อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร – ตอนที่ 92 นี่คือจอมยุทธหญิงตัวน้อย

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 92 นี่คือจอมยุทธหญิงตัวน้อย

“ลุงจิน รอเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวฉันหาไม้แถวนี้มายึดตำแหน่งกระดูกให้คุณก่อน”

“สาวน้อย ถ้าเธอยังไม่ลงจากเขาอีก…” แต่แล้วเงาร่างเล็กๆ ตรงหน้าก็หายไปจากสายตาของเขาทันที

“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง…”

เมื่อเห็นว่าผู้ช่วยชีวิตของมันหายตัวไป เจ้ามาสทิฟฟ์ตัวน้อยก็เห่าดังลั่นด้วยความเป็นกังวล มันลุกขึ้นทันทีและเดินวนไปรอบๆ ตะกร้าใบเล็ก

จินเฉิงเจียงขยี้ตาอย่างหนักราวกับเด็กๆ

เขาคงไม่ได้พบกับนางฟ้าตัวน้อยหรอกใช่ไหม

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตกผลึกความคิด มู่เถาเยาก็กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง

“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง…”

มาสทิฟฟ์น้อยวิ่งไปหามู่เถาเยาอย่างมีความสุข

มู่เถาเยาลูบหัวสุนัขตัวเล็กแล้วพูดว่า “ไม่เลวๆ เจ้าตัวเล็ก ฟื้นกำลังแล้วสินะ”

“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง…”

“แกรอเดี๋ยวนะ รอฉันเข้าเฝือกที่ขาให้ลุงจินเสร็จแล้วจะพาแกกลับบ้านไปกินของอร่อยด้วยกัน”

“โฮ่ง…”

มู่เถาเยาลูบหัวของมันอีกครั้ง จากนั้นก็เดินเข้าไปหาจินเฉิงเจียงและคุกเข่าลง

“ฉันสับต้นไม้แล้วทำไม้กระดานมาให้คุณสองแผ่นไว้ใช้สำหรับดามกระดูกที่ขาของคุณ”

ไม้กระดานยังใหม่มาก ยังมีกลิ่นของไม้ที่เพิ่งถูกสับใหม่จางๆ

แต่สาวน้อยคนนี้ทำได้อย่างไร เขาไม่ได้ยินเสียงต้นไม้ล้มด้วยซ้ำ!

ยิ่งกว่านั้น เขาไม่เห็นเธอถือขวานหรืออะไรทำนองนั้นเลย มีแต่จอบและพลั่วขนาดเล็ก ซึ่งมันก็ยังคงวางอยู่ที่พื้นในตอนที่เธอหายตัวไป!

จินเฉิงเจียงคิดไม่ตก ไม่ว่าจะคิดยังไงก็จินตนาการไม่ออกว่าสาวน้อยตรงหน้าหาไม้กระดานเรียบๆ สองแผ่นมาให้เขาได้ยังไง แถมจู่ๆ ก็หายตัวไป จู่ๆ ก็กลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง

สีหน้าชายวัยกลางคนดูสับสน

“โอเคแล้ว”

ในขณะที่จินเฉิงเจียงกำลังหาคำตอบให้กับคำถามของเขาว่ามู่เถาเยาสับต้นไม้ยังไง ไม้กระดานทั้งสองแผ่นก็ทาบลงไปบนขาข้างที่บาดเจ็บของเขาและถูกยึดเอาไว้อย่างดี

“ลุงจินคะ กระเป๋านั่นใช่ของคุณหรือเปล่า” มู่เถาเยาชี้ไปที่กระเป๋าเดินป่าสีดำใบใหญ่ที่ตกอยู่ไม่ไกลนัก

“เป็นของฉันเอง ข้างในมีวัตถุดิบที่สำคัญมากซึ่งจะทำหายไม่ได้เด็ดขาด สาวน้อย โปรดลากมันมาให้ฉันตรงนี้ได้ไหม”

หลังจากกินยา ทั้งปัญหาที่ขายังได้รับการแก้ไขเบื้องต้นแล้ว สติของจินเฉิงเจียงจึงกลับมาแจ่มชัดยิ่งขึ้น น้ำเสียงของเขาเองก็กลับมามีจังหวะจะโคน

มู่เถาเยายกกระเป๋าเดินป่ามาวางไว้ข้างๆ เป้ใบเล็กของเธอ จากนั้นก็เริ่มจัดแจงเป้ใบเล็ก

สมุนไพรถูกจัดเรียงลงไปในแนวตั้ง เธอบีบเนื้อที่ในกระเป๋าเพื่อหาที่ว่างสำหรับยัดจอบและพลั่วขนาดเล็กลงไป

กล่องยาขนาดเล็กถูกสะพายไว้บนไหล่และกระเป๋าเป้ของจินเฉิงเจียงก็ถูกยกขึ้นสะพายหลัง โดยมีตะกร้าสานใบเล็กห้อยอยู่ข้างหน้า

“สาวน้อย ในกระเป๋าของฉันยังมีสมุดโน้ตและอุปกรณ์ต่างๆ มันหนักมาก เอามาให้ฉันเถอะ เธอรีบลงจากเขาแล้วไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจจะดีกว่า ฉันจะรออยู่ตรงนี้จนกว่าพวกตำรวจจะขึ้นมารับ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันจะพาคุณลงไปพร้อมกันเลย”

“ไม่สิๆ เธอดูท้องฟ้าตอนนี้ รอจนกว่าพวกเราจะลงจากเขาฟ้าคงได้มืดก่อนพอดี…” จินเฉิงเจียงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

“ฉันทำได้ค่ะ”

“เมื่อกี้…เธอออกไปและกลับมายังไง”

เป็นเรื่องผิดหลักวิทยาศาสตร์เอามากๆ ที่คนคนหนึ่งจะหายตัวไปทันทีโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ !

“วิชาตัวเบา”

“…”

ที่แท้เธอคือจอมยุทธหญิงตัวน้อย!

ไม่แปลกใจเลยที่กล้ามาสถานที่แบบนี้คนเดียว แถมตอนที่บอกให้เธอรีบกลับไปยังไม่ยี่หระอีก!

ไม่สิ นี่ไม่ใช่โลกกำลังภายในสักหน่อย มีคนที่ใช้วิชาตัวเบาในตำนานได้จริงๆ เหรอ

อ่า แต่ก็ไม่ถูกเสมอไป จะเอาความคิดของตัวเองมาเป็นบรรทัดฐานแล้วมองว่าสิ่งที่ไม่มีหลักฐานยืนยันพวกนั้นไม่มีอยู่จริงก็คงไม่ได้จริงไหม!

“สาวน้อย…”

“ลุงจินคะ ฉันชื่อมู่เถาเยา”

“เสี่ยวมู่ เธอ…อาจารย์ของเธอเป็นใครมาจากที่ไหนเหรอ”

แม้ว่าสมองเขามันจะไม่อยากเชื่อแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว

อยู่มาจนอายุปูนนี้ ไม่มีทางที่เขาจะไม่เข้าใจว่าบนโลกนี้ยังมีคน สิ่งของ และเรื่องราวอีกมากมายที่อยู่นอกเหนือขอบเขตการรับรู้ของมนุษย์

ตัวอย่างเช่น มีสิ่งมีชีวิตอีกหลายพันหลายหมื่นชนิดในโลกนี้ที่แม้แต่เขาซึ่งเป็นนักพฤกษศาสตร์ระดับโลกที่มีชื่อเสียงก็ยังไม่รู้จักมัน

ดังนั้น การไม่รู้ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริง

มู่เถาเยาตอบว่า “ซย่าโหวค่ะ”

จินเฉิงเจียง “…” ไม่รู้จัก!

มุมปากของมู่เถาเยายกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ เธอพูดว่า “สำนักของอาจารย์ฉันเร้นกายจากโลกภายนอก การที่คนทั่วๆ ไปไม่รู้จักก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกค่ะ”

เธอก้มตัวลงอุ้มสุนัขตัวน้อยขึ้นมาด้วยมือซ้าย จากนั้นก็ยื่นมือขวาไปประคองจินเฉิงเจียง

“เสี่ยวมู่ กระเป๋าของฉันหนักมากเลยนะ เอามาให้ฉันสะพายเถอะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำหนักแค่นี้ไม่นับว่าเป็นอะไรสำหรับฉัน ฉันแข็งแรงมาก ต่อให้น้ำหนักเป็นพันกิโลก็ยกได้”

“…”

ประโยคที่กำลังจะพูดออกมาถูกลืนกลับลงไปอย่างรวดเร็ว! นี่มันไม่เข้ากับรูปลักษณ์ที่นุ่มนวลและน่ารักของเธอเลยสักนิด!

“ลุงจิน วางมือบนไหล่ฉัน ฉันต้องกลับไปตอนนี้แล้วค่ะ ไม่อย่างนั้นครอบครัวของฉันต้องกังวลแน่ๆ”

“โอ้ๆ”

เมื่อเห็นว่าเขาจับเธอไว้อย่างดีแล้ว มู่เถาเยาก็เลื่อนมือไปโอบที่เอวของเขาแล้วพูดว่า “เตรียมใจไว้แล้วใช่ไหมคะ”

“…ประมาณนั้น”

มู่เถาเยากระโดดเบาๆ และทันใดนั้นร่างของเธอก็ลอยขึ้นไปในอากาศ

จินเฉิงเจียงรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนปีกเครื่องบิน!

เมื่อสักครู่นี้เขายังไม่รู้สึกถึงลมในป่า แต่ตอนนี้ภาพเบื้องหน้าเขากลับกลายเป็นภาพความเร็วสูง สายลมพัดผ่านใบหน้าของเขาแรงมากจนมันยับยู่ยี่!

และทุกครั้งที่ปลายนิ้วเท้าของมู่เถาเยาขึ้นและลง สัมผัสกับกิ่งไม้ยอดไม้เบาๆ หัวใจของจินเฉิงเจียงก็จะพุ่งขึ้นและดิ่งลงตาม

น่า…ตื่นเต้นเป็นบ้า!!!

“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง…”

เจ้าตัวเล็กดูเหมือนจะคึกมากเลยเห่าไม่หยุด

สิบนาทีต่อมา มู่เถาเยาก็มาถึงตรงหน้ากลุ่มคนที่ยืนเต็มริมฝั่งแม่น้ำชิงซี

“เอ๊ะ ทำไมทุกคนถึงออกมากันหมดเลยล่ะ”

ปู่เย่ว์ ย่าเย่ว์ ปู่ตี้และย่าตี้ วิ่งเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังมู่เถาเยา พยายามดูว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่

บอดี้การ์ดหลายคนเข้ามาช่วยพยุงคนและปลดสัมภาระของเธอออก

“ปู่ตี้ ย่าตี้ ปู่คะ ย่าคะ หนูสบายดี หนูไปเจอลุงจินคนนี้บนภูเขาเลยเก็บกลับมา เขาขาหัก รีบพาเขาไปส่งโรงพยาบาลก่อนเถอะค่ะ”

จินเฉิงเจียงเหม่อมองไปที่รูปลักษณ์ของปู่ตี้และย่าตี้ เลยไม่ทันสังเกตว่ามู่เถาเยาใช้คำว่า ‘เก็บ’ เพื่ออธิบายการพบกันระหว่างพวกเขา!

ตี้อู๋เปียนสั่งให้คนขับรถไปเอารถอีกคันเข้ามาเพื่อรับผู้บาดเจ็บ

คนตระกูลเย่ว์และตระกูลตี้นั้นมีสถานะพิเศษ เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้คนนอกเข้ามาพักฟื้นในนี้

หากแค่วันสองวันคงไม่เป็นไร แต่ดูจากสภาพแล้วคงกระดูกหักและอาจต้องพักนานกว่าหนึ่งร้อยวัน!

จินเฉิงเจียงหันไปมองมู่เถาเยาและขอคำยืนยัน “สองท่านนี้คือ…อดีตท่านราชาตี้และนายหญิงผู้เฒ่า?”

ใครบ้างในประเทศเหยียนหวงที่ไม่รู้จักสองคนนี้ แต่ความสงสัยของเขาคือทำไมอดีตราชาตี้ถึงมาอยู่ที่เย่ว์ตู! และสาวน้อยคนนี้ก็ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับพวกเขาเป็นอย่างดี!

“อื้ม คือปู่ตี้และย่าตี้ ลุงจิน คุณต้องการติดต่อกับคนในครอบครัวของคุณไหมคะ”

“ไม่ๆๆ ไม่เป็นไร ฉันจะโทรหาครอบครัวเองเมื่อถึงโรงพยาบาล”

เนื่องจากบนภูเขาไม่มีสัญญาณมือถือ ดังนั้นมือถือของเขาจึงถูกปิดตั้งแต่เข้าไปในภูเขาและตอนนี้มันก็ยังมีแบตเหลืออยู่

“ตกลงค่ะ ถ้าอย่างนั้นให้พวกเขาไปส่งคุณที่โรงพยาบาลผิงคังนะคะ เดี๋ยวฉันถ่ายรูปขาของคุณส่งไป”

“อื้ม เสี่ยวมู่ ขอบคุณนะ! ถ้าไม่ได้พบเธอ ฉันก็ไม่รู้เลยว่าจะเก็บชีวิตกลับมาได้หรือเปล่า”

แม้ว่าบนภูเขาจะไม่มีสัตว์ป่าดุร้ายเพราะยังอยู่ในเขตตัวเมือง แต่ถ้าเขาไม่ได้พบใครเลยในอีกสองหรือสามวัน เขาจะต้องอดตายอย่างแน่นอน

“ไม่เป็นไรค่ะ อาการบาดเจ็บที่ขาของคุณไม่ได้ร้ายแรง และคุณจะกลับมาหายดีหลังจากพักผ่อนไม่กี่เดือน สำหรับอาการบาดเจ็บภายใน อืม ฉันมียารักษาอยู่หากคุณต้องการ”

มู่เถาเยาหยิบขวดยาขนาดเล็กออกมาจากกล่องยาที่บอดี้การ์ดถืออยู่และส่งให้เขา

“มีอยู่สามเม็ดในนั้น กินวันละเม็ดก็พอค่ะ”

“ขอบคุณนะเสี่ยวมู่ รอฉันหายดีแล้วจะมาเคาะประตูขอบคุณเธออย่างเป็นทางการอีกครั้ง”

มู่เถาเยาโบกมือเล็กๆ ของเธอ “ยินดีค่ะ ถ้าหากว่าคุณยังต้องการความช่วยเหลือใดๆ ก็ไปหาผู้อำนวยการเฉิงได้นะคะ”

“ได้”

มู่เถาเยาหันไปพูดกับบอดี้การ์ดที่ประคองจินเฉิงเจียงอยู่ “ส่งลุงจินไปที่โรงพยาบาลผิงคังนะคะ หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมา”

“ครับ คุณหนู”

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

Status: Ongoing
มองจากภายนอกเธอคือหญิงสาวจากหมู่บ้านชนทบทที่ห่างไกล แม้รูปโฉมไม่ธรรมดาแต่จะมีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังของเธอนั้นคือ ‘หมอเทวดา’ ผู้มีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร!นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีในเมืองใหญ่ นางเอกเก่งทั้งรักษาโรคและวรยุทธ์โคจรมาเจอกับพระเอกขี้โรคสุดหลงตัวเอง!โลกของอดีตจักรพรรดินีอย่าง มู่เถาเยา ถึงคราวกลับตาลปัตรเมื่อต้องมากลายเป็นเด็กทารกที่ยังมีความทรงจำเดิมในชาติก่อน?! อีกทั้งโลกใหม่นี้ยังแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงหลายปีผันผ่านเธอหลอมรวมเข้ากับโลกใหม่ใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์พร้อมได้รับวาสนาเป็นศิษย์ของหมอเทวดาผู้เก่งกาจประสบการณ์และพรสวรรค์มากมายในชาติก่อนแล้วทำให้เธอเก่งกาจเหนือกว่าผู้ใดพร้อมก้าวเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อร่ำเรียนและฝึกฝนหาประสบการณ์ชีวิตในโลกใหม่แปลกหน้าใบนี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท