ตอนที่ 19 การหายตัวไปหลังเล่นซ่อนหา
“พี่หวังกับพี่หลี่กลับมาแล้ว คราวนี้ได้มาสองคนเลย?”
“ฮ่าฮ่า โชคดีน่ะ” ชายวัยกลางคนที่ชื่อว่าพี่หลี่หัวเราะเสียงดัง
“คราวนี้ทำเงินได้เยอะแน่ๆ”
“น้องหลินกับน้องจางก็ทำงานกันอย่างหนักทั้งวันเพื่อเฝ้าลูกแกะพวกนี้ รอขายของชุดนี้ออกไปก่อนเดี๋ยวฉันเลี้ยงเหล้าดีๆ พวกแกสักขวด” พี่หลี่ขยิบตาให้ชายฉกรรจ์ร่างสูงแข็งแรงสองคนที่ยืนเฝ้าประตูอยู่
“ตกลง” ประเด็นสำคัญคือไม่ใช่แค่มีเหล้าดีแต่ยังมีหญิงสาวสวยๆ อีกด้วย
อีหนูเอ๊าะๆ พวกนี้ทำได้แค่มองแต่ห้ามแตะต้อง มันทำให้หัวใจของพวกเขาอึดอัดจนอยากจะปลดปล่อยเต็มแก่แล้ว
หญิงวัยกลางคนที่ชื่อพี่หวังถ่มน้ำลายใส่ทั้งสามคน “สันดาน!”
หลังจากที่มู่เถาเยาถูกวางลงกับพื้น เธอก็ลืมตาขึ้นมาทันที
กลุ่มผู้ค้ามนุษย์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
พี่หวัง “ดูท่าจะใส่ยาสลบน้อยไปหน่อย”
พี่หลี่ “ยังไงซะเราก็จับหล่อนยัดเข้าไปในห้องขังนั้นได้แล้วนี่ ตื่นก็ตื่นสิ กะอีแค่เด็กสาวอายุสิบห้าสิบหกปีคนหนึ่งคิดว่าจะหนีรอดจากผู้คนจำนวนมากไปได้เหรอ”
“มีพวกเราพี่น้องยืนเฝ้าประตูนี้อยู่ ฉันรับประกันได้เลยว่าแม้แต่แมลงวันสักตัวก็บินหนีออกไปไม่ได้” เสี่ยวจางตบหน้าอกของเขาแล้วพูดเสียงดัง
เสี่ยวหลินพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย พวกเขาสองพี่น้องอาศัยทักษะมวยกังฟูในการเลี้ยงชีพมาตั้งนานแล้ว
ภายในห้อง มีเด็กชายอายุสามสี่ขวบสองคนและเด็กหญิงตัวเล็กๆ อีกหนึ่งคน เมื่อพวกเขาเห็นคนที่มักจะจูงสุนัขมาข่มขู่พวกเขา พวกเขาก็กอดกันกลมและเริ่มร้องไห้
เสี่ยวหลินตะคอกด้วยความโกรธ “หุบปาก ห้ามร้องไห้! ไม่งั้นฉันจะลากสุนัขขึ้นมาแล้วกัดใครก็ตามที่ร้องไห้!”
เด็กทั้งสามคนยกมือขึ้นปิดปากน้อยๆ ด้วยความหวาดกลัว น้ำตาเม็ดโตหยดแหมะ ได้แต่สะอื้นแต่ไม่กล้าส่งเสียงร้อง
สุนัขตัวใหญ่ตัวสูงกว่าพวกเขา มันดุร้ายมาก! และไม่น่ารักเท่ากับสุนัขของพวกเขาเลย!
เด็กหญิงตัวเล็กพยายามกลั้นเสียงสะอื้นของเธอ น้ำเสียงเล็กๆ พูดออกไปว่า “คุณลุงคะ หนูไม่อยากเล่นซ่อนหาแล้ว หนูคิดถึงพ่อกับแม่”
เด็กชายอีกสองคนเองก็บอกว่าพวกเขาคิดถึงพ่อแม่และคุณปู่คุณย่าของพวกเขา
อนิจจาเด็กน้อยพวกนี้อายุยังน้อย พวกเขาจึงไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาเล่นซ่อนหานานขนาดนี้แล้วแต่พ่อแม่ยังไม่มาตามพวกเขากลับไปอีก
หญิงวัยกลางคนยกยิ้มอย่างใจดีทันที “เด็กๆ หยุดร้องไห้กันก่อนเถอะนะ ถ้าพ่อแม่ของพวกหนูยังไม่มาตามหาพวกหนูในอีกสองสามวัน ป้าจะพาพวกหนูกลับบ้านเอง ทำตัวดีๆ ล่ะรู้ไหม”
“คุณป้าคะ บอกแม่ให้หาหนูเร็วๆ นะคะ หนูจะไม่ซ่อนแล้ว” ขนตาของเด็กหญิงตัวน้อยยังคงมีคราบน้ำตาเกาะอยู่
“ตกลง หนูเป็นเด็กดีเล่นกับพี่สาวและน้องชายคนนี้ไปก่อนอีกสองวันนะ จากนั้นป้าจะส่งหนูกลับบ้าน”
เด็กน้อยทั้งสามคนผงกหัวเล็กๆ ตอบอย่างเชื่อฟัง
หญิงวัยกลางคนหลังปลอบโยนเด็กๆ เสร็จ เธอก็หันไปหามู่เถาเยาที่ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “สาวน้อย ถ้าเธอพอมีสมองอยู่บ้างก็อยู่อย่างเชื่อฟังซะ จะได้ไม่เจ็บตัว”
“ฉันจะเชื่อฟัง”
แล้วมารอดูกันว่าเหลืออยู่อีกกี่คน เธอจะได้รวบจับให้หมดในคราวเดียว อย่างไรก็ตามเธอต้องระวังไม่ให้เด็กๆ ได้รับบาดเจ็บหรือแม้กระทั่งมีบาดแผลทางจิตใจด้วย
หญิงวัยกลางคนรู้สึกพอใจมากและเดินออกไปพร้อมกับชายทั้งสามคน
“เสี่ยวหลิน พี่เถียนอยู่ไหน”
“พี่เถียนเพิ่งเก็บชามข้าวของพวกเด็กเหลือขอไม่กี่คนนี้ออกไป”
พี่หลี่ “อีกเดี๋ยวให้เธอหารองเท้ามาให้ไอ้เด็กนั่นใส่หน่อย ตอนมันดิ้นหนีรองเท้าของมันหลุดฉันก็เลยโยนมันลงชักโครกไปแล้ว” ใครจะรู้ว่ารองเท้ากับถุงเท้าจะหลุดออกมาตอนเขาอุ้มเด็กนี่มา
เพื่อประหยัดเวลา เขาก็เลยไม่ได้ช่วยใส่กลับเข้าไปให้
เสี่ยวหลิน “ได้”
พี่หวังเอ่ยเตือนเขาว่า “สาวน้อยคนนั้นฉลาดมาก จับตาดูให้ดีล่ะ”
“พี่หวังอย่ากังวลไปเลย ไม่ว่าเธอจะฉลาดแค่ไหนเธอก็ไม่สามารถเปิดประตูนี้ได้หรอก” ประตูบานเดียวของห้องนี้เปิดได้จากข้างนอกเท่านั้น
“ยังไงซะระวังไว้ก่อนดีกว่า”
“ได้ครับพี่”
หลังจากที่พวกเขาออกไป บานประตูก็ปิดลง มู่เถาเยามองดูเด็กๆ แล้วเขยิบไปจับชีพจรให้เด็กชายที่ถูกพามาพร้อมกันกับเธอ
อีกครึ่งชั่วโมงเขาก็น่าจะตื่นขึ้นมา
เด็กน้อยทั้งสามคนเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของมู่เถาเยาอย่างอยากรู้อยากเห็น
“พี่สาว พี่กับน้องชายก็มาเล่นซ่อนหาด้วยเหมือนกันเหรอ”
มู่เถาเยา “…ใช่ พี่สาวและน้องชายคนนี้มาที่นี่เพื่อเล่นกับพวกเธอ”
เด็กหญิงตัวเล็กๆ ตบมืออย่างมีความสุข “ดีเลยๆ งั้นพี่สาวกับน้องชายมาเล่นด้วยกันนะคะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่เถาเยาพลันเลือนหาย
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เด็กอายุน้อยขนาดนี้ยังไม่รู้ความ เธอจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะสร้างบาดแผลทางจิตใจให้พวกเขา
“หนูชื่ออะไรเหรอคะ”
“พี่สาว หนูชื่อจยาเย่ว์”
“โอเค เอาล่ะ งั้นจยาเย่ว์พ่อแม่ของหนูชื่ออะไร”
“พ่อของหนูชื่อหงเทา แม่ของหนูชื่อหลัวฉี่อวี้ พี่สาวรู้จักคุณพ่อคุณแม่ของหนูด้วยเหรอคะ”
“รู้จักสิคะ เพราะงั้นพี่สาวถึงมาเล่นซ่อนหากับพวกหนูที่นี่ไง” ถ้ารู้จักฉันยังต้องถามอีกไหมล่ะ!
มู่เถาเยาหันไปมองเด็กน้อยตัวอ้วนข้างๆ เธอต่อแล้วถามว่า “แล้วหนูล่ะครับ หนูชื่ออะไร”
“พี่สาว ผมชื่อลั่วปู้อวี๋ พ่อผมชื่อลั่วอัน แม่ผมชื่อซย่าซือเหมี่ยว”
“พี่สาว ผมชื่อเสิ่นเจียวหยาง พ่อผมชื่อเสิ่นรุ่ย แม่ผมชื่อกันลู่”
เด็กน้อยอีกคนไม่รอให้มู่เถาเยาถาม เขาก็แนะนำตัวออกมาเองแถมยังถามมู่เถาเยากลับด้วยว่า “พี่สาวล่ะครับชื่ออะไร”
“มู่เถาเยา”
เสิ่นเจียวหยางถามต่อ “พี่สาว น้องชายตัวน้อยหลับอยู่เหรอครับ”
“อืม แต่อีกสักพักเขาก็ตื่นแล้ว เสิ่นเจียวหยาง หนูบอกพี่ได้ไหมว่าหนูเล่นซ่อนหากับคุณพ่อคุณแม่ของหนูได้ยังไง”
มู่เถาเยาไม่รู้จักเสิ่นเจียวหยาง แต่เธอรู้จักเสิ่นรุ่ย เขาเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเซินหัวเชียวนะ!
“คุณแม่พาผมไปกินข้าวเย็นที่ร้านเคเอฟซี จากนั้นคุณลุงก็เข้ามาแล้วบอกผมว่าให้เล่นซ่อนหากับคุณแม่ ผมก็เลยออกไปข้างนอกกับคุณลุง”
มู่เถาเยาพูดไม่ออก เธอคิดว่าเด็กคนนี้ค่อนข้างฉลาดแต่ว่า…
หลังจากถามพวกเขาอีกสองสามคำถาม เธอก็พบว่าเด็กๆ ถูกล่อลวงมาด้วยลูกไม้เดิมๆ
สีหน้าของมู่เถาเยาสุดจะพรรณนา
พ่อแม่สมัยนี้เขาไม่สอนลูกกันแล้วหรือว่าห้ามเดินตามคนแปลกหน้า เล่นซ่อนหาบ้าอะไร อมยิ้มอะไร ลูกโป่งอะไร แค่นี้ก็หลอกเด็กให้เดินตามไปได้แล้ว?
นอกจากนี้ เด็กเล็กขนาดนี้พวกเขากล้าปล่อยให้คลาดสายตาได้ยังไง
นับแต่สมัยโบราณกาลมาจำนวนของเด็กหายมีแทบนับไม่หวาดไม่ไหว
แม้แต่ตอนนี้ก็ยังเห็นข่าวอยู่เนืองๆ ว่าครอบครัวประกาศตามหาเด็กที่หายตัวไปแล้วนับสิบปี เช่นนี้แล้วทำไมพ่อแม่ยังไม่เพิ่มความตระหนักในการป้องกันในเรื่องนี้อีก?
มู่เถาเยาพูดคุยกับเด็กๆ ต่ออีกพักหนึ่ง แต่ข้อมูลที่เธอได้รับก็มีจำกัดมาก
เด็กอายุสามหรือสี่ขวบไม่เข้าใจอะไรเลย จำอะไรไม่ได้ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขามาที่นี่ได้อย่างไร
พวกมันอาจใช้วิธีเดียวกับที่พาเธอมาที่นี่ ไม่งั้น เด็กที่ตื่นขึ้นมาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพวกเขากำลังนั่งอยู่ในรถ
มู่เถาเยาปล่อยให้เด็กน้อยสองสามคนมุงดูเด็กที่หมดสติ เธอลุกขึ้นเดินสำรวจรอบๆ ห้อง และพบว่าห้องนอนนี้มีขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่าห้องนอนใหญ่ของห้องชุดทั่วไป และการตกแต่งก็ดูหรูหรามากเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หน้าต่างทุกบานถูกปิดสนิทและไม่สามารถมองเห็นข้างนอกจากด้านในได้เลย และฉนวนกันเสียงก็ดีมาก ขนาดเธอที่มีประสาทในการได้ยินดีเยี่ยมก็ยังไม่ได้ยินเสียงจากข้างนอก
มู่เถาเยาบอกไม่ได้ว่าเธออยู่ที่ไหน เธอได้แต่เดาว่าแหล่งกบดานนี้อาจเป็นบ้านพักของกลุ่มแก๊งค้ามนุษย์หรือคฤหาสน์ส่วนตัวของเถ้าแก่อะไรสักอย่าง
นี่ก็เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเช่นกัน
ไม่แปลกใจเลยที่ยังจับผู้กระทำผิดซ้ำพวกนี้ไม่ได้
ใครจะคิดว่าแก๊งค้ามนุษย์จะใจกล้าถึงขนาดซ่อนคนไว้ในบ้านตัวเอง
บางทีผู้นำแก๊งค้ามนุษย์คนนี้อาจมีตัวตนอื่นที่ชัดเจนจนสามารถปิดหูปิดตาคนภายนอกได้?
ทันทีที่มู่เถาเยาเดินกลับมารวมตัวกับเด็กๆ ที่กลางห้อง ประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก
หญิงวัยกลางคนอีกคนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเดินเข้ามาพร้อมรองเท้าและถุงเท้าเล็กๆ คู่หนึ่ง แล้วโยนมันให้มู่เถาเยา “ใส่ให้เขาซะ”
มู่เถาเยาแสร้งทำเป็นขี้ขลาด เธอพูดกับหญิงที่มีหน้าตาอมทุกข์ว่า “ช่วยหาอะไรให้น้องชายของฉันกินหน่อยได้ไหมคะ เขายังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย”
“งั้นรอเดี๋ยว” หญิงวัยกลางคนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เธอก็รู้ด้วยว่าถ้าปล่อยให้ลูกหมีเหล่านี้หิว พวกเขาจะร้องไห้งอแงซึ่งมันน่ารำคาญยิ่งกว่า
แม้ว่าเธอจะไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของพวกเขาจากข้างนอก แต่เธอก็ยังรู้สึกรำคาญ ไม่ใช่ลูกของเธอสักหน่อย อาศัยอะไรมาให้เธอคอยปลอบคอยโอ๋?
มู่เถาเยามองตามแผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้นด้วยรอยยิ้มเย็น
หญิงวัยกลางคนที่เพิ่งเดินไปถึงหน้าประตูรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นจากปลายเท้าไปจนถึงกระดูกสันหลังโดยไม่มีเหตุผล