ตอนที่ 1961 อํานาจกฎเกณฑ์สังหาร
ที่เบื้องหน้าของพวกเขามีร่างหนึ่งปรากฏตัว
เพียงแต่หากจะบอกว่าร่างนี้เป็น “มนุษย์” นั้น ก็ค่อนข้างพูดยากพอสมควร เพราะถึงแม้ว่างตรงหน้าจะมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่ทั่วร่างกลับปกคลุมไปด้วยหนาม ที่ทั้งหนาและมีจํานวนมากมายนับไม่ถ้วน
หนามเหล่านี้ไม่ใช่ราวกับไม่ใช่สิ่งที่นํามาประดับ แต่เป็นสิ่งที่งอกออกมาเองจากร่างกาย
หลิงฮันประหลาดใจอย่างมาก ร่างที่ปรากฏตัวตรงหน้านี้ต้องเป็นสิ่งมีชีวิตภายในหุบเขาสามบุปผาอย่างแน่นอน เพราะในตอนที่เข้ามา พวกเขาไม่พบเห็นสัตว์ประหลาดเช่นนี้อยู่เลย
แท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตอยู่ด้วยงั้นรึ?
แล้วเหตุใดเอี้ยนเชียนลู่ถึงไม่บอกเรื่องนี้กับเขากัน?
หลิงฮันไม่คิดว่าอู๋เซียนลู่จะจงใจปกปิดข้อมูลเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าก็เป็นไปไม่ได้ด้วยเช่นกัน ที่ราชานิรันดร์หย่งชางจะจงใจไม่บอกเรื่องนี้กับเอี๋ยนเซียนอู๋ เพราะงั้นเหตุผลที่คิดได้จึงมีอยู่อย่างเดียวคือ สัตว์ประหลาดตนนี้เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งร้อยล้านปีที่ผ่านมา
บางที่อาจจะเป็นเมื่อสิบล้านปีก่อน หนึ่งล้านปีก่อน หรืออาจจะแค่สามถึงห้าวันก่อนนี้เอง
“กลองแห่งสงครามนี้ดังเพื่อใคร?” สัตว์ประหลาดร่างมนุษย์ยังคงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ
“สัตว์ประหลาดตัวเหม็น จะเอาแต่พล่ามเสียงต่ำอยู่ทําไม หากอยากสู้หนิวก็จะเป็นคู่ต่อสู้ให้เอง!” ฮูหนิวคําราม เพียงแต่ยังไม่ทันที่สัตว์ประหลาดร่างมนุษย์จะได้ลงมือ จักรพรรดินีก็ปล่อยการโจมตีออกไปก่อนแล้ว “ตูม” นางผลักฝ่ามือปลดปล่อยปราณดาบออกไปทั่วท้องฟ้า
“ฮึ่ม ช่างน่ารังเกียจนัก สัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นของหนิวต่างหาก!” ฮูหนิวกระโดดและทําการโจมตีสัตว์ประหลาดร่างมนุษย์เช่นกัน
เมื่อมีการปะทะเกิดขึ้น พลังของสัตว์ประหลาดร่างมนุษย์ก็เป็นที่ประจักษ์
ระดับตัดวิญญาณหยาง
สําหรับจอมยุทธระดับโลกียนิพพาน ศัตรูเช่นนี้ย่อมบดขยี้พวกเขาได้อย่างราบคาบ แค่น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะจักรพรรดินีหรือฮูหนิว ก็ไม่ใช่จอมยุทธระดับโลกียนิพพานทั่วไป แต่เป็นจักรพรรดิในระดับห้านิพพาน!
ในด้านของระดับพลัง พวกนางมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับตัวตนระดับตัดวิญญาณหยาง แต่หากนับรวมพลังต่อสู้ที่สามารถสู้ข้ามหนึ่งระดับได้เข้าไปด้วยล่ะ
พวกนางอาจจะเอาชนะได้แม้กระทั่ง ตัวตนระดับตัดวิญญาณหยิน
ด้วยการโจมตีพร้อมกับของทั้งสอง สัตว์ประหลาดร่างมนุษย์ไม่มีทางที่จะต้านทานได้ การปะทะดําเนินไปเพียงชั่วครู่ร่างของมันก็ระเบิดกระจุยอย่างรวดเร็ว
เรื่องแปลกประหลาดก็คือสัตว์ประหลาดร่างมนุษย์ตนนี้ไม่มีร่างกาย ภายใต้แห่งหนามจํานวนมาก คือความว่างเปล่า สิ่งเดียวที่อยู่ในร่างของมันคือผลึกสีแดงเข้ม ที่เหมือนกับเป็นหัวใจแต่มีขนาดเพียงราวๆ หนึ่งนิ้วมือเท่านั้น
หลิงฮันยิ้มผลึกสีแดงขึ้นมา ซึ่งทันทีที่เข้าสัมผัสกับมันผลึกนั่นเอง ห้วงจิตวิญญาณของเขาก็พรั่งพรูไปด้วยแสงโลหิตอันไร้ที่สิ้นสุด พร้อมกับเงาของดาบ กระบี่ที่สะบั้นสังหารทุกสรรพสิ่งไหม?
เขาเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาอย่างปิดไม่มิด “อํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหาร!”
ในหอคอยทมิฬเองก็มีอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารเช่นกัน เขาที่เรียนรู้พวกมันมาบางส่วนแล้วจึงตระหนักรับรู้ถึงอํานาจแห้งกฎเกณฑ์สังหารได้ในทันที
จักรพรรดินี้รู้สึกสนใจ และรีบเข้ามาตรวจสอบดู
“อํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารงั้นรึ?” ธิดาโร๋วเองก็เข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกสนอกสนใจเช่นกัน “เจ้าหมายถึงภายในผลึกนี้มีอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารอัดแน่นอยู่งั้นรึ?” อํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารนั้น นอกจากอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้าธาตุ และสายฟ้าแล้ว ไม่มีทางฝึกฝนที่จะฝึกฝนมันด้วยตนเองได้
หลิงฮันมองไปที่นางก่อนจะกล่าว “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า” หลิงฮันยื่นผลึกให้กับจักรพรรดินี ตัวเขามีหอคอยทมิฬที่สามารถฝึกฝนอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว สิ่งนี้จึงไม่จําเป็นต่อเขา
แน่นอนว่าจักรพรรดินีย่อมไม่เกรงใจ และรับผลึกโลหิตไป
ธิดาโร๋วทําหน้าปุ๋ยเล็กน้อย นางเองก็อยากได้เหมือนกัน แต่หลิงฮันกลับไม่คิดจะเอ่ยถามนางเลยแม้แต่น้อย
หลังจากพวกเขาออกเดินทางต่อไปได้อีกสองถึงสามกิโล สัตว์ประหลาดร่างมนุษย์ที่ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยหนามก็ปรากฏตัวอีกครั้ง
ฮูหนิวคํารามและรีบเป็นฝ่ายลงมือโจมตีสัตว์อสูรตรงหน้าก่อนทันที
เมื่อสัตว์ประหลาดถูกจัดการ หนามมากมายก็ร่วงลงสู่พื้น และปรากฏผลึกสีแดงภายในร่างกายที่กลวงโปเช่นเดิม
“ครั้งนี้ก็ยังเป็นอํานาจแห่งกฎเกณ์สังหาร” หลิงฮันพยักหน้าและยื่นผลึกให้กับจักรพรรดินี
ตั้งแต่ที่พื้นดินเปลี่ยนมาเป็นทางเรียบ เส้นทางของหุบเขาก็ไม่จําเป็นต้องเดินตามกันอีกต่อไป จอมยุทธแต่ละคนจึงเลือกมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ต่างกัน ยิ่งเวลาผ่านไประยะห่างของทุกคนก็ยิ่งไกลขึ้น เพราะงั้นหลิงฮันจึงไม่พบเจอใครที่ด้านหน้า หรือไม่มีใครที่ตามหลังเขามาเลย
เพียงแต่หากถามว่ากลุ่มของพวกเขาเดินนําคนอื่นอยู่หรือไม่นั้น พวกเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน
“ฮู่ ฮู่ ฮู่ !”
เสียงร้องแปลกประหลาดดังขึ้น พร้อมกับมีสัตว์อสูรประหลาดปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าพวกเขา
มันคือสัตว์อสูรที่รูปร่างเหมือนหมู แต่ทั่วร่างกลับเต็มไปด้วยแท่งหนาม
“ข้าจัดการเอง!” ธิดาโร๋วก้าวเดินออกมา หากสัตว์ประหลาดเหล่านี้ถูกหลิงฮัน จักรพรรดินีหรือฮูหนิวจัดการล่ะก็ นางคงไม่มีสิทธิ์เอ่ยปากขอผลึกที่อัดแน่นไปด้วยอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารเป็นแน่
แต่ถ้าหากนางเป็นคนลงมือก่อนล่ะก็ ต่อให้นางไม่สามารถกําจัดมันได้ แต่นางก็สมควรมีสิทธิ์ขอส่วนแบ่งไม่ใช่รึไง?
นางลงมือโดยไม่รีรอ พรึบ” ปราณดาบถูกสะบั้นออกไป และควบแน่นกลายเป็นคลื่นแสงทะลวง
เพียงแต่เมื่อการโจมตีปะทะเข้ากับร่างของสัตว์ประหลาดหมู หนามบนตัวของมันกลับไม่ถูกทําลายแม้แต่ชิ้นเดียว และสายตาของมันได้เพ่งเล็งมาที่นางแทน อํานาจที่ทรงพลังของมันระเบิดออกมา จนธิดาโร๋วที่ถูกจดจ้องอยู่ใบหน้ากลายเป็นซีดเผือด
เป็นอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้
แม้แต่หลิงฮันเองก็ต้องเปลี่ยนสีหน้า “ไม่ดีแล้ว เจ้านี่มีพลังอยู่ในระดับตัดวิญญาณปฐพี!”
“ครืนน” หมูร่างหนามขยับกีบเท้าทั้งสีพุ่งเข้าใส่พวกหลิงฮัน
“ได้ มาลองกันสักตั้ง!” จิตวิญญาณของหลิงฮันลุกโชน และปล่อยหมัดตอบโต้
“ตูม!”
ร่างของหลิงฮันถูกส่งลอยกระเด็นราวกับว่าวเชือกขาด
หลังจากลอยไปได้ร้อยกว่าไมล์ หลิงฮันก็พยุงตัวได้ เขาพบว่ากล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องของเขานั้นฉีกขาด และมีรอยฟกช้ำเป็นวงกลมกับห้อเลือดปรากฏขึ้นมา
พลังของตัวตนระดับตัดวิญญาณปฐพี่ช่างทรงพลังจริงๆ
หลิงฮันใช้มือลูบที่บริเวณหน้าท้อง พร้อมกับกัดฟัน หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายโจมตีด้วยอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารล่ะก็ กายหยาบของเขาคงไม่ถูกทําลายได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
จริงอยู่ที่บาดแผลเพียงเท่านี้ไม่เพียงพอที่จะทําให้เขาหมดสภาพ แต่ปัญหาก็คือพลังโจมตีของเขา ไม่ได้ไร้เทียมทานเหมือนกับพลังป้องกัน และคงเป็นได้เพียงกระสอบทรายของหมูร่างหนามเท่านั้น
หลบหนี? เข้าไปซ่อนตัวในหอคอยทมิฬ?
หลิงฮันส่ายหัวกับความคิดเหล่านี้ ก่อนจะปลดปล่อยอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติออกมาภายในพริบตาร่างของเขาก็ไปปรากฏตัวที่ด้านหน้าหมูร่างหนาม ดาบอสูรนิรันดร์ถูกนําออกมากวัดแกว่งและสะบั้นเข้าใส่ศัตรู “ครืนนน” ปราณดาบที่ทะลวงผ่านชั้นฟ้าถูกปลดปล่อยออกมา
อสูรหมูร่างหนามไม่หวั่นเกรงใดๆ มันสะบัดร่างกายปลดปลดปล่อยแท่งหนามนับไม่ถ้วนเข้าใส่หลิงฮัน
หลิงฮันยื่นมือออกไปและกล่าวพึมพํา “ห้วงเวลา จงหยุดนิ่ง!”
“พรึบ” ไม่ว่าจะเป็นอสูรหมูร่างหนาม หรือแท่งหนามมากมายกลางอากาศ ล้วนแต่ถูกทําให้ชะงักหยุดนิ่ง