ตอนที่ 161 ในทะเล!
ทะเลเอ๋ยทะเล แกเป็นน้ำทั้งหมด…
โจวเจ๋อพิงวงกบประตู มองคลื่นลมแรงที่อยู่ข้างนอกอย่างจนใจและปวดหัวอยู่บ้าง รู้สึกหมดแรงเหมือนหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายแล้วเขายืนอยู่บนกองศพ แต่กลับพบว่าต้องเผชิญหน้ากับศัตรูอีกกลุ่มหนึ่งที่ขี่ม้าเข้ามา
ราวกับว่าความพยายามก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องตลกสิ้นดี เป็นละครตลก ไม่มีความหมายเลยสักนิด
“เถ้าแก่! ท่านรีบขึ้นมาเถ้าแก่!” ไป๋อิงอิงตะโกนขึ้นมาในทันใด เหมือนจะเจอเหตุการณ์ฉุกเฉิน
โจวเจ๋อเงยหน้ามองไปข้างบน จากนั้นจึงลองยื่นมือออกไปข้างนอก สัมผัสถึงความเย็นเยียบที่สมจริงมาก
อันที่จริงทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่านี่เป็นของปลอม จะต้องเป็นของปลอมแน่นอน และไม่ใช่พญามังกรที่ทำให้เฉินถังกวนจมน้ำตายเพื่อบังคับนาจาอย่างในตำนานเสียหน่อย โจวเจ๋อไม่คิดว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลคนนั้นจะทำให้เมืองทงเฉิงจมอยู่ใต้น้ำจริงๆ เพื่อหาเรื่องตัวเขาที่เป็นยมทูตเท่านั้น
อย่างแรกคาดว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีพลังอภินิหารอะไรขนาดนั้น อย่างที่สองถึงแม้เขาจะมี แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะกล้าทำแบบนี้
น้ำทะเลเป็นของปลอม แต่ปัญหาก็คือ มันกำลังหลอกความรู้สึกทุกอย่างของคุณ สามารถทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังจมน้ำ
นี่เป็นการสะกดจิตอย่างหนึ่ง แต่กลับเหนือกว่าการสะกดจิต โดยทั่วไปผีจะใช้วิธีนี้ล่อลวงเพื่อฆ่าคน แต่คนผู้นี้ดูแล้วจะน่ากลัวยิ่งกว่า
โจวเจ๋อเชื่อว่าถึงแม้ตอนนี้ตัวเองจะสร้างเรือไม้แล้วลอยออกไป คาดว่าเขาสามารถทำให้ตัวเองลอยอยู่ในทะเลนานครึ่งค่อนเดือนโดยที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จะทำให้ตัวเองกระหายน้ำตาย หิวตาย หรือไม่ก็จมน้ำตายทั้งเป็น
โจวเจ๋อประคองตัวไปตามผนังกำแพง แล้วเดินขึ้นบันได้ไปอย่างช้าๆ ไป๋อิงอิงเพิ่งจะร้องเรียกเขา ตอนที่โจวเจ๋อเดินออกมาจากบันไดอย่างยากลำบากนั้น กลับพบว่าตำแหน่งที่ตัวเองยืนอยู่ไม่ใช่ชั้นสองของบ้าน แต่เป็นดาดฟ้าเรือของเรือสำราญ
“เถ้าแก่ ที่นี่เปลี่ยนไปแล้ว” ไป๋อิงอิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือตะโกนเรียกโจวเจ๋อ
“ชายชรากับผู้หญิงคนนั้นล่ะ” โจวเจ๋อถาม
ไป๋อิงอิงก่อนหน้านั้นถูกสั่งให้คอยดูแลชายชรากับผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ชั้นสอง ผลปรากฏว่าตอนนี้เหลือไป๋อิงอิงคนเดียว จากนั้นโจวเจ๋อนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ เมื่อรู้ตัว หายใจยาวสบายๆ เหนือศีรษะของเขามีร่มกันแดดคันหนึ่ง มีเครื่องดื่มและเหล้าอยู่ข้างๆ
โจวเจ๋อเหนื่อยมากจริงๆ ร่างกายนี้ถูกตัวเขาเองใช้ซ้ำไปมา ร่างไม่แหลกก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ตอนนี้เขาแค่ขยับตัวนิดหน่อยก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดตามข้อต่างๆ ของร่างกาย
“ข้าไม่แน่ใจ เมื่อครู่ข้ารู้สึกตาลายเล็กน้อย จากนั้นก็พบว่าตัวเองมาอยู่บนเรือสำราญแล้ว” ไป๋อิงอิงมองไปรอบๆแล้วพูดต่อ “ถึงแม้จะรู้ว่าทั้งหมดเป็นของปลอม คล้ายกับวิชาพรางตาที่เมื่อก่อนนายหญิงของข้าเคยใช้ แต่มันสมจริงมาก แม้แต่ความเค็มของอากาศก็ยังเหมือน”
โจวเจ๋อพยักหน้า หยิบแก้วที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาแล้วรินน้ำเย็นให้ตัวเอง จากนั้นดื่มสองทีแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเดาไม่ผิดละก็เรือสำราญนี้น่าจะเป็นเรือสำราญที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อน คุณลองไปหาดู ที่นี่น่าจะมีคนในครอบครัวนั้น” โจวเจ๋อเอ่ยเตือน
“ถ้าข้าหาเจอแล้วทำยังไง”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมใช้วิชาพรางตาไม่เป็น”
โจวเจ๋อยื่นมือคลึงระหว่างคิ้วของตัวเอง ในเมื่อมาแล้วก็จงอยู่อย่างสงบใจเถอะ เทพเจ้าแห่งท้องทะเลคนนั้นอยากจะรามือหรือไม่ ตัวเองคอยรับมืออย่างเดียวก็พอ น้ำหนักของทั้งสองฝ่าย ถึงอย่างไรก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
อันที่จริงโจวเจ๋อคิดมาตลอดว่ากำลังถูกเสียบไม้ย่างไฟ เหตุผลสำคัญเป็นเพราะเทพเจ้าแห่งท้องทะเลคนนั้นมีตำแหน่งสูงเกินไป ไม่อยากลดตัวมาคุยกับตัวเอง ดังนั้นจึงยิ่งไม่อยากคุยเงื่อนไขกับตัวเองเป็นธรรมดา
ไป๋อิงอิงฟังคำสั่งของเขาขึ้นไปตามหาข้างบน เรือสำราญลำนี้มีสามชั้น ดาดฟ้าเรือตรงกลางหนึ่งชั้น ชั้นบนหนึ่งชั้น และห้องโดยสารอีกหนึ่งชั้น ไม่ช้าไป๋อิงอิงก็ลงมาจากข้างบนแล้วเอ่ยว่า “ข้างบนไม่มีคนเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นก็ลงไปดูข้างล่าง”
ไป๋อิงอิงลงไปดูข้างล่างอีก ก่อนหน้านั้นตอนที่โจวเจ๋อขึ้นมา จริงๆ แล้วข้างล่างเหมือนจะเป็นรูปแบบเดิมของห้องรับแขก แต่ตอนที่ไป๋อิงอิงลงไป กลับเป็นตำแหน่งของห้องโดยสาร
“เถ้าแก่ ไม่มีคนเจ้าค่ะ” ไป๋อิงอิงตรวจสอบเสร็จแล้วจึงตะโกนขึ้นมา
“ไม่มีคนเหรอ” นี่ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง
“ใช่แล้ว ข้าดูห้องข้างล่างทุกห้องแล้ว ไม่มีคนจริงๆ แม้แต่พนักงานบนเรือก็ไม่มี เรือสำราญลำนี้เหมือนหยุดอยู่กลางทะเลด้วยตัวเอง”
“ไม่น่าจะใช่” โจวเจ๋อพึมพำกับตัวเอง
คนพวกนั้นมีตำแหน่งค่อนข้างสูง ชอบเล่นเกมเวรกรรมตามสนองอะไรทำนองนี้ เพราะแบบนี้จะยิ่งทำให้ดูเก่ง ก็เหมือนกับพระโพธิสัตว์ที่เคาะศีรษะด้านหลังของซุนหงอคงสามครั้ง
ก่อนหน้านั้นตอนที่มองเห็นน้ำทะเลกับเรือสำราญ โจวเจ๋อรู้สึกว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลอยากจะให้เขาและคนอื่นๆ เห็นเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น
หรือไม่ก็เทพเจ้าแห่งท้องทะเลอยากจะทำโทษคนที่ตัวเองต้องการเพื่อแสดงความสูงส่งของตัวเอง อยากให้คุณยอมรับและเลื่อมใส จากนั้นก็ปรบมืออยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยว่า
“อ้อ เป็นแบบนี้นี่เอง ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง คาดไม่ถึงว่าเป็นแบบนี้ เยี่ยมมาก!”
แต่ตอนนี้คุณสร้างทะเลออกมา แล้วก็สร้างเรือสำราญขึ้นมา นอกจากตัวเขาเองกับไป๋อิงอิงแล้วก็ไม่มีตัวประกอบอื่น บทละครเรื่องนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร หรือว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลแบตเตอรี่อ่อน ทำได้แค่ครึ่งแรกส่วนครึ่งหลังทำไม่ไหวแล้ว
“ลองตรวจสอบอีกรอบ ดูว่ามีข้อมูลอย่างอื่นไหม” โจวเจ๋อได้แต่กัดฟันลุกขึ้นเดินลงไปข้างล่างก่อน ไป๋อิงอิงจึงเดินขึ้นไปตรวจสอบข้างบนอีกครั้ง
ขออย่าให้แบตเตอรี่ไม่พอจนทำผลงานออกมาได้แค่ครึ่งเดียวนะ
โจวเจ๋อได้แต่ร้องตะโกนอยู่ในใจ เพราะถ้าหากอีกฝ่ายแค่สร้างเวทีนี้ขึ้นมา เทพเจ้าแห่งท้องทะเลอยากจะโชว์ความสามารถต่อหน้าเขาที่เป็นยมทูตคนนี้ เช่นนั้นผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดก็คือเทพเจ้าแห่งท้องทะเลทำสำเร็จแล้วที่ได้โชว์ความสามารถต่อหน้าเขา จากนั้นคนที่สมควรตายก็ตายไปเถอะ ตัวเขาเองช่วยคนไม่ได้ เงินงวดสุดท้ายก็ไม่มี แต่หลังจากนั้นยังสามารถกลับบ้านใครบ้านมัน ไปหาแม่ของใครของมันได้
แต่ถ้าหากเป็นผลงานที่เสร็จแค่ครึ่งเดียว บทละครนี้จะแสดงต่อไปอย่างไร ตัวเขากับไป๋อิงอิงต้องยืนอยู่ตรงนี้อย่างเก้อเขินเหรอ
ใครจะไปรู้ว่าภาพลวงตานี้จะดำเนินต่อไปนานแค่ไหน ตัวเขาไม่เข้าใจด้านนี้อย่างสิ้นเชิง ไป๋อิงอิงอาจจะเข้าใจเล็กน้อย แต่ก็รู้แค่งูๆ ปลาๆ จะให้เขาอยู่ในสถานที่เฮงซวยแบบนี้นานสิบปีคงไม่ไหว ต้องรอให้ไป๋อิงอิงฝึกวิชาให้เก่งกว่านี้อีกนิด หรือไม่ก็รอให้ตัวเขาเองมีการพัฒนามากกว่านี้อีกหน่อยแล้วค่อยออกไปเหรอ
ระหว่างนี้ไม่มีน้ำบ๊วยก็ยังพอทน แต่ถ้าแม้แต่ข้าวก็ไม่มี ร่างกายนี้ของเขาคงจะทนไม่ไหวถ้าไม่มีอาหารเข้าท้อง
เมื่อคิดไปคิดมา โจวเจ๋อก็โผล่ศีรษะออกไปเพื่อดูใต้น้ำทะเลว่ามีปลาไหม ถ้าหากมีปลา ตัวเขาก็อาศัยปลาประทังชีวิตได้
แวบแรกที่มองก็ไม่เป็นไร แต่หลังจากนั้นโจวเจ๋อกลับพบว่าผิวน้ำด้านล่างที่อยู่ข้างเรือ มีวัตถุสีดำก่อตัวอยู่ข้างล่างเหมือนพืชน้ำชนิดหนึ่ง ลอยไปมาไม่หยุด แต่กลับอยู่ไม่ห่างจากจากดาดฟ้าเรือตลอดเวลา
โจวเจ๋อโน้มตัวลงโดยสัญชาตญาณ ยื่นไม้เท้าของตัวเองออกไปอยากจะแตะน้ำสักหน่อย แต่ไม่สำเร็จ ตรงกันข้ามกลับทำให้ตัวเองเกือบตกลงไปในน้ำทะเล
“อิงอิง” โจวเจ๋อตะโกนขึ้นไปข้างบน
‘ตึกๆๆ…’ ไป๋อิงอิงวิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว
“เถ้าแก่ เป็นอะไร”
“คุณลองลงไปดูในน้ำ ว่านี่คืออะไร” โจวเจ๋อชี้ไปที่ด้านล่างแล้วพูด
ไป๋อิงอิงยื่นศีรษะมองลงไป และสังเกตเห็นพืชน้ำสีดำกลุ่มหนึ่ง จึงกระโดดลงไปทันที ท่าสวย เคลื่อนไหวได้มาตรฐาน น้ำกระเซ็นเป็นฝอยเล็กมาก
ไป๋อิงอิงหลังจากที่กระโดดลงไปในน้ำได้ดำลงไปใต้น้ำเรื่อยๆ ตามแรงเฉื่อย ส่วนโจวเจ๋อกลับรออยู่ข้างบน
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งนาที ไป๋อิงอิงลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ ตอนนี้ศพผีสาวเปียกชุ่มไปทั้งตัว อีกทั้งผิวยังดูขาวซีดขึ้น โจวเจ๋อไม่คิดว่าน้ำทะเลอุณหภูมิต่ำเกินไปจะทำให้ไป๋อิงอิงตัวแข็ง ผีดิบก็กลัวหนาวเหรอ เป็นไปได้อย่างไร
“นั่นคืออะไร” โจวเจ๋อถาม
“เถ้าแก่ พวกเขา…พวกเขา…”
“รีบพูดเร็วๆ เข้า” โจวเจ๋อรบเร้า เพราะมันเกี่ยวกับตัวเองและไป๋อิงอิงว่าจะสามารถออกไปจากสถานที่เฮงซวยนี้ได้หรือไม่
“พวกเขาอยู่ข้างล่าง เถ้าแก่ ครอบครัวนั้นอยู่ข้างล่างทั้งหมด” ไป๋อิงอิงชี้ไปที่ข้างล่าง
“อยู่ข้างล่างเหรอ” โจวเจ๋อตกใจเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็นึกถึงอะไรบางอย่าง เขายื่นนิ้วชี้ไปยังพืชน้ำสีดำที่อยู่ข้างล่างแล้วพูดว่า “นี่คือเส้นผมเหรอ”
“เจ้าค่ะ คือเส้นผม” ไป๋อิงอิงพูดอย่างมั่นใจ
“พวกเขาจมน้ำตายเหรอ”
“เอ่อ…” ไป๋อิงอิงแสดงสีหน้าน่ารักออกมา รู้สึกสับสน รู้สึกลำบากใจ และรู้สึกทำตัวไม่ถูก
ถ้าหากไม่ใช่เพราะอยู่ไกลเกินไป ไม้เท้าของตัวเองไม่ยาวพอ โจวเจ๋ออยากจะยกไม้เท้านี้เคาะศีรษะของเธอจริงๆเวลาแบบนี้ เธอยังเล่นอยู่ในน้ำและยังทำตัวน่ารักอีก
“เถ้าแก่ ท่านลองกระโดดลงมาเองสิเจ้าคะ มันอธิบายไม่ค่อยถูกเท่าไร” ไป๋อิงอิงพูดโดยตรง
“…” โจวเจ๋อ
ถ้าฉันกระโดดลงไปได้ เมื่อครู่ทำไมฉันไม่กระโดดลงไปแต่กลับเรียกเธอมาเล่า
“เถ้าแก่ ท่านลงมา ข้าจะรับท่านเอง” ไป๋อิงอิงอ้าแขนทั้งสองข้าง “สิ่งที่อยู่ข้างล่าง ท่านต้องดูด้วยตัวเองจริงๆ เจ้าค่ะ”
โจวเจ๋อลังเลเล็กน้อย เขาโยนไม้เท้าทิ้งไป จากนั้นจึงพลิกตัวกระโดดลงจากดาดฟ้าเรือ
เสียงกระโดดลงไปในน้ำดัง ‘ตู้ม’ จากนั้นโจวเจ๋อก็ถูกไป๋อิงอิงกอดไว้
“เถ้าแก่ ท่านหายใจลึกๆ ข้าจะพาท่านดำน้ำ ถ้าหากท่านต้องการอากาศหายใจก็หยิกข้า”
“…” โจวเจ๋อ
จากนั้นหลังจากที่ไป๋อิงอิงเห็นโจวเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้ว เธอจึงพาโจวเจ๋อดำน้ำลงไป ร่างกายของเธอแข็งแรงมาก กระทั่งสามารถเป็นนักกีฬาว่ายน้ำได้อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นถึงแม้จะพาโจวเจ๋อที่เป็นตัวถ่วงแบบนี้มาด้วย ก็ยังเคลื่อนไหวในน้ำได้อย่างสบาย
หลังจากลงไปในน้ำแล้ว โจวเจ๋อเห็นกรงเหล็กขนาดใหญ่อยู่ข้างเรือเหมือนถูกตอกให้ติดอยู่กับที่ และในกรงเหล็กนี้ก็มีโต๊ะเซ่นไหว้บูชาขนาดใหญ่ตัวหนึ่งวางนิ่งอยู่ตรงนั้น บนโต๊ะมีป้ายบูชาเทพเจ้า และเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลองค์นั้น กระทั่งแม้แต่เครื่องเซ่นไหว้ที่อยู่ข้างบนก็ยังถูกวางนิ่งอยู่ที่นั่น ถึงแม้น้ำจะกระเพื่อมกรงเหล็กก็ยังอยู่ในลักษณะที่สงบนิ่ง
ขณะเดียวกัน คนมากกว่ายี่สิบคนก็อยู่ในกรงเหล็กด้วย ผู้ชายผู้หญิงคนแก่และเด็ก ไหลไปตามแรงกระเพื่อมของคลื่นอยู่ภายในกรงเหล็กอย่างต่อเนื่อง
คนบางส่วนอยู่ด้านล่าง คนบางส่วนอยู่ตรงกลาง และมีผู้หญิงอายุประมาณยี่สิบปีคนหนึ่งที่น่าสงสารที่สุด ศีรษะของเธอติดอยู่ที่รอยต่อด้านบนสุดของกรงเหล็ก ถูกยึดติดอยู่ตรงนั้นอย่างน่าประหลาดใจ จากนั้นเส้นผมของเธอก็แผ่ขายออกไปลอยอยู่ข้างบน ลอยไปลอยมา…
…………………………………………………………………………