ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 159 อย่าดูถูกซาลาเปาไส้ถั่วว่าไม่ใช่อาหารแห้ง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 159 อย่าดูถูกซาลาเปาไส้ถั่วว่าไม่ใช่อาหารแห้ง

โจวเจ๋ออ้าปากเล็กน้อย จากนั้นเขาจับผู้หญิงที่ยังเดินไปข้างหน้าเอาไว้เมื่อรู้ตัว

ผู้หญิงแปลกใจเล็กน้อย มองโจวเจ๋อหนึ่งที เพราะไม่เข้าใจการกระทำของเขา

“ผมขอเก็บคำพูดเมื่อครู่นะครับ” โจวเจ๋อขยับคอเบาๆ “ในบ้านของคุณ ไม่สะอาดเลยจริงๆ”

ผู้หญิงแสดงสีหน้าครุ่นคิดหนักออกมา

“วางใจได้ ผมไม่ใช่นักต้มตุ๋นในยุทธภพ”

“ฉันเชื่อว่าคุณไม่ใช่นักต้มตุ๋น” ผู้หญิงพูดจริงจังมาก “กะอีแค่เงินสองสามล้าน ถูกหลอกก็ไม่เป็นไร”

คำพูดนี้ มันเสียดแทงหูอย่างยิ่ง

เงินสองสามล้านหยวนเหมือนกับสองสามร้อยหยวน แค่ซื้อความสบายใจว่างั้น

เป็นผู้หญิงที่ใช้เงินฟุ่มเฟือย

โจวเจ๋อไว้อาลัยอยู่ในใจแทนชายชราที่อยู่ข้างบน อายุมากแล้วยังต้องมาเผชิญอะไรแบบนี้ ตัวเองกว่าจะสร้างตัวมีกิจการได้กลับต้องตกอยู่ในมือของผู้หญิงคนนี้

ยังดีนะ ที่โจวเจ๋อยังมีจรรยาบรรณในหน้าที่การงาน ผู้หญิงคนนี้จ้างตัวเขามา ดังนั้นเขาจะไม่สร้างปัญหาเพิ่มขึ้น

แน่นอนว่า ในสายตาของไป๋อิงอิงที่อยู่ข้างกาย โจวเจ๋อในเวลานี้กับผู้หญิงคนนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นชู้กันอยู่เล็กน้อย เหมือนกับอู่ต้าหลางกับพานจินเหลียนเวอร์ชันศตวรรษใหม่ของจริง

ถ้าหากถ่ายทำเป็นละครละก็ เถ้าแก่กับผู้หญิงคนนี้ก็คือบทบาทตัวร้ายสุดคลาสสิก!

“สามีของคุณ ไม่ได้เสียสติ แต่มีสิ่งสกปรกอยู่ในบ้านจริงๆ เรื่องเงินยังไม่ต้องพูดตอนนี้ รอให้ผมจัดการเรื่องนี้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน อิงอิง พาเธอขึ้นไป”

“เถ้าแก่ ท่านคนเดียว…” ไป๋อิงอิงไม่อยากขึ้นไป เพราะตอนนี้เถ้าแก่ยังบาดเจ็บอยู่

โจวเจ๋อตอนนี้อยากจะใช้นิ้วกลางทิ่มสมองของสาวใช้ตัวเองจริงๆ ตัวเองเป็นอะไรไปไม่สำคัญ แต่ถ้าหากผู้หญิงคนนี้มีอันเป็นไป เงินงวดสุดท้ายของตัวเองจะไปหาจากใครเล่า

ผู้หญิงเชื่อฟังมาก ถึงแม้เธอจะมองอะไรไม่เห็น แต่อย่างน้อยเธอก็แสดงท่าทีว่า ‘ฉันเชื่อใจ’ ออกมา แล้วเดินถอยหลังออกไปเอง

นับว่าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากคนหนึ่ง รู้จักวางตัว รู้จักพลิกแพลง บนเตียงเร่าร้อน ลงจากเตียงเรียบร้อย แถมยังทำกับข้าวเป็น แสดงละครก็เก่ง และยังแสร้งทำเป็นเข้าอกเข้าใจคนอื่น

โจวเจ๋อมองไป๋อิงอิงหนึ่งที เฮ้อ ไป๋อิงอิงของเรายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้

ไป๋อิงอิงได้แต่เดินตามผู้หญิงขึ้นไปข้างบนภายใต้สายตาที่เฉียบคมของโจวเจ๋อ เธอจำเป็นต้องปกป้องผู้หญิงคนนี้กับชายชราคนนั้น

และต่อจากนี้ ทั้งห้องโถงจึงเหลือเพียงครอบครัวนั้นกับโจวเจ๋อ

คนพวกนี้นั่งตัวตรงหลังตรงทั้งหมด เหมือนเด็กนักเรียนกำลังนั่งเรียนหนังสือ นั่งตัวตรงดิก แม้แต่คุณย่าที่อายุมากที่สุดก็เช่นกัน

คุณย่าคนนั้นน่าจะเป็นคู่สมรสของชายชราที่อยู่ข้างบน

คนทั่วไปถึงแม้จะมีญาติที่เสียชีวิตแล้ววิญญาณยังไม่ดับสลายกลับมาเยี่ยมที่บ้าน อย่างมากก็แค่หนึ่งถึงสองคน แต่ของชายชราน่ะเหรอ กลับมากันทั้งครอบครัว และยังมาถึงสี่รุ่นด้วยกัน โจวเจ๋อลองนับดู มีประมาณยี่สิบกว่าคนเห็นจะได้

ขนาดของกลุ่มญาติตามต่างจังหวัดมันใหญ่มากจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ชายชราจะตกใจกลัวขนาดนั้น

ถ้าหากเป็นคู่ชีวิตกลับมา หรือว่าลูกชายลูกสาวคนหนึ่ง หรือไม่ก็หลานชายหลานสาวคนหนึ่งกลับมา ก็ยังพอรับไหว แต่นี่ยกขบวนกลับมาบ้านกันทั้งครอบครัว หากเปลี่ยนเป็นใครก็ต้องตื่นตระหนกตกใจทั้งนั้น

โจวเจ๋อถือไม้เท้าเดินเข้าไปใกล้พวกเขา ยิ่งเข้าใกล้ โจวเจ๋อก็ยิ่งสัมผัสได้ชัดเจนถึงความรู้สึกเย็นบางอย่างที่โจมตีเข้ามาไม่หยุด อากาศโดยรอบก็มีความเค็มชื้นรุนแรงขึ้น

ครอบครัวของชายชรา ได้ยินว่าเสียชีวิตเพราะเรือสำราญเกิดอุบัติเหตุตกลงไปในน้ำทะเล ส่วนเบื้องหลังเป็นอะไรนั้นโจวเจ๋อไม่แน่ใจ และไม่อยากรู้ด้วย

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ครอบครัวที่อยู่ตรงหน้านี้ เมื่อลองคำนวณแล้ว ก็เป็นผลงานที่ไม่เล็กเลย ตัวเองสามารถจับตัวกลับไปได้พอดี

‘ปุดๆ….’

‘ปุดๆ…’

เสียงน้ำเริ่มดังมาจากรอบๆ เสียงน้ำมาจากคอของคนพวกนี้ ตั้งแต่ผู้ใหญ่อย่างคุณย่าจนถึงเด็กเล็กสองสามขวบคอของพวกเขาล้วนบวมขึ้นมา เหมือนกบที่มีถุงลมพองออกมา จากนั้น “อ้วก…”

ภายในห้องโถงทุกคนต่างอาเจียนออกมา น้ำทะเลขุ่นๆ พร้อมกับโคลนทรายถูกพ่นออกมาจากปากของพวกเขา และยังมีปลากับกุ้งที่ตายแล้วอีกด้วย!

ก่อนหน้านั้นห้องโถงเหมือนเพิ่งถูกถูพื้น แต่ตอนนี้เป็นเหมือนตลาดอาหารทะเล ที่ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว เหมือนห้องในเลิฟโฮเทลที่ถูกใช้งานอยู่ตลอดแต่ไม่ได้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนมาหนึ่งเดือน

โจวเจ๋อยื่นมือปิดจมูก ยกเท้าขึ้น แต่กลับพบว่าน้ำทะเลขยายขอบเขตมาถึงข้อเท้าของตัวเองอย่างรวดเร็ว

ภายในห้องโถงเหมือนอ่างเก็บน้ำ และคนยี่สิบกว่าคนก็เหมือนก๊อกน้ำยี่สิบกว่าก๊อกที่ติดอยู่ตรงขอบอ่าง ซึ่งกำลังปล่อยน้ำลงมา

น้ำไหลมารวมกัน ค่อยๆ เติมเต็มห้องโถงแห่งนี้อย่างช้าๆ

โจวเจ๋อเขยิบเข้าไปใกล้ ใช้มือข้างหนึ่งกดไหล่ของผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งไว้ เล็บงอกออกมา แล้วทิ่มไปที่ไหล่ของอีกฝ่ายโดยตรง

‘ฉ่าๆๆๆ…’

เสียงเหมือนของทอดอยู่ในหม้อทอดดังออกมา ผู้ชายวัยกลางคนคนนั้นเริ่มมีควันดำหนาแน่นลอยขึ้นมา แต่เขายังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับตัว เหมือนยินดีปล่อยให้โจวเจ๋อกระทำตามอำเภอใจ

‘ปัง…’

เสียงดังกังวานดังมาจากใต้เท้าของโจวเจ๋อ จากนั้นเข็มขัดสีเขียวเส้นหนึ่งพันแขนของโจวเจ๋อเอาไว้ โจวเจ๋อถอยหลังตามสัญชาตญาณ แต่เข็มขัดเส้นนี้เคลื่อนตัวคล่องแคล่วมาก พุ่งเข้ามาโดยตรง

เมื่อปลายเข็มขัดข้างหนึ่งยกตัวขึ้นมา ดวงตาของโจวเจ๋ออยู่ห่างไปไม่ถึงหนึ่งเมตร และมันก็นิ่งไป

มันไม่ใช่เข็มขัด มันคืองูทะเลตัวสีเขียวชัดๆ

งูทะเลแลบลิ้นออกมา แต่หลังจากมันตั้งท่าโจมตีอย่างมั่นคงแล้วกลับหยุดลง เหมือนต้องการขู่โจวเจ๋อเท่านั้น

น้ำที่อยู่บริเวณรอบๆ เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่สะสมอยู่ในท้องของคนยี่สิบกว่าคนราวกับไม่สามารถอาเจียนออกมาได้หมด เวลานี้ระดับน้ำในห้องโถงขึ้นมาถึงเอวของโจวเจ๋อแล้ว

นี่เป็นภาพลวงตา แต่ก็เหมือนของจริง

โจวเจ๋อสามารถเลือกที่จะหนีความรู้สึกเช่นนี้ได้ แต่ถ้าเลือกที่จะหนี ก็หมายความว่าตัวเองยอมแพ้แล้ว เป็นฝ่ายเดินลงจากเวทีเอง

ไม่ต้องพูดถึงค่าเหนื่อยว่าจะได้รับหรือไม่ ลำพังแค่วิญญาณของครอบครัวนี้ ตัวเองก็ไม่สามารถเอาไปแลกเป็นผลงานได้เลย

‘จ๋อม…’

รูปภาพที่แขวนอยู่บนกำแพงของห้องรับแขกถูกน้ำซัดลงมาเช่นกัน แล้วลอยมาข้างๆ โจวเจ๋อช้าๆ

ก่อนหน้านั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่ารูปเทพเจ้านี้มีความแปลกเล็กน้อย เพราะรูปเทพเจ้าที่แขวนอยู่ตามบ้านของคนทั่วไปมักจะเป็นพระสังกัจจายน์ เจ้าแม่กวนอิม หรือไม่ก็เทพเจ้าแห่งโชคลาภ แต่รูปเทพเจ้าที่อยู่ตรงหน้านี้ แตกต่างจากทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด

ในภาพเหมือนเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ตัวเหมือนปลา แต่มือและเท้าเหมือนคน ขี่มังกรสองหัว ต้องเป็นเทพเจ้าแน่นอนแต่ในบ้านของคนทั่วไปจะไม่แขวนภาพนี้ เพราะไม่เป็นที่นิยมแน่นอน

ตอนนี้งูทะเลเหมือนกำลังขดตัวช้าๆ ข้อมือของโจวเจ๋อก็รู้สึกได้ถึงแรงที่ถูกรัดตรึงเอาไว้ นี่คือคำเตือน เป็นคำเตือนครั้งที่สอง เตือนโจวเจ๋อว่า เรื่องนี้ เขาอย่าเข้ามายุ่ง

ภาพวาดนั้นพุ่งมาตรงหน้าโจวเจ๋อช้าๆ สัมผัสกับร่างกายของโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย พยายามใช้ความคิด ในที่สุดเขาก็นึกออกว่าเทพเจ้าที่อยู่ในภาพนั้นเป็นใคร!

ดังนั้นต้องขอบคุณตัวเองที่หลังจากเป็นเถ้าแก่ร้านหนังสือแล้วอ่านหนังสือเยอะขึ้น ทุกวันเวลาว่างไม่มีอะไรทำก็นั่งบนโซฟาจิบกาแฟอ่านหนังสือ และมักจะเน้นอ่านนิทานแปลกๆ สมัยโบราณอีกด้วย

นี่คือ…เทพเจ้าแห่งท้องทะเล!

สำหรับผู้คนในปัจจุบัน เมื่อพูดถึงเทพเจ้าแห่งท้องทะเลแวบแรกที่นึกถึงก่อนคือเจ้าแม่หม่าโจ้ว หรือไม่ก็เทพเจ้าโพไซดอน แต่ในความเป็นจริง ตามตำนานของจีน จริงๆ แล้วมีเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่เก่าแก่มากกว่านั้น

‘คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล ทะเลนอกทิศบูรพา’ ได้บันทึกไว้ว่า ‘ทะเลทิศตะวันออกมีเทพเจ้าอยู่ หน้าเป็นคน ตัวเป็นนก ใช้งูเป็นเครื่องประดับหูทั้งสองข้าง เหยียบอยู่บนตัวงูสีเหลือง ชื่อว่าอวี๋กั๋ว จักรพรรดิเหลืองให้กำเนิดอวี๋กั๋ว อวี๋กั๋วให้กำเนิดอวี๋จิง อวี๋จิงอยู่ที่ทะเลทิศเหนือ อวี๋กั๋วอยู่ที่ทะเลทิศตะวันออก เพื่อเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล’

เทพเจ้าแห่งท้องทะเลโบราณ อันที่จริงหากลองคิดเชื่อมโยงกับธุรกิจขนของเถื่อนของทางทะเลของชายชราที่อยู่ข้างบน แขวนภาพเทพเจ้าภาพนี้ไว้ในบ้านก็สามารถเข้าใจได้

แต่นี่หมายความว่าอะไร

ครอบครัวและเครือญาติที่ตายหมู่ในทะเลจู่ๆ ก็กลับมาแก้แค้นหลังจากห้าปีให้หลัง

ใครเป็นคนพาพวกเขากลับมา ใครเป็นคนอนุญาตให้พวกเขากลับมา ตายในที่ลับตาคนแบบนั้นบวกกับตายโหงอีกด้วย วิญญาณของพวกเขาจริงๆ แล้วยากที่จะกลับมาได้ ดังนั้นการเผากระดาษเงินกระดาษทองตามประเพณีโบราณของชาวบ้านบางครั้งก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ นั่นเรียกว่า ‘เรียกวิญญาณกลับมา’ ซึ่งหมายความว่าให้ตัวเองเซ่นไหว้วิญญาณของคนที่ตายไปแล้วกลับมา เพื่อให้คนรุ่นหลังได้จุดธูปเซ่นไหว้บูชา

และคนที่ตายในทะเลแบบนี้ พวกเขาถ้าไม่ลงนรกไปเลย ถึงแม้จะมีวิญญาณหลงเหลืออยู่ ก็จะเหมือนกับ‘ไพเรทส์ ออฟ เดอะ แคริบเบียน’ ที่ต้องจมอยู่ใต้ทะเลลึกหรือไม่ก็เป็นเรือผีสิงลอยไปลอยมา

ตอนนี้กลับมารวมตัวอยู่ที่บ้านครบทุกคน นั่งตัวตรงเป็นระเบียบ มาหาชายชราที่เป็นญาติที่อยู่ห่างไกล หากไม่มีแรงผลักจากภายนอก ไม่มีการยินยอมจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะเป็นไปได้อย่างไร หรือว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจะโกรธจริงๆ

ครอบครัวของชายชราตายอย่างมีเงื่อนงำแน่นอน และชายชราก็แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ในปีนั้นพอดี

ถ้าหากเทพเจ้าบางองค์เกิดพิโรธขึ้นมาจริงๆ จึงลงโทษตามกรรมที่ก่อไว้ ตัวเองที่เป็นยมทูตตัวเล็กๆ คนหนึ่งดูเหมือนจะไม่มีสิทธิ์ไปขัดขวางได้จริงๆ และเพื่อ ‘หาเงิน’ จะต้องต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ในทะเลด้วยแล้ว ดูจะโง่ไปหน่อยไหม

โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้น ผู้หญิงคนนั้นกับชายชราน่าจะอยู่ข้างบน ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นอยากจะให้ชายชราตายโดยธรรมชาติและรับมรดกต่อ พวกผีก็ไม่น่าจะถูกบันทึกด้วยกล้องวงจรปิด

“เอ่อ พี่ๆ ทั้งหลาย ขอปรึกษาหน่อยได้ไหม ปล่อยให้คุณปู่คนนั้นตายแบบธรรมชาติหน่อยไม่ได้หรือไง จากนั้นภรรยาคนใหม่ของคุณปู่ ผมจะพาเธอไป ได้ไหมครับ” โจวเจ๋อถามรูปภาพ

“ฟ่อ!”

งูทะเลโกรธทันที มันแยกเขี้ยวของตัวเองกัดไปที่หน้าอกของโจวเจ๋อโดยตรง

โจวเจ๋อจ้องนิ่ง เขาคอยระวังงูตัวนี้ตลอดเวลา จึงใช้ปลายเล็บจิกหางงูเอาไว้ ลิ้นของมันอยู่ห่างจากหน้าอกของโจวเจ๋อประมาณสองสามเซนติเมตรแล้วหยุดลง

“แม้แต่เจรจาก็เจรจาไม่ได้เหรอ ขอพื้นที่ให้คำปรึกษาหน่อยได้ไหม พี่ใหญ่” โจวเจ๋อพูดอย่างขมขื่น

ถึงแม้ฉันจะเป็นยมทูต อยู่หน่วยงานระดับต่ำสุดของนรกก็จริง แต่อย่างน้อยก็เป็นคนทำงานในหน่วยงานราชการดังนั้นอย่ามองข้ามฉันสิลูกพี่

“ฟ่อๆๆๆ!” งูทะเลบิดตัวอย่างบ้าคลั่ง เสียงดัง ‘ป๊อก’ ตัวของงูทะเลหักเป็นท่อน ศีรษะของงูลอยมาที่หน้าอกของโจวเจ๋อ แล้วกัดร่างกายของโจวเจ๋อทันที

ชั่วเวลานั้น สิ่งที่โจวเจ๋อรู้สึกได้ไม่ใช่แผลที่อยู่ตามร่างกายของตัวเอง แต่เป็นความเจ็บปวดที่มาจากจิตวิญญาณ ราวกับว่าวิญญาณของตัวเองถูกคมเขี้ยวของงูกัดเป็นสองรู

เหงื่อเย็นไหลออกมาทันที โจวเจ๋อคุกเข่าลงครึ่งหนึ่ง ใช้มือข้างหนึ่งยันพื้นเพื่อให้ตัวเองไม่จมลงไปใน ‘น้ำ’

“ฟ่อ…ฟ่อ…”

ศีรษะของงูถูกโจวเจ๋อดึงออกมาทั้งเป็น แล้วใช้เล็บสีดำบีบศีรษะของงูให้เละไปเลย

“ไม่มีเหตุผลเลย…” โจวเจ๋อบ่นพึมพำกับตัวเอง สีหน้าดูนิ่งขรึมขึ้น

จากนั้นเขาเงยหน้าอย่างช้าๆ ส่วนลึกของนัยน์ตามีประกายสีดำกำลังหมุนวน

“อย่างนั้นฉันขอดูหน่อย ว่าแกโผล่จากทะเลขึ้นมาบนบกจะเก่งได้แค่ไหน!”

……………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท