ตอนที่ 2009 ราชนิรันดร์ลอบโจมตี
มือขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นนี้ ไม่รู้ว่ามีต้นตอมาจากไหน แต่อํานาจของมันช่างทรงพลังอย่างไร้ที่สิ้นสุด
“ราชาเจ็ดเมฆา!” หวี่ไห่หรงคํารามและผลักฝ่ามือเข้าใส่ท้องฟ้า
นางเป็นถึงตัวตนระดับราชานิรันดร์ %uid% เพียงแค่สะบัดมือลวกๆ คลื่นแสงแห่งเต๋อันไร้ที่สิ้นสุดก็พรั่งพรูออกมา และจู่โจมเข้าใส่มือขนาดใหญ่
ตูม!
เมื่อการโจมตีเข้าปะทะกัน ชั้นบรรยากาศบนท้องฟ้าก็เกิดรอบปริแตก คลื่นแสงแห่งเต๋สั่นสะเทือนจนเกิดคลื่นยักษ์ความสูงหลายพันฟุต ถาโถมไปทั่วสารทิศ
“ช่างน่ารังเกียจและไร้ยางอาย!” หวี่ไห่หรงเค้นเสียงสบถ
“ก่าๆๆ เขาเรียกว่าการถอนรากถอนโคนให้สิ้นซากต่างหาก!” เสียงหัวเราะอันแปลกประหลาดดังขึ้น พร้อมกับมือขนาดใหญ่ถูกควบแน่นขึ้นมาและโจมตีอีกครั้ง
“เกรงว่าคงไม่มีวันที่เจ้าจะทําเช่นนั้นได้!” หวี่ไห่หรงตอบโต้อย่างไม่หวั่นเกรง
ตูม!
พลังต่อสู้ของทั้งสองคนทัดเทียมกัน หลังจากการปะทะการโจมตีของทั้งสองก็แหลกสลายไปพร้อมกันอีกครั้ง เพียงแต่ทันใดนั้นเอง มือปราณก่อเกิดขนาดใหญ่อีกข้างก็ปรากฏขึ้นมา และลอบโจมตีจากอีกทิศทางหนึ่ง
“ราชาพิษทมิฬ!” หวี่ไห่หรงเผยสีหน้าตกตะลึง
ไม่คาดคิดว่าเพื่อที่จะกําจัดฮูหนิว ศัตรูจะส่งราชานิรันดร์มาลอบโจมตีถึงสองคน
ในตอนที่ออกมาจากตําหนักมัจฉาวายุภักษ์ ผู้อาวุโสสูงสุดได้ร่ายทักษะลับ ที่ทําให้ไม่มีใครสามารถสะกดรอยตามเอาไว้แล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับมีคนสามารถรู้ตําแหน่งของพวกนางและแอบลอบซ่อนตัวคอยโจมตีได้
หรือว่า จะมีคนทรยศอยู่ในตําหนักมัจฉาวายุภักษ์?
“ตูม” ยังไม่ทันที่นางจะหันกลับไป ฝ่ามืออีกข้างที่ปรากฏก็จู่โจมลงมา
เสียงคลื่นระเบิดดังสนั่นสะท้านปฐพี และเรือเหาะถูกบดขยี้ทิ้งในพริบตา ในขณะที่พวกหลิงฮันยังปลอดภัยอยู่ภายใต้คลื่นแสงวงกลม ซึ่งเป็นการคุ้มกันของหวี่ไห่หรง
หวไห่หรงสะบัดมือ “พรึบ” ร่างของพวกหลิงฮันทั้งห้าคนถูกส่งหายไปในทันที
“เหอะ เคลื่อนย้ายข้ามมิตินั้นเรอะ?” เสียงสบฤดังขึ้นมาจากภายในหมู่เมฆ “เฒ่าโม่ เจ้าไล่ ตามทั้งห้าคนไป และสังหารร่างสืบทอดของอ่อนให้ได้”
“เข้าใจแล้ว” เสียงของใครอีกคนตอบรับ
“ฮึ่ม ฝันไปเถอะ!” หวี่ไห่หรงโจมตีขัดขวาง
“ราชินีมหาสมุทรสวรรค์ คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!” “ตูม” ฝ่ามือขนาดใหญ่ถูกผลักออกมาอีกครั้ง และรั้งร่างของหวี่ไห่หรงเอาไว้
หวี่ไห่หรงเป็นกังวล ถึงแม้ฮูหนิวจะมีทักษะเอาตัวรอดอยู่มากมาย แต่ทักษะเหล่านั้นคงไม่เพียงพอที่จะใช้หลบหนีจากเงื้อมมือของราชานิรันดร์ ในตอนนี้นางหวังพึ่งได้เป็นอย่างเดียวคือ “หลิงฮัน” ที่อาจจะเป็นผู้สืบทอดของผู้อาวุโสผู้นั้น
“พรึบ” ร่างของพวกหลิงฮันทั้งห้าคนปรากกขึ้นบนกลางอากาศ และร่วงหล่นสู่มหาสมุทรไร้พรมแดน
หลิงนรีบคว้ามือจับร่างของสตรีทั้งสี่เอาไว้ พร้อมกับสะบัดมือส่งร่างของทุกคน รวมถึงตัวเขาเข้าไปในหอคอยทมิฬ
หอคอยทมิฬขนาดเท่าเม็ดฝุ่นร่วงหล่นจากท้องฟ้า ลงสู่มหาสมุทรและถูกพัดลอยไปตามคลื่น ซึ่งด้วยพลังของราชานิรันดร์ระดับล่าง ไม่มีทางที่จะตรวจพบหอคอยทมิฬได้
“พรึ่บ” คลื่นแสงนิรันดร์พุ่งทะยานมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับร่างของชายผู้หนึ่งปรากฏออกมาร่างกายของเขาไม่ได้สูงใหญ่โดดเด่นอะไร แต่กลับให้ความรู้สึกราวกับเป็นขุนเขาที่ไม่มีวันถูกทําลาย
ราชาพิษทมิฬ!
“น่าแปลก ดูจากการผันผวนของห้วงมิติ ทั้งห้าคนน่าจะมาปรากฏตัวที่บริเวณนี้แท้ๆ” ราชาพิษทมิฬสั่นไหวมือเบาๆ ซึ่งเป็นการกระทําเพื่อตรวจจับคลื่นผันผวนของห้วงมิติ “ข้าสัมผัสออร่าของทั้งห้าคนได้ แต่จู่ๆ พวกมันก็หายไปกลางคัน ราวกับไม่เคยมีอยู่ในสวรรค์และปฐพีมาก่อน”
“แปลกมาก!”
เขาหันมองรอบด้านด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากพวกหลิงอันทั้งห้าคนนั้นได้หายไปเลยอย่างสมบูรณ์
“ครืนน” คลื่นมหาสมุทรผันผวนอย่างรุนแรง และร่างมหึมาของมังกรได้พุ่งทะยานขึ้นมาจากห้วงมหาสมุทร
“ไม่คาดคิดว่าข้าจะเข้าล่วงล้ํา เข้ามายังอาณาเขตของมังกรวารี” ราชาพิษทมิฬขมวดคิ้ว “ไล่ตามต่อไปก็ไม่ได้อะไร ถ้าหากทั้งห้าถูกส่งมาในบริเวณใกล้เคียงที่นี่ แม้ข้าจะไม่ลงมือเอง พวกเขาก็ต้องตายด้วยเงื้อมมือของมังกรวารีอย่างแน่นอน”
เขาตัดสินใจและหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว
ในระยะที่ห่างออกไปเล็กน้อย มังกรวารีได้แหวกว่ายอยู่กลางมหาสมุทร มันส่งเสียงคํารามขึ้น สู่ท้องฟ้าจนดวงดาวเบื้องบนร่วงหล่นลงมา
หลังจากเวลาผ่านไปนานพอสมควร ร่างของมังกรวารีก็หายไป และมหาสมุทรได้กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง
พวกหลิงฮันทั้งห้าคนหลบอยู่ภายในหอคอยทมิฬ และถูกพัดลอยไปตามกระแสน้ํา
“เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความดวงซวยของข้าใช่หรือไม่?” หลิงฮันยิ้ม
เขามักจะเป็นตัวช่วยที่นําพาปัญหาเข้าหาตัวมาโดยตลอด แต่ในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะเขาเป็นต้นเหตุ
“อาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้” สตรีนกอมตะยิ้ม “หากไม่ใช่เพราะมาตามหาเจ้า ฮูหนิวก็คงไม่ต้องมาถูกลอบโจมตีเช่นนี้”
“ถูกแล้ว” ฮูหนิวรีบพยักหน้า
หลิงฮันหัวเราะก่อนจะเอ่ยถาม “ตําหนักมัจฉาวายุภักษ์ของเจ้าเป็นศัตรูกับใครอยู่กันแน่?”
“ หนึ่งในนั้นเป็นขุมอํานาจที่เรียกว่าตําหนักมหาสมุทรสี่ทิศ ที่ประมุขเป็นโระประสาท ที่เอาแต่คิดจะทําลายตําหนักมัจฉาวายุภักษ์ และไล่ล่าฮูหนิว” ฮูหนิวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
พวกหลิงฮันทั้งสี่คนฟังซูหนิวเล่า และอดไม่ใจที่จะจิตใจสั่นสะท้าน
ตําหนักมหาสมุทรสี่ทิศเป็นขุมอํานาจที่ทรงพลังอย่างมาก ประมุขตําหนักคือสตรีที่ชื่อว่าซางจื่อเหวย นางเป็นตัวตนระดับราชานิรันดร์ระดับ ซึ่งเป็นหนึ่งในจอมยุทธที่ทรงพลังที่สุดทั่วทั้งดินแดนแห่งเซียน
หากตําหนักมัจฉาวายุภักษ์ไม่ได้มีผู้อาวุโสสูงสุดคอยค้ําจุนเอาไว้ ตําหนักมัจฉาวายุภักษ์คงถูกทําลายไปนานแล้ว
“รอให้ฮูหนิวบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้าเมื่อไหร่ ฮูหนิวจะเตะก้นสตรีประสาทให้ยับเลย ฮูหนิวจะทะลวงรูทหารของนางไปเลย!” ฮูหนิวกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
หลิงฮันรู้สึกอับอาย เด็กสาวผู้นี้จะต้องติดนิสัยเขาไปแน่ๆ
ภายในหอคอยทมิฬ พวกเขาถูกพัดพาลอยถามน้ําไปเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน แต่ก็ยังไม่กล้าออกมา
แน่นอนว่าทั้งห้าไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า พวกเขาบ่มเพาะพลังอยู่ในหอคอยทมิฬ เพื่อเปิดธรณีประตูสู้ขั้นพลังต่อไป
หนึ่งปี. สิบปี ร้อยปี พวกเขาหลบอยู่ในหอคอยทมิฬเป็นเวลาร้อยปี ด้วยความสามารถในการเร่งเวลาของหอคอยทมิฬ และพลังของต้นสังสารวัฏ หลิงฮัน จักรพรรดินี และฮูหนิวได้บรรลุระดับตัดวิญญาณหยางขั้นกลางเป็นที่เรียบร้อย
พัฒนาการของธิดาโร่วนั้นแม้จะด้อยกว่าเล็กน้อย แต่พลังบ่มเพาะของนางก็ใกล้จะบรรลุ ระดับตัดวิญญาณหยางขั้นกลางแล้ว
“น่าจะออกไปได้แล้ว” ทุกคนตัดสินใจออกจากหอคอยทมิฬ
ร่างของหลิงฮันแวบออกมาจากหอคอยทมิฬ
“ครืนนน” ทันใดนั้นเอง คลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวก็กวาดผ่านเข้ามา และมือขนาดใหญ่ได้ไล่ตามมาด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์
ราชานิรันดร์ยังเฝ้าจับตาอยู่!