ตอนที่ 339 ตี้อู่หลันฉือ
วันที่หนึ่งกันยายนเป็นวันเปิดเทอมของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง
เย่ว์จือกวงไปส่งมู่เถาเยา ปาอิน และถังถังที่มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู
หลังจากแต่ละคนจัดการขั้นตอนเสร็จเรียบร้อย มู่เถาเยาก็กลับบ้านพร้อมเย่ว์จือกวงก่อน
ปาอินกับถังถังอยู่มหาวิทยาลัย เพราะพวกเธออยากให้คนตระกูลเย่ว์ได้อยู่กันส่วนตัวสักสองสามวัน
พอกินข้าวกลางวันเสร็จมู่เถาเยาก็รับสายวิดีโอคอลจากเซียวเซียว หวังหมิ่นชิ่น หมิ่นชีสยา บอกว่าอยากนัดเธอกินข้าวเย็น
สามคนนั้นขึ้นปีสอง แต่มู่เถาเยาไปเรียนปริญญาโทแล้ว อีกทั้งมหาวิทยาลัยก็กว้างมาก ปกติจะเจอกันก็ไม่ง่าย แล้วนับประสาอะไรกับที่มู่เถาเยาไม่ได้พักในมหาวิทยาลัยด้วย
“เซียวเซียว ชีสยา ชิ่นชิ่น ตอนนี้ครอบครัวฉันอยู่เย่ว์ตู ไว้นัดวันศุกร์แล้วกันนะ พวกเธอมากินข้าวที่บ้านฉัน”
“ได้เลย”
พวกเธอคุยกันอีกสักพักก็วางสาย
ทุกคนไปงีบกลางวันกันหมดยกเว้นเย่ว์จือกวง
ตอนบ่ายก็ยังเป็นเย่ว์จือกวงที่ไปส่งมู่เถาเยากับลู่จือฉินที่มหาวิทยาลัย
ลู่จือฉินไปขอยืมใช้ห้องปรุงยาของทางมหาวิทยาลัย
วันนี้มู่เถาเยาก็ยังไม่ได้เริ่มเรียนอย่างเป็นทางการ
บรรดานักศึกษาต่างมองเธอที่ ‘หน้าเด็ก’ ด้วยความสงสัย
นักศึกษาปริญญาโทปีสองส่วนใหญ่อายุอยู่ที่ยี่สิบสองถึงยี่สิบห้า ส่วนนักศึกษาที่แก้มยุ้ยคนนี้ดูยังไงก็เหมือนอายุสิบสี่สิบห้า!
อืม ต่างมองข้ามที่เธอสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบไปโดยปริยาย
เพื่อนร่วมโต๊ะที่ผมยาวสลวย ทาลิปสติกสีแดงฉ่ำสไตล์สาวมั่น อดถามขึ้นไม่ได้ “น้องคะ ไม่ได้เข้าผิดชั้นเรียนใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ ฉันอายุสิบแปดครึ่งแล้ว ไม่เด็กแล้วค่ะ” มู่เถาเยาตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“อุ๊บ…สิบแปดครึ่ง…บอกเศษให้ด้วย…ทำไมน่ารักจังเลย!”
สาวมั่นยื่นมือออกไปอยากหยิกแก้ม แต่มู่เถาเยาหลบ เธอจึงยิ่งหมั่นเขี้ยว
“หนูน้อย ทำไมเธอถึงเลือกเรียนสาขาเราที่ฟังดูมีแต่กลิ่นคาวเลือดล่ะ”
“อาจเพราะชอบมั้งคะ แล้วก็ ฉันชื่อมู่เถาเยาค่ะ ไม่ใช่หนูน้อย ฉันไม่ใช่เด็ก ฉันตั้งใจมากค่ะ” เธอไม่ชอบฉายานี้
“อุ๊บ…ฮ่าๆๆ…”
นักศึกษาที่อยู่รอบๆ ต่างอดขำตามไม่ได้
ใบหน้าซาลาเปาของมู่เถาเยาเคร่งขรึม มองพวกเขาหัวเราะด้วยความสงสัย
บางครั้งเธอก็รู้สึกว่าตัวเองไม่กลมกลืนกับโลกนี้เลยสักนิด
ดูสิ อย่างตอนนี้ เห็นๆ อยู่ว่าเธอพูดความจริง ทำไมพวกเขาต้องหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งแบบนั้นด้วย
มันน่าขำตรงไหนกัน
ขณะที่มู่เถาเยากำลังจะพูด อาจารย์ที่ปรึกษาก็เดินเข้ามา
“นักศึกษาทุกคน ไม่เจอกันสองเดือน เปิดเทอมมาดีใจกันขนาดนี้เลยเหรอ”
“ศาสตราจารย์หวังคะ ชั้นเรียนเรามีหนูน้อยมาค่ะ! น่ารักจริงจังอย่าบอกใครเชียว! อุ๊บ…”
ศาสตราจารย์หวังยิ้มตาหยีมองสาวมั่นแล้วมองมู่เถาเยาที่อยู่ข้างกัน เลิกคิ้วพูด “ก็คือหนูน้อยที่ชื่อมู่เถาเยานี่เหรอ”
เขาทราบถึงความน่ารักและเก่งกาจของมู่เถาเยามาจากอธิการบดี
มีอธิการบดีที่ชอบอวดเด็กตัวเอง ใครก็ตามที่เป็นอาจารย์ของเด็กคนนี้ย่อมรู้จักเธอดี!
มู่เถาเยาปั้นหน้าขรึม
“ศาสตราจารย์หวังเดาถูกแล้วค่ะ หนูน้อยเยาเยานี่แหละ!” อดยื่นมือออกไปอีกรอบไม่ได้
“ฮ่าๆ เสี่ยวเยาเยาไม่ใช่แค่น่ารักนะ ยังเป็นอัจฉริยะด้วย! นักศึกษาทุกคน อย่าเห็นว่าเธออายุยังน้อย อาจารย์กล้าพูดเลยว่าเธอเก่งที่สุดในคลาสเรา หรือแม้กระทั่งทุกชั้นปีเลยด้วยซ้ำ! ยามปกติก็ไปขอคำชี้แนะจากเธอให้มากๆ นะ รับรองความรู้เพิ่มพูนแน่นอน!”
“…!”
นักศึกษาทั้งห้องต่างมีสีหน้าตกตะลึง
ทุกคนต่างรู้ว่าศาสตราจารย์หวังไม่ใช่คนที่ชอบคุยโว
ศาสตราจารย์หวังดื่มด่ำกับสีหน้าตะลึงงันของทุกคนแล้วหันไปพูดกับมู่เถาเยา “หนูน้อยเยาเยา พูดอะไรกับทุกคนหน่อยสิ”
“พูดอะไรเหรอคะ”
มู่เถาเยาถูกเรียกว่า ‘หนูน้อย’ จนชินชาไปแล้ว แม้แต่ไอคิวยังได้รับผลกระทบจนถดถอยลง
“ฮ่าๆ เล่าหน่อยว่าเธอเรียนยังไง แผนอนาคตของเธอ…พูดอะไรก็ได้”
“หนูก็แค่มาเรียนเหมือนทุกคน ส่วนอนาคต เรียนปริญญาโทหนึ่งปี ปริญญาเอกหนึ่งปี จากนั้นจะย้ายมหาวิทยาลัยไปเมืองหลวงเรียนอย่างอื่น จากนั้นก็จะทุ่มเทด้านกีฬาสักหน่อย”
“เสี่ยวเยาเยา ทำไมถึงอยากทุ่มเทด้านกีฬาล่ะ เธอถนัดสายวิทยาศาสตร์นะ!” ศาสตราจารย์หวังเกิดกังวลขึ้นมาทันที
เขากลัวว่าดาวดวงใหม่ที่กำลังเจิดจรัสในวงการแพทย์จะต้องดับวูบลง
“ชอบค่ะ มันสนุก”
ศาสตราจารย์หวังมีสีหน้าขมขื่น “ไม่ชอบด้านการแพทย์เหรอ”
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “ชอบเรียนแพทย์ค่ะ ไม่เคยคิดจะทิ้งการแพทย์ไปเอาดีทางสายศิลป์หรืออย่างอื่น หนูก็แค่อยากเล่นกีฬาสักปีค่ะ”
ศาสตราจารย์หวังวางใจแล้ว
ขอแค่ไม่ทิ้งวงการแพทย์เป็นพอบราวนี่ออนไลน์
ก็แค่เล่นๆ เด็กวัยนี้ชอบเรียนรู้ทุกอย่าง พวกเขาจะปิดกั้นว่าที่แพทย์ในอนาคตไม่ได้
บรรดานักศึกษา “…”
ในขณะที่พวกเขากำลังบากบั่นเรียนเพื่อเก็บหน่วยกิต หนูน้อยคนนี้เตรียมจะเรียนให้จบดอกเตอร์แล้ว!
ศาสตราจารย์หวังเดินไปหน้าชั้นเรียนด้วยความดีใจ “นักศึกษาทุกคน หวังว่าวันหน้าคลาสเราจะมีหมอที่ประสบความสำเร็จเยอะๆ…” บลาๆๆ
สาวมั่นที่นั่งโต๊ะเดียวกับมู่เถาเยายกมือขึ้น “ศาสตราจารย์คะ พวกเราเรียนนิติเวชศาสตร์! หมอนิติเวช! ศาสตราจารย์ตั้งความหวังกับพวกเรามากเกินไปแล้วค่ะ!”
“หลันฉือ การตั้งความหวังถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลัง พวกเธอดูหนูน้อยคนนี้สิ สีหน้าสนับสนุนเต็มที่!”
ทั้งห้องพากันหันไปมองมู่เถาเยา
ใบหน้าซาลาเปาแก้มยุ้ยของมู่เถาเยามีสีหน้าเหลอหลา ไม่รู้แล้วว่าฉันเป็นใคร! อยู่ที่ไหน! ฉันมาทำอะไรที่นี่!
“อุ๊บ…”
เสียงหัวเราะดังสนั่นทั่วห้อง
ศาสตราจารย์หวังมองออกจากตรงไหนว่าสนับสนุน เห็นๆ อยู่ว่านั่นสีหน้างุนงง!
มู่เถาเยารู้สึกว่าตัวเองไม่เห็นมีอะไรน่าตลกเลยสักนิด
หรือคนในคลาสนี้จะเป็นพวกเส้นตื้นกันหมด
อืม เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะเปลี่ยนคลาสดีไหม
อดทนจนถึงเวลาเลิกเรียน มู่เถาเยาอยากลุกไปหาอาจารย์อาเล็ก
หลันฉือที่นั่งโต๊ะเดียวกันรีบคว้าเธอไว้ “หนูน้อยเยาเยา จะไปไหนเหรอ เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน! จริงสิ พี่ชื่อตี้อู่หลันฉือ เป็นคนทางเหนือ เธอล่ะ มาจากไหน”
พอมู่เถาเยาได้ยินแซ่ตี้อู่ก็ตั้งใจมองเพื่อนร่วมโต๊ะเรียนคนนี้
“ทำไมเหรอ พี่สวยใช่ไหมล่ะ อยากกิ๊กกันไหม” ตี้อู่หลันฉือทำเป็นม้วนเกลียวผมพร้อมส่งสายตายั่วๆ ให้
มู่เถาเยา “…”
เธออาจคิดผิดไป ตระกูลตี้อู่นั่นไม่น่าจะมีคนที่เอาแต่เล่นสนุกแบบนี้
แต่ว่าเพื่อนร่วมโต๊ะคนนี้ฝีมือก็ไม่ธรรมดา
เหนือความคาดหมาย
“ตี้อู่เหลียนจิง?”
ตี้อู่หลันฉือนั่งตัวตรงขึ้นมาทันที “หนูน้อยรู้จักพ่อพี่ด้วยเหรอ”
ไม่น่านะ!
ครอบครัวของเธอปกปิดตัวตน แต่ก็เข้าสังคม แต่คนอื่นไม่รู้ว่าเธอคือคนของตระกูลตี้อู่ที่เก็บซ่อนตัวตน
มู่เถาเยายิ้ม “ที่บ้านมีผู้อาวุโสแซ่อวิ๋นเป็นเพื่อนของพ่อพี่ค่ะ”
“งั้นก็บังเอิญจริงๆ !”
ตี้อู่หลันฉือก็ยิ้มแบบเป็นกันเองมากกว่าเมื่อครู่
เธอเคยเจอเพื่อนคนนี้ของพ่อ!
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “นึกไม่ถึงจริงๆ ค่ะ แต่คิดๆ ดูก็อยู่ในความคาดหมาย”
ตระกูลตี้อู่กับตระกูลซย่าโหวไม่เหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นตระกูลฝึกยุทธ์ทั้งคู่ แต่ตระกูลตี้อู่เปิดกว้างมากกว่า รู้จักเข้าสังคม ดังนั้นเมื่อเทียบกับตระกูลซย่าโหวที่เอาแต่ฝึกยุทธ์แล้ว ตระกูลตี้อู่รวยกว่าตระกูลซย่าโหวตอนที่ยังไม่มาอยู่หมู่บ้านเถาหยวนซานเยอะเลยทีเดียว!
เอาแค่ว่าตี้อู่เหลียนจิงพ่อของเธอเป็นเพื่อนกับน้าเล็กอวิ๋นได้ก็รู้แล้วว่าฐานะครอบครัวไม่ธรรมดา!
ถึงแม้น้าเล็กอวิ๋นจะไม่ใช่คนชอบดูถูกชาวบ้านทั่วไป แต่คนทั่วไปก็เข้าไม่ถึงตัวน้าเล็กอวิ๋นได้ง่ายๆ
“เสี่ยวเยาเยา เธอไม่ใช่แค่ญาติของอาอวิ๋นใช่ไหม”
ถึงแม้แซ่ตี้อู่จะหาได้ยาก แต่ก็ไม่ได้มีแค่ตระกูลตี้อู่นี้ที่ฝึกยุทธ์
ตี้อู่หลันฉือมั่นใจว่าเพื่อนร่วมโต๊ะคนนี้รู้จักตระกูลของเธอดี แต่อาอวิ๋นก็ไม่ใช่คนปากเปราะ…ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวเยาเยารู้จักตระกูลตี้อู่จากไหนกัน
พวกตระกูลใหญ่ก็ไม่เห็นมีแซ่มู่…
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน เม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วพูดออกมา “ลองเดาสิคะ”
ตี้อู่หลันฉือ “…!”
ทำตัวน่ารักอีกแล้ว!
อยากหยิกแก้มจังเลย!