ตอนที่ 43 กำเนิดเป็นบุตรแห่งสวรรค์ใช่สูงศักดิ์
วันต่อมา วันนี้เป็นวันอาทิตย์
ขณะที่มู่เถาเยากำลังตรวจสอบกล่องยาขนาดเล็กของเธอ สมาชิกทั้งสามคนของครอบครัวเฉิงหรานก็มาหาเธอถึงที่หน้าประตู
“ศิษย์พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ”
“วันนี้ฉันจะไปที่เขตเซิ่งซื่อฉางอันเป็นเพื่อนเธอ พี่สะใภ้กับอันนั่วอีกประเดี๋ยวยังต้องไปที่บ้านป้าของเขาที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของเมือง พอดีว่าลูกพี่ลูกน้องของอันนั่วที่ทำงานอยู่ที่เมืองหลวงปีนี้ลาหยุดได้ ก็เลยพาตัวแฟนสาวมาเปิดตัวให้ทุกคนได้รู้จัก”
“ถ้าอย่างนั้นศิษย์พี่ใหญ่ก็ไปด้วยเลยสิคะ ฉันนั่งแท็กซี่ไปที่เขตเซิ่งซื่อฉางอันเองได้ ถึงเวลากลับ พวกเขาจะขับรถมาส่งฉันกลับเอง”
“ไม่รีบร้อน รอเธอรักษาให้นายน้อยตระกูลตี้เสร็จฉันค่อยแวะไปหาพวกเขาที่บ้านก็ได้ ฉันอยากเห็นพลังของทักษะหุยหยางมานานแล้ว”
แม้ว่าเขาจะเคยเห็นศิษย์น้องหญิงเล็กฝังเข็มให้กับอาจารย์และคนอื่นๆ แต่ยิ่งคนมีสุขภาพดีมากเท่าไหร่ ผลของทักษะก็จะยิ่งอยู่ได้นานขึ้น แน่นอนว่ากว่าที่ผลลัพธ์ของมันจะแสดงออกมา ก็ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าจะเห็นผลชัดเจน
“ศิษย์พี่ใหญ่ ไว้ศิษย์พี่ใหญ่ค่อยไปกับฉันอาทิตย์หน้านะคะ อาทิตย์หน้าจะครบรอบฝังเข็มรอบที่สี่พอดี พอหมดรอบการรักษารอบหนึ่งแล้ว เราอาจต้องปรับเปลี่ยนแผนการรักษาอีกเล็กน้อย ถึงตอนนั้นค่อยมาหารือกันว่าจะกำหนดแผนการรักษาขั้นต่อไปอย่างไร”
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักครู่ ก็เห็นว่าสิ่งที่ศิษย์น้องหญิงเล็กพูดนั้นสมเหตุสมผลมาก
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปส่งเธอที่หน้าประตู” เขตนั้นไม่อนุญาตให้รถจากภายนอกเข้าไป
“ตกลงค่ะ”
หลี่อวี้เสวี่ย “เยาเยา ตอนเที่ยงฉันจะให้อันนั่วไปรับเธอมาทานอาหารด้วยกันที่ฝั่งตะวันออกของเมืองนะ”
“ตระกูลตี้ต้องรั้งฉันให้ทานอาหารที่นั่นแน่ค่ะ” เธอยังไม่เบื่อรสชาติอาหารที่พ่อครัวของตระกูลตี้ทำ
“ถ้าอย่างนั้นอาหารเย็นล่ะ”
“พี่สะใภ้ ไม่จำเป็นหรอกค่ะ วัตถุดิบที่มู่อี้ส่งมาให้ยังใช้ไม่หมดเลย ถ้าไม่รีบกินอีก รสชาติคงไม่อร่อยแล้ว”
“นี่…”
“ศิษย์พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ ฉันอายุสิบแปดปีแล้ว ดูแลตัวเองได้”
เธอเคยเป็นถึงจักรพรรดินีและหมอเทวดามาก่อน ทั้งเลี้ยงดูพระอนุชา ทั้งดูแลแว่นแคว้นรวมถึงประชาชนของเธอ…เธอเคยชินกับการดูแลผู้อื่นแล้ว นับประสาอะไรกับการดูแลตัวเองในตอนนี้
ในชีวิตนี้ คนอื่นๆ มักจะกังวลเกี่ยวกับเธอ คอยดูแลเธอ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเล็กน้อย
“เด็กคนนี้ รักอิสระและพึ่งพาตัวเองมากเกินไปแล้ว ตอนอันนั่วอายุเท่าเธอยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย!”
หลี่อวี้เสวี่ยต้องการแลกเปลี่ยนลูกชายของเธอกับลูกสาวจริงๆ !
เฉิงอันนั่ว “…” แม่ครับ ลืมตาพูดโกหกหน้าตายแบบนี้ดีจริงๆ เหรอ
เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถดูแลตัวเองได้ตั้งแต่มัธยมต้นแล้ว!
มู่เถาเยาตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินหลี่อวี้เสวี่ยพูดคำว่า ‘เด็ก’
ใช่สิ อายุสิบแปดปีในยุคสมัยนี้ยังถือว่าเป็นเด็กจริงๆ !
เช่นเดียวกับเซียวเซียวและพวกหมิ่นชีสยาที่ยังไม่สามารถซักเสื้อผ้าของตัวเองได้ดี พวกเขาเป็นแค่เด็กจริงๆ ใช่ไหม
“พี่สะใภ้ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว เราไปกันเถอะ”
“ก็ได้”
เฉิงอันนั่วเดินไปหยิบกล่องยาขนาดเล็กของอาจารย์อาเล็กขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ และเดินตามพวกเขาออกจากประตูไป
สมาชิกครอบครัวสามคนมาส่งมู่เถาเยาที่หน้าประตูเขตพื้นที่วิลล่าเซิ่งซื่อฉางอัน ซึ่งก่อนที่พวกเขาจะจากไป พวกเขาต้องแน่ใจก่อนว่าเด็กสาวขึ้นไปนั่งบนรถของตระกูลตี้โดยมีบอดี้การ์ดเป็นคนขับรถให้ถึงจะจากไปอย่างสบายใจจริงๆ
สวนทางกับรถของครอบครัวเฉิง มู่เถาเยาไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่เห็นเจ้าถุงนมขนาดจิ๋วในรถที่กำลังแล่นไปในทิศทางตรงกันข้ามกัน
“อันเหยี่ย ทำไมหนูถึงยังไม่กลับไปที่เมืองหลวงอีกล่ะคะ”
“อยู่เป็นเพื่อนอาเล็ก”
มู่เถาเยาหยิกแก้มอวบของเขาอย่างหมั่นเขี้ยวและพูดว่า “อาการป่วยของอาเล็กหนูไม่ได้ดีขึ้นในเร็ววันหรอกนะ หนูไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนเขาตลอดเวลาได้ หนูไม่ต้องไปเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาลเหรอ”
“คุณพ่อบอกว่าให้อาเล็กสอนหนังสืออันเหยี่ยก็ได้ แต่ว่า อันเหยี่ยไม่อยากให้อาเล็กสอนเลย”
“ทำไมล่ะ”
“อันเหยี่ยไม่เข้าใจสิ่งที่อาเล็กสอนเลยสักนิด”
บอดี้การ์ดที่ตีหน้าขรึมตลอดเวลาจู่ๆ ก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงเบา
มู่เถาเยาชำเลืองมองไปที่เบาะหน้า
บอดี้การ์ดสองคนที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับและเบาะข้างรีบกลั้นหัวเราะทันที
“พี่สาว กำเนิดเป็นบุตรแห่งสวรรค์ใช่สูงศักดิ์ ยากจนดั่งชนชั้นแรงงานใช่ต่ำช้า ปุถุชนเราสูงต่ำนั้นไซร้หากแบ่งที่ดีชั่วแลกระทำ หมายความว่าอะไรเหรอครับ”
มู่เถาเยา “…นี่คือสิ่งที่อาเล็กหนูสอนเหรอ”
ถุงนมน้อยพยักหน้า
จู่ๆ มู่เถาเยาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมบอดี้การ์ดสองคนถึงหัวเราะ
หนูขาวตัวน้อยของเธอถึงกับสอนเด็กอายุสามขวบถึงปรัชญาของจวงจื่อ!
“อันเหยี่ย แค่หนูจำสองสามประโยคนี้ได้ก็เก่งมากแล้ว”
“แต่อาเล็กบอกว่าอันเหยี่ยโง่โง่” ถุงนมน้อยกำลังจะร้องไห้แล้ว
มู่เถาเยานึกถึงตอนที่พระอนุชาของเธอยังเด็ก เมื่อเธอสอนศาสตร์แห่งการเป็นจักรพรรดิให้กับเขา เขาก็ร้องไห้ด้วยความคับข้องใจและบอกว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เธอสอนเลย มักจะพูดเสมอว่าตัวเองโง่ ไม่สามารถช่วยงานพระเชษฐภคินีได้…
เธอกังวลมากในตอนนั้น เพราะกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ดังนั้นเธอจึงยัดความรู้ทั้งหมดที่มีให้กับพระอนุชาของเธอ…
ถุงนมน้อยเขย่ามือของมู่เถาเยาแล้วเรียกเธอ “พี่สาว?”
มู่เถาเยาลูบหัวน้อยๆ ของเขา “อันเหยี่ยไม่ได้โง่เลย อันเหยี่ยเพิ่งจะอายุสามขวบแต่ก็รู้จักจวงจื่อแล้ว!”
เจ้าตัวเล็กตื่นเต้นทันที “พี่สาว อันเหยี่ยยังรู้จักเล่าจื้อและขงจื้อด้วย!”
เขาจำทุกสิ่งที่อาเล็กสอนเขาได้ แต่เขาแค่ไม่เข้าใจความหมายของมัน
“เสี่ยวอันเหยี่ยของเราเก่งกาจมาก!”
ถุงนมน้อยหัวเราะคิกคัก
จนกระทั่งลงจากรถ สีหน้าของเจ้าตัวเล็กก็ยังเปี่ยมไปด้วยความสุขและอารมณ์ดีจนคนมองอยากยิ้มตามและหัวเราะไปด้วย
ย่าตี้ “อันเหยี่ยของเราแค่ไปรับพี่สาวกลับมาก็ดีใจขนาดนี้เชียว”
“คุณย่าทวดครับ พี่สาวบอกว่าอันเหยี่ยเก่งกาจมาก อาเล็กพูดผิด อันเหยี่ยไม่ได้โง่โง่ อันเหยี่ยน่าทึ่งมาก!”
ปู่ตี้หัวเราะเสียงดัง “แน่นอนว่าอันเหยี่ยของเราต้องยอดเยี่ยมอยู่แล้ว สามารถเชิญพี่สาวหมอเทวดามารักษาให้อาเล็กได้เชียวนะ!”
ถุงนมน้อยเชิดหน้าเล็กๆ ของเขา ดึงมือมู่เถาเยาและวิ่งไปข้างหน้าตี้อู๋เปียน พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “อาเล็ก ต้องขอโทษอันเหยี่ย อันเหยี่ยไม่ได้โง่โง่ อันเหยี่ยฉลาดมาก”
ตี้อู๋เปียนยกมือขึ้นกุมหน้าผาก
“เธอฉลาดเหรอ ตรงไหนกัน เห็นได้ชัดว่าโง่มาก ฉันสอนไปตั้งหนึ่งครั้งแล้วยังทำไม่ได้!”
ถุงนมน้อยไม่ยอมแพ้
“พี่สาวบอกว่าอันเหยี่ยเก่งมาก อาเล็กยังต้องให้พี่สาวรักษา เพราะอย่างนั้นพี่สาวต้องเก่งกว่าอาเล็กแน่นอน ดังนั้นที่พี่สาวพูดถูกต้อง อาเล็กพูดผิด อาเล็กต้องขอโทษ!”
“ดูสิว่าบางคนทำตัวได้ใจหมดแล้ว!”
“อาเล็กไม่ขอโทษอันเหยี่ย อาเล็กไม่ใช่เด็กดี!”
“ฮ่า ฉันก็ไม่ใช่เด็กอยู่แล้ว ฉันเป็นผู้ใหญ่!”
อันเหยี่ยทำหน้ามุ่ย กำลังจะร้องไห้จริงๆ
อาเล็กรังแกกันเกินไปแล้ว!
ปู่ตี้กับย่าตี้อยากหัวเราะใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้ ทำได้เพียงกลั้นไว้จนทรมานไปหมด
ตั้งแต่เด็กอู๋เปียนมักจะใช้มันสมองอันชาญฉลาดของเขากลั่นแกล้งเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน และตอนนี้แม้จะเป็นเด็กที่อ่อนกว่าเขาถึงหนึ่งรุ่น เขาก็ยังรังแกไม่เว้น!
ในเมืองหลวง เพื่อนที่เติบโตมาพร้อมกันกับเขามีใครบ้างที่เห็นเขาแล้วไม่รีบวิ่งไปซ่อนตัวให้ไกล ตอนนี้แม้เขาจะย้ายมาพักฟื้นตัวที่นี่เป็นเวลานานมากแล้ว พวกเขายังคิดว่าเขากำจัดนิสัยแย่ๆ เช่นนี้ไปแล้วเสียอีก
มู่เถาเยาเกลียดการเห็นเพื่อนตัวน้อยของเธอร้องไห้เป็นที่สุด
เธอดึงเขาไปนั่งที่อีกด้านหนึ่งของโซฟา เปิดกล่องยาขนาดเล็ก หยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวขนาดเล็กสองขวดออกมาและวางมันไว้บนฝ่ามือเล็กทั้งสองของเขา
“อันเหยี่ย ไปกินขนมกับคุณปู่ทวดคุณย่าทวดตรงโน้นก่อนนะครับ จำไว้ว่าหนูกินได้วันละหนึ่งเม็ดเท่านั้น!”
นี่คือเม็ดยาที่เธอกลั่นในห้องปรุงยาของโรงพยาบาลผิงคังเพื่อใช้ปรับสภาพร่างกายโดยเฉพาะ
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว หลังจากจับชีพจรให้ผู้อาวุโสทั้งสองและพบปัญหาบางอย่าง แม้ว่ามันจะเป็นปัญหาเล็กๆ และไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่หากสามารถปรับให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดได้ย่อมดีกว่า
เธอไม่คิดปล่อยโอกาสที่จะเพิ่มเพื่อนให้กับอาจารย์และอาจารย์แม่ของเธอ ไม่ต้องพูดถึงว่าย่าตี้เป็นเพื่อนสนิททั้งชีวิตของอาจารย์ใหญ่ของเธอ
หากไม่มีอุบัติเหตุ อาจารย์ทั้งสองและอาจารย์แม่สามารถมีอายุยืนยาวได้ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบถึงหนึ่งร้อยสามสิบปี
ถ้าหากพวกเขาทั้งสามคนมีอายุยืนยาวขนาดนั้น พวกเขาคงเสียใจมากที่เห็นคนรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องตายจากไปทีละคน
เธอไม่ต้องการเห็นพวกเขาเป็นแบบนั้น
ดังนั้น เธอไม่เพียงแต่ต้องการทำให้หมู่บ้านเถาหยวนซานเป็นหมู่บ้านที่ร่ำรวยและมีอำนาจที่สุดในโลก แต่ยังต้องการทำให้หมู่บ้านเถาหยวนซานเป็นหมู่บ้านที่อายุยืนอันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย!
ด้วยวิธีการนี้ แม้ว่าเธอจะยุ่งกับกิจการการงานข้างนอก แต่ก็ยังมีเพื่อนมากมายที่มาพูดคุยอยู่กับอาจารย์และอาจารย์แม่ของเธอ!