าเช่นนั้น ท่านลุงสี่ช่วยให้คําชี้แนะรุ่นเยาว์ได้รึยัง?” เขากล่าวออกไปอย่างเรียบง่าย ทั้งๆ ที่กําลังพยายามกัดฟันเอาไว้แทบตาย
หลิงฮันกระแอมพร้อมกับกล่าว “ดูเหมือนว่าคอของข้าจะกระหายเล็กน้อย”
ใบหน้าของหลิวซิงกระตุกไปมา มือของเขาสั่นระริกและอยากจะชัดหน้าของหลิงฮันจนแทบทนไม่ไหวแล้ว
“ช่างเถอะ เจ้าทําดีมากแล้ว” หลิงฮันกล่าวต่อ
หลิวซิงยังไม่ระเบิดโทสะออกมาก็จริง แต่ถ้าหลิงฮันยังกล่าวว่าให้เอาชามาให้อีกแก้วล่ะก็ เขาคงไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป
“ตกลง มาพูดถึงเรื่องการหลอมเม็ดยาอัฐิคชสารสี่ทิศดีกว่า” หลิงฮันยิ้มและไม่ยุแหย่หลิวซิงอีกต่อไป ในความคิดของเขา นี่เป็นเพียงการเล่นสนุกฆ่าเวลาก่อนงานฉลองเท่านั้น
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังและเริ่มอธิบาย
ใครหลายคนที่ก่อนหน้านี้หัวเราะเยาะหลิงฮันราวกับตัวตลก เมื่อได้ยินก็เปลี่ยนสีหน้าทันใด
หลิงฮันกล่าวถึงพื้นฐานอย่างลึกซึ้ง และอธิบายเกี่ยวกับกระบวนการหลอมเม็ดยาอัฐิคชสารสี่ทิศ การชี้ของเขาทําให้ผู้คนที่ฟังพยักหน้าอยู่เป็นระยะ และรู้สึกราวกับพวกเขาจะสามารถหลอมเม็ดยาอัฐิคชสารสี่ทิศได้สําเร็จ
แม้แต่หลิวซิงเองก็จิตใจสั่นสะท้านจนแทบกระเด็นออกมา ถึงแม้เขาจะจงใจนําสร้างปัญหาให้หลิงฮัน แต่เขาก็ติดปัญหาอยู่มากมายจริงๆ แต่ปัญหาที่ว่าก็หายไปทันทีหลังจากที่ได้ฟังคําชี้แนะจากหลิงฮัน
ยิ่งกล่าวมากขึ้นเท่าไหร่ สีหน้าของผู้คนที่ฟังอยู่ก็เปลี่ยนเป็นจริงจังยิ่งขึ้น เรื่องจากการชี้แนะของหลิงฮันไม่ได้กําจัดอยู่ที่กระบวนการหลอมเม็ดยาอัฐิคชสารสี่ทิศ แต่ยังกว้างไปถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย
เขากําลังชี้แนะศาสตร์ปรุงยาโดยรวมทั้งหมด!
ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก จริงอยู่ที่หลิงฮันยังไม่อาจนับได้ว่าเป็นปรมาจารย์นักปรุงยา แต่อย่างทักษะห้วงจิตปรับแต่ง เขาก็ฝึกฝนมันด้วยความเข้าใจของตนเอง และเดินอยู่บนศาสตร์ปรุงยาด้วยวิถีของตนเอง
เพราะงั้นแม้เขาจะยังเยาว์วัย แต่พื้นฐานของเขาก็มั่นคงยิ่งกว่าใคร
จริงอยู่ที่พื้นฐานเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว แต่ก็มีไม่กี่คนนักที่เข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้
“มานี่เร็ว มานี่เร็ว มีปรมาจารย์ผู้หนึ่งกําลังชี้แนะศาสตร์ปรุงยาอยู่”
“พี่ชายป่าน มาตรงนี้เร็ว ไม่เช่นนั้นท่านจะรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิต”
“หลินเฉียน เรียกเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของเรามาเร็ว”
นักปรุงยารอบด้านเริ่มใช้หินสื่อสารเรียกสหายของตนเองมา
สําหรับนักปรุงยา โอกาสเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจพลาดได้ เนื่องจากมันคือโอกาสที่จะทําให้ทุกษะในศาสตร์ปรุงยา ของผู้ฟังยกระดับขึ้นหลายเท่าตัว
ด้วยเหตุนี้แล้ว ผู้คนมากมายจึงมารวมตัวแออัดกันในบริเวณแคบๆ แห่งนี้