ตอนที่ 153 คนแก่จิตใจดี
ยามเช้า ในที่สุดพระอาทิตย์ก็ออกมา เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่น ซึ่งแตกต่างจากพายุทอร์นาโดเมื่อวานนี้อย่างสิ้นเชิง
หมอหลินหรี่ตา ในที่สุดเธอก็ฟื้นขึ้นมาจากที่สลบเมื่อวานแล้ว
หมอหลินถึงแม้จะไม่มีประสบการณ์ แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เป็นหมอ และข้อมูลข่าวสารสมัยนี้ก็พัฒนามาก ไม่ใช่ยุคโบราณที่แม่ต้องให้ลูกสาวดูชุนกงถู (ภาพวาดอีโรติกประเภทหนึ่ง) เพื่อถ่ายทอดเทคนิคให้ลูกสาวก่อนออกเรือน
หมอหลินเปิดประตูรถเมื่อได้สติ เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อยกับภาพที่แปลกประหลาดเมื่อวาน เป็นผลทำให้เธอใจสั่นด้วยความหวาดกลัวในตอนนี้ จากนั้นเธอก็เห็นโจวเจ๋อนั่งอยู่บนพื้นพิงประตูรถเลือดท่วมตัว
โจวเจ๋อในตอนนี้สภาพน่าสงสารมาก สภาพดูไม่ได้ทั้งเนื้อทั้งตัว เหมือนกับนักโทษที่โดนทรมานอย่างหนักเพื่อให้ปากคำแล้วถูกโยนทิ้งปล่อยไปตามยถากรรม
“อาเจ๋อๆ!”
หมอหลินรีบนั่งลงยองๆ ทันที ตะโกนเรียกชื่อของโจวเจ๋อ เธอกลัวว่าโจวเจ๋อจะเป็นอะไรไป
เวลาที่หมดสติครั้งนี้สั้นกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก ดูเหมือนร่างกายเริ่มคุ้นชินแล้ว และอาจจะเป็นเพราะกลืนวิญญาณของยมทูตไปสองสามคน ร่างกายบางส่วนจึงได้รับการบำรุงและมีพลังเพิ่มขึ้น
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แค่สลบไปครึ่งค่อนคืนเท่านั้น โจวเจ๋อลืมตาขึ้นมาจริงๆ เพราะเสียงเรียกของหมอหลิน
สิ่งที่ผ่านเข้าตาคือใบหน้าของหมอหลิน โจวเจ๋อตกใจสูดลมหายใจเย็นเข้าปากทันที แล้วพูดบ่นด้วยความลำบากว่า “เช้าขนาดนี้ ยังจะมาร์กหน้าอีกเหรอ”
หมอหลินทั้งโกรธและขำ แต่โจวเจ๋อในตอนนี้จะตีก็ไม่ได้ จะด่าก็ไม่ได้ จึงได้แต่หยิบกระดาษทิชชูเปียกจากในรถออกมาลองเช็ดหน้าของตัวเอง
ตอนที่ลองเช็ดหน้า เธอได้ลองแยกแยะเล็กน้อย ดูเหมือนจะไม่ใช่คราบอสุจิ
“ฉันจะโทรเรียกรถพยาบาลให้คุณ” หมอหลินพูด
“อย่า…” โจวเจ๋อส่ายหน้าอย่างหมดแรง
“โทรหา…ร้านหนังสือผม..ให้นักพรตเฒ่าพา…พาเจ้าลิงของเขา..มาที่นี่”
หมอหลินลังเลเล็กน้อย ระงับสัญชาตญาณความเป็นมืออาชีพของตัวเองที่จะโทรหนึ่งสองศูนย์ แล้วเลือกทำตามคำสั่งของโจวเจ๋อ หยิบโทรศัพท์ของโจวเจ๋อแล้วโทรไปที่ร้านหนังสือ
ทางนั้นเป็นนักพรตเฒ่ารับสายพอดี เขาเข้าใจทันทีว่าเถ้าแก่แอบใช้วิชาอีกแล้ว เมื่อชัดเจนแล้ว เขาจึงพูดว่าจะพาเจ้าลิงไปทันที
“พวกเราตอนนี้ต้องไปที่ไหน” หมอหลินถามโจวเจ๋อ
“หาที่ไหนสักแห่งพักก่อนก็ได้” โจวเจ๋อพูดว่า “ประคองผมขึ้นรถ คุณขับรถ หาโรงแรมเล็กๆ อ้อใช่แล้ว ไปดูพงหญ้าตรงนั้นหน่อยครับ ช่วยผมหาของที่คล้ายกับใบขับขี่ แล้วเก็บมาให้ผมด้วย”
หมอหลินได้ยินดังนั้นจึงรีบเดินไปหาแถวพงหญ้าทันที อันที่จริงก็หายากเหมือนกัน มีพงหญ้าสองจุดมีคราบน้ำมันอย่างเห็นได้ชัด เหมือนมีคนเอาน้ำมันหมูมาสาดไว้เมื่อคืน
แน่นอนว่าหมอหลินไม่สามารถแยกแยะออกว่าจริงๆ แล้วมันคือน้ำมันจากศพ
“อันนี้หรือเปล่า” หมอหลินหาสมุดเล่มเล็กสองเล่มเจอแล้วเอามาให้โจวเจ๋อดู
หนังสือรับรองของยมทูตสองตนนี้ซีดเหลืองหมดแล้ว แต่ยังไม่พัง ซึ่งหมายความว่ายังใช้ได้
“อันนี้แหละ”
โจวเจ๋อส่งสัญญาณให้หมอหลินเก็บสมุดสองเล่มนี้ขึ้นมา จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งบนรถของตัวเองภายใต้การประคองของเธอ
เนื้อตัวของเขาเกือบจะบาดเจ็บแทบทุกส่วน แต่ยังดีที่โจวเจ๋อเริ่มสนิทกับหมอหลินแล้ว และยังมีหมอหลินนั่งอยู่ข้างๆ จึงร้องเจ็บออกมาโดยไม่สนใจเธอแล้ว
แต่เนื่องจากเพิ่งจะถูกพายุทอร์นาโดโจมตี บ้านเรือนของประชาชนจึงเกิดปัญหามากมายหรือไม่ก็บ้านพังลงมาเลยต้องเลือกพักอยู่ในโรงแรมชั่วคราว และด้วยเหตุนี้ จากหมู่บ้านออกไปถึงเขตอำเภอเล็กๆ โรงแรมไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ โดยทั่วไปแล้วไม่มีห้องว่างเลย
หมอหลินขับรถมาจนสุดปลายอำเภอ แล้วลงรถไปสอบถามกับทางโรงแรมต่อ
โจวเจ๋อกลับนั่งทรุดอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ แล้วมองท้องฟ้าผ่านหน้าต่างรถ
เวลานี้มีชายชราคนหนึ่งถือตะกร้าผักเดินผ่านประตูรถ ชายชราแก่มาก ผมขาวโพลน ไว้เคราแพะ ตัวค่อมเล็กน้อย แต่เวลาเดินยังคงแสดงให้เห็นถึงร่างกายที่แข็งแรง
ที่สำคัญที่สุดคือ ตอนที่ชายชราเดินผ่านข้างตัวโจวเจ๋อ โจวเจ๋อรู้สึกอย่างชัดเจนถึงสายตาของเขาที่จิกมาที่ตัวเองอย่างแรง
ชายชราหยุดเดิน แล้วมองโจวเจ๋อที่อยู่ข้างในรถอย่างแปลกๆ จากนั้นยื่นมือแล้วเคาะกระจกรถถามว่า
“พ่อหนุ่ม บาดเจ็บเหรอ” ความหมายคือได้รับบาดเจ็บจากพายุทอร์นาโดเหรอ
โจวเจ๋อพยักหน้า
“ทำไมไม่ไปโรงพยาบาล” ชายชราถามด้วยความสงสัย
“จน”
“…” ชายชรา
ชายชราลังเลครู่หนึ่ง แล้วยื่นมือเข้าไปตรวจดูอาการของโจวเจ๋อเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “แผลที่ผิวภายนอกบาดเจ็บสม่ำเสมอกันมาก และเป็นแผลทั้งตัวเลย”
“ครับ”
ตอนนี้หมอหลินเดินเข้ามา เธอเห็นชายชรายืนอยู่ข้างหน้าต่างรถ เธอพูดกับโจวเจ๋อว่า
“ไม่มีห้องเหมือนเดิม”
“ตอนนี้ที่ไหนยังจะมีห้องอีก” ชายชราส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ไปพักที่บ้านของฉันก่อนก็แล้วกัน บ้านของฉันหลังใหญ่”
หมอหลินมองไปทางโจวเจ๋อ เพื่อถามความคิดเห็นของโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อพยักหน้า อันที่จริงเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ชายชราถึงช่วยเหลือเขา ควรทราบว่าหลายปีที่ผ่านมาหากไม่ได้มีเงินมากหลายสิบล้าน ไม่มีใครกล้าช่วยเหลือคนตามท้องถนนง่ายๆ
บ้านของชายชราใหญ่จริงๆ เป็นบ้านแบบเรือนสี่ประสาน ตอนที่โจวเจ๋อลงจากรถ ชายชราได้ช่วยหมอหลินประคองโจวเจ๋อเข้าไปในห้อง
พลังของเขาถือว่าเยอะมาก เมื่อเข้าไปในห้อง ชายชราบอกว่าจะออกไปทำยาสมุนไพรมาให้โจวเจ๋อ
หมอหลินจึงนั่งข้างๆ โจวเจ๋อ เธอไม่กล้าเชื่อว่าจะได้เจอคนใจดีข้างทางแบบนี้ แถมยังพาพวกเขาทั้งสองคนกลับมาที่บ้านของเขาอีก
“บนโลกนี้ ยังมีคนดีอีกเยอะ” หมอหลินถอนหายใจพูด
โจวเจ๋อมองกรอบรูปที่แขวนอยู่บนผนังข้างเตียง ในนั้นสะสมเหรียญและใบประกาศรางวัลไว้มากมาย และยังมีรูปหมู่บางส่วน ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด ชายชราจะต้องเคยเป็นทหารมาก่อน
“คุณหิวหรือยังคะ” หมอหลินถาม
“พอได้ครับ” โจวเจ๋อส่ายหน้า
“สาวน้อย เธอทำกับข้าวเป็นไหม” ชายชราเดินถือหลอดยาเข้ามา
“ทำเป็นค่ะ” หมอหลินตอบ
“อย่างนั้นเธอก็ไปทำกับข้าว ฉันจะทายาให้เขา รักษาแผลภายนอกได้ดีมาก”
หมอหลินมองโจวเจ๋ออีกที เห็นได้ชัดว่า เธอไม่ค่อยไว้ใจให้โจวเจ๋ออยู่ในห้องคนเดียว
โจวเจ๋อพยักหน้าให้เธอ เพื่อบอกให้เธอออกไป
ชายชรานั่งลงข้างเตียงโจวเจ๋อ ยื่นมือตบไปที่เตียง แล้วพูดว่า “ไม่อาย ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรใช่ไหม”
โจวเจ๋อส่ายหน้า
“อย่างนั้นก็ถอดเสื้อผ้าออก ช่างเถอะ ฉันจะช่วยนายเอง”
ชายชรายื่นมือออกไปถอดเสื้อให้โจวเจ๋อ มองแผลเต็มตัวของโจวเจ๋อ แล้วเดาะปากพูดว่า
“จุ๊ๆ ตอนนั้นที่อยู่ในสนามรบ แผลแบบนายเห็นได้น้อยมากเลยนะ”
“คุณตาเมื่อก่อนเคยเป็นทหารเหรอครับ” โจวเจ๋อถาม
“เคยเป็น ตอนนั้นต่อสู้กับญี่ปุ่นฉันยังเด็กมาก ถือแค่หอกพู่แดงเท่านั้น ตอนที่สู้กับเหลาเจี่ยงฉันเป็นทหารจริงจังพอดี จากนั้นก็ไปเกาหลีเหนือ แล้วก็ไปทิเบตใต้ โชคดีมากที่ไม่ตาย และไม่ค่อยบาดเจ็บ”
“ดวงดีดวงแข็งมาก”
“พญายมไม่ต้องการฉัน ทำยังไงได้ นายลองคิดดูตอนนี้ฉันยังได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงทุกเดือนเยอะขนาดนี้ แต่ไม่สามารถทำประโยชน์ให้ประเทศได้เลย สู้ให้พญายมส่งยมทูตมารับฉันไปจะดีกว่า”
“…” โจวเจ๋อ
“โอเค ติดเสร็จแล้ว ท่าทางของนายดูแล้วอ่อนแอเปราะบาง แต่พอลองจับขึ้นมา ถือว่าแข็งแรงมาก แข็งแกร่งไม่เบา ฝึกกังฟูเหรอ”
“จะว่าใช่ก็ได้ครับ” โจวเจ๋อพูดแบบขอไปที
“รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงพานายกลับมาที่บ้าน” ชายชราถาม
โจวเจ๋อส่ายหน้า
“รู้สึกมองนายแล้วสบายตา”
“เหตุผลนี้ไม่เลว”
“คนเรานะ ถ้าอายุมากเหมือนฉันแล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่กังวลเยอะ”
หมอหลินเป็นคนทำอาหารเย็น แต่โจวเจ๋อกินไม่เยอะ หลังจากกินข้าวแล้ว ชายชราเชิญโจวเจ๋อมาเล่นหมากรุกส่วนหมอหลินก็เข้าไปดูของโบราณในห้องเก็บของสะสมของชายชรา
โจวเจ๋อนอนอยู่บนเตียง ตรงหน้าเป็นกระดานหมากรุก ชายชราเดินหนึ่งตา โจวเจ๋อพูดหนึ่งตา แล้วชายชราก็ช่วยโจวเจ๋อวางหมาก
เทคนิคการเดินหมากของโจวเจ๋อถือว่าไม่เลว ชายชราจงใจปล่อยเรือให้หนึ่งตัว โดยไม่ขยับเลย แต่ก็สามารถฆ่าได้หลายครั้ง ขณะที่เล่นกันอยู่ ฟ้าก็มืดแล้ว โทรศัพท์ของโจวเจ๋อมีสายเรียกเข้า เป็นไป๋อิงอิงที่โทรมา
บอกว่านักพรตเฒ่าขับรถเจอตำรวจจราจรระหว่างทาง เพราะว่าไม่มีใบขับขี่จึงถูกคุมตัวไว้ เจ้าลิงจึงต้องเข้าไปหลบในพงหญ้า ไม่กล้าให้ตำรวจเห็น ไม่อย่างนั้นความผิดที่เลี้ยงสัตว์คุ้มครองของประเทศจะทำให้นักพรตเฒ่าโดนอีกหนึ่งกระทง
นี่เป็นสิ่งที่โจวเจ๋อคาดไม่ถึง เดิมทีเขาคิดอย่างเดียวว่าให้นักพรตเฒ่ารีบพาเจ้าลิงมา เพื่อจะได้รักษาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น คิดไม่ถึงว่าจะเกิดปัญหากับนักพรตเฒ่า เพราะไม่ได้มีแค่ตัวเองเท่านั้นที่ไม่มีใบขับขี่ ที่ผ่านนักพรตเฒ่าก็ไม่เคยมีใบขับขี่เลย
“เป็นอะไร” ชายชรารอโจวเจ๋อวางสายแล้วจึงถาม
“เพื่อนที่มารับผมเจอปัญหาระหว่างทางนิดหน่อยครับ คืนนี้อาจจะมาไม่ได้แล้ว”
“มาไม่ทันก็พักที่นี่สิ ฉันเห็นนายแล้วถูกชะตาดี”
“…” โจวเจ๋อ
พอเล่นหมากรุกเสร็จ ชายชราก็หาวเหมือนอยากจะนอนแล้ว จึงโบกมือกับโจวเจ๋อ เก็บกระดานหมากรุก แล้วบอกว่าจะกลับไปนอนที่ห้องของตัวเองแล้ว
หลังจากรอชายชราออกไป หมอหลินจึงเดินเข้ามา เพียงแต่สีหน้าของเธอดูหนักใจเล็กน้อย
“เป็นอะไรครับ” โจวเจ๋อถาม
“อาเจ๋อ คนแก่คนนี้ ดูแปลกนิดหน่อย”
“มีอะไรน่าแปลก ก่อนหน้านั้นคุณพูดว่าเขาเป็นคนดีไม่ใช่เหรอ” โจวเจ๋อถาม
“แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็รู้สึกไม่ค่อยชิน แล้วก็เรือนสี่ประสานนี้ก็แปลกเหมือนกัน”
“ไม่เป็นไร มีผมอยู่ทั้งคน” โจวเจ๋อพูดปลอบใจ
หมอหลินพยักหน้าด้วยความสบายใจเล็กน้อย
ใครจะรู้โจวเจ๋อยังพูดไม่ทันจบ เขาพูดต่อว่า “มีผมอยู่ทั้งคน ตอนนี้ผมมีสภาพเป็นยังไงคุณก็รู้ดี ถ้ามีเรื่องอะไรคุณก็อย่าลืมแบกผมขึ้นหลังวิ่งหนีไปกับคุณด้วยนะ อย่าทิ้งผมล่ะ”
“…” หมอหลิน
“ฉันจะไปเอาน้ำมาช่วยเช็ดตัวให้คุณ”
หมอหลินลุกขึ้นเดินออกไป ตอนที่เธอเดินไปยกน้ำร้อนออกมาจากห้องครัวนั้น เธอเห็นห้องที่อยู่ติดกับโจวเจ๋อยังมีไฟสว่างอยู่ นั่นคือห้องของชายชรา
เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ จึงได้ยินเสียงคนดื่มเหล้าและเล่นเป่ายิ้งฉุบ ยังมีเสียงของชายชราอยู่ในนั้นด้วย เสียงดังโหวกเหวก
“เสี่ยวหลี่จื่อ วันนี้บ้านของนายมีลูกค้าเหรอ”
“อืม มีผู้หญิงหนึ่งคนกับผู้ชายหนึ่งคน”
“ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาไม่เลวจริงๆ คล้ายกับคุณหนูของเจ้าของบ้าน”
“แกแอบดูเธอด้วยเหรอ”
“แค่ดูไม่ได้เสียหายอะไร ทำไมเหรอ”
“แต่ผู้ชายคนนั้นหน้าตาดีกว่า” มีเสียงหนึ่งจู่ๆ ก็พูดขึ้นมา
“แกเนี่ยนะ ฉันรู้สึกมานานแล้วว่าแกแปลกๆ ที่แท้แกก็ไม่ชอบผู้หญิง แต่ชอบแบบนั้น”
“ชอบ ฉันไม่กล้าชอบ แค่ดูว่าเขาชอบหรือไม่ชอบพวกเรา”
“หมายความว่ายังไง”
“ถ้าหากไม่ชอบ ต่อไปพวกเราก็ดื่มเหล้าไม่ได้ ไม่มีเนื้อกิน ใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ได้แล้ว”
…………………………………………………………………………