ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 195 อย่าขัดเวลาว่างของฉัน!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 195 อย่าขัดเวลาว่างของฉัน!

โจวเจ๋อไม่แน่ใจว่าบนโลกนี้มีการเวียนว่ายตายเกิดไหม และสิ่งที่เรียกว่าผลกรรมตามสนอง มันมีจริงหรือไม่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่พอจะมั่นใจ คนที่ก่อกรรมทำชั่วโลภในสิ่งที่ได้มาโดยมิชอบ ท้ายที่สุดจะถูกลงโทษตามกรรมอันสมควร อย่างน้อยพวกเขาก็จะแก่ตาย

โจวเจ๋อเปิดประตูแห่งนรก แล้วจึงยื่นมือจับผู้ชายเสื้อเชิ้ตสีแดงโยนเขาเข้าไปในนั้น ผลงานหนึ่งชิ้นถือเป็นอันเสร็จสิ้น ต่อจากนั้นโจวเจ๋อจึงเข้าสู่สภาวะคนว่างงานต่อ นอนลงบนโซฟา หยิบหนังสือพิมพ์ ดื่มกาแฟ หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายในโลกกระจกแล้ว โจวเจ๋อรู้สึกว่าสภาพชีวิตในตอนนี้นั้นยอดเยี่ยมที่สุด

เขานอนอยู่ท่านี้จนกระทั่งถึงตอนเย็น สวี่ชิงหล่างเดินเข้ามาพูดกับโจวเจ๋อเบาๆ “ในร้านไม่มีเงินแล้ว”

ค่าเช่าร้านหนังสืออันที่จริงไม่แพงมาก อย่างไรเสียก็เช่าจากตระกูลสวี่ และที่ต่อรองราคาในตอนนั้นบ้านตระกูลสวี่ก็ได้เปิดไฟเขียวแล้ว

ทว่าค่ากินค่าดื่มของทุกคนบวกกับค่าไฟและค่าอื่นๆ รวมกันก็เป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย อีกทั้งกาแฟที่เถ้าแก่โจวดื่มอยู่ในตอนนี้ก็เป็นกาแฟนำเข้า ราคาแพงสูงลิ่ว ส่วนค็อกเทลที่สวี่ชิงหล่างชงให้ลูกค้าแม้เป็นสินค้าราคาถูกจากบาร์เล็กๆ เท่านั้น แต่ตัวของเขากลับดื่มแต่ของแพง

บวกกับกิจการที่ทำกับคนเป็นของร้านหนังสือก็ไม่ค่อยดีเท่าไร ลำพังแค่ช่วงนี้ไม่เห็นโจวเจ๋อนำหนังสือใหม่เข้ามาก็พอจะรู้ว่ากิจการของร้านหนังสือแค่พอถูๆ ไถๆ ไปได้

“ไปหยิบเงินกระดาษแล้วเผาที่หน้าประตู เผาเยอะๆ หน่อย”

“ได้”

สวี่ชิงหล่างไปหยิบเงินกระดาษ นักพรตเฒ่าที่เล่นกับเจ้าลิงก่อนหน้านั้นเห็นฉากนี้พอดี จึงรีบเดินเข้ามาทันทีสำหรับนักพรตเฒ่า โลกนี้ไม่มีเกมอะไรที่สนุกกว่าการเผาเงินกระดาษอีกแล้ว สนุกยิ่งกว่าเครื่องหยอดเหรียญสำหรับเล่นพนัน (สล็อตแมชชีน) จากนั้นจึงนั่งลงยองๆ แล้วเผาอยู่หน้าประตูร้านหนังสือ ผ่านไปสักครู่หนึ่งก็มีคนเอาเงินมาโยนทิ้งสุดยอดจริงๆ

“เก็บเยอะๆ หน่อย” นักพรตเฒ่าพูดพึมพำอยู่ข้างๆ

“พอแล้ว” สวี่ชิงหล่างหยิบเงินมาหนึ่งปึก

“เถ้าแก่บอกว่าเผาเยอะๆ หน่อย เจ้าคิดจะประหยัดแทนเขาเหรอ”

“เก็บได้พอประมาณแล้ว ไม่อย่างนั้นจะผลาญเงินของบ้านเกินไป”

“บ้านของเขาจำเป็นต้องมีเจ้าเป็นเจ้าบ้านเหรอ” นักพรตเฒ่าส่ายหน้า “ถ้าจะเป็นก็ต้องเป็นไป๋อิงอิง”

สวี่ชิงหล่างครุ่นคิด ดูเหมือนจะมีเหตุผลจริงๆ ดังนั้นเขาเลยยื่นเงินหนึ่งปึกให้นักพรตเฒ่า จากนั้นสวี่ชิงหล่างกับนักพรตเฒ่าจึงถือเงินคนละหนึ่งปึก และอาศัยเวลากลางคืนจุดไฟเผาอยู่หน้าร้านหนังสือ หลังจากเผาเสร็จแล้ว นักพรตเฒ่าจึงนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ พลางสูบบุหรี่ รอเงินหยวนเข้ามา

อันที่จริงตัวของนักพรตเฒ่าเก็บเงินกระดาษไว้ไม่น้อย บางครั้งที่เจอผีที่ไม่มีเงิน และเงินกระดาษแค่สองสามใบโจวเจ๋อก็ไม่สนใจเท่าไร ดังนั้นจึงให้เป็นรางวัลแก่นักพรตเฒ่า

นักพรตเฒ่าจึงซ่อนเอาไว้ด้วยความดีใจ พอสะสมไปเรื่อยๆ จึงได้เป็นเงินจำนวนไม่น้อย นอกจากนี้นักพรตเฒ่ายังมีอีกหนึ่งความฝัน นั่นก็คือหลังจากสะสมเงินกระดาษได้มากพอแล้ว จะใช้เทปกาวมาติดพวกมันเพื่อทำเป็นเสื้อผ้า เอามาสวมใส่เหมือนชุดหนังปลาของชาวเฮ่อเจ๋อ แม่งเอ๊ย ถึงตอนนั้นคงกลายเป็นมนุษย์มงคล แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว ถ้าหากใส่ชุดนั้นแล้วไปมาเก๊า คงจะราบรื่นทุกอย่างใช่ไหม

จากนั้นก็มีรถจักรยานไฟฟ้าขับเข้ามา สายตาของนักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างมองไปทางนั้น ทั้งสองคนรู้สึกว่า น่าจะใช่เขาแน่นอน

คนที่ขี่รถจักรยานไฟฟ้าเข้ามาใส่ชุดพนักงานส่งอาหารสีฟ้า สวมหมวกกันน็อก มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นเด็กหนุ่มส่งอาหาร เด็กหนุ่มส่งอาหารเดิมทีก็ไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนที่ผ่านร้านหนังสือแห่งนี้ จู่ๆ เขาก็มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงคนหนึ่งนั่งยองๆ อยู่ตรงนั้นทั้งยังจ้องเขาตาไม่กะพริบ เขารู้สึกใจสั่นทันที และเผอิญว่าข้างหน้ามีหัวท่อดับเพลิงพอดี เขาจึงขี่รถชนเข้าอย่างจัง

‘โครม’ มีกล่องขนาดเล็กร่วงลงมา ในนั้นเป็นกล่องอาหารจานด่วน

เด็กหนุ่มส่งอาหารรีบลุกขึ้นทันที ท่าทางเหมือนใจฝ่อนิดๆ เขารีบเข้าไปประคองรถจักรยานไฟฟ้าของตัวเอง และดูเหมือนจะไม่ทันสังเกตว่ามีสิ่งของตกลงมา จึงขี่ไปที่ถนนโดยตรง

‘ปี๊นๆ…’ เสียงแตรรถยนต์ดังมา

ภายใต้การสังเกตการณ์ของนักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่าง เด็กหนุ่มส่งอาหารคนนั้นเหมือนกับคนไม่กลัวตายชนกับรถเมล์ที่อยู่ตรงหน้าโดยตรง แถมยังเป็นเพราะพยายามจะไล่ตามให้ทัน

‘ปัง!’ เด็กหนุ่มส่งอาหารถูกรถชนกระเด็น รถจักรยานไฟฟ้าพังทันที หมวกกันน็อกของเขาตกลงมาตรงหน้าของนักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างพอดี และยังกลิ้งลงมาสองสามรอบ

นี่ดูเหมือนว่าจะเล่นจนรวยแล้ว

สวี่ชิงหล่างกับนักพรตเฒ่าสบตากันหนึ่งที และมองเห็นการทำตัวไม่ถูกจากสายตาของอีกฝ่าย

“ผมบอกแล้วให้เผาน้อยๆ หน่อย” สวี่ชิงหล่างบ่น

“เชอะ เจ้าเป็นคนหยิบเองไม่ใช่เหรอ”

นักพรตเฒ่าตอกกลับอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นจึงเก็บอาหารที่เด็กหนุ่มส่งอาหารทำตกเมื่อครู่ขึ้นมา แต่หลังจากที่นักพรตเฒ่าถืออยู่ในมือก็รู้สึกแปลกๆ รีบลากสวี่ชิงหล่างเข้าไปในร้านหนังสือทันที

“ข้างนอกเป็นอะไร รถชนเหรอ” โจวเจ๋อตกใจกับเสียงที่ดังมาจากข้างนอก

นักพรตเฒ่าหยิบกล่องอาหารสองสามกล่องเข้ามา แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตอนที่เปิดกล่องอาหารหนึ่งกล่องต่อหน้าโจวเจ๋อ ในนั้นยัดเงินเอาไว้เต็มกล่อง และเป็นเงินดอลลาร์อีกด้วย!

“วู้ฮู้ เยอะจริง” นักพรตเฒ่าเดาะปากเสียงดัง แล้วเปิดกล่องอีกสองกล่องทันที ในนั้นยังเป็นเงินดอลลาร์เหมือนเดิม

“รวยแล้วๆ” นักพรตเฒ่าบังคับมือของตัวเองไม่อยู่ รีบเปิดกล่องอาหารกล่องสุดท้ายทันที จากนั้นก็ร้องออกมา พร้อมกับเดินถอยหลังอย่างรวดเร็ว สิ่งที่อยู่ในกล่องอาหารกล่องสุดท้าย กลับเป็นยาเม็ดเล็กสีฟ้าหนึ่งถุง

แย่แล้วๆ คราวนี้แย่แล้ว เป็นยา!

สวี่ชิงหล่างที่ยืนอยู่ข้างๆ ตอนที่เห็นเงินดอลลาร์ยังไม่ตื่นเต้นขนาดนี้ เงินดอลลาร์ไม่ถึงหนึ่งแสน คิดเป็นเงินหยวนแค่สองสามแสนหยวนเอง ยังไม่พอห้องชุดของเขาหนึ่งห้องเลย

แต่ตอนที่สวี่ชิงหล่างเห็นยาเม็ดสีฟ้า กลับแสดงสีหน้าตกใจออกมาจากใบหน้าของเขา

“ใครเป็นคนทิ้ง” โจวเจ๋อถาม

“เด็กส่งอาหารคนหนึ่ง” นักพรตเฒ่าตอบ

“แล้วเขาล่ะ”

“โน่น รถที่ชนอยู่ข้างนอกก็คือเขา โดนชนตัวลอยกระเด็นไปโน่น” นักพรตเฒ่าชี้ไปที่ด้านนอก

โจวเจ๋อลุกขึ้นเดินไปดูที่หน้าประตู สถานที่เกิดเหตุรถชนมีคนเข้าไปมุงล้อมเป็นจำนวนมาก แต่ยังพอมองเห็นผ่านช่องว่างเล็กๆ ว่าเด็กหนุ่มส่งอาหารคนนั้นนอนอยู่บนพื้นเลือดไหลไม่หยุด คาดว่าไม่น่ารอดแล้ว

“หยิบเงินกระดาษอีกหน่อยเอาไปเผาที่หน้าประตู และอย่าก่อเรื่อง” โจวเจ๋อกำชับนักพรตเฒ่า

“ได้เลย” นักพรตเฒ่าเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก รีบหยิบเงินจากในลิ้นชักออกมาองสามใบแล้วนำไปเผาที่หน้าประตู ครั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อเรียกทรัพย์ แต่เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก

โจวเจ๋อชี้ไปที่เงินดอลลาร์ที่อยู่บนโต๊ะ เพื่อบอกให้สวี่ชิงหล่างเก็บไว้ ถือว่าเป็นเงินค่าใช้จ่ายภายในบ้าน จากนั้นเขาก็หยิบถุงยาเม็ดสีฟ้าขึ้นมาแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ

‘ซู่ๆๆ…’

ยาเม็ดสีฟ้าถุงใหญ่ถูกโจวเจ๋อเททิ้งลงในชักโครก จากนั้นก็กดน้ำล้างชักโครก ยาเม็ดเล็กเหล่านั้นจึงเข้าไปในท่อน้ำ อันที่จริงยาถุงนี้อาจจะมีราคามาก แต่โจวเจ๋อไม่คิดจะเก็บไว้ ก็เหมือนกับที่นักพรตเฒ่ากินหมั่นโถวของพ่อลูกครั้งที่แล้ว ของแบบนี้หากคนที่ยังมีชีวิตอยู่เข้าไปข้องเกี่ยวรังแต่จะทำลายบุญกุศลเป็นภัยต่อลูกหลานของตัวเอง ถึงแม้จะเป็นผี ก็ไม่อยากแตะต้องมันเหมือนกัน

เมื่อจัดการเสร็จแล้ว โจวเจ๋อจึงตบมือแปะๆ แล้วเดินออกมา ตำรวจและรถพยาบาลเร่งรุดมาถึงอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มส่งอาหารรถชนอย่างรุนแรงและเสียชีวิตทันที ตอนแรกทางตำรวจยังมาไม่เยอะ แค่มองว่าเป็นอุบัติเหตุธรรมดาทั่วไปเท่านั้น แต่หลังจากนั้นตำรวจเริ่มมาเยอะขึ้น บรรยากาศจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

โจวเจ๋อเดาว่าทางตำรวจน่าจะสืบตัวตนที่แท้จริงของเด็กหนุ่มส่งอาหารเจอแล้ว จึงเริ่มสืบค้นเป็นการใหญ่ และยังมีตำรวจที่มาบันทึกปากคำกับพยานที่ร้านหนังสือ นักพรตเฒ่ารับหน้าที่ออกไปต้อนรับ

หลังจากจัดการเสร็จสิ้นแล้ว นักพรตเฒ่าจึงหัวเราะและเอ่ยว่า “เป็นพ่อค้ายาจริงๆ พวกเราเผาเงินกระดาษหน้าร้านสามารถช่วยผดุงธรรมให้สวรรค์ได้”

“ของที่เขาทำตกไว้ล่ะ” สวี่ชิงหล่างถาม

“พวกเราโชคดี หรือไม่ก็หลังจากที่พวกเราเผาเงินกระดาษจึงเกิดผล กล้องวงจรปิดทั้งสองตัวของฝั่งนี้วันนี้เกิดเหตุขัดข้อง ใช้งานไม่ได้พอดี ดังนั้นเงินดอลลาร์พวกนั้นพวกเราจึงเอามาใช้ได้”

โจวเจ๋อได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้า เงินที่ได้มาจากการเผาเงินกระดาษโดยทั่วไปเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรมดังนั้นตัวเองเอามาใช้เองจึงไม่รู้สึกผิดอะไร

“เฮ้ย เดดพูล เข้ามาทำความสะอาดเลย” บาทหลวงในชุดเดดพูลที่นั่งอยู่ข้างๆ ลุกขึ้น รับไม้ถูพื้นจากในมือของนักพรตเฒ่า แล้วเริ่มทำความสะอาด

นักพรตเฒ่าก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองว่าง เริ่มจัดโต๊ะเก้าอี้รวมทั้งทำความสะอาดโต๊ะน้ำชา เนื่องจากเถ้าแก่เป็นคนอนามัย ดังนั้นทุกวันจึงต้องทำความสะอาดแบบนี้หนึ่งครั้ง

โจวเจ๋อเดินขึ้นไปข้างบน ไป๋อิงอิงอยู่ในห้องนอนนานแล้ว นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ใส่หูฟังดูภาพยนตร์อยู่

อันที่จริงช่วงนี้หน้าตาของไป๋อิงอิงฟื้นฟูกลับมาพอสมควรแล้ว แต่เป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้น ส่วนที่เสียหายภายในต้องรอหลังจากร่างกายของโจวเจ๋อแข็งแรงขึ้นถึงจะช่วยนางฟื้นฟูกลับมาได้

แต่นางนั่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยผมสีขาวทั้งศีรษะสยาย ยกขาทั้งสองข้างพาดบนโต๊ะ แต่กลับดูสงบเยือกเย็นขึ้นแตกต่างจากเมื่อก่อนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้

โดยเฉพาะตอนที่ขาเล็กคู่นั้นของหญิงสาวที่งอและเหยียดออกเบาๆ เหมือนกำลังกระชากวิญญาณ เส้นโค้งที่งดงาม โค้งมนได้รูปตรงจุดนั้นพอดิบพอดี

โจวเจ๋ออดไม่ได้ที่จะยืนอยู่หน้าประตูแล้วมองพักหนึ่ง ผู้คนมักจะมีความคิดที่อยากชื่นชมสิ่งที่สวยงามอยู่แล้ว

“เถ้าแก่ๆ แย่แล้วๆ!” นักพรตเฒ่าชูของสิ่งหนึ่งในมือแล้ววิ่งขึ้นมา

“เถ้าแก่” ไป๋อิงอิงถอดหูฟังออกแล้วเดินเข้ามา

“มีอะไร” โจวเจ๋อถาม

“เถ้าแก่ ข้าหาเจอจากใต้เก้าอี้ มีบัตรเสียบอยู่ในเงินกระดาษ”

โดยทั่วไป หลังจากส่งผีไปลงนรกแล้ว สิ่งที่ผีทิ้งไว้คือ ‘เงินซื้อค่าผ่านทาง’ ปกติจะทิ้งไว้บนพื้นหรือไม่ก็แปะกลับหัวอยู่ใต้เก้าอี้ที่ผีนั่งก่อนหน้านั้น นักพรตเฒ่าจะระวังตำแหน่งพวกนี้เป็นพิเศษในขณะที่ทำความสะอาด

แต่ในเงินกระดาษกลับมีบัตรใบเล็กๆ เสียบอยู่เพิ่งจะเคยมีเป็นครั้งแรก และบัตรก็ยังเป็นสีดำ ไม่เหมือนสิ่งที่ยัดเข้ามาจากช่องประตูของโรงแรมที่พักตอนกลางคืนแบบนั้น

ตอนที่ถือบัตรอยู่ในมือค่อนข้างเย็น บนนั้นสลักตัวหนังสือสองบรรทัด ‘หมู่บ้านหลงทาง บ้านหลังใหม่ของคนตายยินดีต้อนรับ’

โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย บ้านหลังใหม่ของคนตายเรอะ บ้านหลังใหม่ของคนตายน่าจะเป็นนรกไม่ใช่เหรอ และที่นี่จู่ๆ จะมีหมู่บ้านโผล่มาได้อย่างไร

“เถ้าแก่ นี่มันแย่งธุรกิจกันชัดๆ!” นักพรตเฒ่าตะโกนโดยตรง

โจวเจ๋อพยักหน้า ใช่แล้ว แย่งธุรกิจกันชัดๆ

“มิน่าล่ะตอนที่เถ้าแก่สลบไปไม่มีผีเข้ามาที่ร้านสักตน ข้ายังรู้สึกแปลกเหมือนกัน” ไป๋อิงอิงกล่าว

เถ้าแก่โจวชอบนอนอ่านหนังสือพิมพ์ดื่มกาแฟผ่อนคลายอยู่ในร้านหนังสือ แต่นั่นก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่มีผีเอางานและเงินกระดาษมาให้ที่ร้านทุกวัน ตอนนี้มีคนมาแย่งธุรกิจ แน่นอนว่าเถ้าแก่โจวไม่มีทางใจดีหัวเราะเแล้วไม่สนใจ

นอกจากนี้ตามกฎของยมโลก แต่ละเขตในโลกมนุษย์จะรับผิดชอบโดยยมทูตในเขตนั้นๆ และในเขตนี้ ยมทูตก็คือผู้ทำธุรกิจผูกขาดการส่งวิญญาณด่วนในท้องถิ่น และเมื่อมีการผูกขาดเกิดขึ้น หลังจากที่คุ้นชินต่อการผูกขาดแล้ว ถ้าหากมีคู่แข่งโผล่ขึ้นมา ผู้ผูกขาดจะต้องไม่อยากยกระดับการบริการให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้ตัวเองอย่างแน่นอน แต่เลือกที่จะยึดรวมเป็นของตนและกดขี่โดยสัญชาตญาณ

อย่างเช่นเถ้าแก่โจวในเวลานี้ ก็ไม่อยากคิดกิจกรรมใหม่เพื่อดึงดูดวิญญาณเข้ามาในร้านของตัวเองเลยด้วยซ้ำ แต่เลือกที่จะใช้วิธีหยาบคายและตรงไปตรงมาตามสัญชาตญาณ

“โทรหาหลินเข่อ หลังจากตีสาม พวกเราค่อยออกไป”

โจวเจ๋อจุดบุหรี่หนึ่งมวน สาวน้อยโลลิต้องออกแรงเรื่องนี้เช่นกัน ที่ผ่านมาโจวเจ๋อกินเนื้อ สาวน้อยโลลิได้ดื่มน้ำแกงอยู่ข้างๆ ก็สามารถเพิ่มผลงานได้เหมือนกัน คู่แข่งแปลกหน้าในครั้งนี้จึงเท่ากับมาทำลายธุรกิจของพวกเขา

“ออกไปพูดเหตุผลกับพวกเขาเหรอ” นักพรตเฒ่าถาม

โจวเจ๋อมองนักพรตเฒ่าแล้วหัวเราะ จากนั้นเอ่ยว่า “จัดการพวกมัน”

ไม่ว่าใครที่มาขัดขวางเวลาว่างของฉัน ล้วนเป็นพวกนอกรีต จำเป็นต้องโจมตีอย่างเด็ดขาด!

ขัดขวางเวลาว่างของฉัน ต้องตาย!

…………………………………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท