ตอนที่ 55 โอ้
ภายในห้องนั้น เด็กสาวไม่ปริปากพูด แต่โจวเจ๋อก็จุดบุหรี่มวนที่สองอย่างอ้อยอิ่ง จากนั้นหยิบตลับรองพื้นของเด็กสาวออกมาแล้วบิดฝาเปิดออก ดูเหมือนตั้งใจจะใช้เป็นที่เขี่ยบุหรี่ต่อ
แน่นอนการทะเลาะวิวาทของพ่อแม่เด็กสาวข้างนอกนั้นยังคงดำเนินต่อไป แม่ของเด็กสาวเริ่มร้องไห้แล้วบอกว่าผู้ชายไม่มีมโนธรรม ส่วนผู้ชายก็เริ่มร้องไห้แล้วบอกว่าผู้หญิงเปลี่ยนไป
เด็กสาวเงยหน้ามองโจวเจ๋ออย่างช้าๆ
“พี่ชาย หนูไม่รู้ว่าพี่หมายถึงอะไร หนูเป็นเพื่อนรักของหลินอี้ คุณเป็นพี่เขยของเธอ ถ้าอย่างนั้นเราควร…”
‘ฉึก!’
โจวเจ๋อหยิบมีดออกจากกระเป๋าของเขาแล้วแทงลงบนโต๊ะเขียนหนังสือของเด็กสาว
นี่เป็นหนึ่งในเครื่องบรรณาการที่ฝังไปพร้อมกับศพผีสาว บอกว่าตัดเหล็กเหมือนตัดโคลน เหมือนพูดเกินจริงแต่มันคมกริบจริงๆ
เมื่อเผชิญหน้ากับคนธรรมดา โจวเจ๋อไม่อยากทำเป็นเล่นเหมือนเหมยเชาเฟิงในเรื่อง ‘กรงเล็บกระดูกขาว เพราะมันหมายถึงปัญหายุ่งยากมากมายและโจวเจ๋อเองก็กลัวเรื่องยุ่งยากมากที่สุด
มีดหนึ่งเล่มดังกระทบกันหนึ่งเสียง ดีกว่าคำพูดมากมายนัก
สีหน้าของเด็กสาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ
เดิมทีโจวเจ๋อคิดว่าเรื่องราวน่าจะจบลงแล้ว ที่เขามาเพียงแค่จะเอาเงินที่ตัวเองให้ไปคืนมา แล้วยังจะเอากระเป๋าสตางค์ของน้องภรรยาแสนโง่เขลากลับไปด้วย
เขาไม่ได้คิดถึงปัญหาที่อาจจะสอดแทรกเข้ามา แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าตอนจบที่ดีที่สุด คือทำให้ดูเหมือนเด็กสาวคนนี้ออกไปถูกรถชนเสียชีวิตเองจะดีกว่า
บทเรียนแห่งความล้มเหลวของคนในเมืองหรงเฉิงคนนั้นยังอยู่
โจวเจ๋อขี้เกียจเกินกว่าจะไปลงโทษนอกกฎหมายอะไร เขาไม่ได้ว่างขนาดนั้น และไม่ได้มีอารมณ์แบบนั้นด้วย
เขาแค่ต้องการเงิน เพราะว่าเขาจนอย่างไรล่ะ
บางครั้งชีวิตก็ต้องการความกล้าหาญที่มากๆ โดยเฉพาะเมื่อโจวเจ๋อมองไปรอบๆ
ภรรยาของตัวเองรวยมาก ซื้อบ้านตัวเองเป็นของที่ระลึก ขับรถคาเยนน์ น้องภรรยาก็รวยมากเช่นกัน เงินห้าพันหยวนไม่มีอะไรมากไปกว่าส่วนหนึ่งของเงินค่าขนมของทุกๆ เดือน
สวี่ชิงหล่างมีห้องชุดยี่สิบกว่าห้อง
ไป๋อิงอิงก็ยังมีข้าวของในหลุมศพอีก
ตัวเองถูกรายล้อมไปด้วยคนรวย แต่ตัวเองกลับหาเงินไม่ได้
แต่ทว่า โจวเจ๋อยังประเมินเด็กสาวคนนี้ต่ำเกินไป
เด็กสาวที่เข้าสู่สังคมและเคยผ่านการ ‘หล่อหลอมอย่างหนัก’ มาตั้งนานแล้ว ในเวลานี้ ความใจเย็นที่แสดงออกมาทั้งหมดนั้นแทบจะทำให้ผู้คนขวัญหนีดีฝ่อ
เด็กสาวปลดกระดุมเสื้อตัวเองออก เหลือแต่ชุดชั้นใน แต่ต่อมานั้น เธอกลับเตรียมถอดแม้กระทั่งชุดชั้นใน
“คุณจะมาฆ่าคนเหรอ” เด็กสาวเผยรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก ไม่มีความตื่นตระหนกในแววตาเลย ตรงกันข้ามกลับลึกล้ำมาก ลึกซึ้งจนทำให้คนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“คุณฆ่าเลยสิ”
เด็กสาวก้าวเดินเข้าหาโจวเจ๋อก่อน
“พ่อของฉันเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง และเขาไม่มีความสามารถจะไปห้ามคุณได้ ฉันกับแม่ของฉันต่างก็เป็นผู้หญิงกันทั้งนั้น และก็เอาชนะคุณไม่ได้หรอก คุณฆ่าเลยสิ ฆ่าเราทั้งครอบครัวเลย”
เด็กสาวน้ำเสียงเรียบนิ่งและเดินไปข้างหน้าโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อเอียงศีรษะและมองไปที่เด็กสาวอย่างชื่นชมร่างกายของอีกฝ่าย
เพียงแค่มีเรื่องให้น่าปวดหัวนิดหน่อย
คนนี้ดูเย็นชาจังเลยนะ
อีกทั้งราวกับว่าเธอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้อยากจะฆ่าคน
โจวเจ๋อรู้สึกเสียใจเล็กน้อย รู้อย่างนี้น่าจะให้ไป๋อิงอิงออกโรง และปล่อยให้ผู้หญิงจัดการกับผู้หญิงด้วยกัน ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด
“หรือถ้าฉันตะโกนตอนนี้ บอกว่าคุณเข้าบ้านอย่างผิดกฎหมายและตั้งใจจะข่ม…ขืน” เด็กสาวก้มหน้าและปล่อยให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ยื่นไปด้านหน้าโจวเจ๋อ
“จากนั้น พ่อแม่ฉันจะได้ยินเสียงของฉันและเข้ามา พวกเพื่อนบ้านก็จะมา และก็จะมีคนแจ้งตำรวจ ชื่อเสียงของคุณจะถูกทำลายป่นปี้”
โจวเจ๋อยิ้มและพูดว่า “ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ฉันจะไม่ได้เงินฉันคืนแล้ว ยังต้องให้เงินเธอเพื่อสะเดาะเคราะห์อีกใช่ไหมเนี่ย”
“คุณไม่ขาดแคลนเงินใช่ไหมล่ะ” เด็กสาวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย คางเธอดูมนกลม ช่วงกระดูกไหปลาร้าก็งดงาม แม้แต่ขนตาต่างก็มีเสน่ห์แบบเด็กสาว “ตระกูลหลินรวยมาก”
แต่ว่าฉันจนนี่นา
โจวเจ๋อถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“หนึ่งพันหยวน ฉันจะนอนกับคุณหนึ่งครั้ง” เด็กสาวจ้องโจวเจ๋อและแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง “อยู่ที่นี่แหละ ที่บ้านฉัน ข้างห้องพ่อแม่ของฉันเลยเป็นอย่างไร”
โจวเจ๋อสัมผัสได้ถึงลมหายใจจู่โจมมากระทบใบหน้า
เสียหน้า เสียหน้าที่สุด
หลังจากครั้งก่อนที่ถูๆ ไถๆ ตรงปากประตูบ้านอยู่สามรอบ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปสักทีน่ะนะ โจวเจ๋อรู้สึกว่าเด็กสาวตรงหน้าเขามีประสบการณ์มากพอที่จะดึงดูดเขาพาเขาเข้าประตูได้
เพียงแค่รู้สึกว่าผิวพรรณของเธอสวยมาก แต่ภายในนั้นกลับชั่วร้ายอยู่เล็กน้อย
“ตอนแรกครูของเธอก็ถูกเธอบีบคั้นจนตายไปเพราะอย่างนี้หรือเปล่า” โจวเจ๋อถาม
เด็กสาวตะลึงครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อย แปลกใจอยู่นิดหน่อยว่าทำไมโจวเจ๋อถึงรู้เรื่องนี้ได้
“เขาดีกับเธอมาก แถมยังช่วยส่งเสียเธอบ่อยครั้ง และชวนเธอที่ทางบ้านไม่สะดวก ไปกินมื้อเย็นที่บ้านของเขาอีกต่างหาก เขาไม่เคยแตะต้องเธอ แต่เธอกลับกล่าวหาว่าเขาล่วงละเมิดเธอ”
“ฉันทำผิดต่อเขา” เด็กสาวยักไหล่ “เขาไม่เคยแตะต้องฉันจริงๆ แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะโง่จนกระโดดตึกฆ่าตัวตาย ตอนนั้นฉันแค่อยากให้โรงเรียนชดเชยเงินให้นิดหน่อยก็เท่านั้นเอง”
“พ่อแม่เธอก็รู้เห็นด้วยใช่ไหม” โจวเจ๋อถาม
“แน่นอน” เด็กสาวยิ้มเล็กน้อย ยืนตัวตรง และมองไปที่โจวเจ๋อ “คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร”
“เธอทำแบบนี้มันผิดนะ” โจวเจ๋อพูดอย่างจริงจัง
ยกมือขึ้นเล็กน้อย และเลียนแบบคำพูดของชายวัยกลางคนที่อ่านหนังสือในร้านหนังสือ
“เขาคู่ควรกับมโนธรรมของตัวเอง และคู่ควรกับจรรยาบรรณในอาชีพการงานของตัวเอง และนี่คือสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด แต่เธอกลับทำลายมันจนหมดสิ้นแล้ว”
“คุณมาที่นี่เพื่อสั่งสอนฉันเหรอ” หญิงสาวไม่เข้าใจวงจรสมองของโจวเจ๋อเล็กน้อย
ตัวเองถอดเสื้อผ้าออกจนหมด เหลือแค่ให้เขาปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายออกด้วยตัวเอง แต่ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้กลับมาสอนตัวเองที่นี่เสียอย่างนั้น
ก่อนหน้านี้เธอก็เคยเจอลูกค้าคนหนึ่ง เป็นศาสตราจารย์ที่ดีคนหนึ่งด้วย ตอนลงมือก็ใจกว้างมาก ก่อนทำเรื่องนั้นก็สั่งสอนเธอว่าควรจะตั้งใจเรียน ไม่ควรมาทำอะไรอย่างนี้ เด็กผู้หญิงต้องให้เกียรติตัวเอง สอนเธออย่างจริงจัง
จากนั้นศาสตราจารย์คนนั้นก็สุขสมกับเธอไปเจ็ดครั้ง
คนประเภทนี้เป็นคนเจ้าเล่ห์เป็นที่สุด เห็นชัดๆ ว่าตั้งใจจะปลดเข็มขัด แต่ก็ยังต้องการแกล้งทำเป็นสุภาพบุรุษกับคุณ
“เธอควรจะกู้ชื่อเสียงให้ครูของเธอ เขาถูกกล่าวหานะ” โจวเจ๋อพูด
“คุณมีสิทธิ์อะไร”
เด็กสาวถอยหลังไปสองก้าว หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม เธอรู้ว่าชายตรงหน้าไม่สนใจตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“สิทธิ์ของมโนธรรม มโนธรรมของการเป็นมนุษย์”
“มโนธรรมของการเป็นมนุษย์งั้นเหรอ” หญิงสาวแบมือแสร้งทำเป็นตลก “ฉันไม่ได้อยากเป็นคนเสียหน่อย ถ้าเลือกได้ละก็ ฉันอยากจะเป็นผีนะ”
“โอ้ อย่างนั้นหรอกเหรอ”
โจวเจ๋อลุกขึ้นอย่างช้าๆ มือทั้งสองที่แอบอยู่ด้านหลัง เล็บยาวขึ้นเต็มที่แล้ว
ในขณะเดียวกัน รัศมีสีดำเริ่มไหลวนในแววตาของโจวเจ๋อ และอารมณ์ก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน
ในตอนแรกที่น้องภรรยาที่นิสัยไม่ยี่หระ เห็นตัวเองเป็นอย่างนี้ ก็กลัวมากจนกลั้นฉี่เอาไว้ไม่อยู่
และสีหน้าของเด็กสาวตรงหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เสียงล้มลงบนพื้นดัง ‘ตึง’ นิ้วชี้ ชี้ไปยังโจวเจ๋อ กลัวจนพูดอะไรไม่ออก
“คุณ…คุณเป็นคนหรือเป็นผี…”
โจวเจ๋อหยิบเงินห้าพันหยวนและกระเป๋าสตางค์ของน้องภรรยาออกมาจากในลิ้นชักใส่เข้าไปในกระเป๋าตัวเอง
ส่วนของอื่นๆ ข้างในนั้น เขาไม่สนใจเลย
เขาเพียงแค่กลับมาเอาเงินที่ตัวเองถูกหลอกเอาไปโดยชอบธรรมและถูกกฎหมาย
เขาไม่ได้อยากไปทำเรื่องอื่นๆ
เมื่อจะจากไป โจวเจ๋อก้มลง ยื่นมือไปเชยคางของเด็กสาวขึ้น และพูดกับเธออย่างจริงจัง
“ฉันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าตอนนี้เธอจะเป็นผีตัวหนึ่ง ถ้าเป็นอย่างนั้นละก็ ฉันก็จะไม่ให้โอกาสเธอแม้แต่จะกลับชาติมาเกิดเลยด้วยซ้ำ”
หลังจากพูดจบ โจวเจ๋อก็ออกจากบ้านที่มีบรรยากาศเลวร้ายแห่งนี้
แต่เด็กสาวนั้นยังคงนั่งเป็นอัมพาตอยู่ตรงนั้น ร่างกายยังโอนเอนไปมาไม่หยุด
…
เมื่อเดินออกไปข้างนอก ไป๋อิงอิงรออยู่ตรงนั้น นางกำลังเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ ตอนที่โจวเจ๋อออกมานั้น นางแกะซองหมากฝรั่งออกแล้วใส่เข้าไปในปากของโจวเจ๋อ
“เถ้าแก่เอาเงินกลับมาแล้วใช่ไหมเจ้าคะ”
โจวเจ๋อพยักหน้า
“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ” ไป๋อิงอิงไม่ได้สนใจเงิน เงินเล็กน้อยแค่นี้ นางหยิบข้าวของในหลุมศพของตัวเองมาขายสักหนึ่งชิ้นก็เทียบไม่ได้แล้ว นางเพียงแค่ห่วงใยสถานการณ์ของเด็กสาวคนนั้น
ตอนแรกเถ้าแก่ของตัวเองทารุณเธออย่างรุนแรง ดังนั้นนางจึงตั้งตารอว่าเถ้าแก่จัดการกับเด็กสาวคนนั้นอย่างไร
“อยู่บ้านน่ะสิ” โจวเจ๋อเตรียมจะเรียกรถ
“อยู่บ้านงั้นหรือ ตายอยู่ในบ้านหรือ” ไป๋อิงอิงถาม
“ผมไม่ได้ทำอะไรเธอ” โจวเจ๋อตอบ
“อะไรกัน!” ไป๋อิงอิงไม่เข้าใจ “ผู้หญิงแบบนั้น ควรจะได้รับการลงโทษสิ”
“นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมควรจะทำ” โจวเจ๋อพูดอย่างใจเย็น
“เถ้าแก่ ท่านขี้ขลาดมากเลยนะเนี่ย”
“ครูของเธอยังบอกผมเลยว่ามันไม่เกี่ยวกับผม แล้วทำไมผมต้องไปหาเรื่องยุ่งยากมาให้ตัวเองด้วย”
เมื่อพูดอย่างนั้น โจวเจ๋อก็ยื่นนิ้วและชี้ไปที่หญ้ารอบๆ แปลงดอกไม้ แล้วพูดต่อ
“อีกอย่างนะ ไม่รู้ว่าดวงตาสีแดงซ่อนอยู่ที่นี่กี่คู่ที่รอให้ผมทำผิดพลาดน่ะ”
หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับคนในหรงเฉิงคนนั้น โจวเจ๋อไม่รู้และก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน สาวน้อยโลลิ อาจจะร่วมมือกับยมทูตตัวอื่นๆ เพื่อล้อมเขาเอาไว้ก็ได้ และแม้แต่หญิงไร้หน้าริมเส้นทางสู่นรกก็ได้รับการปล่อยตัวให้เข้าร่วมในขบวนการนี้ด้วย
แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาเป็นหนี้บุญคุณของอีกฝ่ายในความฝัน โจวเจ๋อหวังว่าคนๆ นั้นจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างปลอดภัย
แต่ว่าจะให้ตัวเองเป็นผู้พิพากษาเหมือนเขาเลย เขาก็ทำไม่ได้
ชาติก่อนเขาเป็นหมอ ทำได้เพียงช่วยชีวิตคน แต่ไม่สามารถฆ่าคนได้
นั่งแท็กซี่กลับเข้าไปในร้าน ไป๋อิงอิงไม่พูดอะไรเลยสักคำตลอดทาง เห็นได้ชัดว่านางไม่พอใจกับการรับมือของโจวเจ๋ออย่างมาก
เมื่อเขากลับไปที่ร้านหนังสือ โจวเจ๋อก็เห็นว่าชายวัยกลางคนยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้น เขาไม่ได้หนี แม้ว่าโจวเจ๋อบอกว่าจะส่งเขาไปลงนรก เขาก็ไม่หนีไปเหมือนเดิม
“รินน้ำให้ผมแก้วหนึ่งสิ” โจวเจ๋อบอกไป๋อิงอิง
“ข้าเหนื่อยแล้ว ขอพักหน่อยเถอะ” ไป๋อิงอิงแค่นเสียงและนั่งลงตรงหลังเคาน์เตอร์
โจวเจ๋อไม่ได้พูดอะไรและนั่งลงตรงหน้าชายวัยกลางคน
“มีใครในครอบครัวคุณอีกไหม”
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้น “พ่อแม่ต่างก็เสียชีวิตหมดแล้ว มีพี่สาวเพียงคนเดียว”
“บอกข้อมูลติดต่อหรือบอกที่อยู่ของพี่สาวคุณมาให้ผมหน่อย”
โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดเปิดคลิปวิดีโอและเสียงก็ดังออกมาจากข้างใน
‘หรือถ้าฉันตะโกนตอนนี้ บอกว่าคุณเข้าบ้านอย่างผิดกฎหมายและตั้งใจจะข่ม…ขืน จากนั้น พ่อแม่ฉันจะได้ยินเสียงของฉันและเข้ามา พวกเพื่อนบ้านก็จะมา และก็มีคนแจ้งตำรวจ ชื่อเสียงของคุณจะถูกทำลายป่นปี้…’
ฉากวิดิโอนี้ถูกบันทึกลงในโทรศัพท์มือถือ
ริมฝีปากของชายวัยกลางคนแยกออกเล็กน้อย ทั้งตื่นเต้นแต่ยังมีความลังเลเล็กน้อย แล้วพูดอย่างสั่นเทา
“ถ้าเผยแพร่ออกไปจะทำลายชีวิตของเธอไหม”
“แล้วใครจะรับผิดชอบชีวิตคุณ รวมไปถึงโรงเรียนและความเอื้ออาทรของญาติที่เกี่ยวข้องกับคุณอีกล่ะ โจวเจ๋อพูดอย่างไม่เกรงใจ “รวมไปถึง รับผิดชอบชื่อเสียงในอาชีพครูนี้ด้วย”
ชายวัยกลางคนเผยสีหน้าลำบากใจ แล้วพยักหน้า “ก็ได้ ผมจะบอกที่อยู่พี่สาวผมให้คุณ”
หลังจากที่ชายวัยกลางคนบอกที่อยู่มาแล้ว ร่างกายของเขาก็เริ่มเลือนรางอย่างช้าๆ และดูเหมือนจะค่อยๆ รวมเข้ากับพื้น
หนังสือก็อ่านจบแล้ว ความลุ่มหลงก็หมดสิ้นแล้ว
เขาไม่ได้ถูกโจวเจ๋อบังคับส่งตัวไป ก็ลงไปในนรกด้วยตัวเอง
นักวิชาการที่แท้จริง ไปอย่างง่ายๆ สงบๆ
โจวเจ๋อส่งวิดีโอไปให้ไป๋อิงอิง ไป๋อิงอิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เถ้าแก่ ขอเพียงแค่พี่สาวเขาส่งคลิปวิดีโอนี้ให้กับตำรวจแล้ว ตอนที่เขาเดินในเส้นทางสู่นรกก็น่าจะไม่ต้องสวมหมวกแล้วใช่ไหม”
“เหอะ…” โจวเจ๋อหัวเราะ “หมวกน่ะ ถอดไม่ออกหรอก”
“เป็นไปได้อย่างไร เรื่องนี้กลับตาลปัตรเลยนะ” ไป๋อิงอิงไม่เข้าใจนิดหน่อย “ความยุติธรรมอยู่ในใจคน”
“โดยทั่วไปแล้ว จำนวนการคลิกและการสนทนาเกี่ยวกับข่าวนักดับเพลิงที่ถูกฆ่าตายบนอินเทอร์เน็ตนั้นน้อยกว่าข่าวที่ว่าสุนัขสัตว์เลี้ยงถูกทรมานและฆ่าตายมาก”
“นี่หมายความว่าอย่างไร” เห็นได้ชัดว่าไป๋อิงอิงไม่เข้าใจอยู่บ้างเล็กน้อย นางยังใหม่ต่อโลกอินเทอร์เน็ตและเล่นเป็นแค่เกมที่มีผู้เล่นเพียงคนเดียวเท่านั้น
“คุณรู้ไหมว่าความสนใจของผู้คนที่มีต่อบางสิ่งบางอย่างขึ้นอยู่กับอะไร”
“อย่างเช่นเรื่องนี้น่ะเหรอ มันต้องเป็นความจริงของเรื่องนี้แน่ๆ”
“ไม่ ผู้คนจะสนใจแค่ว่า ‘ความจริง’ ทั้งหมดที่พวกเขาเห็นน่าสนใจหรือเปล่าเท่านั้น”
โจวเจ๋อยื่นมือชี้ไปที่กลางศีรษะ
“คนที่สวมหมวกใบนั้นให้กับเขาในตอนแรก ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่เห็นการแก้ข่าวลือ แม้ว่าคนส่วนน้อยบางคนจะเห็นมัน คุณเดาว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร”
“รู้สึกอับอายและรู้สึกแย่หรือ”
“ถ้าคุณทำอะไรผิดตัวต่อตัวเองและถูกคนอื่นวิจารณ์ต่อหน้า คนปกติจะรู้สึกผิดและไม่สบายใจ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ถูกต้องแล้วนี่เจ้าคะ”
“แต่ถ้าผ่านในหน้าจอละก็ คนส่วนใหญ่มักมีปฏิกิริยาตอบสนองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
“ตอบสนองอย่างไรเจ้าคะ”
“โอ้”
“โอ้งั้นหรือ” ไป๋อิงอิงไม่เข้าใจจึงถามต่อ “จากนั้นล่ะ”
“จากนั้นก็ทำในสิ่งที่ควรทำน่ะสิ”
………………………………………………….