ตอนที่ 2037 แหวนสีดํา
“เป็นไปไม่ได้” ฟู่เยว่เผยสีหน้าไม่เชื่อ
เมื่อม้วนคําสั่งระดับตําหนักอมตะถูกใช้งานแล้ว จอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณตัวจ้อยจะไม่ถูกสังหารได้อย่างไร? ช่างน่าขันนัก
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “อยากจะเดิมพันกับข้าไหมล่ะ?”
“เดิมพันด้วยอะไร?” เฟยเยวรีบถาม
“หนึ่งร้อยล้านศิลาดวงดาว”
ใบหน้าของฟู่เยว่แสดงออกถึงความอับอาย ประโยคนี้ทําให้เขานึกถึงเรื่องน่าอายที่เขาทําลงไปก่อนหน้านี้ ที่ยังไม่ทันจะรู้เรื่องอะไร ก็ยื่นข้อเสนอมอบหนึ่งร้อยล้านศิลาดวงดาวให้หลิงฮันด้วยตัวเอง
“ตกลง!” เขารีบตอบตกลง ในเมื่อมีคนต้องการมอบเงินให้ ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องปฏิเสธสิ
หลิงอันกล่าวด้วยท่าที่เรียบง่าย “หร่วนตงเมื่อครูไม่ใช่ร่างจริง แต่เป็นร่างวิญญาณที่ถูกแบ่งออกมา”
“อ่า!” ฟู่เยว่ชะงัก “เจ้าแน่ใจรึ?”
ทันใดนั้นเขาก็ถูกตบเข้าที่หลังคอทันที พร้อมกับเสียงของซูหนิวดังขึ้นอย่างอุ่นเคือง “หลิงฮันของหนิวบอกว่าเป็นร่างวิญญาณก็ต้องเป็นร่างวิญญาณสิ!”
จักรพรรดินีเองก็เผยสีหน้ามืดมน อีกฝ่ายกล้าหวังจะชิงเงินของตระกูลหลิงไปงั้นรึ?
ฟู่เยว่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ หากบอกว่าไม่ใช่ร่างจริง ก็ต้องไม่ใช่ร่างจริงโดยที่เขาไม่มีสิทธิ์สงสัยเลยงั้นรี?
หลิงฮันหัวเราะและลากฟู่เยว่ไปด้านหน้า “ลองตรวจสอบดูให้ดี”
ร่างวิญญาณคือส่วนหนึ่งของดวงวิญญาณที่ถูกดึงออกมาจากร่างหลัก เพราะงั้นสิ่งที่แตกต่างจากร่างหลักก็คือความหนาแน่นของดวงวิญญาณ
เยว่ทําการตรวจสอบอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะอุทานออกมา “เป็นร่างวิญญาณจริงๆ ด้วย!” ถึงแม้ร่างวิญญาณของหร่วนตงจะแหลกสลายไปแล้ว แต่ระยะเวลาก็เพิ่งผ่านไปไม่นาน ทําให้การตรวจสอบทําได้ไม่ยากเท่าไหร่
“ขอบคุณเจ้ามากที่ยินดีจะมอบศิลาดวงดาวหนึ่งล้านก้อนให้ข้า” หลิงฮันทําท่ายื่นมือออกไป
“ ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก!” ฮูหนิวเองก็ทําตาม และยื่นมือออกไปเช่นกัน
แน่นอนว่าเสี่ยวเองก็ไม่ยอมใคร และยื่นมือตามออกไปอย่างใจร้อน
ฟู่เยว่เหงื่อตก คนพวกนี้แข็งแกร่งมากแท้ๆ แต่เหตุใดแต่ละคนถึงได้มีนิสัยเช่นนี้กัน?
“โชคยังดีที่หมอนั่นไม่ตาย!” กั่วหมิงถอนหายใจ การสูญเสียร่างวิญญาณแม้จะทําให้บาดเจ็บสาหัส แต่ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็สามารถบ่มเพาะพลังน้ํามันกลับมาได้ แต่ในทางกลับกัน เขาเองก็รู้สึกสลดอยู่เล็กน้อยเหมือนกัน ถ้าหากหร่วนตงยังไม่ตาย นั่นก็หมายความว่าเขากับหลิวเสวี่ยเหยียนยังคงมีโอกาสถูกไล่ล่าอยู่
“คิดว่าข้าเป็นพวกไม่รักษาคําพูดรึไง?” ฟู่เยว่กล่าวอย่างกระอักกระอ่วน “ก็ได้ ตามข้ามาเอาค่าไถ่ ไม่สิ ตามข้ามาเอาเงินเดิมพัน
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายกล่าวว่าค่าไถ่ หลิงฮันก็หัวเราะออกมา คนผู้นี้ช่างน่าตลกขบขันโดยแท้
“ท่านผู้มีพระคุณโปรดรอก่อน!” กั่วหมิงรีบกล่าว
“หืม?” หลิงฮันหันหน้าไปมองอีกฝ่าย
“ข้าถูกท่านผู้มีพระคุณช่วยเอาไปถึงสองครั้ง แม้ข้าจะไม่มีสมบัติล้ําค่าใดอยู่ในครอบครอง แต่ข้าก็มีสิ่งโบราณที่ได้รับสืบทอดมาจะมอบให้” กั่วหมิงดึงแหวนออกมาจากมือและมอบให้หลิงฮัน “ข้าขอมอบสิ่งนี้ให้ท่านผู้มีพระคุณ”
“ไหนๆ มันคืออะไร?” ฮูหนิวรู้สึกสงสัยและหยิบแหวนมาดู
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” กั่วหมิงฝืนยิ้มและส่ายหัว “เห็นว่าแหวนวงนี้เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของข้าได้มาโดยบังเอิญ เมื่อหลายล้านปีก่อน ครั้งล่าสุดที่บรรพบุรุษของข้าขึ้นไปยังภูเขาเพื่อตัดไม้ เขาบังเอิญไปพบเห็นจอมยุทธสองคนกําลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อสิ่งของชิ้นหนึ่ง”
“ผลสุดท้ายการต่อสู้ก็มีผู้ชนะ แต่หลังจากคว้าชัยชนะไปได้ไม่นาน จอมยุทธผู้นั้นก็เสียชีวิตลงเพราะบาดแผลที่สาหัส”
“สิ่งของที่ทั้งสองคนต่อสู้เพื่อแย่งชิงกันจึงได้ถูกนํากลับมาโดยบรรพบุรุษของข้า ซึ่งก็คือแหวนวงนี้ เพียงแต่ตั้งแต่ที่บรรพบุรุษของข้าจากไป ก็ไม่มีการค้นคว้าใดๆเลยว่าแหวนวงนี้มีไว้เพื่ออะ
“หลังจากยุคสมัยผ่านมารุ่นสู่รุ่น ประมุขของตระกูลถั่วผู้หนึ่งก็อยากรู้ถึงความล้ําค่าของแหวนวงนี้ แต่ท้ายที่สุดการค้นคว้าของเขาก็สูญเปล่าและไม่พบอะไรเลยแม้แต่น้อย”
“เมื่อแหวนถูกส่งมาถึงข้า ข้าเองก็ลองศึกษามันดูอยู่เป็นเวลานานเช่นกัน ข้าลองตรวจสอบ จากตําราของนิกายเดือนดาราดูแล้ว แต่ก็ยังไร้ความหมาย”
“แม้สิ่งนี้อาจจะไร้ค่า แต่ข้าก็อยากมอบให้ท่านผู้มีพระคุณ เพื่อหากอยู่ในมือท่านมันอาจจะมีประโยชน์ก็เป็นได้”
ฟู่เยว่อยากจะตะโกนร้องไห้ขึ้นฟ้า ทั้งๆที่เขาเองก็ช่วยเหลืออย่างหนักแท้ๆ แต่ทําไมคู่รักคู่นี้ถึงได้ไม่แม้แต่เอ่ยขอบคุณเข้าบางเลย? ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังไม่คิดค่าเสียหายของเม็ดยาชีวิตได้มรณากับทั้งสองคนอีก
หลิงฮันสงสัยเป็นอย่างมาก เขานําแหวนมาจากมือซูหนิวและวางบนฝ่ามือเพื่อตรวจสอบอย่างรอบคอบ
แหวนวงนี้เป็นแหวนที่เรียบง่ายมาก นอกจากตัวแหวนที่เป็นสีดําแล้ว มันก็ไม่มีการตกแต่งอะไรเลย
ตอนแรกหลิงฮันคิดว่ามันอาจจะเป็นแหวนมิติ แต่ไม่ว่าเขาจะใช้สัมผัสสวรรค์ขึ้นําเข้าไปขนาดไหน ตัวแหวนก็ยังไม่มีการตอบสนอง
เขาลองออกแรงบีบมันดู แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าตัวแหวนไม่มีรอยบุบเลยแม้แต่น้อย
นับว่าน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก คิดว่าพลังของหลิงฮันในตอนนี้แข็งแกร่งขนาดไหน?
สําหรับแร่โลหะถึงนิรันดร์สองดาว หากมันถูกเขาออกแรงบีบใส่บนแร่โลหะจะปรากฏรอยนิ้วมือ และหากเป็นแร่โลหะกิ่งนิรันดร์สามดาว ก็อาจจะมีรอบยุบปรากฏขึ้นเล็กน้อย
แต่ทว่าแหวนวงนี้กลับไม่ปรากฏรอยยุบใดๆเลยแม้แต่น้อย
หลิงฮันนําดาบอสูรนิรันดร์ออกมา และวางแหวนลงบนตัวดาบ “ครืนน” ดาบอสูรนิรันดร์สั่นไหวเล็กน้อย และสิ่งที่น่าตกตะลึงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าหลิงฮัน
แหวนไม่มีการตอบสนองใดๆเลย!
ถึงแม้ดาบอสูรนิรันดร์จะเป็นเพียงอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์สี่ดาว แต่อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นระดับกึ่งนิรันดร์สามดาว ห้าดาว หรือสิบดาว ล้วนแต่เป็นระดับที่ตั้งกันขึ้นมาเอง ตามหลักจริงๆแล้ว แร่โลหะขั้นสูงกว่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ก็คือแร่โลหะนิรันดร์ ซึ่งไม่มีแร่โลหะกิ่งนิรันดร์แทรกกลาง
กล่าวคือหากดาบอสูรนิรันดร์สามารถดูดกลืนแร่โลหะกิ่งนิรันดร์หนึ่งดาวได้ ความยากในการดูดกลืนแร่โลหะกิ่งนิรันดร์สิบดาวก็ย่อมไม่แตกต่างกัน
หากดาบอสูรนิรันดร์ไม่สามารถดูดกลืนได้ ความเป็นไปได้ก็มีอยู่สองอย่าง
หนึ่งคือสิ่งที่จะดูดกลืนไม่ใช่แร่โลหะ
แต่หลิงฮันสามารถบอกได้ว่าแหวนวงนี้จะต้องเป็นแร่โลหะอย่างแน่นอน ตัวเขาที่ครอบครองแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีธาตุโลหะ หากไม่แยกแยะโลหะไม่ออก เขาก็ควรไปกระโดดลงแม่น้ําพลีชีพตัวเองซะ
แต่ถ้าในเมื่อมันเป็นโลหะ แล้วไม่สามารถถูกดูดกลืนได้ ความเป็นไปได้อย่างที่สองก็คือ
แหวนวงนี้เป็นแร่โลหะนิรันดร์
หากจะให้พูด ดาบอสูรนิรันดร์นั้นยังเป็นอุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์หรือแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์อยู่ ซึ่งแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์จะดูดกลืนแร่โลหะนิรันดร์ได้อย่างไร?
เพราะงั้นการที่ดาบอสูรนิรันดร์ไม่สามารถทําปฏิกิริยาได้ และแหวนก็ไม่ตอบสนองใดๆ ย่อมหมายความว่ามันคือแร่โลหะนิรันดร์
หัวใจของหลิงฮันเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง นี่คือสมบัติระดับราชานิรันดร์งั้นรึ? ไม่น่าแปลกใจที่ทําไมจอมยุทธสองคนถึงได้สู้กันอย่างบ้าคลั่งจนถึงกับสิ้นชีพไปกันทั้งคู่ เพื่อสมบัติระดับนี้แล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องปรารถนาที่จะได้ครอบครอง
เขาไม่การคาดเดาที่เขาคิดแก่วหมิง เนื่องจากพลังของสองสามีภรรยานั้นอ่อนแอเกินไป หากให้พวกเขารู้ว่าตนเองถือครองสมบัติระดับราชานิรันดร์อยู่ คงไม่ใช่เรื่องดีสําหรับทั้งสองแน่ หากข้อมูลเรื่องนี้หลุดแพร่งพรายออกไป ก็มีแต่จะนําพาหายนะเข้ามา
หลิงฮันนําเม็ดยาบางส่วนออกมามอบให้กั่วหมิง พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ข้ายังไม่รู้ ว่าแหวนวงนี้มีไว้เพื่ออะไร แต่ข้ามั่นใจว่ามันต้องเป็นสมบัติอย่างแน่นอน”
“ไม่ได้ๆ ท่านผู้มีพระคุณช่วยพวกเราเอาไว้ถึงสองครั้ง พวกเราจะยังรับใดตอบแทนอีกได้อย่างไร?” กั่วหมิงและภรรยาปฏิเสธ