ตอนที่ 87 เถ้าแก่ นี่ท่าน…
โจวเจ๋อถือโทรศัพท์มือถือ ฝืนลุกขึ้นมาแล้วนั่งพิงผนัง อันที่จริงเขาสามารถขยับตัวได้บ้างแล้ว แต่อาจจะไม่ถึงกับสามารถลุกจากเตียงเพื่อเดินไปรอบๆ ได้ แต่ในอีกมุมหนึ่ง ดูเหมือนว่าไม่ได้อ่อนแอเท่าก่อนหน้านี้แล้วจริงๆ
ยื่นมือชี้ไปยังที่ที่หนึ่งใต้เตียง
เจ้าลิงน้อยหันไปมองพบว่ามีบุหรี่ยี่ห้อเสี่ยวซูที่แกะออกแล้วเหลืออยู่ครึ่งซอง
มันกระโดดลงไปหยิบบุหรี่ขึ้นมายื่นใส่ในมือโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อก็ทำท่าจุดไฟแช็กอีกครั้ง
เจ้าลิงชะงักไปครู่หนึ่ง รู้สึกขุ่นเคืองมากจนอยากจะหยิบเอาไม้อันใหญ่ของตัวเองออกไปฟาดโจวเจ๋อเข้าให้สักที!
“ไม่ได้สูบบุหรี่มานานแล้ว อยากสูบสักมวน”
เจ้าลิงน้อยกระโดดลงจากเตียงอีกครั้ง ไปคุ้ยกองขยะผ่านๆ จนในที่สุดก็หาไฟแช็กจนเจอจริงๆ แล้วโยนเข้ามาให้
เมื่อจุดบุหรี่ก็สูดเข้าไปเต็มปอดและพ่นวงแหวนควันบุหรี่ออกมา แม้ว่าร่างกายยังคงอ่อนแอเหมือนกับผ้าใบที่มีรอยเย็บปะนับไม่ถ้วน และอาจจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ แต่บุหรี่มวนแรกในช่วงสิบวันที่ผ่านมา ก็ยังทำให้โจวเจ๋อสัมผัสถึงความสบายใจอย่างหนึ่ง
เขาจงใจแสร้งทำเป็นไม่ขยับ ส่วนที่ว่าทำไปเพื่ออะไรนั้นโจวเจ๋อก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
มีความละอายใจ?
รู้สึกติดค้างใช่ไหม
อาจจะมี หรืออาจจะไม่มี แม้แต่ตอนนี้โจวเจ๋อก็ไม่รู้สึกว่าตัวเขาเองเลือกผิดในตอนแรกเลย
แต่อย่างน้อยๆ เจ้าลิงตรงหน้าตัวนี้ ได้ช่วยชีวิตตัวเขาเอาไว้จริงๆ เขาเป็นหนี้มันมากเหลือเกิน
โจวเจ๋อถือโทรศัพท์มือถือไว้ เมื่อคิดๆ ดูแล้วก็พบว่าตัวเองจำหมายเลขโทรศัพท์ของไป๋อิงอิงหรือสวี่ชิงหล่างและคนอื่นๆ ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ สมัยนี้ไม่เหมือนกับเมื่อสมัยที่ไปใช้โทรศัพท์สาธารณะที่ร้านขายของชำเหมือนเมื่อก่อนแล้ว น้อยคนนักที่จะตั้งใจจำหมายเลขโทรศัพท์ ต่างก็บันทึกไว้ในบัญชีรายชื่อกันทั้งนั้น
ช่วยไม่ได้ สุดท้ายโจวเจ๋อก็ทำได้เพียงโทรไปที่หมายเลข ‘110’
เรื่องที่ตัวเองหายตัวไปนั้น พวกสวี่ชิงหล่างต้องแจ้งความไว้แล้วอย่างแน่นอน โจวเจ๋อบอกเจ้าพนักงานรับแจ้งเหตุทางโทรศัพท์ว่า ตัวเองสบายดีแล้วขอให้พวกเขาติดต่อผู้ที่แจ้งความให้มารับตัวเอง ดังนั้นไม่รบกวนคุณอาตำรวจให้ต้องออกโรงแล้ว
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา สวี่ชิงหล่างขับรถนิสสันเข้ามาและไป๋อิงอิงก็อยู่บนรถด้วย
สวี่ชิงหล่างที่ปิดจมูกอยู่เดินเข้าไปในเพิง หลังจากเห็นโจวเจ๋อนอนอยู่บนเตียง น้ำตาแทบร่วงในทันใด แต่ก็กลั้นมันเอาไว้ในทันที
บางที สิ่งที่โหดร้ายที่สุดบนโลกใบนี้ คือการบอกให้ฉันกลับบ้านไปทำอาหารซะดิบดี แต่คุณกลับไม่สามารถกลับมากินได้
ไป๋อิงอิงอุ้มโจวเจ๋อลงจากเตียง นางแข็งแรงมาก อุ้มโจวเจ๋อเหมือนของเล่นอย่างไรอย่างนั้น
โจวเจ๋อพูดกับสวี่ชิงหล่างที่อยู่ด้านข้าง “พาลิงตัวนั้นไปด้วย”
เจ้าลิงน้อยนั่งยองๆ อยู่ตรงขอบเตียง มองดูโจวเจ๋อถูกอุ้มไป ถือค้อนพลาสติกเล็กๆ ในมือตัวเอง แล้วโบกไม้โบกมือราวกับกำลังบอกลา
ทันทีที่สวี่ชิงหล่างเดินเข้าไปหามัน เจ้าลิงน้อยก็กระโดดหนีทันที กระโดดไปบนผนัง เห็นได้ชัดว่ามันไม่เต็มใจที่จะไป
เป็นราชาเจ้าถิ่นอยู่ที่นี่ มีกองทัพแมวและสุนัขอยู่ภายใต้คำสั่ง มีน้องเล็กมากมายประเคนของให้ตัวเองทุกวัน สบายจะตาย ถึงอย่างไรมันก็ไม่ยอมไปหรอก
อีกทั้งเจ้านี่ที่ตัวเองได้ช่วยชีวิตเอาไว้ มันยังรู้สึกขัดหูขัดตาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย
สวี่ชิงหล่างมองโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อพูดซ้ำ “พาไปด้วย”
ไม่มีการต่อรอง สัตว์เลี้ยงที่ฉันเพ่งเล็งไว้ถึงอย่างไรก็ต้องพาไปด้วย
สวี่ชิงหล่างเข้าไปจับเจ้าลิง ตัวของเจ้าลิงนั้นปราดเปรียวว่องไวนัก ทำให้สวี่ชิงหล่างตามจับมันไม่ได้
ไป๋อิงอิงวางโจวเจ๋อไว้ในรถแล้วรีบวิ่งพุ่งปราดเข้าไป เจ้าลิงนึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะเร็วได้ถึงปานนี้ เมื่อกระโดดช้าลงก้าวหนึ่งก็ถูกจับเข้าที่หางทันที
‘เจี๊ยกๆๆ!!!’
เจ้าลิงแยกเขี้ยวยิงฟันใส่ไป๋อิงอิงและเผยสีหน้าดุร้าย!
หญิงชั่ว นางกล้าจับข้า!
‘โฮก!’
ไป๋อิงอิงอ้าปากแยกเขี้ยวผีดิบสู้กลับ
ภาพฉากใบหน้าแยกเขี้ยวกลับมานั้น ทำให้เจ้าลิงตกใจจนอึ้งไปในทันที
ถ้ายังซนอีกละก็ เชื่อไหมว่าข้าจะจับเจ้ากินเสีย!
“เด็กดี ตามป้ามา”
ไป๋อิงอิงลากก้นเจ้าลิงด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างหนึ่งจับหางของมันไว้แล้วส่งมันเข้าไปในรถ จากนั้นทั้งประตูและหน้าต่างรถก็ถูกปิดล็อก
โจวเจ๋อนั่งอยู่เบาะหลัง นอนครึ่งตัว ส่วนเจ้าลิงนั่งอยู่ข้างโจวเจ๋อ มือกอดอกเห็นได้ชัดว่ากำลังไม่พอใจ
มันคิดว่าตัวเองช่วยชีวิตโจวเจ๋อไว้ แต่โจวเจ๋อกลับต้องการลิดรอนอิสระภาพของมัน นี่มันแย่มาก!
ข้ามองเจ้าเป็นเหมือนคนป่วย แต่เจ้ากลับอยากจะแอบสั่งสอนข้า!
“ที่พาแกไป ก็เพราะกลัวว่าหากแกไปช่วยชีวิตคนอีก แต่กลับเป็นว่าจะถูกคนฆ่าต่างหากเล่า” โจวเจ๋ออธิบายอย่างอ่อนระโหยโรยแรง “ความคับแค้นใจในชาติก่อน ก็ถือว่าให้เลิกแล้วต่อกันไปเถอะ ส่วนชาตินี้ก็ถือว่าฉันเป็นหนี้บุญคุณแกก่อนก็แล้วกัน อยู่กับฉันที่นั่นไปสักพักก่อน จากนั้นถ้าแกยังต้องการจะไป ก็ไปเถอะ”
ไม่รู้ว่าเจ้าลิงจะฟังเข้าใจหรือไม่ แต่ว่านี่ก็จริงใจมากกว่าเดิมแล้วนะ
สวี่ชิงหล่างโยนกล่องคุกกี้ลงมา และเจ้าลิงก็รับมันไปแกะถุงด้วยตัวเอง ใช้มือจับกินโดยที่ไม่ลืมป้อนใส่ปากของโจวเจ๋อ
คนหนึ่งคนกับลิงหนึ่งตัว ชีวิตในช่วงเวลานี้กลับหล่อเลี้ยงและเข้าใจหัวอกเรื่องราวชีวิตของกันและกันไปโดยปริยาย
“โอ๊ะ ดูเหมือนว่าผมจะกังวลไปเปล่าๆ เลยสินะ ช่วงนี้พวกคุณทั้งสองใช้ชีวิตดูค่อนข้างสบายใจเหลือเกิน”
สวี่ชิงหล่างแซวขณะขับรถ
“คุณหึงลิงตัวหนึ่งเหรอคะ”
จู่ๆ ไป๋อิงอิงก็พูดแทรกขึ้นมา
สวี่ชิงหล่างสำลักและไม่พูดอะไรอีก
ยังไม่ได้ย้ายร้านหนังสือ จู่ๆ เถ้าแก่โจวเจ๋อก็หายตัวไปครึ่งเดือน ใครยังจะมีกระจิตกระใจย้ายอีกล่ะ ดังนั้นสวี่ชิงหล่างยังคงขับรถกลับไปยังสถานที่เดิม
หลังจากลงจากรถ ยังคงเป็นไป๋อิงอิงอุ้มโจวเจ๋อเข้าไปในร้านหนังสือ โจวเจ๋อเองก็สบายใจ ถ้าให้เลือกระหว่างสวี่ชิงหล่างและไป๋อิงอิงละก็ โจวเจ๋อก็ยังรู้สึกว่าถ้าเป็นไป๋อิงอิงอุ้มตัวเองก็พอรับได้มากกว่าหน่อย
เจ้าลิงไม่ได้วิ่งหนี แต่ก้าวเดินตามเข้าไปในร้านหนังสือด้วยกัน
“กลับมาแล้วเหรอ”
นักพรตเฒ่ากำลังทำความสะอาดร้านหนังสือ เมื่อเห็นโจวเจ๋อกลับมาแล้ว ก็รีบเข้ามาประจบประแจงทันที จากนั้นพูดว่า
“คนดีผีคุ้ม”
ทันใดนั้นนักพรตเฒ่าเมื่อเห็นเจ้าลิงที่อยู่ข้างๆ ก็ดีใจทันที “นี่ยังพาสัตว์เลี้ยงกลับมาด้วยเหรอเนี่ย”
ขณะพูด นักพรตเฒ่าก็สวมบทบาทราชาวานรและตะโกนว่า
“ข้าเอากระบองเหล็กนี้ไปจะมีประโยชน์อันใด!”
คิดไม่ถึงว่าเจ้าลิงน้อยจะให้ความร่วมมือด้วยจริงๆ และยังทำท่าทางเกาหูเกาแก้ม มือข้างหนึ่งชี้ไปที่นักพรตเฒ่า และมืออีกข้างหนึ่งกำลังเกายิกๆ
“เฮ้ เจ้าลิงตัวนี้ฉลาดเหมือนฉันเลย”
หลังจากพูดจบ นักพรตเฒ่าก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป
คนเพิ่งเข้าไปในร้าน จากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินลงมาจากบันได
สิ่งแรกที่โผล่ออกมาก็คือถุงน่องสีเนื้อหนึ่งคู่ พร้อมกับขาที่เรียวยาว สวมใส่ชุดนักเรียนชั้นมัธยมปลายที่พิถีพิถัน และบวกกับผมยาวสยายประบ่า
ถังซือฟื้นตัวจนใกล้จะหายดีแล้วและสามารถเดินได้แล้ว
ผู้หญิงล้วนรักสวยรักงาม สิ่งแรกที่จะต้องฟื้นฟู นั่นก็คือการแต่งเนื้อแต่งตัวให้ตัวเอง
ในจุดๆ นี้ โจวเจ๋อรู้สึกว่าไป๋อิงอิงดูเรียบง่ายกว่ามาก เด็กที่โง่เขลาคนนี้นอกจากการเล่นเกมแล้ว ก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องการแต่งตัวมากนัก
“ถ้าคุณยังไม่กลับมาละก็ พวกเราก็จะไปกันหมดแล้วนะ” ถังซือพูดยิ้มๆ “สุนัขไม่อยู่ กลิ่นบ้านของสุนัขก็จางลงไปด้วย ซ่อนพวกเราไว้ไม่มิดแล้ว”
“ผมเพิ่งกลับมา คุณพูดจาให้น่าฟังกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง” โจวเจ๋อหมดแรงจะแขวะกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ
“โอเค พูดเรื่องน่าฟังหน่อยละกัน เรื่องในวันนั้น เถ้าแก่ร้านบะหมี่ข้างๆ บอกฉันมาทั้งหมดแล้ว คุณรู้ไหมว่าคุณไปยั่วโมโหตัวอะไรเข้าน่ะ”
“ดูเหมือนจะชื่อว่าเจ้าแม่ชิงอี” โจวเจ๋อตอบ
“เป็นศาลเจ้า ศาลเจ้าที่กำลังจะถูกรื้อถอนรากถอนโคน แต่คุณกลับไปยั่วโมโหนางก่อน คุณรู้ไหมว่าเวลาของนางเหลือไม่มากแล้ว และนางเองก็รู้ดีว่าเวลาของตัวเองเหลือไม่มาก”
“นางกำลังฆ่าคน”
“คุณรู้หรือเปล่าว่าคนที่นางฆ่าเป็นคนแบบไหนน่ะ”
โจวเจ๋อเหลือบมองเจ้าลิงที่ยังคงเล่นต่อสู้กับนักพรตเฒ่า พลางส่ายหัวและพูดว่า
“ไม่สนใจอยากจะรู้สักกะนิด”
ถังซือเดินไปที่ด้านข้างโจวเจ๋อ จากนั้นก็ปิดจมูกและพูดด้วยความรังเกียจ
“เหม็นเสียจริง”
“ดังนั้นถึงได้เรียกว่าชายตัวเหม็นอย่างไรล่ะ”
“เมื่อก่อนคุณก็พูดมากขนาดนี้เหรอ” ถังซือไม่ได้โกรธ
“ก่อนหน้านี้คุณนอนอยู่ข้างบนเหมือนกับมัมมี่ตัวหนึ่ง ใครจะสนใจอยากพูดคุยกับคุณกัน” โจวเจ๋อชี้นิ้วไปที่ห้องน้ำแล้วบอกไป๋อิงอิงว่า “ช่วยอาบน้ำให้ฉันหน่อย”
ไป๋อิงอิงอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่เด็กโง่ก็ยังรีบตอบทันที “อ้อ เจ้าค่ะ”
สภาพของโจวเจ๋อในตอนนี้ ยังอาบน้ำเองไม่ได้ แต่ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยโคลนพอกอยู่หลายชั้น ถ้าไม่อาบน้ำจะรู้สึกไม่สบายตัว
จะให้สวี่ชิงหล่างช่วยอาบน้ำให้ตัวเอง?
แค่คิดก็รับไม่ได้แล้ว
จะให้นักพรตเฒ่าช่วยอาบน้ำให้ตัวเองเหรอ
แค่นึกถึงว่านักพรตเฒ่าร้องเพลงท่องไปในท้องฟ้าไปด้วย ช่วยตัวเองถูหลังไปด้วย ได้มองดูร่างนักพรตเฒ่าที่ผอมกระหร่องเห็นซี่โครงไปด้วย ช่างไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย
ส่วนถังซือนั้น ช่างเถอะ ให้เธอช่วยอาบน้ำให้ตัวเขาเองละก็ เดาว่าเธอยอมควบคุมปากกาหมึกซึมหนึ่งแท่งเสียบให้ตัวเองจนสุขสมเสียยังดีกว่า
เหลือเพียงไป๋อิงอิงที่เรียบง่ายและจิตใจดีเท่านั้น
เมื่อเข้าห้องน้ำไปแล้ว โจวเจ๋อกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งและไป๋อิงอิงช่วยเขาถอดเสื้อผ้าออก แต่นางนั้นไม่ได้ถอดเสื้อผ้า ดังนั้นภาพการอาบน้ำจึงไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
ถือหัวฉีดชำระล้างโคลนออกจากร่างกายของโจวเจ๋อทีละเล็กทีละน้อย เมื่อเห็นรอยแผลเป็นทั่วร่างกายของโจวเจ๋อนั้น ไป๋อิงอิงตกใจจนอ้าปากค้างและถามขึ้น
“เถ้าแก่ แผลของท่านนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน เจ้าแม่ชิงอีผู้นั้นเป็นตัวอะไรกัน ข้าได้ยินมาว่าศาลของนางถูกรื้อถอนไปแล้ว สมน้ำหน้านัก”
“นางไม่ได้ทำหรอก” โจวเจ๋อพูด “อันที่จริงแผลส่วนใหญ่บนร่างกายเกิดจากตัวฉันเอง”
ยากที่โจวเจ๋อจะทำความเข้าใจกับสภาวะแบบนั้นได้ กระทั่งไม่รู้ว่าตัวเขาเองจะสามารถเริ่มเข้าสู่สภาวะแบบนั้นก่อนได้อีกหรือเปล่า แต่ที่สามารถแน่ใจได้ก็คือ หากตัวเขาเองแสดงเหมือนบนดาดฟ้าในครั้งนั้นอีกครั้ง ตัวเขาเองก็ยังคงตกลงไปจนแผลเต็มเนื้อเต็มตัวอีกแน่ๆ
ตัวเองในร่างกายนี้ บอกตามตรงว่าอ่อนแอไปสักหน่อย
ไป๋อิงอิงเริ่มถูสบู่ให้โจวเจ๋อ
นางเริ่มเผยสีหน้าประหลาดๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันก็เอ่ยขึ้น
“เถ้าแก่ ไม่รู้ว่าทำไมตอนที่ข้าสัมผัสร่างกายของท่านนั้น รู้สึกว่าชอบความรู้สึกแบบนี้ เป็นความรู้สึกที่ใกล้ชิดมาก”
ในฐานะที่เป็นผีดิบ ไป๋อิงอิงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแบบเดียวกันจากร่างกายของโจวเจ๋อในตอนนี้ และความรู้สึกแบบเดียวกันนี้ ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนเบาบางมากก็ตาม แต่ความกดดันและความเหลื่อมล้ำที่อยู่คนละระดับนั้น ทำให้เธอจำใจต้องยอมจำนนโดยสัญชาตญาณ
ตอนที่อุ้มโจวเจ๋อก่อนหน้านี้ ไป๋อิงอิงก็มีความรู้สึกแบบนี้แล้ว
“อาบน้ำดีๆ อย่ามาไร้สาระน่า”
โจวเจ๋อเอ่ยเตือน
และในเวลานี้เอง สวี่ชิงหล่างกระแอมอยู่หน้าห้องน้ำ
ไป๋อิงอิงตกตะลึงครู่หนึ่ง
“ทำอะไรน่ะ”
“ผมเดิมพันกับคุณคนสวยไว้ อยากดูว่าเถ้าแก่ยังปกติดีอยู่หรือเปล่า”
ขณะที่พูดนั้น ไป๋อิงอิงก็อ้าปากค้างในทันทีแล้วส่งเสียงร้องตกใจ
“เถ้าแก่ นี่ท่าน…”
………………………………………………………..