ตอนที่ 2034 เรื่องราว
“ชื่อของข้าคือกั่วหมิง” บุรุษตรงหน้ากล่าว
ขาเป็นคนที่มีพื้นเพธรรมดาทั่วไป แต่ด้วยพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธค่อนข้างดี ข้าจึงได้เข้าร่วมกับนิกายเดือนดาราเพื่อฝึกฝนศาสตร์วรยุทธ
“วาสนาได้นําพาให้ข้าได้พบกับสตรีผู้หนึ่ง ซึ่งก็คือภรรยาของข้าในตอนนี้ หลิวเสวี่ยเหยียน”
“เสี่ยเหยียนเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสสามของนิกายเดือนดารา ทําให้สถานะของเขาอยู่ไกลเกินกว่าที่ศิษย์ตัวนอกตัวเล็กๆ เช่นข้าจะเอื้อมถึง แต่ดวงชะตาช่างเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก”
“เมื่อข้ากับเสวี่ยเหยียนตกหลุมรักกัน ก็มีอุปสรรคเกิดขึ้น”
“ไม่เพียงแค่ผู้อาวุโสสามจะคัดค้าน แต่ผู้อาวุโสเจ็ดก็เช่นกัน”
“ผู้อาวุโสสามต้องการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อาวุโสเจ็ด เพราะงั้นพวกเขาจึงได้ตัดสินใจให้รุ่นเยาว์ของตนเองแต่งงานกัน ผู้อาวุโสเจ็ดที่หลานชายอยู่คนหนึ่งชื่อว่า หร่วนตง คนผู้นี้เองก็มีความสนใจในตัวเสวี่ยเหยียน”
“เสี่ยเหยียนพยายามปฏิเสธการแต่งงานอยู่หลายครั้งแต่ก็ไร้ผล”
“หร่วนตงนั้นเกลียดชังข้ามาก ทําให้เขาใช้ฝ่ามือเจ็ดบุปผาเจ็ดพิษสร้างบาดแผลที่รุนแรงกับ ข้า เพื่อให้ข้าทรมานและจบชีวิตลง”
“แต่หลังจากเสียเหยียนรู้เรื่องเข้า นางก็รีบพาข้าออกมาจากนิกายเดือนดาราในทันที
“เพื่อที่จะหลบเลี่ยงการไล่ล่า พวกข้าได้ทําการปกปิดร่องรอยอย่างรอบคอบ จนเมื่อมาถึงที่นี่อาการบาดเจ็บของข้าก็ทรุดหนักขึ้นจนถึงระดับที่ไม่อาจควบคุมได้ จึงต้องหยุดอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้”
“เสี่ยเหยียนไปได้ยินมาจากที่เมืองนี้มีปรมาจารย์นักปรุงยาอยู่ นางเลยตัดสินใจปลอมตัวเป็นคนรับใช้กว่าสองปี จนได้โอกาสเข้าใกล้ห้องเม็ดยาในที่สุด และขโมยเม็ดยานิรันดร์มาให้ข้า”
“ทุกอย่างเป็นเพราะข้าเอง!”
“เสี่ยเหยียนนั้นบริสุทธิ์ หากเจ้าต้องการลงโทษอะไรก็โปรดมาลงที่ข้าคนเดียว!”
“ฮือออ ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก!” เสียงร้องไห้ดังขึ้นมา เมื่อหันมองไปก็พบว่าฟูเยวนั้นมีน้ําตาไหลออกมาท่วมใบหน้า
นี่มัน… เกินไปหน่อยรึเปล่า?
กลุ่มของหลิงฮันมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ และรู้สึกว่านายน้อยผู้นี้ช่างอารมณ์แปรปรวนและอ่อนไหวยิ่งนัก ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายเพิ่งโมโหจนจะผ่าท้องคนป่วยนําเม็ดยาชีวิตไร้มรณาออกมาอยู่เลยแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับร้องไห้เพราะเรื่องราวรักใคร่เสียได้
“นี่เจ้าไม่เข้าถึงอารมณ์เกินไปหน่อยสิ?” หลิงฮันตบไหล่ฟูเยว่
“ฮึกๆ เจ้าไม่รู้สึกสงสารบ้างเลยรึไง?” ฟูเยวสะอึก
“ก็มีบ้าง แต่ก็ถึงไม่ขนาดนั้น” หลิงฮันรู้สึกว่านายน้อยผู้นี้สมวควรจะเป็นสตรียิ่งกว่าบุรุษเสียอีก
อย่างน้อยหากเป็นสตรี ต่อให้ร้องไห้ฟูมฟายเพียงใด ก็ไม่มีใครกล่าวว่าอะไร
“อึกๆ ช่างน่าสงสาร ช่างน่าสงสารยิ่งนัก!” ฟูเยว่ยังคงโศกเศร้าอยู่คนเดียว
ภาพตรงหน้าทําให้กั่วหมิงอึ้งจนไร้คําพูดไปเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะเป็นคนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้โดยตรง แต่บุรุษนั้นไม่มีใครร้องไห้ออกมาง่ายๆ แล้วเหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงได้ร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนี้กัน? อันที่จริงแม้แต่หลิวเสวี่ยเหยียนก็ยังไม่ร้องไห้ขนาดนี้เลย
“เมื่อไหร่เจ้าจะหยุดทําเรื่องน่าอายเสียที่?” หลิงฮันถอนหายใจ
“ไม่ต้องสนใจข้า ให้ข้าร้องไห้ต่อไปอีกหน่อย”
ซูหนิวเป็นคนแรกที่เริ่มทนไม่ไหว นางยกเท้าและถีบออกไป “ปัง” ทันใดนั้นร่างของฟูเยว่ก็ลอยทะลุบ้านออกไป และกลายเป็นจุดสีดําขนาดเล็กในพริบตา
“พี่ชายหมิง!” น้ําเสียงอันอ่อนโยนที่ดูเร่งรีบดังขึ้น พร้อมกับสตรีผู้หนึ่งรีบวิ่งเข้ามา
นางคือหลิวเสวี่ยเหยียน “สตรีอ่อนแอ” ที่พวกหลิงฮันพบเจอก่อนหน้านี้
เมื่อพบว่ามีคนหลายคนอยู่ในห้อง และแต่ละคนยังเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ใบหน้าของหลิวเสวี่ยเหยียนก็กลายเป็นซีดขาวทันที
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ชายหมิง ทุกอย่างข้าเป็นคนลงมือทําเอง หากต้องการลงโทษหรือสังหารก็ให้มาลงที่ข้า!” นางกล่าวออกมาเสียงดัง
“ไม่ ข้าเป็นคนผิดเอง!” กั่วหมิงรีบกล่าวแทรก
“ข้าเอง!”
“ไม่ใช่ เป็นข้าเอง!”
ทั้งสองคนแย่งกันจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบ สามีภรรยาคู่นี้ช่างมีความรักที่ลึกซึ้งต่อกันยิ่งนัก
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “พวกเจ้าสองคนช่างโง่เขลานัก พวกเจ้าสองคนต่างต้องการรับผิดชอบเพียงคนเดียว ทั้งๆ ที่ถูกจับตัวได้พร้อมกันน่ะรึ?”
“ไม่ ทําแบบนั้นไม่ได้!” กั่วหมิงและหลิวเสวี่ยเหยียนส่ายหน้าพร้อมกันด้วยความหวาดกลัว
“เสี่ยเหยียน ชาติภพหน้าของให้พวกเราเป็นสามีภรรยากันอีกครั้ง”
“เช่นกันพี่ชายหมิง!”
สองสามีภรรยามองหน้ากัน ก่อนจะลงมือโจมตีใส่ศีรษะของกันและกัน เพื่อทําลายห้วงจิตวิญญาณและตายไปพร้อมกัน
หลิงฮันยื่นมือ “พรึบ” ครืนพลังอันรุนแรงถูกส่งผ่านออกมาหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของทั้งสองคนเอาไว้
“พวกเจ้าจะไม่ใจร้อนกันไปหน่อยรึ?” เขาถอนหายใจ “ข้ายังไม่ได้บอกสักคําเลยว่าข้ามาเพื่อจับกุมพวกเจ้า”
หลิงฮันกลายเป็นไร้คําพูด นี่เขามาพบเจอคนแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
“อาการบาดเจ็บของเจ้าเกิดจากพิษ ข้าว่าข้าน่าจะขับไล่มันออกไปได้” หลิงฮันลังเลอยู่ครู่หนี่งก่อนจะกล่าวออกไป
“จริงๆ รี?” สองสามีภรรยาอุทานออกมาพร้อมกัน และเผยสีหน้าไม่เชื่อ
หลิงฮันพยักหน้าและถาม “หร่วนตงที่ว่าคงเป็นจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณสินะ?ขั้นพลังของเขาอยู่ที่ตัดวิญญาณสวรรค์หรือปฐพี”
“ตัดวิญญาณปฐพี!” หลิวเสวี่ยเหยียนรีบกล่าวออกมา ซึ่งทําให้ความมั่นใจของหลิงฮันเพิ่มขึ้น
หากอาการบาดเจ็บเกิดจากตัวตนระดับตําหนักอมตะล่ะก็ หลิงฮันคงไม่อาจทําอะไรได้ แต่สําหรับระดับแบ่งวิญญาณเหมือนกันนั้น สําหรับหลิงฮันที่ครอบครองแก่นกําเนิดพลังพฤกษาแล้ว ตามหลักเขาย่อมสามารถรักษาบาดแผลหรืออาการบาดเจ็บทั้งหมดได้
ในยุทธภพนี้มีคนต้องการความช่วยเหลืออยู่มากมาย หลิงฮันไม่ใช่คนชั่วร้ายหรือชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นๆ ก็จริง แต่เมื่อปัญหามาอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาก็ยินดีจะช่วยเหลือเท่าที่ไหว
“ฮืออออ ช่างน่าสงสารอะไรอย่างนี้ เราของช่วยพวกเขาให้ได้” ฟูเยว่เดินกลับมา พร้อมกับดวงตาที่เปียกชุ่ม
คนนี้ผู้นี้ไม่กลับแล้วจริงๆ
หลิงฮันกล่าว “เจ้าออกไปก่อน ข้าจะใช้ทักษะของข้ารักษาเขาให้”
“ตกลง ตกลง!” หลิวเสวี่ยเหยียนรีบพยักหน้า หากหลิงฮันประสงค์ร้ายก็คงไม่ต้องลี ลาขนาดนี้เพียงแค่อีกฝ่ายลงมือสังหาร นางก็ไม่มีวิธีการใดที่จะต้านทานไหว
“เจ้าก็ออกไปด้วย!” หลิงฮันกล่าวกับฟูเยว่
“อะไรกัน ข้าด้วยรึ?” ฟูเยว่ทําหน้าตามันงง
“ออกมาได้แล้ว!” ฮูหนิวคว้ามือลากฟูเยว่เดินออกไป
ที่ต้องไล่คนอื่นออกไป ก็เพื่อป้องกันความลับของหอคอยทมิฬไม่ให้รั่วไหล
หลิงฮันผลักฝามือใส่ถั่วหมิงจนสลบ และพาเข้าไปยังหอคอยทมิฬ ด้วยอํานาจห้วงเวลา การไหลของกระแสเวลาในหอคอยทมิฬจะถูกเร่งความเร็วขึ้นถึงหนึ่งพันเท่า
เขาเริ่มทําการรักษากั่วหมิง อํานาจของแก่นกําเนิดพลังพฤกษาถูกกระตุ้นและชี้นําเข้าสู่ร่างกายของอีกฝ่ายเพื่อขจัดพิษที่ละเล็กทีละน้อย
หากหลิงฮันสู้กับหร่วนตงตรงๆ เขาอาจจะสามารถกําราบอีกฝ่ายได้ในร้อยกระบวนท่า แต่การจะขจัดพิษของอีกฝ่ายที่อยู่ในร่างกั่วหมิงนั้น ไม่ได้ทําง่ายๆ แบบนั้น
วันเวลาผ่านไป พริบตาเดียวระยะเวลาในหอคอยทมิฬก็ผ่านพ้นไปสามปี และหลิงฮันก็ถอนมือกลับในที่สุด
พิษภายในร่างกิ้วหมิงถูกเขาขจัดทิ้งหมดแล้ว
หลิงฮันเผยรอยยิ้มพึงพอใจ ระหว่างขั้นตอนการชําระล้างพิษ ความเข้าใจในการใช้งานแก่นกําเนิดพฤกษาของเขาเองก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน