ตอนที่ 1962 ผลึกโลหิตราชานิรันดร์
นี่ไม่ใช่ความสามารถของหลิงฮัน แต่เป็นพลังของหอคอยทมิฬ
ผลลัพธ์ของการควบคุมให้กระแสเวลาไหลช้าจนถึงขีดสุด ก็คือการหยุดเวลา!
“ฉัวะ” หัวของอสูรหมูร่างหนามถูกสะบั้นขาดลอยกระเด็นขึ้นกลางอากาศ เพียงแต่ในพริบตาเดียวหัวของมันก็สลายหายไป พร้อมกับร่างขนาดใหญ่ของมันได้ล้มลงและแหลกออกเป็นเสี่ยงๆ เหลือไว้เพียงผลึกสีแดงเข้ม
“ตุบ” หลิงฮันใช้ดาบอสูรนิรันดร์พยุงร่างกับพื้น สภาพของเขาในตอนนี้เหนื่อยหอบและดูไร้เรี่ยวแรง
สิ่งที่ต้องจ่ายสําหรับการใช้ความสามารถเมื่อครู่นั้นมหาศาลเกินไป ไม่เพียงแค่ปราณก่อเกิดเท่านั้น แต่พลังวิญญาณของเขาก็ถูกเผาผลาญไปเช่นกัน ภายในร่างกายของเขาในตอนนี้ไร้พลังราวกับกระดาษที่ว่างเปล่า
เขาสามารถเร่งหรือชะลอห้วงเวลาได้ตามใจชอบก็จริง แต่ยิ่งเร่งขอบเขตของมันให้สูงขึ้นเท่าไหร่ พลังที่ถูกเผาผลาญก็ยิ่งมหาศาลขึ้นเท่านั้น อย่างการชะลอเวลาจนถึงขีดสุดในครั้งนี้ มันทําให้พลังของหลิงฮันถูกเผาผลาญจนหมดสิ้นอย่างสมบูรณ์
ยิ่งกว่านั้นความสามารถในการหยุดเวลาก็สามารถใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งต่อเดือนเท่านั้น โดยที่ต่อให้เข้าไปในห้องบ่มเพาะกาลเวลาก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากหอคอยทมิฬจําเป็นต้องดูดซับอํานาจแห่งกฎเกณฑ์และปฐพี่มาจากโลกจริง
“หลิงฮัน เจ้าแข็งแกร่งมากจริงๆ!” ฮูหนิวรีบวิ่งเข้ามาหา “ขนาดสัตว์ประหลาดในระดับตัดวิญญาณปฐพีก็ยังถูกเจ้าสังหาร เจ้าช่างเป็นบุรุษที่ยอดเยี่ยมจน หนิวต้องการทําลูกกับเจ้าเลย!” ทุกอย่างที่เด็กสาวพูดออกมา ก็เพื่อประโยคสุดท้าย
“ตุบ” ร่างของหลิงฮันถูกผลักลงพื้น โดยไม่หลงเหลือแรงให้ต่อต้านแม้แต่น้อย
ฮูหนิวหัวเราะและจูบเข้าที่ใบหน้าของหลิงฮัน การจูบของนางนั้นไม่ได้เชี่ยวชาญ และดูเหมือนกับลูกแมวกําลังเลียหน้าอยู่มากกว่า
ธิดาโร๋วตกตะลึงเป็นอย่างมาก สัตว์ประหลาดเมื่อครู่คือตัวตนระดับตัดวิญญาณปฐพงั้นรึ? เช่นนั้นแล้วมันถูกหลิงฮันสังหารได้อย่างไร? นี่เจ้าแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่
นางไม่รู้ว่านี่ไม่ใช่พลังของหลิงฮัน แต่เป็นพลังของหอคอยทมิฬ ที่สามารถใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งต่อเดือนเท่านั้น หาก ณ เวลานี้ยังมีศัตรูตัวอื่นอยู่อีก การกระทําของเขาย่อมไม่ต่างหากรนหาที่ตาย
เพียงแต่ทีนี้นางก็จะได้มีสิทธิ์ในผลึกโลหิตเสียที
แต่ในขณะที่นางกําลังขยับตัวไปเก็บผลึกนั่นเอง จักรพรรดินีก็แทรกเข้ามาเสียก่อน และคว้าเอาผลึกไป
“พี่สาว” ธิดาโร๋วโอดครวญ
จักรพรรดิมองไปยังอีกฝ่ายด้วยแววตาองอาจ “จะแบ่งให้เจ้าอย่างไรนั้น ข้าคิดเอาไว้แล้ว”
“อืม…” ธิดาโร๋วม้วนนิ้วไปมา ต่อหน้าจักรพรรดินีแล้ว นางไม่กล้าขัดขืนแม้แต่นิดเดียว
“สาวน้อย ลุกขึ้นได้แล้ว” หลิงฮันกําลังถูกฮูหนิวรัดตัวอยู่ โดยที่สตรีอีกสองคนไม่คิดจะช่วยเหลือเลย
ฮูหนิวหัวเราะและกล่าว “พวกเราจะทําลูกกัน”
หลิงฮันตําหนิสั่งสอนนาง ก่อนจะนําอาหารจํานวนมากออกมา ซึ่งทําให้ฮูหนิวลืมเรื่องทําลูกไปชั่วคราว
เขาทําการฟื้นฟูปราณก่อเกิดบางส่วน จนในที่สุดก็มีแรงพอลุกขึ้นยืนและเดินได้
“ผลึกนั่นมันคืออะไรกันแน่ ถึงได้มีอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารอัดแน่นอยู่ภายใน” หลิงฮันขอให้จักรพรรดินีนําผลึกโลหิตที่นางเก็บไปออกมา เห็นได้ชัดว่าขนาดของผลึก ที่ได้จากสัตว์ประหลาดระดับตัดวิญญาณปฐพีนั้น มีขนาดใหญ่กว่า
“นั่นคือผลึกโลหิตราชานิรันดร์” จู่ๆ หอคอยน้อยก็เอ่ยขึ้นมา
“โอ้?”
“การต่อสู้รุนแรงของราชานิรันดร์ ส่งผลให้โลหิตของพวกเขาหยดลงมาสู่ผืนแผ่นดิน ก้อนหินที่ถูกเศษเสี้ยวหยดโลหิตของราชานิรันดร์สัมผัสจะไม่มีวันเสื่อมสลาย และเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังจากเวลาผ่านมานับไม่ถ้วน” หอคอยน้อยอธิบาย
หลิงฮันเข้าใจทันทีว่าทําไมสัตว์ประหลาดร่างมนุษย์ กับสัตว์อสูรหมูที่สังหารไปก่อนหน้านี้ถึงไม่มีร่างกาย ที่แท้พวกมันก็เป็นเพียงโลหิตที่เหลือทิ้งไว้ของราชานิรันดร์นี้เอง
สมกับที่เป็นราชานิรันดร์ เพียงแค่หยดโลหิตเล็กน้อย หลังจากกาลเวลาผ่านพ้นไป ก็สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้
“ถ้างั้นราชานิรันดร์ที่ว่าก็ต้องฝึกฝนอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหาร” หลิงฮันกล่าวแทรก
“คงเป็นราชานิรันดร์ระดับเจ็ดเป็นอย่างน้อย” หอคอยน้อยเอ่ยแทรกเช่นกัน
ดูเหมือนว่าข่าวลือจะไม่ใช่ข่าวลือที่ไม่มีมูลเสียแล้ว เขตแดนลี้ลับแห่งสวรรค์และปฐพีหลายที่เป็นไปได้ว่าจะเป็นสนามรบที่ถูกทิ้งไว้โดยราชานิรันดร์ ด้วยเจตจํานงยุทธของราชานิรันดร์ หลังจากที่กาลเวลาผ่านพ้นไปหลายหมื่น หลายแสนล้านปี เมื่อเจตจํานงผสานรวมเข้ากับอํานาจแห่งสวรรค์และปฐพี จึงก่อให้เกิดเป็นเขตแดนลี้ลับแห่งสวรรค์และปฐพี่ขึ้นมา
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าวจักรพรรดินี “เจ้าเก็บพวกมันกลับไปได้แล้ว ดูเหมือนพวกเราคงต้องตามหาสัตว์ประหลาดเหล่านี้เพิ่มขึ้นอีก เพื่อที่จะเก็บเกี่ยวผลึกราชานิรันดร์ให้ได้มากที่สุด” เขากล่าวคําอธิบายที่ฟังมาจากหอคอยน้อยออกไปคร่าวๆ
ในสถานการณ์ปกติ จอมยุทธจะสามารถฝึกฝนได้เพียงอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้าธาตุเท่านั้น ในขณะที่ความเข้าในใจอํานาจแห่งกฎเกณฑ์อื่นๆ จะได้รับผ่านสมุนไพรนิรันดร์ หรือสมบัติล้ำค่าบางประเภทเท่านั้น กล่าวได้ว่าอํานาจแห่งกฎเกณฑ์เหล่านี้จะไร้เทียมทานไปจนถึงระดับก่อนราชานิรันดร์ เพราะงั้นมูลค่าของผลึกโลหิตราชานิรันดร์จึงมีมากจนน่าอัศจรรย์
ในทางกลับกัน ความล้ำค่าของหอคอยทมิฬเองก็มหาศาลจนอน่าตกตะลึงเช่นกัน
เนื่องจากมันมีทั้งอํานาจแห่งกฎเกณฑ์กาลเวลา ห้วงมิติ และสังหาร ถ้าหากหลิงฮันฝึกฝนอํานาจแห่งกฎเกณฑ์เหล่านี้ แล้วยังไม่สามารถเป็นจักรพรรดิที่กําราบทุกคนในระดับพลังเดียวกันได้ล่ะก็ เขาคงเป็นขยะที่ยิ่งกว่าขยะเสียอีก
ทั้งสี่มุ่งหน้าเดินทางต่อ และได้พบกับสัตว์ประหลาดร่างมนุษย์อีกครั้ง ฮูหนิวกับจักรพรรดินีลงมือพร้อมกัน และสามารถจัดการสัตว์ประหลาดได้ภายในสองถึงสามกระบวนท่า แต่เมื่อเดินต่อไปพวกเขาก็พบเจอกับปัญหาใหญ่
สัตว์ประหลาดรูปร่างสัตว์อสูรในระดับตัดวิญญาณปฐพีปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้พวกหลิงฮันทําได้เพียงเผ่นหนีสถานเดียว
โชคดีที่สัตว์ประหลาดเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะเคลื่อนไหวได้ในระยะที่จํากัด
เมื่อหลุดพ้นจากรัศมีของมัน สัตว์ประหลาดเหล่านั้นก็จะไม่ไล่ตามอีกต่อไป “พรวด” ทั้งสี่คนมองหน้ากันและหัวเราะ
ในระดับเดียวกัน พวกเขาไม่เคยวิ่งหนีใครมาก่อน เพราะงั้นนี่จึงเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สําหรับพวกเขา
“หากทะลวงผ่านระดับแบ่งแยกวิญญาณ ย่อมจัดการสัตว์ประหลาดเหล่านี้ได้ไม่ยาก”
หลิงฮันถูจมูกครุ่นคิด น่าเสียดายที่ทักษะหยุดเวลาสามารถใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งต่อเดือน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ต้องหนีแบบนี้ “แต่ถ้าหากทะลวงผ่านระดับแบ่งแยกวิญญาณ พวกเราก็จะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไป”
จักรพรรดินีกล่าว “หนิวจัดการได้”
ฮูหนิวชูมือขึ้น “หนิวมีทักษะทรงพลังที่สามารถสักหารสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้เหมือนไก่กา” “แล้วทักษะนั่นใช้ไปแล้วต้องรอไปอีกนานเท่าไหร่?”
หลิงฮันถาม “สามเดือน”
ฮูหนิวชูสามนิ้ว หลิงฮันพยักหน้า “อย่าใช้มันไปกับพวกมันอย่างเสียเปล่า นอกจากวิกฤตที่เป็นอันตรายต่อชีวิต เก็บทักษะนี้ไว้ดีกว่า”
“อืม หนิวรู้”
ฮูหนิวพยักหน้า กลุ่มของพวกเขาออกเดินทางต่อ เมื่อใดที่เจอสัตว์ประหลาดระดับตัดวิญญาณหยาง หรือตัดวิญญาณหยิน พวกเขาจะกําจัดพวกมันทิ้งทันที
ในขณะที่หากพบเจอสัตว์ประหลาดระดับตัดวิญญาณปฐพี พวกเขาทําได้เพียงหลบหนี เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็ยิ่งออกห่างจากเส้นทางเดิม แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังมั่นใจว่าตนเองกําลังมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของหุบเขาแน่นอน เนื่องจากเหนือน่านฟ้ามียอดเขาสามยอด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของหุบเขาสามบุปผาคอยเป็นจุดนําทางอยู่
“จากคํากล่าวของเอี่ยนเซียนลู่ ในสามยอดเขานี้มีวาสนารออยู่”
หลิงฮันกล่าว “แต่จะเป็นยอดเขาไหนนั้น ราชานิรันดร์หย่งชางไม่ได้บอกเขาไว้” “งั้นก็ไปดูเองเลยแล้วกัน ทําแบบนั้นก็ไม่ได้เสียเวลาเท่าไหร่นัก”
จักรพรรดินีพยักหน้า พวกเขามุ่งหน้าไปยังยอดเขาที่ตั้งอยู่ฝั่งซ้าย เมื่อเวลาผ่านไปเจ็ดวัน
จู่ๆ ฮูหนิวก็หยุดเดินและสูดจมูกดมกลิ่นและทําตาหยี “กลิ่นหอม!” หลิงฮันเชื่อมั่นใจจมูกของเด็กสาวจอมตะกละผู้นี้อย่างมาก เขาจึงเอ่ยถาม
“เจ้าได้กลิ่นอะไรงั้นรึ?” “กลิ่นหอมของสมุนไพรนิรันดร์!”
ฮูหนิวกลับมาลืมตาปกติ “จากที่ได้กลิ่น สมุนไพรต้นนี้สมควรมีอายุอย่างน้อยห้าพันล้านปีและเป็นสมุนไพรนิรันดร์ขั้นต้นเป็นอย่างน้อย” “ไปดูกันเถอะ!”
ทั้งสี่คนเปลี่ยนทิศทางโดยมีฮูหนิวเป็นคนนําทางจากการดมกลิ่น
หลังจากเดินไปได้ราวๆ ร้อยไมล์หลิงฮันกับจักรพรรดิถึงเพิ่งจะเริ่มได้กลิ่นหอม
เห็นได้ชัดว่าจมูกของพวกเขา เทียบกับตะกละไม่ได้จริงๆ