ตอนที่ 1982 ครอบครองพฤกษาบรรพบุรุษ
ร่างของพวกหลิงฮันทั้งสี่คนปกคลุมไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้า
พวกเขาปลดปล่อยอํานาจของแก่นกําเนิดนิรันดร์ออกมา เพื่อดึงดูดแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีตรงหน้า ซึ่งคุณลักษณ์ของแก่นกําเนิดนิรันดร์ของแต่ละคน ล้วนแต่แตกต่างกัน
มีเพียงหลิงฮันคนเดียวที่ไม่เหมือนใคร
ถึงแม้เขาจะปลดปล่อยอํานาจของแก่นกําเนิดนิรันดร์ออกมา แต่ไม่ลับที่แท้จริงของเขาคือทักษะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ที่เป็นทักษะบ่มเพาะระดับมหาปราชญ์สวรรค์ ซึ่งอยู่เหนือกว่าราชานิรันตร์
ตราประทับบนพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธส่องประกายเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ
“ครืนน ลําต้นของพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธสันไหวอย่างรุนแรง ก่อนที่ขนาดของมันจะเริ่มหดเล็กลง
ในตอนแรกมันยังค่อยๆ หดอย่างเชื่องช้า แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก จู่ๆความเร็วของมันก็เพิ่มขึ้น จนแทบจะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตาเปล่า พฤกษาบรรพบุรุษขนาดมหึมาย่อหดเล็กลงจะกลายเป็นต้นกล้าต้นเล็ก
การที่มันหดตัวกลับเป็นต้นกล้านั้นหมายความว่าอย่างไร?
พฤกษาบรรพบุรุษต้นนี้ได้ยอมรับใครบางคนแล้ว
แต่นั่นคือใครกันล่ะ?
“พรึบ” ต้นกล้าของพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธลอยขึ้นสูงจากพื้นดิน ขนาดของมันหดเหลือเพียงสามนิ้วเท่านั้น โดยที่ลําต้นของมันโปร่งใสราวกับผลึกแก้ว และมีคลื่นผันผวนของเปลวเพลิง และอสนีอยู่รอบด้าน
เพียงแต่พวกหลิงฮันทั้งสีก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าขึ้นมาทันที เนื่องจากพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธต้นนี้ ค่อยๆลอยห่างจากพวกเขาไปอย่างช้าๆ
ซูหย่าหรงงั้นรึ?
สตรีผู้นี้ไม่อาจประมาทได้จริงๆ แค่เปิดให้จังหวะให้นางได้มีโอกาสลงมือจากระยะไกล นางก็สามารถกระตุ้นความสนใจของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีได้!
เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธยังคงมีความลังเลอยู่ เพราะไม่เช่นนี้ นมันคงลอยตรงไปหาซูหย่าหรงทันทีแล้ว และไม่มัวรีรอชักช้าอยู่ตรงนี้
พวกเขายังมีหวังอยู่
หลิงฮันโคจรพลังของตนเองต่อ เพื่อหวังดึงดูดให้พฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธหันกลับมา
แน่นอนว่าความพยายามของพวกเขานั้นได้ผล พฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธชะงักหยุดนิ่งอย่างรวดเร็ว และพุ่งทะยานมายังทิศทางของพวกหลิงฮัน
เพียงแต่หลังจากนั้นไม่นาน จู่ๆพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธก็หยุดชะงัก และลอยกลับไปยังทิศทางตรงกันข้ามอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าซูหย่าหรงที่อยู่ห่างออกไปจะพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ อีกฝ่ายถึงได้เพิ่มแรงกระตุ้นการดึงดูดให้มากขึ้น
หลิงฮันปล่อยจิตใจให้สงบ และโคจรทักษะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เต็มพลัง กลิ่นของทักษะแปรสภาพกลายเป็นมหาสมุทร และทําการโอบล้อมพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธเอาไว้
พฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธสั่นสะท้าน ก่อนจะพุ่งเข้าหาหลิงฮันอย่างรวดเร็ว
เมื่อมันเคลื่อนที่มาถึงด้านหน้าหลิงฮัน มันก็พุ่งทะลวงราวกับอุกกาบาตเข้าใส่บริเวณระหว่างคิ้วของหลิงฮัน และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
การแย่งชิงรู้ผลแล้ว ผู้ที่ได้ครอบครองคือหลิงฮัน
เสียงคํารามเสียงหนึ่งดังขึ้นจากระยะไกล แน่นอนว่าเจ้าของเสียงก็คือซูหย่าหรง นางคิดว่าตนเองจะเป็นฝ่าย ได้ครอบครองพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับล้มเหลวเสียได้
นางรู้สึกไม่ยินยอมเป็นอย่างมาก ตราบใดที่ไม่มีหลิงฮันล่ะก็พฤกษาบรรพบุรุษต้นนี้ก็จะตกเป็นของนางอย่างแน่นอน
ด้านในตันเถียนของหลิงฮัน แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีชิ้นที่สามปรากฏขึ้นมา ซึ่งส่งผลให้เกิดการแบ่งแยกอาณาเขตกับแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอีกสองทันที
คิดว่าเป็นไปได้งั้นรี ที่เพลิงเก้าสวรรค์และวารีพลังหยินเร้นลับ จะยอมยกอาณาเขตภายในตันเถียนให้ง่ายๆ?
แน่นอนว่าต้องมีการปะทะกันเกิดขึ้นอยู่แล้ว แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีทั้งสาม เข้าน้ํานั่นกันอย่างดุเดือด ก่อนที่สุดท้ายจะตกลงแบ่งพื้นที่เป็นสามส่วนเท่าๆ กัน
แก่นพลังอสนีนั้นน่าอนาถเป็นอย่างมาก ตอนนี้พื้นที่ภายในตันเถียนที่มันครอบครองอยู่นั้น เหลืออยู่ไม่ถึงสามหรือสี่ส่วนจากร้อยส่วนเสียด้วยซ้ํา
หลิงฮันยื่นมือซ้ายออกไปและโคจรพลังในใจ ตราประทับรูปต้นกล้าปรากฏขึ้นบนหน้าผาก ของเขา พร้อมกับพลังที่ไม่คุ้นเคยได้พรั่งพรูออกมา มือของเขาพัวพันไปด้วยแสงสีเขียวมรกตที่อัดแน่นไปด้วยพลังชีวิตอันไร้ที่สิ้นสุด
นี่คือพลังของพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธ ซึ่งเป็นความสามารถฟื้นฟูอันทรงพลัง
พฤกษาต้นกําเนิดต้นนี้อยู่ในสภาพแวดล้อม ที่ถูกอสนีบาตผ่าใส่ และถูกเปลวเพลิงแผดเผาอยู่ตลอดเวลา การที่มันยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นแล้วว่ามันมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งขนาดไหน
ความสามารถของมันไม่ใช่แค่ใช้ฟื้นฟูบาดแผลของตนเอง แต่ยังสามารถใช้ฟื้นฟูให้กับคนอื่นได้ด้วย
หลิงฮันฉุกคิดขึ้นมาได้ หากใช้ความสามารถนี้ควบคู่ไปด้วยคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ความสามารถในการฟื้นฟูตนเองของเขาจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์มีต้นแบบมาจากทักษะบ่มเพาะนิรันดร์มากมาย และถูกผสานรวมเข้าด้วยกันโดยการตระหนักรู้ของมหาปราชญ์สวรรค์ จนเกิดเป็นทักษะบ่มเพาะขึ้นมา เพราะงั้นอํานาจของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี จึงสามารถเสริมแกร่งอํานาจของมันให้เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างแน่นอน
ทักษะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ มีความโดดเด่นในเรื่องของการป้องกันและการฟื้นฟู ถ้าหากหลิงฮันได้ครอบครองแก่นกําเนิดธาตุปฐพีในภายหลังล่ะก็ความสามารถในการป้องกันของเขาก็จะสูงขึ้นอีกเช่นกัน
“หลิงฮัน ตอนนี้เจ้ามีแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีถึงสามแล้ว!” ฮูหนิวกล่าวด้วยความตื่นเต้น นางไม่รู้สึกผิดหวังใดๆเลยแม้แต่น้อย ที่หลิงฮันเป็นคนได้ครอบครองพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธ
ในอีกด้าน จักรพรรดินีเองก็ยิ้มแสดงความยินดีให้กับหลิงฮันเช่นกัน
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นศูหนิว หรือจักรพรรดินีที่ได้แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีนี้ไปครอบครองล่ะก็ หลิงฮันเองก็จะรู้สึกยินดีกับพวกนางอย่างไม่คับแค้นใจใดๆเลยเหมือนกัน เนื่องจากทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน
แต่แน่นอนว่าฮูหนิวกับจักรพรรดินี จะรู้สึกยินดีต่อกันหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ทางด้านของธิดาโรว ถึงแม้นางจะรู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย แต่นางก็ต้องประหลาดใจเหมือนกัน ที่ตนเองไม่รู้สึกริษยาใดๆเลย นางถอนหายใจในใจ ดูเหมือนนางจะรู้สึกชอบพอบุรุษที่เป็นศัตรูผู้นี้ไปเสียแล้ว เพราะไม่อย่างนั้นมีรีที่นางจะไม่รู้สึกริษยาอีกฝ่าย?
“ได้เวลากลับกันเสียที”
ถึงแม้พวกเขาจะใช้เวลากว่าแปดสิบปีกว่าจะมาถึงตรงนี้ แต่เวลาส่วนใหญ่ก็ใช้ไปกับการศึกษาแก่นแท้แห่งเต๋า และทักษะเก้าดาบพินาศสวรรค์ เพราะงั้นระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางกลับจึงสั้นเป็นอย่างมาก เพียงแค่สามเดือน พวกเขาก็มุ่งหน้ากลับมาถึงทางเข้าหุบเขา
“ในการเดินทางครั้งนี้มีอัจฉริยะมากมายถูกสังหาร หากข่าวแพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะต้องเกิดความโกลาหลขึ้นเป็นแน่” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ําเสียงทอดถอนใจ
อัจฉริยะจํานวนมากมายถูกสังหารโดยจี่อี้หมิง และอีกหกคนถูกหลิงฮันสังหาร ตอนนี้จักรพรรดิของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋ง จึงเหลืออยู่เพียงห้าถึงหกคนเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ต่างไปจากอาณาเขตสวรรค์ไม่อันมากนัก
ยิ่งกว่านั้นในหมู่จักรพรรดิห้าถึงหกคน ก็ยังมีส่วนหนึ่งที่เป็นร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์อีกด้วย อัจฉริยะที่ไต่เต้าขึ้นมาเป็นจักรพรรดิ ด้วยความสามารถของตนเองนั้น กล่าวได้ว่าตอนนี้เหลืออยู่น้อยนิดมาก
ความเสียหายในครั้งนี้ ไม่รู้ว่าอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ กว่าจะฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ให้กลับมาอีกครั้งได้