ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 98 ก่อนหน้านี้ แกก็เป็นคนตายคนหนึ่ง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 98 ก่อนหน้านี้ แกก็เป็นคนตายคนหนึ่ง

ความมืดสลัวยามราตรี ในเวลานี้หมอหลินที่เพิ่งจะร้องไห้อยู่คนเดียวกำลังทอดกายนอนตะแคงบนเตียงภายในห้องนอน คิ้วสวยขมวดเล็กน้อยและผล็อยหลับไป แต่ดูเหมือนว่าจะมีรัศมีสีดำปกคลุมอยู่ตรงระหว่างคิ้ว

เธอไม่อยากนอน แต่ก็ต้องนอน

น้องสาวของเธอไม่อยากให้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ต้องรบกวนเธอ

และโจวเจ๋อยังคงถือผ้าเช็ดตัวอยู่ในมือภายในห้องน้ำที่กั้นด้วยกำแพงอีกฝั่ง

ส่วนน้องภรรยานั้นเอียงศีรษะ ยืนตรงทื่อและจ้องเขาต่อไป

ในช่วงเวลานี้ดูเหมือนภาพวาดที่แข็งทื่อ และหนักอึ้งจนดูเหมือนว่ารอยหมึกที่ลงไว้หนักหน่วงบนภาพวาดเริ่มมีทีท่าจะหยดไหลออกมา

โจวเจ๋อไม่คิดมาก่อนว่าจะเป็นเธอ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆ

ในมุมมองของโจวเจ๋อ เธอเป็นเพียงเด็กน้อยที่ดูไม่ซับซ้อน มีความเย่อหยิ่งโอหังเล็กน้อย และบริสุทธิ์ไร้เดียงสาคนหนึ่ง อีกทั้งเพราะเธอเคยเปิดประตูเข้ามาเห็นเหตุการณ์ที่ตัวเขาเองกำลังทนทุกข์ทรมานจากการช่วยชีวิตคนในโรงพยาบาล กระทั่งกลัวจนฉี่ราดอยู่ในห้องน้ำที่นี่ก่อนหน้านี้ด้วย

ถ้านี่เป็นการแสดงอย่างหนึ่งด้วยก็ออกจะเกินไป

อีกทั้งเหตุผลที่เธอบอกมาทั้งหมดดูเหมือนจะฟังขึ้น แต่ความจริงกลับฝืนมาก แน่นอนว่าบางทีวงจรสมองของบางคน อาจจะแปลกและไม่เหมือนใครอย่างนี้ก็ได้

เธอมีเพียงมุมมองโลกทัศน์ของตัวเองเท่านั้น ห่วงแต่ความรู้สึกของตัวเอง รับรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดตามความเข้าใจของเธอเพียงเท่านั้น

ไม่ว่าโลกใบนี้จะมีคนอยู่เจ็ดพันล้านคนหรือเพียงคนเดียว สำหรับเธอแล้วนั้นมันไม่มีความแตกต่างใดๆ เลย

น้องภรรยาเริ่มก้าวไปข้างหน้า

โจวเจ๋อเป็นของขวัญที่ตัวเธอเองมอบให้พี่สาวของเธอ เป็นของขวัญจูงใจให้พี่สาวของเธอมีความสุข แต่ตอนนี้ ของขวัญชิ้นนี้กลับทำให้พี่สาวของเธอเสียใจยิ่งกว่าเดิม

ในฐานะของขวัญชิ้นหนึ่ง เขาขาดคุณสมบัติ

ของที่ขาดคุณสมบัติจะต้องถูกกำจัดทิ้ง จะต้องถูกทำลายทิ้ง และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

โจวเจ๋อวางผ้าเช็ดตัวลง และเล็บสีดำก็ค่อยๆ งอกยาวขึ้นระหว่างนิ้วทั้งสิบ

‘วืด!’

เสียงสั่นรัวดังลอดออกมา

โจวเจ๋อรู้สึกแสบร้อนแก้วหูตัวเองอย่างรุนแรงไปครู่หนึ่ง สายตาก็พร่ามัวไปด้วยเช่นกัน จากนั้น ใบหน้าที่เอียงศีรษะก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้าเขา

เธอเอียงศีรษะและมองเขาด้วยความไร้เดียงสาของเด็กสาว ยังคงเหลือเค้าความน่ารักไร้เดียงสาที่ถอดแบบนิสัยเด็กๆ ออกมาอยู่

‘เปรี๊ยะ!’

เสื้อตรงหน้าอกฉีกขาด โจวเจ๋อลอยกระเด็นไปทั้งตัวจนชนเข้ากับกระจกที่อยู่ด้านหลัง มีบาดแผลเลือดไหลซิบตรงหน้าอกและเลือดสดๆ ก็ไหลออกมา

“ทำไมถึงใช้ชีวิตอยู่ต่อไปดีๆ ไม่ได้กันนะ”

น้องภรรยารำพึงรำพันกับตัวเอง

จากนั้น เสียงดังปรากฏขึ้นบนร่างโจวเจ๋ออีกครั้ง ถ้าหากโจวเจ๋อไม่รีบหันด้านข้างหลบตามสัญชาตญาณละก็ บางทีคอเขาน่าจะขาดร่วงลงมาแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีรอยเลือดไหลซิบตรงคออย่างชัดเจน

“ทำไมถึงอยู่ด้วยกันดีๆ ไม่ได้กันนะ”

น้องภรรยาแสยะยิ้ม

ราวกับว่าเธอกำลังถามโจวเจ๋อ และราวกับว่ากำลังถามตัวเธอเอง แต่โดยพื้นฐานแล้วมันก็เหมือนกันนั่นแหละ

นั่นก็เพราะเธอไม่พร้อมที่จะเปิดรับคำตอบใดๆ เลย

“เธอเป็นยมทูตหรือ” โจวเจ๋อไม่เข้าใจเล็กน้อย “ถ้าเธอเป็นยมทูตจริง เธอจะฆ่าคนมากมายตามอำเภอใจได้ยังไงกัน”

น้องภรรยาไม่ใส่ใจ แต่กลับแสยะยิ้มมุมปากมากขึ้น

ลูกตาดำของโจวเจ๋อหดตัวลง กลิ้งตัวพลิกไปข้างหน้า และในเวลานี้กระจกอ่างล้างหน้ารวมไปถึงกระจกในห้องน้ำทั้งหมดที่อยู่ด้านหลังของเขาก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

‘เพล้ง!’

รอบๆ มีเศษกระจกแตกกระจายไปทั่ว ทำให้ห้องน้ำแคบๆ นี้สวยขึ้นมาทันตา

เลือดสาดกระเซ็น เคลือบแวววาวระยิบระยับ เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการถ่ายภาพงานแต่งงาน ขอแค่เพียงเจ้าสาวไม่กลัวเสียโฉมก็เท่านั้น

“เรื่องของพวกแกทำไมมันถึงได้มากความขนาดนี้”

น้องภรรยาเงื้อมือขึ้น และตอนนี้เองโจวเจ๋อก็ยื่นมือเข้ามา ทำให้เล็บสีดำแทงเข้าที่กลางฝ่ามือของน้องภรรยาทันที

แต่ทันใดนั้นเล็บที่เดิมทีแหลมคมกลับกลายเป็น ‘อ่อนนุ่มไปทั้งเล็บ’ ในเวลานี้ ผิวหนังตรงฝ่ามือของน้องภรรยาทั้งนิ่มและบอบบาง แต่เล็บของโจวเจ๋อกลับแทงไม่เข้าเลยสักนิด

“พวกแกจะให้ฉันอยู่แบบสบายใจหน่อยไม่ได้เลยใช่ไหม”

คนนอกนั้นมองเห็นเป็นน้องภรรยารวบนิ้วมือทั้งสิบของโจวเจ๋อไว้แน่น

หลังจากนั้นโจวเจ๋อก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดทิ่มแทงหัวใจ

สิบนิ้วเชื่อมต่อกับหัวใจ

ในตอนนี้เล็บของโจวเจ๋อค่อยๆ ปริอ้าออกเรื่อยๆ ราวกับมีคนใช้คีมช่วยดึงเล็บของคุณออก ความเจ็บปวดที่มาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ มันยิ่งน่าสิ้นหวัง มันเหนือกว่าขอบเขตของความทุกข์ทรมานกายโดยสิ้นเชิง

เล็บที่ไร้เทียมทานตลอดมาของโจวเจ๋อได้สูญเสียความน่าเกรงขามในอดีตต่อหน้าน้องภรรยาไปจนสิ้น

รอยยิ้มมุมปากของน้องภรรยาทวีความรุนแรงมากขึ้น

“แกจะใช้สิ่งที่ฉันให้ไปมาจัดการกับฉันจริงๆ น่ะเหรอ”

วินาทีต่อมา

ปลายนิ้วของน้องภรรยาก็มีเล็บสีดำงอกยาวออกมาเช่นกัน และเจาะแทงเข้าไปในฝ่ามือของโจวเจ๋อทันที

อย่างแรกเป็นความเจ็บปวดจากเล็บที่ปริลอกออกจากร่าง ตามด้วยความทรมานจากการถูกเล็บทิ่มแทงเข้าไปในร่างกายตัวเอง

นี่เป็นการลงโทษที่ตัวเองเคยมอบให้คนอื่นมาก่อน ตอนนี้มันกลับตกลงมาอยู่กับตัวโจวเจ๋อเองเป็นครั้งแรก

“ฉันไม่ผิด คนที่ผิดคือพวกแกต่างหาก”

น้องภรรยายังคงรำพึงรำพันกับตัวเอง และผลักโจวเจ๋อไปข้างหน้า

“ทำไมถึงอยู่กันดีๆ ไม่ได้”

‘ปัง!’

โจวเจ๋อถูกโยนร่างลอยละลิ่วกระแทกเข้ากับผนังกำแพง มีเลือดไหลหยดออกมาจากนิ้วทั้งห้าของมือข้างขวา เนื้อหนังถลอกปอกเปิก ยิ่งไปกว่านั้นนิ้วทั้งห้ามีรู น่าสยดสยองอย่างมาก

“ฉันพยายามและทุ่มเทไปมากถึงขนาดนั้น ทำไมพวกแกถึงไม่ยอมใช้…ชีวิตกันดีๆ”

น้องภรรยาเอาแต่เฝ้าถามตัวเองไม่หยุด

ราวกับเป็นเด็กช่างสงสัยคนหนึ่ง

แต่รูปร่างลักษณะของเธอในตอนนี้มันไม่มีความน่ารักน่าเอ็นดูเลยสักนิดเดียว

‘หมับ…’

น้องภรรยายกแขนขึ้น

เธอยังคงอยู่ห่างจากโจวเจ๋อประมาณครึ่งเมตร แต่โจวเจ๋อรู้สึกราวกับว่ามีมือมากดคอของตัวเองไว้และยกตัวเขาลอยขึ้นไป ความแสบร้อนและความเจ็บปวดบริเวณลำคอนั้นชัดเจนมาก และเขาก็หายใจไม่ออกแล้ว

เมื่อเท้าลอยจากพื้น ตัวเขาก็ดูเหมือนเป็นนักโทษคุมขังที่ถูกแขวนไว้บนเสาสำหรับประหารด้วยการเผาไฟ ที่รอคอยการตัดสินชะตากรรมของตัวเองที่มาจากตรงหน้า

เอียงศีรษะ

ยิ้มบางๆ

“แล้วใครให้ความกล้ากับแกอีกล่ะ ทำให้แกรู้เรื่องราวเบื้องหลัง แล้วยังจะกล้ามาถามอีกต่างหาก

แกมันก็แค่หุ่นเชิดที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฉัน ใครสร้างภาพลวงตาให้แกคิดว่าสามารถต่อต้านได้กันนะ”

“อะ…อึก…”

โจวเจ๋ออยากจะส่งเสียง อยากจะพูด แต่เป็นเพราะว่าคอถูกยึดไว้แน่น โจวเจ๋อไม่สามารถออกเสียงพยางค์ที่ชัดเจนได้เลย

ในฐานะนักโทษประหาร แม้แต่สิทธิ์พูดคำฝากฝังก่อนตายของคุณก็ยังถูกลิดรอน

น้องภรรยากำลังถามคำถาม แต่เธอไม่ได้ให้สิทธิ์คุณตอบคำถาม

“หลินอี้ ฉันพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่เกมนี้ไม่สนุกจริงๆ”

น้องภรรยาพึมพำกับตัวเอง

จากนั้นก็หันหน้าไปอีกทางและเอียงศีรษะต่อ

“พี่สาวของเธอก็ยังไม่มีความสุขอยู่ดี พี่สาวเธอช่างน่ารำคาญจริงๆ”

จากนั้นเธอก็เอียงศีรษะหันไปอีกทาง

“หลังจากที่เราฆ่ามันแล้วก็ฆ่าพี่สาวของเธอไปด้วยเลย เราก็ไม่ต้องมีเรื่องให้ปวดหัวอีกต่อไปแล้ว ใช่ไหมล่ะ”

โจวเจ๋อรู้สึกว่าแรงที่คอของตัวเองกำลังเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ความรู้สึกหายใจไม่ออกจู่โจมอย่างรุนแรงดุจดังพายุพัดโหม เจ็บปวดร้อนผ่าวที่ปอดจนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว

ตาของเขาเริ่มเหลือก ตะคริวกินร่างจนไม่อาจควบคุมได้ นี่เป็นสัญญาณของความตาย เป็นสัญญาณล่วงหน้าว่าร่างกายกำลังจะไปสู่ความตายอย่างสมบูรณ์

แต่น้องภรรยาที่อยู่ข้างหน้า เอียงศีรษะเก้าสิบองศาสลับข้างไม่หยุดและพึมพำกับตัวเอง เหมือนว่ากำลังคุยกับใครอีกคน

มันเหมือนกับสาวน้อยสองคนที่สะพายกระเป๋าเป้เปปป้าพิกยืนอยู่หน้าเครื่องคีบตุ๊กตาด้วยกัน และกำลังปรึกษากันว่าจะคีบตุ๊กตาตัวไหนดี ตุ๊กตาตัวไหนคีบออกมาง่าย และตุ๊กตาตัวไหนที่ดูน่ารัก

“แค่กๆ…แค่ก…”

เสียงไอดังออกมา

น้องภรรยาเงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจ และมองโจวเจ๋อที่อยู่ด้านบน เธอแปลกใจเล็กน้อย

ยังไม่ตายอีกหรือ

ทันใดนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็เหือดหายไปอย่างช้าๆ

“เกิดอะไรขึ้นกับแก”

ใช่แล้ว เกิดอะไรขึ้นกับแกกันแน่

ดวงตาของโจวเจ๋อเริ่มเรืองแสงเป็นสีเขียว และความมันเงาสีทองแดงบนตัวก็ค่อยๆ เริ่มแผ่กระจายออกไป เล็บมือข้างขวาที่ถูกดึงออกไปก่อนหน้านี้กลับมางอกยาวอีกครั้ง

คราวนี้มันไม่ได้เป็นสีดำเหมือนแต่ก่อน แต่สีและความมันวาว กลับแสดงถึงความผันผวนของกาลเวลาอย่างหนึ่ง

โจวเจ๋ออ้าปาก เผยเขี้ยวสองซี่ที่ยื่นออกมาอย่างช้าๆ

หน้าตาเหี้ยมเกรียมและดุร้าย

ความน่าสะพรึงกลัวมาพร้อมกับลมหายใจแห่งความเกลียดชัง

แรงที่เหนี่ยวรั้งคอของโจวเจ๋อไว้ก็หายวับไปในทันที โจวเจ๋อค่อยๆ ร่วงลงที่พื้น นั่งยองๆ และใช้มือยันแผ่นกระเบื้องที่แตกเสียหายด้วยมือเพียงข้างเดียว จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ

ดวงตาสีเขียวประหลาดคู่นั้นกำลังจ้องมองน้องภรรยาที่เอียงศีรษะอย่างไม่ละสายตา

“มันหมายความว่ายังไง”

“มันเกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว”

เธอสับสนไปหมดแล้ว เพราะของเล่นที่เธอสร้างขึ้นมา หรือพูดอีกอย่างก็คือของขวัญที่เธอเลือกบรรจุใส่กล่องมอบให้พี่สาวของเธอเอง กลับมีการเปลี่ยนแปลงในแบบที่เธอคาดไม่ถึง

เป็นชิ้นที่เปลี่ยนแปลงแบบไม่คาดฝัน

“อา…”

เสียงแหบแห้งดังลอดออกมาจากลำคอของโจวเจ๋อ เขาค่อยๆ กางแขนออกและลุกขึ้นอย่างช้าๆ

เชื่องช้า แต่มั่นคง

เหมือนในครั้งที่แล้ว

ครึ่งหนึ่งของผิวหนังบนร่างโจวเจ๋อเป็นสีทองแดง ในขณะที่ผิวหนังอีกด้านหนึ่งกลับเริ่มได้รับความเสียหายและหลุดออกเป็นชั้นๆ เลือดสดๆ เริ่มไหลรินออกมาอย่างช้าๆ

น้องภรรยาที่เอียงศีรษะกำลังมองโจวเจ๋อเดินเข้ามาหาตัวเองทีละก้าว

เธอสับสนเล็กน้อย และก็ทำอะไรไม่ถูกนิดหน่อย

“แกคือโจวเจ๋อใช่ไหม”

ครั้งนี้น้องภรรยาต้องการคำตอบจากโจวเจ๋อ แต่ทว่าตอนนี้โจวเจ๋อขี้เกียจเกินกว่าจะให้คำตอบใดๆ กับเธอ

น้องภรรยายื่นมือออกไป แต่คราวนี้โจวเจ๋อไม่ได้ถูกทำให้กระเด็นลอยออกไป เขายังเดินทีละก้าวๆ อย่างมั่นคงตามเดิม เพียงเท่านี้ ก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของเธอ

เล็บของน้องภรรยาแทงเข้าไปในร่างของโจวเจ๋อ

‘ฉึก!’

เล็บแทงเข้าไปแล้ว

แต่ทว่า

เล็บเพิ่งแทงเข้าไปในผิวหนัง ในชั่วพริบตา กล้ามเนื้อบริเวณแผลก็เริ่มหดตัวกลับ และฝังเล็บของน้องภรรยาเอาไว้ในร่างกายอย่างแน่นหนา

เธออยากจะดึงออกมา แต่กลับดึงออกไม่ได้

ราวกับว่ามีปากเล็กๆ มากมายนับไม่ถ้วนกำลังสูบเล็บของตัวเองเอาไว้แน่นมากและอึดอัดมาก

น้องภรรยามองโจวเจ๋อ มองดวงตาสีเขียวคู่นั้น สีหน้าของเธอแสดงออกว่าเข้าใจแล้ว และพึมพำว่า

“แก…ก่อนหน้านี้แกก็เป็นคนที่ตายแล้วสินะ…”

โจวเจ๋อเอื้อมมือออกมา คว้าเข้าไปที่ศีรษะของน้องภรรยา

น้องภรรยาอยากจะต่อต้าน แต่กลับต่อต้านไม่ได้เลย

“กร๊อบๆ…”

เหมือนเสียงเสียดสีของโครงกระดูกที่เคลื่อนย้ายอย่างช้าๆ

มือของโจวเจ๋อจับศีรษะของน้องภรรยาไว้

ไม่ได้บีบอัด

ไม่ได้แทงเข้าไป

แต่ค่อยๆ งัดให้กลับมาตั้งตรงเหมือนเดิม

ฟู่ว

หน้าตรงแล้ว

ดูเหมือนว่าจะสบายกว่ากันเยอะเลย

……………………………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท