ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 93 หลังกำแพง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 93 หลังกำแพง

โจวเจ๋อกลัวความยุ่งยากมาก กลัวความยุ่งยากมากจริงๆ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อมีบางสิ่งบ่งชี้มาที่ชื่อแซ่ของตัวเองจริงๆ แล้วตัวเองยังจะเอาใบไม้โง่ๆ สองใบมาปิดตาและแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอะไรเลย

หลังจากที่ตัวเองพูดคำเหล่านั้นไป สวี่ชิงหล่างเห็นว่าสีหน้าของโจวเจ๋อแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังมากขนาดนี้ เขาก็ตะลึงไปครู่หนึ่งและถามขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

“มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ”

โจวเจ๋อส่ายหน้า “ไม่มีอะไร”

“งั้นผมขึ้นไปก่อนนะ”

“อืม”

สวี่ชิงหล่างขึ้นไปแล้วค่อยก้าวเท้าถอยหลังลังเลตามสัญชาตญาณ เขารู้สึกว่ามีเรื่องแน่ๆ แต่ทว่าโจวเจ๋อไม่เต็มใจจะบอกเขา เขาไม่ได้บังคับ ทุกคนต่างก็มีความลับเล็กๆ น้อยๆ และมีแบบแผนการคิดคำนวณของตัวเองกันทั้งนั้น

“คุณจริงจังขึ้นมาแล้วเหรอ”

ถังซืออมยิ้มพลางมองโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อก็มองถังซือ เขี่ยขี้บุหรี่ในมือและพูดขึ้น

“คุณมาตรวจสอบผมทำไม”

“ฉันเคยบอกไปแล้วว่าเป็นเพราะความอยากรู้” ถังซือเดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์เพื่อลดระยะห่างระหว่างตัวเองกับโจวเจ๋อ ขณะเดียวกันก็วาดไล้ปลายนิ้วบนเคาน์เตอร์บาร์ “คุณรู้ไหม คุณแตกต่างจากพวกเรา ต่างกันจริงๆ”

“คุณเคยพูดแบบนี้มาก่อน เพราะผมไม่เคยประสบพบเห็นกับนรกมาก่อนจริงๆ แต่พวกคุณนั้นต่างก็เคยถูกทรมานมาก่อน”

“ไม่ เรื่องนี้ไม่ง่ายขนาดนั้น หลังจากประสบกับความน่าสยดสยองที่สุดของนรกแล้ว บังเอิญโชคช่วยที่ฉันและคนคนนั้นหลบหนีเอาตัวรอดออกมาได้ แต่คุณสามารถหลบหนีออกมาได้ตั้งแต่เพิ่งจะเดินบนเส้นทางสู่นรกเท่านั้น

คุณรู้ไหม หนึ่งเรื่องราวหนึ่งประสบการณ์ ก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนคนคนหนึ่งไปได้อย่างสมบูรณ์

อย่างเช่น ทุกครั้งที่ฉันกับคนคนนั้นพูดถึง ‘นรก’ สองตัวอักษรนี้ทีไร มักรู้สึกใจหวิวโดยไม่รู้ตัว เพราะคำว่า ‘นรก’ สองตัวนี้รวมถึงภาพฉากทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เป็นความสยองขวัญอันใหญ่หลวงที่ฝังอยู่ในใจของเรา

แม้ว่าเราจะกลับมามี ‘ชีวิต’ อีกครั้ง แต่ด้วยเหตุนี้อุปนิสัยและพฤติกรรมการจัดการเรื่องราวต่างๆ ของเราก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

แต่กับคุณไม่เหมือนกัน คุณเพียงแค่ไปท่องนรกแล้วก็กลับมา

ดังนั้น คุณถึงสามารถนั่งที่โต๊ะเล็กๆ กับตำรวจคนนั้นพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนรกพลางยิ้มแย้มอย่างอิ่มเอิบไปด้วยความสุขได้”

“สรุปแล้วมันหมายความว่าอย่างไร คุณตรวจสอบได้อะไรบ้าง”

คนขับรถบรรทุกที่ขับรถชนตัวเองเสียชีวิตแล้ว

ลูกพี่ลูกน้องของสวีเล่อที่เคยช่วยจ้างวานฆ่าตัวเองมาก่อนก็เสียชีวิตด้วย

ทั้งสองคนเสียชีวิตในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน

คนธรรมดาไม่อาจโยงการตายของคนสองคนนี้ได้ แต่สำหรับโจวเจ๋อแล้วเรื่องนี้ไม่ธรรมดาอย่างมาก

สวีเล่อเสียชีวิต และมอบร่างให้กับตัวเขา

คนขับเสียชีวิตแล้ว

ลูกพี่ลูกน้องก็เสียชีวิตแล้ว

ทุกคนที่เคยสมรู้ร่วมคิดในเหตุการณ์นี้มาก่อน เสียชีวิตไปแล้วทั้งหมด

มันจะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้จริงๆ หรือ

“พวกเราจัดอยู่ในประเภทเอเลี่ยนในโลกนี้ แม้กระทั่งพวกเรายังดูต่างจากยมทูตด้วยซ้ำ พวกเราเป็นผู้ลักลอบ แต่คุณกลับเป็นเอเลี่ยนท่ามกลางเอเลี่ยนอีกต่างหาก พวกเรานั้นต่างกัน”

“เข้าเรื่องหน่อย” โจวเจ๋อเคาะกระดานดำ (บาร์)

“คุณไม่เคยสงสัยเลยเหรอว่าการตายของคุณและการเกิดใหม่ของคุณมันอาจจะไม่ใช่อุบัติเหตุ”

ถังซือกดเสียงต่ำลงและถามช้าๆ

“คุณลองคิดให้รอบคอบนะ ในนี้มีรายละเอียดอะไรที่คุณเคยมองข้ามไปบ้างหรือเปล่า”

‘พวกเขาตามฉันมาแล้ว พวกเขาเจอฉันแล้ว…’

เล็บของชายชราจิกที่แขนของเขา และชายชราก็ยิ้มด้วยความโล่งใจในที่สุด

ด้านหน้าสัญญาณไฟจราจร รถของตัวเองเพิ่งจะแล่นออกไป

รถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งฝ่าไฟแดงออกไปและพุ่งตรงเข้าหาตัวเองอย่างจัง

ไฟของเตาเผาศพและอุณหภูมิที่ร้อนระอุนั้น

ความเฉื่อยชาและความอ้างว้างบนเส้นทางสู่นรก

เสียงแผดร้องคำรามไม่ยินยอมของหญิงไร้หน้า

เล็บสีดำงอกออกมาจากปลายนิ้วตัวเอง

ตัวเองมึนๆ งงๆ เดินโซเซอยู่ริมถนน

และชายในเสื้อสเวตเตอร์ก็วิ่งออกมาจากร้านหนังสือ

เขาฆ่าสวีเล่อด้วยไม้เบสบอล

จากนั้นตัวเองก็เข้าไปในร่างของสวีเล่อ

โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้นช้าๆ และลืมตา

คนที่ฆ่าสวีเล่อคนนั้น

หลังจากที่ตัวเองแจ้งตำรวจไป เกิดอะไรขึ้นกับเขาต่อไปกันแน่

โจวเจ๋อมองข้ามเรื่องนี้มาโดยตลอด

เขาไปๆ มาๆ วนลูปอยู่แต่กับเรื่องร้านหนังสือและเรื่องหมอหลินมาตลอด เกี่ยวกับการตายของสวีเล่อและ ‘การบุกรุกยึดร่างผู้อื่น’ ของตัวเอง โดยมากแล้วเข้าใจว่าเป็นเรื่องวัฏจักรกฎแห่งกรรมของการแก้แค้น

ในอีกความหมายหนึ่งก็คือสวรรค์มีตา

แต่ทว่าชายชราที่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อเตรียมช่วยชีวิตจงใจจิกเล็บเข้าไปในแขนของเขา

คนขับรถบรรทุกคันใหญ่จงใจฝ่าไฟแดงชนตัวเขาเสียชีวิต

คนตั้งมากมายล้วนแต่จงใจกันทั้งนั้น

ถ้าอย่างนั้น ชายหนุ่มที่เคยอธิบายว่าตัวเองหัวร้อนเตรียมจะขโมยเงินและใช้ไม้เบสบอลตีสวีเล่อจนตาย เขาจะจงใจทำอย่างนั้นด้วยหรือไม่

ถ้าเขาจงใจทำ นี่ก็หมายความว่าการตายของตัวเองไปสู่การมีชีวิตของตัวเอง

ทางสายนี้ถือว่าได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ตัวเขาเองก็เหมือนรถแข่งของเล่นในสนามแข่งของเล่น ดูเหมือนจะรวดเร็วปานลมกรดและสายฟ้าแลบ แต่จริงๆ แล้วก็แค่วิ่งไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ก็เท่านั้นเอง

“ดูเหมือนว่า คุณคิดอะไรออกแล้วใช่ไหม”

ถังซือส่งทอฟฟี่กระต่ายขาวตัวใหญ่อีกเม็ดเข้าปาก

โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขากำลังจะโทรไปที่โรงพัก ครั้งก่อนตัวเองแจ้งความเอาไว้แถมยังไปลงบันทึกประจำวันที่โรงพักไว้อีกด้วย และก็เป็นสถานที่ที่พบกันครั้งแรกระหว่างตัวเองกับหมอหลินเช่นกัน

ตำรวจหญิงคนนั้นพาหมอหลินมาด้านหน้าตัวเองแล้วพูดว่า ‘ภรรยาของคุณมารับคุณแล้ว’

โจวเจ๋อยังตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะหนึ่ง

แต่ก่อนที่จะโทร โจวเจ๋อมองถังซือและถามขึ้น

“คุณรู้ได้อย่างไร”

“คุณรู้ไหม ถ้าเทียบคุณกับพวกเราแล้ว มันก็เหมือนอยู่ในถ้ำหมาป่าที่มีสุนัขฮัสกี้น่ารักปะปนอยู่ด้วย”

ฝนยังคงกระหน่ำเทลงมาเรื่อยๆ และไม่มีทีท่าจะหยุดเลย ทงเฉิงตั้งอยู่ในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี และฤดูนี้จะมีฝนตกตามธรรมชาติ

ที่นี่ไม่มีแผ่นดินไหวหรือสึนามิ สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นบ่อยและก่อให้เกิดผลกระทบบางอย่างนั่นก็คือน้ำท่วมขัง

โจวเจ๋อสวมเสื้อกันฝนและกำลังเดินลงไปชั้นล่างของอาคารอพาร์ตเมนต์เก่าๆ ถังขยะเปียกแช่น้ำฝนและขยะบางส่วนก็ลอยฟู่ออกมา

ถังซือสวมรองเท้าบูทกันฝนและเสื้อกันฝนสีดำ ขาทั้งสองข้างผลุบๆ โผล่ๆ ปรากฏออกมาท่ามกลางสายฝน แต่ตอนนี้โจวเจ๋อไม่มีกะจิตกะใจเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์แบบนี้จริงๆ

ก่อนหน้านี้ได้โทรไปสอบถามสถานการณ์แล้ว คนที่ถูกตัวเองส่งไปโรงพักเพียงแต่ถูกกักตัวไว้ครึ่งเดือน ข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายความสงบเรียบร้อยเท่านั้น แม้ว่าเขาจะไปที่ร้านของโจวเจ๋อเพื่อ ‘ทำร้ายร่างกาย’ ก็ตาม แต่ผลสุดท้ายก็คือถูกโจวเจ๋อซัดจนหมอบ และเป็นการยากที่จะก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่ได้

อีกทั้งโจวเจ๋อคงไม่อาจบอกว่า

‘คุณอาตำรวจครับ เขาเป็นฆาตกร เขาฆ่าผม และผมไม่ใช่ผม ผมเป็นคนยืมซากศพคืนชีพครับ!!!’

ถ้าพูดออกไปทั้งอย่างนี้ละก็ เดาว่านอกจากเขาจะไม่ได้เข้าไปแล้ว ตัวเองกลับจะถูกจับส่งเข้าโรงพยาบาลจิตเวชแทน

อย่างไรก็ตาม โจวเจ๋อก็ยังหาที่อยู่ของคนคนนั้นเจอจากที่นั่น ซึ่งก็อยู่ในแถบนี้ด้วย

“ห้องนี้แหละ”

เมื่อขึ้นไปบนชั้นสอง โจวเจ๋อก็หยุดอยู่ที่หน้าประตู

ชุมชนที่นี่ส่วนใหญ่ให้แรงงานต่างเมืองที่มาทำงานในทงเฉิงเช่า สิ่งอำนวยความสะดวกและสิ่งแวดล้อมนั้นแย่มาก แถมยังต้องใช้ห้องน้ำสาธารณะร่วมกันอีกด้วย

“คุณแน่ใจนะ” ถังซือถาม

“บ้านเลขที่น่าจะไม่ผิด”

โจวเจ๋อพยายามชะเง้อมองดูหน้าต่าง ข้างในมีมุ้งลวดและมีผ้าม่านเก่าๆ กั้นอยู่ ดังนั้นจึงไม่สามารถมองเห็นภายในจากภายนอกได้อย่างชัดเจน

“ผมจะไปหาอะไรมางัดประตูก่อน…”

‘แกรก…’

ประตูที่ล็อกอยู่เปิดโดยอัตโนมัติ ถังซือทำท่าทางเชื้อเชิญโจวเจ๋อ

โจวเจ๋ออึ้งไปครู่หนึ่ง ยิ้มและเดินเข้าไป ในใจนึกเสียดายที่ไม่ได้เป็นโจรทำการโจรกรรมร่วมกับคุณ

บ้านที่จริงแล้วเป็นห้องชุด มีหนึ่งห้องพร้อมพวกเตียงนอนและตู้เสื้อผ้า นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีแท่นเตาขนาดเล็กที่มีเตาไฟฟ้าวางอยู่

การเก็บกวาดบ้านถือว่าค่อนข้างสะอาดและเป็นระเบียบ แต่มียังฝุ่นสะสมในบางที่ เห็นได้ชัดว่าไม่มีคนอาศัยอยู่มานานมากแล้ว

“เขาถูกปล่อยออกไปนานหรือยัง”

“หลายเดือนแล้ว ผมกลับมาเกิดใหม่ได้สองวันก็ส่งเขาไปที่โรงพัก เขาได้รับการปล่อยตัวหลังจากผ่านไปครึ่งเดือน”

โจวเจ๋อมองไปรอบๆ ตรวจสอบที่นี่อย่างละเอียด

“เขาย้ายบ้านไปแล้วเหรอ” ถังซือพูด

โจวเจ๋อส่ายหน้า “ไม่แน่ใจ”

คนที่ใช้ไม้เบสบอลฆ่าสวีเล่อจนตายหายตัวไปอย่างนั้นหรือ

จู่ๆ โจวเจ๋อก็สังเกตเห็นว่าผนังด้านหลังเตียงมีพื้นที่บางส่วนต่างออกไปเล็กน้อย เขาก้าวขึ้นไปบนเตียง เอื้อมมือออกไปลูบบริเวณผนังตรงนั้นแล้วพูดขึ้น

“ผนังด้านนี้ดูเหมือนเพิ่งจะทาสีทับใหม่”

“มีอะไรซ่อนอยู่ข้างในกันนะ” ถังซือถาม

โจวเจ๋อเอาหูแนบชิดกับผนัง เอื้อมมือออกไปเคาะที่ผนัง “มันดูไม่เหมือนโพรงเลย”

อันที่จริง บริเวณผนังของบ้านประเภทนี้มักจะเป็นโพรงและพบได้บ่อย เมื่อในบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ใหม่ได้รับการตกแต่ง ทีมงานตกแต่งบ้านจะส่งผู้เชี่ยวชาญไปวัดและเคาะบริเวณผนังกับพื้น หากพบเจอปัญหาก็จะไปหาฝ่ายพัฒนาเพื่อขอแก้ไขแล้วดำเนินการก่อสร้างตกแต่งใหม่อีกครั้ง

“ลองเปิดออกดูสิ” ถังซือพูด

โจวเจ๋อพยักหน้า กำลังจะพูดว่าตัวเองจะไปหาเครื่องมือ จากนั้นก็เหลือบมองถังซือ ก่อนจะก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างรู้ตัวว่าควรทำอะไร

ถังซือมองไปที่วัตถุที่พอจะแข็งแรงเล็กน้อย เช่น มีดทำครัวข้างเตาไฟฟ้า จากนั้นวัตถุเหล่านี้ก็ลอยออกไปกระแทกผนังกำแพงซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆ

ความคิดในการเปิดบริษัทก่อสร้างผุดขึ้นในสมองของโจวเจ๋ออีกครั้ง

แค่ไป๋อิงอิงคนเดียวก็เทียบได้กับแรงงานของทีมก่อสร้างทั้งทีมแล้ว

ถังซือก็คุ้มกับชุดอุปกรณ์เครื่องมือวิศวกรรม

ตัวเองแค่นั่งนับเงินอยู่ตรงนั้นก็พอแล้ว

ทว่าในขณะที่กำแพงแตกร้าวไปเรื่อยๆ โจวเจ๋อก็ละทิ้งความคิดต่างๆ ในสมองของเขาทันที

‘โครม!’

ผนังกำแพงพังทลายลง

ใบหน้าหนึ่งปรากฏออกมา

ใบหน้านี้ยังคงแสดงสีหน้าสยดสยอง ดูเหมือนว่าจะเป็นสภาวะทางอารมณ์ก่อนตายที่ต่อเนื่องอย่างสมบูรณ์แบบ

เป็นคนคนนั้น คนที่ถือไม้เบสบอลตีสวีเล่อจนตายคนนั้น!

มีกลิ่นสาปเหม็นเปรี้ยวลอยตลบอบอวลอยู่ในอากาศ

โจวเจ๋อยื่นมือออกไปตรวจดูศพข้างใน ขมวดคิ้วและพูดขึ้น

“เหมือนศพเพิ่งตายได้ไม่ถึงสัปดาห์”

“ดูเหมือนคุณจะไม่ใช่หมอนิติเวช” ถังซือเตือนสติ

“นี่เป็นความรู้ทั่วไปของศัลยแพทย์ หลังการตายของศพสามารถตัดสินเวลาตายได้คร่าวๆ” โจวเจ๋ออธิบาย

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็บอกคุณได้เลยว่า กำแพงที่ฉันเพิ่งเคาะไปไม่ใช่กำแพงที่ผนึกมาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์อย่างแน่นอน อย่างน้อยๆ ก็สามเดือน”

ถังซือแกะทอฟฟี่ใส่ปากแล้วพูดต่อ

“เว้นแต่คุณจะคิดว่าเขาถูกฆ่าตายเมื่อสัปดาห์ก่อน และย้ายเข้าไปฝังอยู่ในกำแพงที่ปิดผนึกไปเมื่อสามเดือนก่อน”

โจวเจ๋อตระหนักได้ทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

เห็นได้ชัดว่าศพนั้นไม่สามารถ ‘เคลื่อนย้ายผ่านมิติ’ เข้าไปในกำแพงได้ในภายหลัง หนำซ้ำก่อนที่ถังซือจะขุดค้นกำแพงก็คงสภาพไว้อย่างเรียบร้อยดีด้วย

หลังจากดมกลิ่นแล้ว กลิ่นเปรี้ยวที่คิดว่าเป็นกลิ่นของซากศพลอยออกมา ในเวลานี้เอง จู่ๆ โจวเจ๋อก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เขาปัดผมบนศีรษะของศพออก เจอรูเล็กๆ ตามคาด มันก็คือร่องรอยของรูฉีดยา

“ใช่ ศพนั้นตายไปนานแล้ว แต่เขาถูกฉีดฟอร์มาลินไว้ ดังนั้นถึงได้รักษาร่างไว้เป็นอย่างดี นอกจากนี้น่าจะถูกฉีดฟอร์มาลินเข้าไปอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เพราะหากแพร่กระจายไปทั่วร่างกายโดยอาศัยการไหลเวียนของโลหิต ประสิทธิภาพจะดีกว่า”

……………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท