ตอนที่ 2020 ศัตรูความรัก
หลิงฮันมีศัตรูอยู่มากมายก็จริง แต่การที่จู่ๆก็ถูกคนที่ไม่เคยเห็นหน้าโจมตีนั้น ทําให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เขาถีบเท้าออกไป “ปัง” ดาบของชายที่ลอบโจมตีถูกเตะลอยกระเด็น
อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ที่มีผิวขาวเนียนจนแม้แต่สตรีก็ยังต้องอิจฉา เพียงแต่พลังของเขานั้นยังอ่อนแอเกินไป โดยอยู่ในระดับที่เทียบเท่าสี่นิพพานเท่านั้น
หลิงฮันมองและกล่าวอย่างไม่แยแส “เจ้าลอบโจมตีข้าทําไม?”
“เจ้าเป็นศัตรูหัวใจของข้า ทําไมข้าจะสังหารเจ้าไม่ได้ล่ะ?” ชายหนุ่มหน้าหล่อเชิดหน้าสูง
“ศัตรูความรักงั้นรึ?” หลิงอันประหลาดใจ เมื่อใดกันที่เขาไปมีศัตรูเช่นนั้น?
เดี๋ยวก่อน หรือว่าเป็นเพราะหลันรั่วจือ?
เขาส่ายหัวด้วยความรู้สึกละเหี่ยใจและกล่าว “ข้าว่าเจ้าคงเข้าใจอะไรผิด”
“อย่างนั้นรึ?” ชายหนุ่มหน้าหล่อลงมืออีกครั้ง
พรึ่บ” มือขวาของเขาแปรเปลี่ยนกลายเป็นกรงเล็บ และจู่โจมเข้าใส่หน้าอกของหลิงฮัน
หลิงธันยกขาถีบออกไปอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป้าหมายคือระหว่างขาของชายหนุ่มหน้าหล่อ
“อัก” ชายหนุ่มหน้าหล่อโอดครวญทันที พร้อมกับร่างกายค่อยๆอ่อนแรงลง มือทั้งสองของเขาจับกุมที่ระหว่างขา และเม็ดเหงื่อได้หยดท่วมไปทั่วหน้าผาก
“มองไม่ออกเลยจริงๆ ว่าคนที่มีหน้าตาบริสุทธิ์เช่นเจ้า เหตุใดถึงได้มีจิตใจที่ดํามืดนัก!” หลิงฮันกล่าว
ชายหนุ่มหน้าหล่ออ้าปากตอบไม่ไหว เนื่องจากถึงแม้ลูกเตะเมื่อครู่ของหลิงฮันจะไม่ได้ออกแรงมาก แต่มันก็แฝงเอาไว้เศษเสี้ยวอํานาจของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี เพียงแค่เศษเสี้ยวพลังของหลิงฮันในตอนนี้ก็เปรียบเสมือนภูเขาอันหนักอึ้ง สําหรับจอมยุทธระดับสี่นิพพาน
บริเวณหน้าผากของชายหนุ่มหน้าหล่อปรากฏเส้นเลือดปูดบวม หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็กล่าวออกมา “เจ้าช่างโง่เง่านัก!”
“ข้าน่ะรีโง่เง่า?” หลิงฮันส่ายหัวพร้อมกับปล่อยหมัด “ตูม” ร่างของชายหนุ่มหน้าหล่อกลายเป็นฝนโลหิตในพริบตา
ในเมื่อคิดจะสังหารข้า เจ้าก็ต้องเตรียมใจถูกสังหารกลับเอาไว้ด้วย
“พรึบ พรึบ พรึบ” ร่างคนอีกเจ็ดคนพุ่งทะยานเข้ามา และโจมตีใส่หลิงฮัน
“ตาย!” ถึงแม้รูปลักษณ์ของคนทั้งเจ็ดจะแตกต่างกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกัน คือใบหน้าอันหล่อเหลา
หลิงฮันรู้สึกสะอิดสะเอียน นี่เขาเข้าไปพัวพันกับอะไรกันแน่เนี่ย?
เขาส่ายหัวและปล่อยหมัดออกไปอีกครั้ง เปลวเพลิงพัวพันไปด้วยทั่วกําปั้น พร้อมกับแผดเผาร่างของคนทั้งเจ็ดกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
ผลลัพธ์นี้ทําให้คนอื่นๆ ที่คิดจะจู่โจมไม่กล้าลงมือ
หลิงฮันรู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมาก ไม่คาดคิดว่าเพียงแค่พูดคุยกับหลันรั่วงื่อไม่กี่คํา เขาจะถูกดึงเข้ามาพัวพันกับเรื่องไร้สาระเช่นนี้
บ้าบอชะมัด
หลิงฮันพุ่งทะยานร่างระเบิดพลังต่อสู้ทั้งหมด พร้อมกับเรียกดวงวิญญาณเพลิงเก้าสวรรค์ออกมา เปลวเพลิงและปราณดาบถูกกระหน่ําโจมตีอย่างน่าอัศจรรย์เข้าใส่ฝูงสัตว์อสูร
การบุกรุกของสิ่งมีชีวิตจากมหาสมุทรนั้นยังคงดําเนินต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
ไม่ใช่แค่คนอื่นเท่านั้น แต่หลิงฮันเองก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก
“เปลี่ยนช่วง!”
เสียงตะโกนดังขึ้น พร้อมกับคนกลุ่มใหม่ได้เดินออกมาจากปราสาท พวกเขาสับเปลี่ยนหน้าที่กับจอมยุทธที่กําลังเหน็ดเหนื่อย และเข้าปะทะต่อต้านการบุกรุกของสิ่งมีชีวิตจากมหาสมุทร
เมื่อคนกลุ่มแรกล่าถอยออกมาพัก ทุกคนก็นั่งทรุดตัวลงกับพื้นและรู้สึกปวดร้าวไปถึงกระดูกทุกส่วน
หลิงฮันเองก็นั่งพักเพื่อใช้เวลาฟื้นฟูปราณก่อเกิด เขาขัดเกลาทุกระดับพลังจนถึงขีดจํากัดสมบูรณ์ เพราะงั้นปราณก่อเกิดของเขาจึงมีปริมาณที่ใช้สู้ได้มากกว่าคนอื่น แถมยังฟื้นได้รวดเร็วยิ่งกว่า
หลังจากผ่านไปสามวัน ก็ถึงเวลาเปลี่ยนช่วงอีกครั้ง
พวกฉินเหว่ยรู้สึกหดหูเป็นอย่างมาก นอกจากจะยังไม่ได้เพลิดเพลินกับวาสนาแล้ว พวกเขายังต้องมาลงแรงอย่างหนักอีก
การปะทะดําเนินไปอย่างกับว่าจะไม่มีคราวสิ้นสุด สิ่งมีชีวิตจากมหาสมุทรยังคงว่ายขึ้นมาอย่างไม่หวาดกลัวความตาย และกระหน่ําโจมตีใส่รูปแบบอาคมป้องกันของเกาะ
สิ่งที่ทําให้พวกฉินเหว่ยรู้สึกผ่อนคลายได้เล็กน้อย คืออย่างน้อยในการต่อสู้อันยาวนานนี้ทุกคนก็แค่ได้รับบาดเจ็บแต่ยังไม่มีใครเลยที่เสียชีวิต
เรื่องนี้นับว่าน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก ท่ามกลางการต่อสู้ที่หนักหนาขนาดนี้ ทางฝั่งพวกเขากลับไม่มีใครเลยที่เสียชีวิต
หลิงฮันไม่ได้สนใจในตอนแรก และเพิ่งมารู้ตัวเอาปานนี้ เมื่อเขาลองสังเกตคนอื่นๆ ดูทําให้พบว่าที่ไม่มีใครตายเลยไม่ใช่เพราะโชคดี แต่ในขณะที่ใครบางคนกําลังตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต จู่ๆสิ่งมีชีวิตมหาสมุทรเหล่านั้นจะตายไปอย่างลึกลับ
ท่ามกลางการต่อสู้อันชุลมุน ย่อมไม่มีใครตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ แต่หากสังเกตจะพบเห็นได้ในทันที
หลิงฮันมองไปยังทิศทางของปราสาท จนถึงตอนนี้เจ้าของเกาะผู้ลึกลับก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมาเป็นไปได้ว่าบางทีเขาอาจจะแอบช่วยเหลืออยู่อย่างลับๆ เพื่อไม่ให้มีใครเสียชีวิต
ตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้มีอํานาจมากพอที่จะทําเช่นนั้น
แต่ทําไมเขาถึงต้องช่วยเหลือคนอื่นๆด้วยน่ะรี?
คําตอบนั้นง่ายมาก ทุกคนที่นี่คือคนที่ฝึกฝนศาสตร์วรยุทธที่แตกต่าง มีรึที่จะยอมปล่อยให้ตายไปได้ง่ายๆ?
“เหตุใดการบุกรุกของสัตว์อสูรในครั้งนี้ถึงได้รุนแรงเช่นนี้?” จอมยุทธของเกาะผู้หนึ่งโอดครวญ
“นั่นสิ ในอดีตที่ผ่านๆ มาการบุกรุกจะกินเวลาแค่สองถึงสามวันเท่านั้น แต่ครั้งนี้มันผ่านมาสิบวันแล้วนะ”
“หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ทุกคนคงต้านทานเอาไว้ไม่ไหวแน่”
“ทําไมเจ้าของเกาะถึงยังไม่ปรากฏตัวอีก หากเขามาช่วยกําจัดฝูงสัตว์อสูรล่ะก็ พวกเราน่าจะเป็นชัยได้อย่างง่ายดายแท้ๆ”
หลิงฮันรับรู้ว่าเจ้าของเกาะ จะต้องทําหน้าที่เป็นผู้ควบคุมการสังเวยชีวิตของเหล่าสัตว์อสูรอยู่เป็นแน่ บางทีคงเป็นเพราะเขาไม่เชื่อใจให้ใครทําหน้าที่แทน เขาจึงไม่เข้าร่วมการต่อสู้ และคอยช่วยเหลือเหล่าบริวารเป็นบางครั้งแทน
“ในเมื่อการสังเวยในครั้งนี้กินเวลานานกว่าที่ผ่านๆมา และหอคอยน้อยคาดการณ์ว่า กลิ่นอายอันรุนแรงของทองหยกกําเนิดดารา จะถูกกําจัดหลังจากการสังเวยอีกสองหรือสามครั้ง งั้นก็หมายความว่าเจ้าของเกาะต้องการให้การสังเวยสิ้นสุดลงในครั้งนี้รวดเดียวเลย ถึงได้ยึดเวลาการบุกรุกของสัตว์อสูรให้นานขึ้น”
“ฮะๆ ดูเหมือนข้าเองก็ใกล้จะต้องลงมือด้วยแล้วสินะ”