ตอนที่ 12 ดอกฉยงฮวาในกระถางคริสตัล
หลังจากพ่อบ้านมองดูบอดี้การ์ดส่งมู่เถาเยาสองศิษย์อาหลานออกไปจนลับสายตา เขาก็รีบวิ่งกลับเข้าไปในคฤหาสน์หยิบโทรศัพท์พิเศษขึ้นมาต่อสายไปยังตระกูลตี้ในเมืองหลวงทันที
“นายท่าน นายน้อย เขา…เขา…” น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด ทำให้เสียงเขาสะอื้นจนพูดไม่เป็นคำ
เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของพ่อบ้านที่ปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์ หัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ คิดว่าลูกชายคนเล็กของตัวเองคงจะไม่สามารถทนผ่านช่วงเวลาเลวร้ายไปได้ จึงวางสายทันทีและรีบต่อสายถึงทุกคนในตระกูลตี้ให้นั่งเครื่องบินส่วนตัวตรงไปยังเมืองเย่ว์ตูเดี๋ยวนั้น
พ่อบ้านที่ถูกตัดสายตะลึงค้างไป
ทำไมจู่ๆ นายท่านถึงวางสายเขา สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน! ในอดีตทุกครั้งที่เขาโทรไปรายงานเกี่ยวกับสภาพร่างกายของนายน้อย นายท่านก็มักจะรับฟังอย่างระมัดระวังทุกครั้ง!
หลังจากจ้องโทรศัพท์สักพัก เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงถูกตัดสาย
เป็นไปได้ไหมว่าท่านราชากำลังติดประชุมกับผู้นำต่างประเทศอยู่ ถ้างั้นรอสายหน่อยค่อยโทรไปรายงานข่าวที่น่ายินดีนี้ให้กับทุกคนฟังก็แล้วกัน
พ่อบ้านปาดน้ำตา ฮัมเพลง ขยับเอวแล้วเดินออกจากบ้านไปหานายน้อยของเขา
นายน้อยยังคงมีเพียงลูกตาคู่เดียวที่สามารถเคลื่อนไหวได้ เปลวไฟร้อนระอุลุกโชนอยู่ในดวงตาฟินิกซ์คู่งามนั้น
พ่อบ้านเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่วัยแบเบาะ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเวลานี้ในใจเขากำลังคิดอะไรอยู่
ดังนั้นจึงเกลี้ยกล่อมเขาไปว่า “นายน้อย หมอเทวดาน้อยมู่ย่อมมีเหตุผลให้ทำแบบนี้ คุณก็ทำตัวดีๆ ว่าง่ายสักหน่อยเถอะ รอร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้วจะซิกแพ็กหรือเอทแพ็กก็สร้างได้ทั้งนั้น”
นี่เป็นสิ่งที่นายน้อยของเขาหมกมุ่นไม่ยอมเลิกรา
นายน้อย ตั้งสิบแปดปีแล้ว นายยังเชื่อว่าร่างกายนี้จะสามารถรักษาให้หายได้เหรอ ความผิดหวังที่ผ่านมายังไม่เพียงพออีกเหรอ!
พ่อบ้าน “นายน้อย หมอเทวดาน้อยมู่บอกแล้วว่าทักษะศักดิ์สิทธิ์โบราณหุยหยางสามารถรักษาคุณได้”
ไป๋เฮ่าอวี๋ “…”
คำพูดจริงๆ ของหมอเทวดาน้อยคือ…รอดูผลลัพธ์หลังจากนี้หนึ่งเดือนก่อนค่อยว่ากัน
อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยก็ยังมีความหวัง
นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ
ปล่อยให้พ่อบ้านพูดไร้สาระกับนายน้อยที่ส่งกระแสจิตสนทนากันไป หลังจากนั้นไม่กี่นาทีร่างกายของนายน้อยก็สามารถกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง
หลังจากแต่งตัวเสร็จ เขาก็สะบัดเสื้อหน้าบึ้งเดินจากไปด้วยความโกรธ
ร่างกายที่ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายของเขาถูกคนอื่นๆ เห็นจนหมดแล้ว ทั้งหมดต้องโทษยัยเด็กนั่น
พ่อบ้าน ไป๋เฮ่าอวี๋ และบอดี้การ์ดรีบวิ่งไล่ตามหลังเขาออกไป
“มื้อเที่ยงนี้ฉันจะกินซาลาเปา!” ซาลาเปาที่เหมือนกับแก้มย้วยๆ ของสาวน้อยคนนั้น!
กลับเข้ามาในห้อง พ่อบ้านและไป๋เฮ่าอวี๋ก็มองหน้ากัน ทั้งคู่สามารถมองเห็นความสุขในดวงตาของกันและกันได้อย่างชัดเจน
“นายน้อย ร่างกายของคุณรู้สึกยังไงบ้าง เหนื่อยไหม”
ในยามปกติ หากเดินเร็วขนาดนี้คงต้องมีอาการหายใจไม่ออกให้เห็นบ้าง แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาจะเดินกลับเข้าห้องมาอย่างรวดเร็ว กระทั่งลมหายใจก็ยังมั่นคงไม่ได้หอบหนักอย่างที่ควรจะเป็น
นายน้อยชะงักไป มีความสับสนปรากฏขึ้นในดวงตาเรียวคมน่ามองของเขา
ตั้งแต่เขาได้พบกับสาวน้อยคนนั้น ดูเหมือนเขายังไม่ได้ไอเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ไป๋เฮ่าอวี๋มองไปที่นายน้อยอย่างคาดหวังและพูดว่า “หรือไม่ให้ฉันลองตรวจร่างกายของคุณสักครั้งได้ไหม”
“เอาสิ มาดูกันว่าทักษะศักดิ์สิทธิ์โบราณหุยหยางของสาวน้อยคนนั้นดีจริงไหม!”
นายน้อยลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปที่ตึกสีขาวหลังเล็ก
อาคารขนาดเล็กนี้เป็นห้องปฏิบัติการที่มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก
หลังจากไป๋เฮ่าอวี๋ตรวจร่างกายของนายน้อยเสร็จ ค่าต่างๆ ที่ปรากฏออกมาทำให้คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย
“เห็นอยู่ชัดๆ ว่าร่างกายของนายน้อยแตกต่างออกไป แต่ทำไมค่าเหล่านี้ถึงไม่เปลี่ยนแปลงเลย”
พ่อบ้านรีบถาม “มีอะไรเหรอ”
“ไม่เปลี่ยนแปลง ยังเหมือนเดิมทุกประการ สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ยังไง นายน้อย คุณรู้สึกดีขึ้นหลังจากฝังเข็มไหม หมอเทวดาน้อยพูดอย่างชัดเจนแล้วนี่ว่ามันได้ผล”
“…ไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ แค่เหนื่อยน้อยลง”
“งั้นก็ถูกต้องแล้ว แต่ทำไมเครื่องมือถึงตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น”
พ่อบ้าน “คงไม่ใช่ว่ามีอะไรผิดปกติกับอุปกรณ์หรอกนะ”
ไป๋เฮ่าอวี๋ปฏิเสธทันที “เป็นไปไม่ได้ ฉันตรวจเช็กมันทุกวัน นอกจากนี้ก็เป็นแบบนี้มาสิบแปดปีแล้ว ไม่ใช่ว่าหมอทุกคนและทุกโรงพยาบาลจะมีปัญหาเหมือนกันหมด”
พ่อบ้านพยักหน้า ใช่ มันเป็นแบบนี้มาตลอด
นายน้อยโบกมือ “งั้นอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้เราค่อยมาดูกัน” เขารู้ดีที่สุดว่าร่างกายของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
ไป๋เฮ่าอวี๋ “นายน้อย คุณต้องการให้เราตรวจสอบประวัติของหมอเทวดาน้อยไหม”
สถานะของนายน้อยของเขานั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นจะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้
“ไม่ต้อง ผู้อาวุโสหยวนไว้ใจได้”
ไม่เพียงแต่เขาเคยช่วยชีวิตปู่ของเขาเท่านั้น แต่ยังช่วยชีวิตแม่ของเขาไว้ด้วย ถ้าคนที่ช่วยชีวิตครอบครัวเขามาหลายครั้งแล้วไม่สามารถไว้ใจได้ ใครจะไว้ใจได้อีก
ทั้งไป๋เฮ่าอวี๋และพ่อบ้านพยักหน้า
ทั้งสามคนเดินออกจากห้องปฏิบัติการและกลับไปยังเส้นทางเดิม
“ลุงจง หาหนังสือมาให้ผมอีกสักชุดสิ”
“นายน้อย คุณอ่านหนังสือใหม่ในห้องพวกนั้นจบแล้วเหรอ”
“ผ่านไปตั้งหนึ่งเดือนแล้วยังกล้าพูดว่าเป็นหนังสือใหม่อีกเหรอ”
ไป๋เฮ่าอวี๋ “…”
เขาอาจไม่ใช่แพทย์อัจฉริยะแต่เป็นไอ้โง่ มิฉะนั้นเมื่อเทียบกับนายน้อยที่ทั้งป่วยและอ่อนแอ ทำไมเขาถึงล้าหลังขนาดนี้!
แม้ว่าเขาจะอ่านหนังสือทุกวันวันละสิบชั่วโมง อย่างต่ำก็ต้องใช้เวลาราวปีหนึ่งมั้งกว่าจะอ่านกองหนังสือในห้องพวกนั้นหมด
แต่นายน้อยอ่านพวกมันจนหมดภายในหนึ่งเดือน! ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า!
เกิดมาหน้าตาดีกว่าใครเขาก็ช่างเถิด ยังได้สมองที่เก่งพอๆ กับคอมพิวเตอร์มาอีก!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะมีสุขภาพไม่ดี ต้องเป็นเพราะพระเจ้าอิจฉาในความสมบูรณ์แบบของเขาแน่ๆ!
“นายน้อย จะหนังสือประเภทไหนก็ได้หมดเหรอครับ”
“อืม เพิ่มพวก…ศิลปะการต่อสู้เข้าไปด้วย” รอเขาเรียนรู้เทคนิคการสกัดจุดชีพจรก่อนเถอะ จะเล่นงานสาวน้อยคนนั้นให้ขยับไม่ได้ไปทั้งวัน อ้อ ไม่สิ สิบวันเลย!
ไป๋เฮ่าอวี๋ “นายน้อย ร่างกายของคุณยังไม่สามารถออกแรงมากๆ ได้ คุณควรรอให้ตัวเองฟื้นตัวขึ้นอีกสักระยะก่อน จะทำร้ายร่างกายตัวเองไม่ได้”
พ่อบ้านที่ชื่อลุงจงพยักหน้าเห็นด้วย ร่างกายที่อ่อนแอของนายน้อยนั้นไม่สามารถทนต่อแรงกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อยได้
“…ฉันก็แค่จะอ่านและบันทึกพวกมันไว้ในหัวก่อน” อย่างไรเสียนานแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันลืม
เขาไม่เคยลืมเนื้อหาในหนังสือที่เขาเคยอ่านตั้งแต่ยังเด็ก คอมพิวเตอร์บางครั้งยังไม่มีความสามารถเท่าสมองเขาเลย
ทั้งสามคนเดินไปที่อาคารหลัก พ่อบ้านแยกตัวไปที่ห้องครัว ไป๋เฮ่าอวี๋ไปรวมตัวกับคนอื่นๆ ที่ห้องนั่งเล่นเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและเตรียมวางแผนการรักษา ส่วนนายน้อยก็กลับไปที่ห้องของเขา
หลังจากปิดประตู ดวงตาที่งดงามคู่นั้นก็เศร้าหมองลง
เป็นเวลาหลายปีที่เขาเอาแต่อ่านหนังสือเบ็ดเตล็ดและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยนับไม่ถ้วน และในที่สุดก็พบร่องรอยของสาเหตุที่ทำให้เขามีร่างกายที่ผิดปกติ
นิ้วเรียวยาวยื่นไปสัมผัสพืชโปร่งใสในกระถางดอกไม้คริสตัลที่ตั้งอยู่ตรงขอบหน้าต่าง “เหอะ เสี่ยวฉยง สาวน้อยคนนั้นจะรักษาฉันให้หายดีได้ยังไง”
ดอกฉยงฮวาเขย่าร่างกายของมันไปมาด้วยความโกรธ ฉยงฮวา! ฉยงฮวา! ฉันชื่อฉยงฮวา! ไม่ใช่เสี่ยวฉยง!
ถ้าหากว่ามันมีดวงตาเหมือนกับมนุษย์ มันคงกลอกตามองบนใส่เจ้านายของมันสักหลายๆ รอบ
“ร่างกายของฉันไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร ต่อให้เป็นหมอเทวดาก็ทำได้เพียงรักษาโรค เธอไม่ใช่นางฟ้าสักหน่อย”
ดอกฉยงฮวา เจ้านาย คุณไม่ตายหรอก
“วันนี้ก่อนที่เธอจะมา ฉันรู้สึกว่าตัวเองอาจจะตายได้ทุกเมื่อ ที่แปลกคือกลิ่นอายรอบตัวของสาวน้อยคนนี้กลับทำให้ฉันรู้สึกสบายตัวมากๆ เสี่ยวฉยง แกคิดว่าเธอเป็นภูติซาลาเปาน้อยหรือเปล่า”
ดอกฉยงฮวา ภูติซาลาเปาน้อย? มันคืออะไร?
“อ้อ หรือบางทีอาจจะเป็นภูติดอกท้อ? ไม่อย่างนั้นทำไมเธอถึงชื่อมู่เถาเยา ผู้อาวุโสหยวนเก็บเธอได้ก็น่าจะตั้งชื่อเธอโดยใช้แซ่ของเขาสิ”
ดอกฉยงฮวา ฉันจะไปรู้ได้ยังไง!
“ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ! เหมือนกับที่ฉันสามารถสื่อสารกับพืชและสัตว์ได้ เพราะมีพลังพิเศษนี้อยู่ร่างกายก็เลยเป็นแบบนี้ แกว่าพระเจ้าปฏิบัติต่อฉันดีหรือไม่ดีกันแน่”
ดอกฉยงฮวา ก็พูดยากนะ
ถ้าบอกว่าดี ‘เขา’ เป็นมนุษย์เพียงคนเดียวจากทั้งหมดสองหมื่นกว่าล้านคนที่สามารถสื่อสารกับพืชและสัตว์ได้ ถ้าบอกว่าไม่ดี อืม เจ้านายของมันไม่เคยแม้แต่จะได้เพลิดเพลินกับชีวิตของคนปกติทั่วไป และเขาอาจตายได้ทุกเมื่อ…
จากมุมมองนี้ เจ้านายของมันก็มีชะตาชีวิตที่ยากลำบากจริงๆ
ถ้าเจ้านายตาย มันจะไปหามนุษย์ที่สื่อสารกับตัวเองได้จากที่ไหนอีก
สื่อสารไม่ได้ คนอื่นก็จะโยนมันทิ้งเหมือนเป็นดอกไม้พลาสติก ไม่ต้องพูดถึงการเลี้ยงดูด้วยคริสตัล!
เฮ้อ ดอกไม้เช่นข้าล่ะปวดหัวจริง!