ตอนที่ 44 เหมือนเจ้าสาวตัวน้อย
หลังจากเกลี้ยกล่อมถุงนมน้อย มู่เถาเยาก็หยิบห่อผ้าที่บรรจุเข็มของตัวเองออกจากกล่องยาขนาดเล็กและเดินไปหาตี้อู๋เปียน
“ถอดเสื้อผ้าออกเอง”
“อะแฮ่ม…”
ตี้อู๋เปียนทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันทีเหมือนเจ้าสาวตัวน้อยในห้องหอ หมดมาดคุณอาที่กลั่นแกล้งหลานชายเมื่อสักครู่นี้ไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อไหร่เขาถึงจะมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบนะ
ถึงเวลานั้นเขาจะเปลือยกายตลอดทั้งวันเพื่อให้คนอื่นอิจฉาริษยาและเกลียดชังเล่นๆ !
“เร่งมือหน่อย!”
“ดุจังเลย! สาบานได้เลยว่าอีกหน่อยเธอขายไม่ออกแน่!” ตี้อู๋เปียนบ่นพึมพำเบาๆ
ด้วยความสามารถในการได้ยินของมู่เถาเยา แน่นอนว่าเธอย่อมได้ยินสิ่งที่เขาพูดอย่างชัดเจนแต่เธอก็ไม่สนใจ
เธอไม่คิดที่จะแต่งงานโอเคไหม
ตี้อู๋เปียนค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขา ถอดเสื้อผ้าออก แล้วพาดไว้ข้างๆ
“เอาล่ะ ฉันพร้อมแล้ว!”
ทุกคน “…”
เมื่อรวม ‘ถอดเสื้อผ้าออก’ กับ ‘เอาล่ะ ฉันพร้อมแล้ว’ มันทำให้คนรอบข้างนึกถึงฉากที่อธิบายไม่ได้ขึ้นมาทันที
โอ้ แม้ว่านายน้อยจะมีใจ แต่เขาก็ไม่มีแรงพอที่จะทำเช่นนั้น!
อืม พวกเขาไม่ควรคิดมากขนาดนั้นจริงๆ !
มู่เถาเยาพอใจมากกับความร่วมมือของหนูขาวตัวเล็ก น้ำหนักของเข็มที่ฝังลงไปจึงเบามือมากกว่าปกตินิดหน่อย
เดิมทีเธอยังคิดจะสั่งสอนคนป่วยแทนถุงนมน้อย แต่เมื่อเธอเห็นว่าอีกฝ่ายเชื่อฟังแค่ไหน มู่เถาเยาค่อนข้างเอ็นดูผู้ป่วยที่เชื่อฟังเสมอ
ลืมมันไปเถอะ ปล่อยเขาไปก็แล้วกัน
ตี้อู๋เปียนไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการให้ความร่วมมือของเขาที่มากกว่าสองครั้งก่อนหน้านี้ ได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากการลงโทษด้วยเข็มทองที่แสนน่ากลัวทางอ้อม!
หลังจากฝังเข็มทองลงไปครบทั้งหนึ่งร้อยแปดเล่ม ระหว่างที่รอเวลาอยู่ ไป๋เฮ่าอวี๋ก็รีบนำบันทึกที่เขาจดไว้ตลอดทั้งสัปดาห์ด้วยลายมือของตัวเองมาให้มู่เถาเยาตรวจสอบทันที
“หมอเทวดาน้อย แม้ว่าเครื่องมือจะไม่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้ แต่ความแข็งแกร่งและจิตวิญญาณของนายน้อยเห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก”
มู่เถาเยาพยักหน้า
เปิดอ่านบันทึกจากหน้ากระดาษทีละหน้า ค่อยๆ เปรียบเทียบและคิดวิเคราะห์ไปทีละนิด
“ค่อนข้างดูดีทีเดียว”
สีหน้าของย่าตี้เต็มไปด้วยความสุข “เสี่ยวเถาเยา ร่างกายของอู๋เปียนดีขึ้นจริงๆ เหรอ”
“มีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้างค่ะ แม้ไม่ชัดเจนมาก แต่ก็ค่อยๆ สะสมไปได้”
“ถ้าอย่างนั้น หากอู๋เปียนอาศัยวิธีการฝังเข็มนี้เพื่อสะสมพลังอย่างช้าๆ หลังจากห้าปี ทำไมมันถึงไม่สามารถรักษาเขาจนหายได้ สุดท้ายแล้วเรายังต้องค้นหาหญ้าพิษชีวิตอยู่ใช่ไหม” ปู่ตี้สงสัยมาก
“ถึงแม้ว่ามองด้วยตาเปล่าเราจะไม่เห็นพลังที่ไหลเวียนออกจากร่างกายของเขา แต่พลังเหล่านี้มีชีวิต เมื่อสะสมถึงระดับหนึ่งและไม่มีช่องทางระบาย มันจะหันมาทำลายอวัยวะภายในของมนุษย์ในท้ายที่สุด”
แม้ว่าทุกคนจะเข้าใจตามตัวอักษรที่อธิบายมา แต่พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจถึงหลักการทำงานของมันอยู่ดี
ไป๋เฮ่าอวี๋ “ถ้าอย่างนั้นคนธรรมดาทั่วไปพอถูกฝังเข็มด้วยทักษะหุยหยาง ทำไมถึงได้ให้ผลลัพธ์ที่ช่วยฟื้นคืนความอ่อนเยาว์และชะลอความแก่ได้ล่ะ”
“ความมหัศจรรย์ของทักษะหุยหยางถูกสร้างขึ้นตามกฎการเคลื่อนไหวของมนุษย์ ผสมผสานกับการเปลี่ยนแปลงของหยินและหยางและธาตุทั้งห้า ศาสตร์แห่งเส้นลมปราณ เทคนิคแบบเต๋าอิ่น และทฤษฎีสุขภาพ ฯลฯ ดังนั้นพลังที่ถุกปลุกเร้าขึ้นมาจึงสามารถปรับสมดุลเองได้ และหลอมรวมเข้ากับพลังชีวิตของมนุษย์…”
มู่เถาเยาพยายามอย่างเต็มที่เพื่ออธิบายเทคนิคการสร้างสมดุลที่ยากและลึกซึ้งให้ทุกคนฟังด้วยภาษาที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด
“…เมื่อมันเข้าสู่ร่างกายของผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มันจะไปผสานรวมกับพลังชีวิตที่มีอยู่แต่เดิมของมนุษย์ได้อย่างรวดเร็ว…ยิ่งร่างกายทรุดโทรมมากเท่าไร ความกลมกลืนกับชนพื้นเมืองก็จะยิ่งแย่ ในทางกลับกัน ก็เหมือนกับพนักงานเก่าและพนักงานใหม่ที่สามารถทำงานประสานกันได้ดียิ่งขึ้นหากทั้งสองฝ่ายล้วนแข็งแรงเช่นเดียวกัน…”
ทุกคนพยักหน้าถี่ๆ
“หญ้าพิษชีวิตแตกต่างจากสมุนไพรชนิดอื่นๆ มันไม่ต้องการน้ำ ไม่ต้องการดินหรือแสงแดด และดำรงอยู่ได้ด้วยการดูดซับกลิ่นอายจากฟ้าดิน ดังนั้นหลังจากที่มันแก่ตายตามธรรมชาติและแห้งเหี่ยวไป สิ่งที่หลงเหลืออยู่ของมันจึงเป็นพลังฟ้าดินบริสุทธิ์ที่เกิดจากการควบแน่นมาเป็นระยะเวลานาน”
ทุกคนแสดงสีหน้ากระจ่างทันที
“…และด้วยเหตุผลที่มันกักเก็บพลังที่บริสุทธิ์เช่นนี้ไว้ ดังนั้นไม่ว่าจะต่อพืช สัตว์ หรือมนุษย์มันจึงล้วนเป็นประหนึ่งสมบัติศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นขณะที่มันยังมีชีวิตอยู่ มันจึงต้องหลั่งพิษร้ายแรงออกมาเพื่อปกป้องตัวเอง…”
เมื่อทุกคนฟังถึงตรงนี้ จู่ๆ พวกเขาก็รู้สึกพร้อมกันว่า ‘ฉันอ่านหนังสือมาน้อย ฉันไม่มีความรู้อะไรเลย’
มู่เถาเยาเห็นว่าใกล้จะได้เวลาแล้ว เธอจึงหันไปดึงเข็มออก
ตี้อู๋เปียนขยับร่างกายของเขา รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก แม้แต่อาการเหนื่อยหอบก็ดูเหมือนจะทุเลาเบาบางลงกว่าปกติ
เด็กสาวตัวเล็กๆ ที่ดูอายุเหมือนสิบห้าหรือสิบหกปีคนนี้มีความสามารถไม่อาจดูถูกได้จริงๆ !
ผู้อาวุโสหยวน…เก็บสมบัติได้แล้วนะครับ!
ตี้อู๋เปียนใส่เสื้อผ้าของเขาไปพลางพูดกับมู่เถาเยาว่า “ซาลาเปาน้อย หลายวันนี้ฉันลองไปสอบถามดูแล้วนะ ไม่มีใครรู้จักหญ้าพิษชีวิตหรือดอกไม้สองชีวิตเลย ไม่แม้แต่จะเคยได้ยินชื่อมาก่อนด้วยซ้ำ”
ขนาดเหล่าต้นไม้ด้วยกันเองก็ยังไม่รู้จัก!
ไม่ใช่ว่าเขาสงสัยในคำพูดของมู่เถาเยา แต่เป็นเพราะคำเตือนครั้งก่อนของเธอที่บอกว่าต้องใช้เวลานานมากในการค้นหาพวกมัน และเขาอาจไม่สามารถหาพวกมันเจอได้ภายในเวลาห้าปี
“อืม หากไม่ใช่แพทย์โบราณ ก็ยากที่จะมีคนรู้จักสมุนไพรวิเศษสองประเภทนี้”
ไป๋เฮ่าอวี๋ใบหน้าเห่อร้อนเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยิน
เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะจากหลายๆ คนเมื่อเขายังเด็ก ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาเป็นอัจฉริยะจริงๆ
เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคนจริงๆ
คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด เป็นคนต้องรู้จักถ่อมตัว!
“แพทย์โบราณที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือสำนักแพทย์โบราณของเธอ ขนาดผู้อาวุโสหยวนยังไม่เคยเห็นกับตา…” เสี่ยวฉยงเองก็ไม่ได้รับข้อมูลใดๆ มาจากการสอบถามเหมือนกัน
“ดอกไม้สองชีวิตหาได้ง่ายกว่า แค่มองหาจากสถานที่ที่มีหญ้าจื่อหยางขึ้น แม้ว่าตัวหญ้าจื่อหยางเองก็ไม่ธรรมดา แต่มันก็พบเห็นได้ทั่วไปในป่าดึกดำบรรพ์ที่มีแสงแดดส่องถึง เช่นในป่าเซียนโหยวก็มีมากมายนับไม่ถ้วน
เพียงแต่ ฉันมักจะเข้าไปในป่าเพื่อเก็บสมุนไพรและบ่มเพาะวรยุทธอยู่เป็นประจำ แต่ก็ยังไม่เคยเห็นดอกไม้สองชีวิตเลยสักครั้ง อย่างไรก็ตามป่าดึกดำบรรพ์เซียนโหยวใหญ่มาก และฉันก็ยังสำรวจมันไม่เสร็จ”
ย่าตี้รีบถามด้วยความกระวนกระวายว่า “เสี่ยวเถาเยา มีงูและสัตว์มีพิษนับไม่ถ้วนในป่าดึกดำบรรพ์เซียนโหยว หนูกล้าเข้าไปได้อย่างไร”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พิษที่หนูทำมันเป็นพิษมากกว่าพิษของแมลงและวัชพืชพิษในป่าเสียอีก”
“…”
ปู่ตี้ “หยวนเหยี่ยสอนวิชาพิษให้หนูด้วยเหรอ”
“ค่ะ ป่าดึกดำบรรพ์เซียนโหยวอันตรายมาก หนูกับอาจารย์ทั้งสองมักจะเข้าไปเก็บรวบรวมวัตถุดิบปรุงยาและฝึกฝนวรยุทธด้วยกันในป่า ซึ่งการเรียนเรื่องพิษจะทำให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น”
“…” รู้ว่าอันตรายก็ยังเข้าไป!
ช่างไม่เหมือนมนุษย์มนาทั่วไปจริงๆ !
“ซาลาเปาน้อย เธอบอกว่าหญ้าพิษชีวิตไม่ต้องการน้ำ ดิน หรือแสงแดด ต้องการเพียงสถานที่ที่มีกลิ่นอายบริสุทธิ์จากฟ้าดินใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นหากเราหาจากที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์มากที่สุด พอจะมีความหวังหรือเปล่า”
มู่เถาเยาซูฮกให้กับความหัวไวและเซนซิทีฟของตี้อู๋เปียนเป็นอย่างมาก
“ตามทฤษฎีแล้วล่ะก็ มีความเป็นไปได้ค่ะ อ้างอิงจากหนังสือโบราณอธิบายว่าสถานที่ที่อยู่ใกล้กับท้องฟ้ามากที่สุด หรือที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์มากที่สุด คือแหล่งเติบโตของหญ้าพิษชีวิต”
“ฉันคิดว่ามีสถานที่หนึ่งที่เข้าเกณฑ์ตามเงื่อนไขทั้งหมดสามข้อนี้”
ทุกคนถามขึ้นพร้อมกันทันทีว่า “ที่ไหน”
“ภูเขาเทพจันทราของเผ่าหมาป่าพระจันทร์”
ปู่ตี้ขมวดคิ้วมุ่น กล่าวว่า “ภูเขาเทพจันทราเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ ห้ามผู้ที่ไม่ใช่หัวหน้าเผ่าเข้าไปอย่างเด็ดขาด”
ตี้อู๋เปียนพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ นอกจากนี้ เรายังไม่รู้ว่ามีวัชพืชพิษใดในภูเขาเทพจันทราอีกหรือไม่ เป็นไปไม่ได้ที่จะพลิกภูเขาทั้งลูกของผู้อื่นเพื่อค้นหาสิ่งที่เราต้องการ!”
ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าต่อให้บนภูเขาเทพจันทรามีหญ้าพิษชีวิตจริงๆ ผู้อื่นก็ใช่ว่าจะยอมนำมันออกมาให้คุณใช้ ท้ายที่สุดแล้วพวกมันคือสมบัติที่หาได้ยากยิ่งกว่าสิ่งใดบนโลกใบนี้
มู่เถาเยาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า “มุ่งความสนใจไปที่การค้นหาดอกไม้สองชีวิตก่อนเถอะค่ะ เรายังมีเวลา”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน
“ตี้อู๋เปียน คุณไปพักผ่อนก่อน ฉันจะฝังเข็มให้ปู่ตี้และย่าตี้”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปแจ้งที่ครัวและขอให้เชฟเตรียมอาหารที่คุณชอบไว้ให้นะครับ”
เห็นได้ชัดว่าพ่อบ้านจงยืนอยู่ไกลที่สุด แต่เขาก็ยังต้องการไปที่นั่นด้วยตัวเอง
“ขอบคุณค่ะ”
ย่าตี้หัวเราะไม่ออก
“เสี่ยวเถาเยา ถ้าต้องพูดคำว่าขอบคุณ ฝ่ายนั้นควรเป็นตระกูลตี้ของเรา กี่รุ่นแล้วที่ครอบครัวเราได้หนูและอาจารย์ของหนูช่วยชีวิตไว้ ต่อให้พวกเราพูดขอบคุณทั้งชีวิต มันก็ยังไม่พอด้วยซ้ำ”
มู่เถาเยายิ้มไปถึงดวงตา ใบหน้างามขึ้นริ้วสีแดงตามธรรมชาติ
“คนเป็นแพทย์ย่อมมีจิตใจประหนึ่งบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ไม่ว่าจะเป็นตระกูลตี้หรือว่าครอบครัวไหน ตราบเท่าที่มีวาสนาทางการแพทย์กับหนู หนูย่อมรักษาคนผู้นั้นอย่างเต็มกำลังที่สุด”
ย่าตี้มองดูเด็กสาวตัวน้อยที่นุ่มนวลและน่ารักด้วยแววตาเอื้ออาทรและพูดว่า “อาจารย์ทั้งสองของหนูสอนหนูมาได้ดีมากจริงๆ ! นี่ก็คือความหมายของคำว่าเด็กจากครอบครัวอื่น ในตำนานใช่ไหม!”
มู่เถาเยาหัวเราะเล็กน้อย
“ปู่ตี้ ย่าตี้้ พวกเราฝังเข็มกันก่อนเถอะค่ะ ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการฝังเข็มด้วยทักษะหุยหยาง ก็คือช่วงเช้า”
“ตกลง”