ตอนที่ 227 สุนัขเดือดดาลกัดคนได้!
คำถากถางดูถูกของหญิงชราทำให้ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่งอย่างไม่รู้ตัว
ไป๋อิงอิงเงียบ
สวี่ชิงหล่างเงียบ
นักพรตเฒ่าเงียบ
เดดพลูที่เงียบมาโดยตลอด ตอนนี้ก็ยังเงียบต่อไป
ในฐานะพนักงานใต้บังคับบัญชา เมื่อเถ้าแก่ของคุณถูกเปิดโปงจุดอ่อนต่อหน้าต่อตา นอกจากจะเงียบแล้ว ยังสามารถทำอะไรได้อีก
‘แป้ก!’
โจวเจ๋อจุดบุหรี่หนึ่งมวน สูบบุหรี่เข้าไปลึกๆ และพ่นควันบุหรี่ออกมา
สิ่งที่หญิงชราพูดมาทั้งหมด ที่จริงมันคล้ายกับที่โจวเจ๋อเดาเอาไว้อยู่แล้ว แต่ถ้าจะบอกว่าหญิงชราทำลายศักดิ์ศรีของโจวเจ๋อจริงๆ หรือไม่นั้น มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริงๆ
เถ้าแก่โจวไม่ได้โกรธขนาดนั้น
แต่ทว่า ท่าทีและคำพูดคำจาของหญิงชราที่ถือตนว่าเป็นผู้อาวุโสเที่ยวดูถูกคนอื่นฉอดๆ มันทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดจริงๆ
ที่นี่คือร้านหนังสือยามวิกาล ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นหน้าร้านของเขา
ใช้คำพูดที่แสนธรรมดาอธิบายได้ว่า ที่นี่เป็นถิ่นของโจวเจ๋อ หรือที่เรียกว่า ‘ถ้ำ’
มังกรที่ว่าแน่ยังไม่ข่มงูเจ้าถิ่นเลยนะ!
“พูดพอหรือยัง” โจวเจ๋อพูดขึ้น
“ทำไมเล่า โกรธหรือ” ท่าทีของหญิงชราเป็นไปตามที่คาดไว้
อืม” โจวเจ๋อยอมรับ
“ส่งดอกพลับพลึงแดงมาให้ข้า แล้วมาจัดการจบปัญหานี้กับข้าซะ บทลงโทษที่แน่ชัดจะขึ้นอยู่กับการแสดงออกของเจ้า”
หญิงชรานั่งลงอีกครั้ง กระทั่งหยิบบุหรี่มาจากตรงหน้าโจวเจ๋อ แล้วจุดให้ตัวเองหนึ่งมวน
ท่าทางนั้น รูปลักษณ์นั้น ค่อนข้างคล้ายลีลาการสูบบุหรี่ของนักร้องหญิงหลังเวทีโรงเต้นรำเก่าแก่ในซี่ยงไฮ้
“เหอะๆ”
โจวเจ๋อชี้อาหารบนโต๊ะแล้วพูดขึ้น
“คุณจ่ายเงินมาก่อนสิ”
“อะไร”
หญิงชราขมวดคิ้ว ราวกับฟังไม่เข้าใจ
“สถานที่ของผมแห่งนี้ ผีที่จะลงไปข้างล่าง ผมล้วนจัดเตรียมอาหารและกับแกล้มหนึ่งมื้อไว้ล่วงหน้า เมื่อพวกเขาไปแล้วก็จะทิ้งเงินกระดาษเอาไว้บ้าง คุณนี่ทั้งเหล้าทั้งเนื้ออีก นับว่าเป็นเกณฑ์ระดับสูงที่สุดแล้ว ทิ้งเงินเอาไว้มากหน่อยนะ”
หญิงชราหรี่ตาลง ฝ่ามือเหี่ยวแห้งตบโต๊ะและดุด่า
“เจ้ารู้ไหมว่ากำลังคุยกับใครอยู่”
“กินข้าวและจ่ายเงินก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้นช้าๆ ท่าทีดูไม่ยี่หระ
“เหอะๆ ถ้าข้าบอกว่าข้าไม่จ่ายเล่า” หญิงชราตะคอก
ก่อนหน้านี้นางไม่ได้เปิดเผยตัวตนจึงไม่สลักสำคัญอะไร
ตอนนี้นางเผยตัวตนออกมาแล้ว โจวเจ๋อกลับยิ่งเมินเฉยต่อนางยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก นางยอมไม่ได้!
เหมือนกับฮ่องเต้แต่งตัวนอกเครื่องแบบออกตรวจราชการลับ ตอนเขาอยู่นอกเครื่องแบบคุณจะล้อเล่นกับเขาก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อไรที่เขาสวมชุดคลุมมังกรแล้ว หากคุณยังมองไม่เห็นความสำคัญของเขาอีก อย่างนั้นก็คงต้องลงเอยด้วยจุดจบแล้วละ
“ไม่จ่ายงั้นเหรอ”
โจวเจ๋อมองนักพรตเฒ่าที่นั่งอยู่ข้างหน้าและพูดขึ้น
“ฟาดนาง”
นักพรตเฒ่าตัวสั่นงกๆ
ฉิบหาย ฟาดนางหรือ เถ้าแก่ ข้าเป็นคนที่สามารถตายได้นะ หลังตายแล้วข้าจะทำอย่างไรล่ะ
นักพรตเฒ่ายังคงลังเล แม่เจ้าโว้ย ใครบ้างจะไม่ลังเล นอกเสียจากจะมั่นใจได้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป ต่อให้มีชีวิตอยู่ตลอดไป ก็ไม่แน่ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดกับคุณหรือเปล่าด้วยซ้ำ
แต่เมื่อเห็นท่าทีของโจวเจ๋อแล้ว นักพรตเฒ่ารู้ว่าหากวันนี้ไม่ทำตามคำสั่งละก็ เขาเองก็อาจจะอยู่ไม่ถึงวันที่แก่ตาย เถ้าแก่คงจะส่งเขาไปก่อนล่วงหน้า
‘เพียะ!’
นักพรตเฒ่าเงื้อมือขึ้นและตบลงไปเบาๆ บนแขนของหญิงชรา แรงเท่านี้ น้ำหนักเท่านี้ มันไม่ได้เป็นการตีใครสักคน มันเหมือนกับการเกี้ยวพาราสีระหว่างคู่รักเก่ามากกว่า
ลู่เหยารู้ถึงแรงม้า ยิ่งนานวันยิ่งรู้ใจคน
โจวเจ๋อลูบหัวของตัวเองเบาๆ จากนั้นโบกมือปัดเบาๆ
ปิดประตู ปล่อยอิงอิง ถึงอย่างไรอิงอิงก็เป็นผีดิบขนานแท้ดั้งเดิม
ต่อให้นางจะตาย ก็จะไม่กลับชาติไปเกิดใหม่ มันจะเป็นจุดจบของชีวิตและความตายโดยตรง และก็จะไม่ลงไปยังเส้นทางสู่นรก ดังนั้น นางจึงไม่กลัวการคิดบัญชีย้อนหลัง
อีกทั้งเด็กสาวคนนี้ติดตามและเชื่อฟังโจวเจ๋อโดยธรรมชาติ
อย่างที่คิดไว้ อิงอิงไม่ทำให้โจวเจ๋อผิดหวัง เดินตรงไปข้างหน้าทันที
“เจ้ากล้าด่าเถ้าแก่ของข้าว่าสุนัขงั้นหรือ” ไป๋อิงอิงท้าวเอวมองหญิงชรา
“ฮ่าๆ ก็เขาเป็นสุนัขตัวหนึ่ง แม่หนูน้อย สายเลือดของเจ้าบริสุทธิ์กว่าเขามากนัก เขาก็แค่ดึงหนังเสือมาสวมใส่เท่านั้นเอง เขาน่ะเดิมทีก็ไม่ใช่เขาแล้ว”
โจวเจ๋อหายใจเข้าลึกๆ เขาลังเลและสับสนเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะสิ่งที่หญิงชราพูด แต่เป็นเพราะไป๋อิงอิง
ใช่แล้ว ไป๋อิงอิงเชื่อฟังเขามาก แต่นั่นขึ้นอยู่กับความจริงที่ว่านางตอบสนองกับกลิ่นอายของผีดิบระดับสูงจากตัวเขาเอง มันเป็นสายเลือดในตัวของเขาที่ข่มสายเลือดของนางเอาไว้ ถึงได้ทำให้นางสวามิภักดิ์ต่อเขา จากผีดิบสาวเย็นชาแสนน่ากลัวกลายเป็นปีศาจน้อยแสนน่ารักของเขา
ตอนนี้ นางรู้แล้วว่าเขาเป็นเพียงด่านหน้าเท่านั้น นางจะยังเชื่อฟังเขาต่อไปอีกหรือไม่
แม้กระทั่ง หากจิตสำนึกนั้นในร่างกายของเขาเรียกหา ไป๋อิงอิงจะทำตามคำสั่งของจิตสำนึกนั้นโดยตรงและจะต่อสู้กับเขาหรือไม่
ตอนนี้เถ้าแก่โจวปอดแหกเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็พบว่าตัวเขาเองไม่มีแม้แต่เงินต้นทุนเลยจริงๆ
ก่อนหน้านี้รู้สึกว่าเขาเป็นตัวสำรองที่สวมชุดระดับเทพอย่างเต็มรูปแบบ สามารถอวดเก่งวิ่งวุ่นไปได้ทั่วทุกที่
แต่ตอนนี้เขาพบว่าอาวุธทั้งตัวของเขาถูกคนอื่นผูกมัดเอาไว้และเพียงให้เขาหยิบยืมไปใช้เท่านั้น กระทั่งเขาอาจจะเป็นค่าประสบการณ์ที่คนอื่นกำหนดไว้ล่วงหน้า
ตื่นตระหนก
ไม่ตื่นตระหนกคงไม่ได้
กลายเป็นปลาเค็มที่ตื่นตระหนก
‘เพียะ!’
ไป๋อิงอิงตบลงบนใบหน้าของหญิงชราหนึ่งฉาด หญิงชรากระเด็นออกไปชนผนังอย่างจัง
นางไม่ได้ออมแรงจริงๆ!
หญิงชราถูกตบ ปรากฏว่ามุมปากมีเลือดไหลซิบและผิวหนังแตก
“เจ้า!!!!!”
หญิงชราชี้ไป๋อิงอิง
“เจ้าบังอาจนัก! ผีดิบตัวน้อย นังโสโครกตัวน้อย ไม่กลับชาติไปเกิด สวรรค์…”
‘ตึง ตึง!!!!!’
ไป๋อิงอิงเอื้อมมือตรงไปจับคอของหญิงชราและยกนางลอยขึ้น
“เจ้า…” หญิงชราอยากพูดแต่กลับพูดอะไรไม่ออก
“กล้าด่าเถ้าแก่ของข้า!”
เพียงชั่วพริบตาไป๋อิงอิงกลายเป็นเด็กสาวมัธยมปลายที่ใช้ความรุนแรงทันที คว้าคอของหญิงชราเอาไว้
‘ตึง! ตึง! ตึง!’
กระแทกกับผนังอย่างต่อเนื่อง!
หนึ่งครั้ง
สองครั้ง
สามครั้ง
สี่ครั้ง…
กระแทกไม่หยุด กระแทกไม่ยั้ง!
คาดว่าร้านข้างๆ คงคิดว่าร้านหนังสือกำลังปรับปรุงอยู่ละมั้ง
นักพรตเฒ่ามองแล้วสูดลมหายใจเย็นเข้าปาก
สวี่ชิงหล่างมองดูอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จา
เจ้าลิงน้อยมองจนถั่วลิสงที่จับไว้ในมือร่วงลงไปบนพื้นแล้ว
แม้แต่เดดพลูที่นั่งพิงผนังนิ่งๆ ยังสั่นไหวเพราะแรงสั่นสะเทือนของผนัง
โจวเจ๋อยังคงนั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ อัดบุหรี่เข้าปอดหนักๆ
ในที่สุดหลังจากที่กระแทกไปตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ไป๋อิงอิงก็โยนหญิงชราลงมา
หญิงชราถูกกระแทกจนฟกช้ำดำเขียว ผมเผ้ายุ่งเหยิง ไม่รู้ว่าฟันร่วงไปแล้วกี่ซี่
แต่นางกลับยังไม่ตาย!
“พวกเจ้า…พวกเจ้า…พวกเจ้ากล้าทำอย่างนี้…กล้าทำกับข้าอย่างนี้…พวกเจ้าอย่าตาย…พวกเจ้าอย่าได้ตาย…”
นักพรตเฒ่านั่งโบกมืออยู่ข้างๆ ไม่หยุด เพื่อบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย
เพราะว่าในร้านหนังสือนั้น ไป๋อิงอิงกับเถ้าแก่ไม่ตาย สวี่ชิงหล่างก็ยังหนุ่มยังแน่น แม่เจ้าโว้ย คิดไปคิดมาก็เป็นเขานี่แหละที่จะตายเร็วที่สุดและไวที่สุด
โจวเจ๋อโยนก้นบุหรี่ทิ้ง ลุกขึ้นยืนอย่างงกๆ เงิ่นๆ ก่อนจะเดินไปตรงหน้าหญิงชรา แล้วย่อตัวนั่งยองๆ อย่างช้าๆ
ไป๋อิงอิงยืนอยู่ด้านข้าง ไม่มีความห้าวหาญองอาจและความสะใจในการใช้ความรุนแรงทุบกระสอบทรายเลยสักนิด ตรงกันข้ามหลังจากที่โจวเจ๋อเข้ามาใกล้ นางกลับมีน้ำตาคลอเบ้าราวกับว่ากำลังร้องไห้
โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ มองไป๋อิงอิงที่อยู่ข้างๆ แล้วถามขึ้น
“ร้องไห้ทำไม”
“นางพูดไม่ดีเกี่ยวกับท่าน ข้าโมโหจนทนไม่ไหว”
“ที่นางพูดก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องโกหกเสียหน่อย ไม่มีอะไรต้องโมโหเลย”
โจวเจ๋อปลอบโยน
ที่นางพูด มันก็เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น
“ไม่ใช่ ที่นางพูดนั้นไม่ถูกเลยต่างหาก เถ้าแก่ก็คือเถ้าแก่ ไม่ใช่สุนัขเฝ้าประตูบ้านไหนทั้งนั้น เถ้าแก่ก็คือเถ้าแก่ ในสายตาของอิงอิง ท่านก็คือเถ้าแก่ของข้า ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในตัวของท่าน สิ่งนั้นมันน่ากลัวมาก อิงอิงไม่ชอบเลย”
“หึๆ”
โจวเจ๋อยิ้มอย่างมีความสุข
จากนั้น โจวเจ๋อยื่นมือพร้อมกับเล็บที่งอกยาวออกมาบนนิ้วไปด้านหน้า จับเข้าที่ศีรษะของหญิงชราโดยตรง และจับยกขึ้นอย่างป่าเถื่อน
แกคือแมลงสาบที่ตีไม่ตาย อย่างนั้นฉันก็จะดึงดวงวิญญาณของแกออกมาเอง!
ดวงวิญญาณของหญิงชราถูกโจวเจ๋อกระชากออกมาจริงๆ รูปลักษณ์ของนางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทว่ายังคงดูเหมือนหญิงชราอยู่ดี
แต่บนหัวสวมหมวกยาวสีดำ ซึ่งปีกหมวกยังคงขยายออกไปอย่างต่อเนื่องจนตกลงไปบนพื้น ยังมีรอยฝ่ามืออยู่บนใบหน้าไม่น้อย แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ผีธรรมดา
“แกไม่ได้เป็นคนวางค่ายกลนั้น ผู้ที่ปลูกดอกพลับพลึงก็ไม่ใช่แกด้วย”
โจวเจ๋อเอ่ยวิเคราะห์
“นอกจากทนต่อการเฆี่ยนตีแล้ว แกก็ไม่มีความสามารถอย่างอื่นอีก ดังนั้น แกจงใจออกมาจากนรกเพื่อจะสืบหาคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้งั้นเหรอ”
“เจ้ารู้ว่าข้ามาจากนรก แต่ยังกล้าทำอย่างนี้กับข้า!” หญิงชรากล่าวอย่างฉุนเฉียว
“แกเป็นปลาตัวใหญ่ คะแนนของฉันไม่ขึ้นมานานแล้ว อีกอย่างได้ยินมาว่ายมทูตในนรก ให้ผลกำไรไม่น้อยทีเดียว ห่านบินผ่านมาถอนขนเสียหน่อย แกได้กินอาหารอร่อยๆ ของฉันที่นี่ ถ้าส่งแกลงไปละก็ ไม่ใช่แค่คะแนนผลงานเท่านั้น แต่เงินกระดาษก็น่าจะปึกหนามากด้วยสินะ”
“เจ้ากล้า!”
หญิงชราลนลานเล็กน้อย
คนระดับนางจะขึ้นมาได้สักครั้งนั้นไม่ง่ายเลย ราคาสูงมาก หากทำภารกิจไม่เสร็จแล้วลงไป ชะตาต่อไปของนางคงจะน่าเกลียดน่าดู!
โจวเจ๋อพยักหน้า ดูเหมือนว่าเขาจะเดาถูก
จากนั้น โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดวีแชต และกดโทรออกไปหาสาวน้อยโลลิผ่านวิดีโอคอลของวีแชต
ไม่นานฝั่งนั้นก็รับสาย เผยให้เห็นหลินเข่อสวมกระโปรงโลลิต้านอนอยู่บนเตียง
“รู้จักนางหรือเปล่า”
โจวเจ๋อยื่นโทรศัพท์มือถือจ่อหน้าหญิงชรา
“นาง…นางเป็นคนเฝ้ายามกะกลางคืนที่สะพานไน่เหอ นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรน่ะ มาสืบเรื่องดอกพลับพลึงแดงหรือ เอ๋ ดวงวิญญาณของนางออกมาได้อย่างไร ใครทำน่ะ! เจ้าหรือ”
โจวเจ๋อพยักหน้า
“โจวเจ๋อ เจ้าหาเรื่องใส่ตัวแล้ว หากปล่อยนางลงไป แล้วนางเอาเรื่องการทำผิดกฎของเจ้าไปบอกเบื้อล่าง ถึงเวลานั้นสะพานไน่เหอจะฟ้องเจ้าที่ยมโลก อย่าว่าแต่ตอนนี้เป็นแค่ยมทูตเลย ต่อให้เป็นผู้ตรวจสอบก็รับไม่ไหว!”
“ผมเข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไรแล้ว” โจวเจ๋อกระจ่างแจ้งแล้ว “ความหมายของคุณก็คือ ไม่สามารถส่งดวงวิญญาณของนางลงนรก แต่ควรดับสลายวิญญาณที่นี่เลย”
“…” หลินเข่อ
หลินเข่อ ‘**&*@@#¥%¥’
ทันทีที่สิ้นเสียง เล็บของโจวเจ๋อก็เริ่มบีบเคล้นและแทงดวงวิญญาณของหญิงชรา ราวกับคลุ้มคลั่งอย่างไรอย่างนั้น!
ใครให้แกว่าฉันเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน
ใครให้แกว่าฉันเป็นคนไร้ค่า!
ใครให้แกทำตัวก้าวร้าวต่อหน้าฉัน!
วันนี้ฉันจะบอกให้แกได้รู้เอง ต่อให้เป็นสุนัข เมื่อเดือดดาลแล้วก็กัดคนได้เหมือนกัน!
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างน่าสมเพชของหญิงชรา
ในที่สุดวิญญาณของนางก็ถูกโจวเจ๋อฉีกออกเป็นชิ้นๆ ได้สำเร็จ บริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยเขม่าควันกระจายออกไป จบแล้ว มันจบลงแล้ว
มีรอยยิ้มประดับอยู่บนมุมปากของโจวเจ๋อ เมื่อหลับตาลงและนั่งลงไปบนพื้นโดยตรง
ไม่รู้ว่าทำไม วินาทีนี้ จู่ๆ เขาก็ค้นพบความรู้สึกว่าได้ย้อนกลับไปนั่งคนเดียวในสนามด้านหลังของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าในวัยเด็ก
…………………………………………