ตอนที่ 2035 หร่วนตงไล่ล่า
หลิงฮันนำถั่วหมิงออกมาจากหอคอยทมิฬ พร้อมกับตะโกนเสียงดัง “พวกเจ้าเข้ามาได้แล้ว”
“พี่ชายหมิง!” หลิวเสวี่ยเหยียนรีบรุดเข้ามาในบ้าน เมื่อนางเห็นว่าถั่วหมิงยังคงนอนอยู่บนเตียง นางก็รีบกวาดสายตาตรวจสอบทันที
ภาพที่นางเห็นทำให้นางตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะใบหน้าของอีกฝ่ายกลับมาอิ่มเอม และออร่ารอบกายก็มั่นคงแล้ว
“ท่านผู้มีพระคุณ!” นางคุกเข่าลงทันที
หลิงฮันยืนมือลงไปพยุงร่างหลิวเสวี่ยเหยียนขึ้นมา และใช้มืออีกข้างปลุกกั่วหมิงให้ตื่น
“เสวี่ย… เสวี่ยเหยียน”
“พี่ชายหมิง!”
สามีภรรยาโผเข้ากอดกันและเริ่มร้องไห้
“พี่ชายหมิง ท่านไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ รึ?” หลิวเสวี่ยเหยียนกล่าวรำพัน
“ไม่เป็นอะไรแล้ว ทุกอย่างดีมาก”
“ข้ากำลังฝันอยู่รึเปล่า?”
“ไม่ใช่ฝัน!”
คู่สามีภรรยาตื่นเต้นจนเริ่มทำการจูบกันอย่างดูดดื่มโดยไม่รู้ตัว
“ช่างน่ายินดี ช่างน่ายินดีจริงๆ” ฟูเยวซาบซึ้ง
เมื่อมองไปที่ฟูเยว่ หลิงฮันก็รู้สึกว่าเขาไม่สามารถมองอีกฝ่ายอย่างปกติได้อีกต่อไป
“หลิงฮัน หนิวก็อยากจูบด้วย!” ฮูหนิวยื่นปากและเอนร่างเข้ามา
หลิงฮันหัวเราะ พร้อมกับหันหน้าไปสัมผัสริมฝีปากกับซูหนิวเบาๆ
“ข้าเองก็อยากเหมือนกัน!” ธิดาโร่วเอนร่างตามเข้ามา
“เจ้าน่ะอยู่เฉยๆ ไป”
ธิดาโรวเค้นเสียงไม่พึงพอใจ เป็นบุรุษที่ขี้เหนียวยิ่งนัก นางแค่ของจูบด้วย ทำไมถึงต้องกลัวด้วย?
“จูบเลย! จูบเลย!” สองพี่น้องสือเหล่ยส่งเสียง
“หลิวเสวี่ยเหยียน!” เสียงคำรามที่สนั่นหวั่นไหวดังมาจากด้านนอก
สีหน้าของหลิวเสวี่ยเหยียนและกั่วหมิงเปลี่ยนไปทันที ทั้งสองคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก เพราะเจ้าของเสียงคือคนที่มอบความทรมานอันไร้ที่สิ้นสุดให้แก่พวกเขา
หร่วนตง!
“พเจ้าคิดว่าจะหลบหนีจากข้าไปได้งั้นรึ?” หร่วนตงกล่าว “ที่ข้าไม่เผยตัวออกมาไล่ล่าก็เพราะต้องการให้หมอนั่นรับรู้ว่า การแย่งชิงสตรีของข้าไปจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่สาหัสเพียงใด”
“ภายในสามวันนี้ พิษในร่างของถั่วหมิงจะปะทุออกมา และเสียชีวิตลงทันทีในอีกเจ็ดวัน”
“ข้ามาเพื่ออยู่กับเจ้า และรอดูความตายของเจ้าเศษสวะนั่น พร้อมกับนำตัวเจ้ากลับไป!”
“จะทำอย่างไรกันดี?” หลิวเสวี่ยเหยียนมองไปยังถั่วหมิง ในที่สุดสามีของนางก็ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้แล้วแท้ๆ แต่หร่วนตงก็ยังไล่ตามพวกนางมาราวกับเป็นคำสาป
กั่วหมิงกัดฟันและจู่ๆ ก็คุกเข่าลงตรงหน้าหลิงฮัน “ท่านผู้พี่พระคุณ ข้ารู้ว่าท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ซึ่งข้าไม่ควรขออะไรจากท่านแล้ว แต่สถานการณ์ในตอนนี้ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอให้ท่านช่วยข้าอีกครั้ง”
“ข้าขอให้ท่านผู้มีพระคุณนำเสวี่ยเหยียนออกจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยที และข้าจะมอบสมบัติของข้าเป็นสิ่งตอบแทน!”
“ไม่นะพี่ชายหมิง!” หลิวเสวี่ยเหยียนโผร่างเข้ากอดแผ่นหลังของถั่วหมิง “ข้าอยากจะมีชีวิตและตายไปพร้อมกับท่าน!”
“เสี่ยเหยียน!” ทั้งสองคนกอดรัดเข้าหากัน
เมื่อเห็นสองสามีภรรยา หลิงฮันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงบิดาและมารดาของเขา ในตอนแรกทั้งสองเองก็คงจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เหมือนกัน
และในเมื่อเขาช่วยชีวิตกั่วหมิงเอาไว้แล้ว จะให้มองดูอีกฝ่ายตายไปก็คงจะทำไม่ได้
เขายิ้มและเดินออกไปนอกบ้าน
“หืม เจ้าเป็นใครกัน?” เมื่อหร่วนตงเห็นบุรุษที่ไม่รู้จักเดินออกมาจ ใบหน้าของเขาก็ชะงักแข็งค้าง
บัดซบ นี่สตรีแพศยานั่นนอกเจ้าเขาอีกแล้วงั้นรึ?
เพียงแต่หลังจากหลิงฮันก็มีสตรีคนอื่นๆ เดินตามออกมา โดยที่แต่ละคนมีความงดงามราวกับเทพธิดา จนหร่วนตงต้องกลืนน้ำลายและลืมความเป็นไปได้ที่หลิวเสี่ยวเหยียนอาจจะนอกใจเขาไปเสียสนิท
“ข้าน่ะรึ?” หลิงฮันยิ้มแผ่วเบา “แค่คนที่ผ่านมา”
หร่วนตงเค้นเสียงกล่าว “ในเมื่อเจ้าเป็นเพียงคนที่ผ่านมาก็ไสหัวไปซะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า อย่าได้นำตนเองเข้ามาเกี่ยว”
“ข้าไม่เคยชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่ข้าจะขอทุบตีเจ้าหน่อยแล้วกัน” หลิงฮันกล่าว
“ทุบตีข้า?” หร่วนคงชะงัก ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เจ้ารู้รึเปล่าว่าข้าคือใคร?”
“แน่นอน ก็ขยะไงล่ะ”
ใบหน้าของหร่วนตงกลายเป็นมืดมน “ข้าคือหลานคนที่สี่ของผู้อาวุโสเจ็ดแห่งนิกายเดือนดารา ท่านปู่ของข้าเป็นถึงตัวตนระดับตำหนักอมตะที่ยิ่งใหญ่!”
ในดินแดนแห่งเซียน ตัวตนระดับตำหนักอมตะสามารถกล่าวได้ว่าเป็นปรมาจารย์
“และตัวข้าเองก็เป็นจอมยุทธระดับตัดวิญญาณปฐพี!” หร่วนตงกล่าวต่อ “ด้วยพลังและประสบการณ์ของข้า เจ้ายังคิดจะเป็นศัตรูของข้าอยู่อีกรึ?”
“พล่ามแต่เรื่องไร้สาระอยู่ได้” หลิงฮันก้าวเดินเข้าหาหร่วนตง
“คิดจะยุ่งเรื่องคนอื่นจริงๆ สินะ!” หร่วนตงกล่าวอย่างเกลียดชัง แต่เมื่อสายตาของเขาชำเลืองไปยังจักรพรรดินีและคนอื่นๆ รอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนหน้าของเขา “แต่ข้าก็ขอขอบคุณเจ้าจริงๆ ที่นำสตรีงดงามมากมายขนาดนี้มามอบให้ข้า!”
ปัง!
ทันทีที่เขาเผยรอยยิ้มนั่นเอง กำปั้นอันหนักหน่วงก็ซัดเข้าที่ใบหน้าของเขาจนร่างลอยกระเด็น
“เจ้ากล้าลงมือกับข้ารึ?” หร่วนตงลุกกลับขึ้นมา เมื่อเขานำมือขึ้นมาลูบบริเวณจมูกก็พบว่ามีโลหิตติดอยู่เต็มมือ ทำให้เขาเกรี้ยวกราดขึ้นมา
ตั้งแต่เป็นเด็กจนถึงตอนนี้จะมีกี่ครั้งกันที่เขาถูกทุบตี แถมยังเป็นที่ใบหน้าอีกด้วย
“เจ้ายั่วยุข้าเข้าแล้ว!” เขาสะบัดมือขวา ทันใดนั้นคลื่นแสงก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาจนครบทั้งหมดเจ็ดคลื่น
“ฝ่ามือเจ็ดบุปผาเจ็ดพิษ!” เสียงของหลิวเสวี่ยเหยียนอุทานดังขึ้น ในขณะที่นางกับกั่วหมิงเดินออกมาพร้อมกัน
ในน้ำเสียงของนางแฝงเอาไว้ด้วยความหวาดกลัว เพราะเป็นทักษะพิษนี้เองก็ทำให้กั่วหมิงทรมานมาหลายปีจนเกือบตาย
“ท่านผู้มีพระคุณระวังด้วย นั่นเป็นทักษะลับของผู้อาวุโสที่เจ็ด มีคำกล่าวว่าเขาได้รับทักษะมาจากซากโบราณสถานแห่งหนึ่ง ซึ่งทักษะนี้อาจจะเป็นถึงทักษะระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้!” นางรีบกล่าวเตือนหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้มอย่างไม่สนใจอะไร
การขจัดพิษให้กั่วหมิงไม่ใช่เรื่องง่ายก็จริง แต่ด้วยกายหยาบของเขา หากต้องการชี้นำพิษให้เข้ามาในร่างของเขาล่ะก็ จำเป็นต้องเป็นพิษในระดับตำหนักอมตะเป็นอย่างน้อย
“ใช่แล้ว นี่คือฝ่ามือเจ็ดบุปผาเจ็ดพิษ” หร่วนตงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ใครก็ตามที่ถูกโจมตีด้วยฝ่ามือเจ็ดบุปผาเจ็ดพิษ จะต้องทนทุกข์ทรมานไปเป็นเวลาเจ็ดปีเต็ม และบุปผาทั้งเจ็ดจะค่อยๆ งอกเงยขึ้นมา เมื่อได้ที่บุปผาทั้งเจ็บเบ่งบานคนผู้นั้นก็จะตายภายในเจ็ดวัน!”
เขามองไปยังถั่วหมองด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “บุปผาดอกที่เจ็ดในร่างของเจ้าน่าจะเบ่งบานแล้วเวลาแห่งความตายของเข้ามามาใกล้เพียงแค่เอมแล้ว!”
น่าแปลก เหตุใดสภาพของหมอนั่นถึงได้ยังดูอิ่มเอม และไม่เป็นอะไรเลยกัน?
เป็นไปไม่ได้ แปลกมาก!
หรือว่าพิษจะถูกถอนออกไปได้งั้นรึ?
เรื่องแบบนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร!
หร่วนตงมั่นใจเป็นอย่างมาก แม้แต่ปรมาจารย์ระดับตำหนักอมตะ ก็ไม่สามารถขจัดพิษของฝ่ามือเจ็ดบุปผาเจ็ดพิษหลังจากถูกโจมตีใส่แล้วได้ ยิ่งเมื่อพิษผสานเข้าไปในร่างกายของคั่วหมิงอย่างสมบูรณ์แล้ว หากต้องการขจัดพิษ วิธีเดียวคือต้องทำลายร่างกายของคั่วหมิงไปด้วยเท่านั้น ซึ่งนั่นก็ไม่ต่างอะไรจากการสังหารกั่วหมิง
แต่นั่นก็ใช่ว่าพิษจะไม่สามารถถูกขจัด บางทีตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้อาจจะทำได้ก็เป็นได้ แต่เพราะปรมาจารย์ทั้งหมดของนิกายเดือนดาราเป็นเพียงระดับตำหนักอมตะ จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเชิญตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้แล้วมาลองทดสอบดู
“หร่วนตง เจ้าคงไม่คาดคิดสินะว่าพิษในร่างกายข้าจะถูกขจัดออกไปแล้ว!” กั่วหมิงกล่าวด้วยแววตาแดงก่ำ ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อหร่วนตง