ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 226 สุนัขเฝ้าบ้าน!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 226 สุนัขเฝ้าบ้าน!

มือที่ถือบุหรี่สั่นไหวเล็กน้อย

เพิ่งจะตั้งปณิธานอันยิ่งใหญ่ ตั้งใจว่าจะเป็นเจ้าปลาเค็มที่ขี้เกียจและขี้เซาไปวันๆ ใครจะไปนึกว่าตอนที่ความมุ่งมั่นนี้ยังร้อนแรงสุดๆ ปัญหาก็ได้มาเยือนถึงที่แล้ว

ที่หลุมฝังศพครั้งก่อน หลังจากที่เข้าไปในหอนางโลม ได้เจอกับตุ๊กตากระดาษร่างโคลนของพระขี้เรื้อน ประกอบกับเขากลับมาจากที่นั่นแล้วใช้ดอกพลับพลึงแดงเป็นเครื่องปรุงรสชาติ

สิ่งที่ทำให้โจวเจ๋อปวดหัวที่สุดก็คือ เขายังไม่ทันได้ลิ้มลอง ‘งานเลี้ยงอันโอชะ’ นี้เลย เจ้าของดันมาตามหาถึงที่

ถ้าจะบอกว่ารู้สึกละอายใจ แน่นอนละว่าไม่มีจริงๆ

เถ้าแก่โจวไม่มีความรู้สึกผิดที่เป็นขโมยขโมยของของคนอื่น

คนเหล่านั้นวางค่ายกลเพื่อดึงดูดดวงวิญญาณที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเข้าไป และใช้พวกมันเป็นอาหารสัตว์ สังเวยพวกมันให้กับดอกพลับพลึงแดง เป็นการทรมานดวงวิญญาณที่เดิมทีสามารถลงไปยังเส้นทางสู่นรกและไปเกิดใหม่ได้ ตัดโอกาสในการเกิดใหม่อย่างสิ้นเชิง

นี่เป็นสิ่งที่ทำลายบุญกุศลที่เลวร้ายมาก โจวเจ๋อไม่ได้โอ้อวดว่าเขา ‘ทำเพื่อสวรรค์’ ก็นับว่าสงวนท่าทีแล้ว แล้วทำไมเขาจะต้องรู้สึกผิดกับเหตุการณ์นี้ด้วยล่ะ

“ดอกไม้ของข้า ดอกไม้ล่ะ”

หญิงชราเดินไปหาโจวเจ๋อตัวสั่นงกๆ ยื่นมือไปจับไหล่ของโจวเจ๋อเอาไว้ ในดวงตาที่จมดิ่งลงไปคู่นั้น แฝงไปด้วยความสิ้นหวังและบ้าคลั่ง เขย่าร่างของโจวเจ๋ออย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมตะโกนเอะอะโวยวาย

เถ้าแก่โจวเพิ่งฟื้นจากการสลบ ร่างกายยังคงอ่อนแออยู่ หญิงชราคนนี้ดูอ่อนแอแต่ยังมีแรงมากจริงๆ เขย่าเถ้าแก่โจวจนเขาแทบจะหมดลมหายใจ

“ปล่อยมือนะ!”

ไป๋อิงอิงยื่นมือผลักหญิงชราออกไปทันที หญิงชราล้มเซไปข้างหลัง จากนั้นล้มลงไปกับพื้นและสลบไป

“…” ไป๋อิงอิง

“…” โจวเจ๋อ

“เถ้าแก่ นี่เป็นการแกล้งจัดฉากหรือเปล่า” ไป๋อิงอิงถาม

โจวเจ๋อก็ขมวดคิ้ว คิดๆ ดูแล้ว ไม่น่าจะใช่นะ ตอนแรกเขาและสาวน้อยโลลิเคยคิดจะจัดการคนที่วางค่ายกลไว้เลี้ยงดอกพลับพลึงแดง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะคนเป็นหรือคนตาย ไม่ว่าจะอยู่ในโลกหรือในนรก อย่างน้อยก็ควรเป็นตัวละครที่มีหน้ามีตาหน่อยใช่ไหมล่ะ

คนธรรมดาทั่วไป ไม่มีคุณสมบัติ ยิ่งไม่มีทักษะความสามารถที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น

แต่หญิงชราที่มาทวงหนี้ถึงที่ ดูอ่อนแอเกินไปหน่อยมั้ง

ไป๋อิงอิงแค่ผลักก็เป็นลมสลบไปเลยเหรอ

ต้องการรีดไถเงินเหรอ

เถ้าแก่โจวไม่รังเกียจที่จะจ่ายเงินกระดาษหรือเงินหยวนเพื่อเลี้ยงอีกฝ่ายและส่งออกไป เมื่อเปรียบเทียบกับปัญหาลูกโซ่ที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์นี้ โจวเจ๋อคิดว่าการจ่ายเงินเพื่อกำจัดหายนะเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง

ถึงอย่างไร หลังจากตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขาเคยพึ่งพามากที่สุดในอดีตนั้นได้กลายเป็นถังดินปืนขนาดใหญ่ที่อันตรายที่สุด ความคิดของโจวเจ๋อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

เมื่อก่อนเป็นโจวเท็ดดี รู้สึกว่าตัวเองเจ๋งมาก ขึ้นฟ้า ลงดิน ลอยอยู่กลางอากาศได้ แต่ตอนนี้เป็นโจวปลาเค็มคนไม่เอาไหน

บนถนนมีผู้คนสัญจรไปมาและมองดูไม่น้อยเลย แต่ไม่มีใครตั้งใจเดินเข้ามาดูเป็นพิเศษ ทุกคนต่างไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวเอง ตอนเดินผ่านเต็มที่ก็แค่เดินช้าๆ และคิดว่ามีอะไรสนุกๆ ให้ดูบ้างไหม

นี่เหมือนกับผู้ชายที่ ‘ใสซื่อ’ ไม่ว่าจะอายุมากหรือน้อย เมื่อเดินผ่านประตูร้านสระผมเล็กๆ ริมถนน มักจะแสร้งทำเป็นสบายๆ ไม่ใส่ใจและแอบดูว่าวันนี้หญิงสาวใส่ถุงน่องสีอะไร เป็นหลักการเดียวกันเลย

ดังนั้น โจวเจ๋อไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับความคิดและทัศนคติการใช้ชีวิตในปัจจุบันของเขา

ถ่างตาดูเสีย ถนนที่เต็มไปด้วยความพลุกพล่าน เสียงดังจอแจ และผู้คนที่สัญจรไปมาล้วนแต่เป็นพวกปลาเค็มทั้งนั้น

“ง่ำๆๆ…อร่อยๆ!!!!”

“อร่อยจัง…รสชาติดีมาก!!!!”

บนโต๊ะอาหาร โจวเจ๋อนั่งพิงเก้าอี้ สวี่ชิงหล่างเฝ้าดูอยู่ข้างๆ อาหารจานไหนพร่องลงไปแล้วก็ไปทำมาเสิร์ฟใหม่อีกครั้ง

หญิงชรากินเพียงคนเดียว เรียกได้ว่า ‘ตะกละมูมมาม’ เหมือนกับเพิ่งถูกปล่อยตัวออกจากคุกสมัยโบราณ โดยเฉพาะมือซ้ายที่ถือขาหมูมันเยิ้มขนาดยักษ์อยู่ กินจนเรียกได้ว่าน้ำมันเยิ้มเต็มปาก

เดิมทีเป็นอาหารจานเด็ดที่สวี่ชิงหล่างเตรียมไว้สำหรับ ‘งานเลี้ยงอันโอชะ’ ให้โจวเจ๋อเป็นพิเศษ

นักพรตเฒ่าดื่มเหล้าเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ และรินเหล้าให้หญิงชรา หญิงชราก็ชนแก้วกับนักพรตเฒ่าบ่อยครั้ง ดื่มลงไปรวดเดียวด้วยความห้าวหาญ

แน่นอนว่า แม้จะดูอายุอานามใกล้เคียงกัน แต่นักพรตเฒ่าไม่นิยมคนรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา ที่เขาชอบยังคงเป็นผู้หญิงรุ่นหลังที่น่าสงสารในร้านทำผมที่มีอายุประมาณสี่สิบปีมากกว่า

ใช่ พวกเธอเริ่มแก่ตัวลง ตามคำบรรยายของตาเฒ่าลามกไป๋จวีอี้ก็คือ เหล่าหญิงสาวที่ ‘ประตูหน้าบ้านถูกทิ้งร้าง มีรถม้ามาน้อยมาก’ เหล่านั้น

แต่ถ้าคุณเอ็นดูเธอ ทะนุถนอมเธอ เธอก็จะรู้สึกขอบคุณ และบริการคุณดียิ่งขึ้น ไม่เหมือนสาวเอ๊าะๆ พวกนั้น พอกิจการดีหน่อยก็เรียกร้องมากขึ้น

แต่นักพรตเฒ่าก็รู้สึกว่าหญิงชราเป็นกันเองมาก ไม่อย่างนั้น คุณจะปล่อยให้ไป๋อิงอิงอยู่เป็นเพื่อนคนอื่นก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ แม้ว่าอายุของไป๋อิงอิงจะดูแก่พอสมควรเลยก็ตาม

หญิงชรากินอยู่ตลอด กินไปเรื่อยๆ เหมือนผีที่หิวโหยกลับชาติมาเกิด

วัตถุดิบที่สวี่ชิงหล่างซื้อกลับมาเพื่อทำอาหารมื้อใหญ่ให้โจวเจ๋อ โดยพื้นฐานแล้วล้วนเข้าไปอยู่ในท้องของหญิงชราแล้วทั้งสิ้น ในเวลานี้เป็นธรรมดาที่โจวเจ๋อคงไม่ว่างจนหาอะไรทำ เอาของเหลวที่ทำจากดอกพลับพลึงแดงออกมากรอกใส่ปากกินแทนข้าวหรอก

“ฟู่ว…”

อิ่มแล้ว

หญิงชราตบหน้าท้องกลมๆ ของตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

จากนั้นนางมองสวี่ชิงหล่างที่อยู่อีกด้านและยกนิ้วโป้งขึ้นมาพลางเอ่ยขึ้น

“แม่นาง เจ้าทำอาหารได้อร่อยมากจริงๆ”

“…” สวี่ชิงหล่าง

จู่ๆ เหล่าสวี่ก็รู้สึกว่าเขาน่าจะใส่สารหนูลงไปในจานด้วย ไม่น่าพอใจเลยสักนิด

“ฮิๆ น้องสาว เขาเป็นชายหนุ่มน่ะ ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ”

นักพรตเฒ่าอธิบายพร้อมกับหัวเราะร่วน

“น้องสาว เจ้าไม่รู้หรอกว่าตอนข้าเห็นเขาครั้งแรกน่ะ เกือบจะแข็งทื่อแล้ว”

“จุ๊ๆ เป็นชายหนุ่มหรือ” หญิงชรามองสวี่ชิงหล่างอย่างละเอียดอีกรอบแล้วพยักหน้า พลางพูดว่า “เป็นชายหนุ่มหล่อเหลาเอาการจริงๆ น่าเสียดายนัก หากย้อนกลับไปช่วงราชวงศ์ชิงตอนต้นละก็ รูปลักษณ์อย่างเจ้าไปแสดงบทตัวละครหนุ่มบนเวที ไม่รู้ว่าคนมากน้อยแค่ไหนจะหลงใหล ในรั้วโรงละครคงเต็มไปด้วยคนชื่นชอบเจ้า”

หญิงชราอ้าปากก็เอ่ยว่า ‘ราชวงศ์ชิงตอนต้น’ เลยทีเดียว

ระดับความสูงส่งและความทรงจำนี้ลึกซึ้งและยาวไกลจริงๆ

สิ่งนี้ทำให้นักพรตเฒ่าที่อยู่ข้างๆ ไม่รู้จะต่อบทสนทนาอย่างไรดี เราทั้งคู่ดูเหมือนอายุพอๆ กัน แต่ข้าเพียงเกิดก่อนการปลดแอกเพียงหนึ่งปีเท่านั้น และในเวลานั้นก็ทิ้งห่างจากราชวงศ์ชิงตอนต้นแปดจั้งเห็นจะได้

“แต่ว่าใช้น้ำมันเยอะไปหน่อย คิดว่าเป็นเพราะในอดีตทำอาหารหม้อใหญ่ๆ มามาก เลี้ยงดูแขกมานาน จึงขาดความละเอียดประณีตเป็นธรรมดา รสชาตินั้นยอดเยี่ยม แต่อาหารในโลกนี้ที่อร่อยมีถมไป ไม่ว่าเจ้าจะชอบรสไหนก็ตาม พูดตามตรง ต่อให้อร่อยแค่ไหนจะกินลิ้นคนได้จริงๆ หรือ ไม่มีอะไรมากไปกว่าความละเอียดประณีตแตกต่างกันหรอก เข้าใจหรือไม่”

สวี่ชิงหล่างได้ยินดังนั้น ผงะไปเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้า “รับคำสอนแล้ว”

หญิงชราถอนหายใจ พูดอย่างหมดความสนใจ

“เอาเถอะๆ ไม่ว่าอาหารจะเป็นอย่างไร ก็ถือว่าไม่เลวทีเดียว เจ้าตั้งใจต่อไป อีกหน่อยมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อระดับที่สูงขึ้น ช่วงราชวงศ์ชิงตอนต้นนั้น ฝีมือของพ่อครัวในวังหลวงดูเหมือนว่าอีกหน่อยก็คงจะไม่ได้กินแล้วจริงๆ”

“อืม” สวี่ชิงหล่างพยักหน้า

“รอจนทักษะการทำอาหารของเจ้าพัฒนาสูงไปอีกขั้น คาดว่าเจ้าก็ควรจบชีวิตได้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นลงมาทำอาหารให้ข้ากินโดยเฉพาะก็แล้วกัน”

“…” สวี่ชิงหล่าง

อารมณ์เชิงลบของสวี่ชิงหล่างเพิ่มขึ้น +999

โจวเจ๋อหรี่ตาลง

งานหลักที่สำคัญกำลังจะมาแล้วใช่ไหม

พูดถึงเรื่องนรก พูดถึงเรื่องดอกพลับพลึงแดง

นี่หมายความว่าตัวตนของทั้งสองฝ่ายจะถูกกระชากเปิดออกแล้วสินะ และก็ไม่จำเป็นต้องดูดอกไม้ในม่านหมอกซ่อนเร้นอีกแล้ว

แต่สวี่ชิงหล่างไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี นี่คือคำชมใช่ไหม นี่คือรางวัลแล้วเหรอ

“ทำหน้าเศร้าหมองไปทำไมกัน ระดับการฝึกเต๋าครึ่งถังของเจ้า ชาตินี้อย่าได้คิดจะเปลี่ยนชะตาชีวิตเลย หนีไม่พ้นเกิด แก่ เจ็บ ตายหรอก อีกอย่างสู้มาเป็นข้ารับใช้ตัวเล็กๆ ติดตามหญิงชราอย่างข้าไม่ดีกว่าหรือ”

หญิงชราพูดแล้วก็ยื่นมือชี้โจวเจ๋ออย่างไม่เกรงใจ ท่าทางดูเหยียดหยามมาก

แต่อากัปกิริยามือไม้ที่แสดงออกของนางในเวลานี้ก็ไม่เหมือนเสแสร้งแกล้งทำ คนทั่วไปหากไม่มีประสบการณ์มาก่อน ไม่มีนิสัยเฉพาะตัวแบบนั้นแล้วละก็ ไม่มีทางแสร้งรู้สึกแบบนั้นได้หรอก

“น้องสาว…อ้อ ไม่สิ พี่สาว คุณอยู่ด้านล่างก็เป็นคนใหญ่คนโตหรือ หึ ข้ามองออกมาตั้งนานแล้ว แค่ดูก็รู้แล้วว่าพี่สาวไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ฟังดูแล้ว พี่สาวท่านเป็นชาวแมนจูหรือ จะบอกความจริงให้ท่านฟัง บรรพบุรุษของข้าก็เป็นชาวแมนจูเช่นกัน ตระกูลหนิวฮูลูน่ะ!”

นักพรตเฒ่ารีบสรรเสริญเยินยอทันที

นักพรตเฒ่าผู้ซื่อสัตย์ภักดีของท่านได้ปรากฏตัวแล้ว

หลังจากที่ผู้คนแก่ตัวลง สิ่งที่สนใจไม่มีอะไรมากไปกว่างานศพของตัวเอง แต่นักพรตเฒ่าไม่มีทายาท และไม่ต้องกังวลกับปัญหาเรื่องทายาทรุ่นหลัง ตอนนี้มีโอกาสสามารถสนใจและใส่ใจสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่ตายไปแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีเลยเชียว

“อ้อ”

หญิงชราหรี่ตามึนเมามองนักพรตเฒ่า ขณะเดียวกันก็ยื่นมือออกไปตบหน้าชายชราแปะๆ

“ชาวแมนจูจริงหรือ”

“ใช่แล้วๆ”

“แต่ในช่วงราชวงศ์ชิงตอนต้น ข้าเป็นสมาชิกถงเหมิงฮุ่ย[1] อาหารมื้อนั้นในวังหลวง ก็เป็นอาหารที่บุกเข้าไปฆ่าท่านอ๋องคนหนึ่ง”

“…” นักพรตเฒ่า

โจวเจ๋อเอื้อมมือเคาะโต๊ะเบาๆ แล้วพูดขึ้น “เข้าเรื่องเถอะ”

เมื่อกินอิ่มจนพอใจแล้ว ก็ควรจะเข้าประเด็นได้แล้ว

“เหอะ เข้าเรื่องหรือ” หญิงชราบิดขี้เกียจหนึ่งที “ดอกพลับพลึงแดงอยู่กับเจ้าที่นี่หรือ”

“ประมาณนั้น”

เป็นคำอวยพรไม่ใช่คำสาป เป็นหายนะที่หลบไม่พ้น เถ้าแก่โจวก็เปิดเผยตรงไปตรงมา

“เจ้ารู้ว่าข้าเป็นใครหรือไม่” หญิงชราชี้หน้าตัวเองและถามขึ้น

“ไม่รู้” โจวเจ๋อส่ายหน้า

ในตอนแรกโจวเจ๋อเดาว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นคุณยายเมิ่ง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนราชวงศ์ชิงตอนปลาย อย่างนั้นก็คงจะไม่ใช่คุณยายเมิ่งแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวละครผู้มีเกียรติอย่างคุณยายเมิ่ง จะมาถึงโลกมนุษย์ด้วยตัวเองนั้น ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้

“เหอะๆ ดังนั้นข้าไม่รู้ว่าอะไรทำให้เจ้ากล้าได้ถึงเพียงนี้” หญิงชราลุกขึ้นยืนและเอื้อมมือไปวางไว้บนหน้าอกของโจวเจ๋อ “ข้าอยากจะดูนัก ความกล้าหาญและความเชื่อมั่นของเจ้ามาจากไหน”

มือมันเยิ้มที่เคยจับขาหมูกำลังคลำมั่วซั่วบนหน้าอกของเขา

เถ้าแก่โจวเจ๋อที่รักความสะอาดรู้สึกอึดอัดและทรมานมาก ทนไม่ไหวยื่นมือออกไปปัดมือของอีกฝ่ายออก

“โอ้ มองเห็นแล้ว คิดไม่ถึงว่าเมืองทงเฉิงเล็กๆ แห่งนี้ จะเป็นถิ่นเสือหมอบมังกรซ่อนจริงๆ เป็นยมทูตน้อยในยมโลกตนหนึ่ง กลับมีตัวตนอยู่เบื้องหลัง”

หญิงชราดื่มเหล้าข้าวอีกหนึ่งอึก ยิ้มจนฟันหน้าเหลืองอ๋อยโผล่ให้เห็น

“แต่เจ้ารู้หรือไม่ เจ้าเป็นแค่สติปัญญาที่บังเอิญเกิดขึ้นมาในช่วงเวลาที่คนผู้นั้นในกายเจ้าอยู่ในอาการหลับใหลก็เท่านั้นเอง พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เจ้าไม่ได้เป็นตัวอะไรเลยด้วยซ้ำ เจ้าภูมิใจอะไรกับมันนักเล่า

หลังตายไปแล้ว กลายเป็นผีดิบ นั่นคือชะตาชีวิตใหม่จากความตายสู่การมีชีวิต

แล้วเจ้าล่ะ แม้แต่ตัวอะไรก็เป็นไม่ได้ อย่างมากที่สุด ก็เป็นแค่สุนัขเฝ้าบ้านที่ล่ามติดกับประตูเมื่อเจ้าของออกจากบ้านไป รอเจ้าของกลับมาแล่เนื้อสุนัขและต้มน้ำแกงให้กิน”

………………………………………………..

[1] ถงเหมิงฮุ่ย สหสันนิบาตจีน เป็นสมาคมลับที่ทำการเคลื่อนไหวใต้ดินต่อต้านราชวงศ์ชิง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท