ตอนที่ 232 อยู่ดีๆ ก็ซวย
ภายในร้านหนังสือ หลิวฉู่อวี่นั่งลง ข้างๆ มีน้ำชาและผลไม้ เขาไม่ได้หยิบหนังสืออะไรมาอ่าน แต่กลับหยิบกระจกแต่งหน้าออกมาแล้วเติมแป้งให้ตัวเอง
ท่าทีอ่อนหวาน จริตจะก้านและสีหน้าแบบนั้น จุ๊ๆ หลังจากสวี่ชิงหล่างเห็นฉากนี้ จึงพบว่าตัวเองแทบจะรับไม่ได้เหมือนกัน สุดท้ายก็คิดว่าไม่เห็นจะดีกว่า จึงขึ้นไปชั้นบนเพื่อเตรียมตัวพักผ่อน
โจวเจ๋อเหมือนจะได้ยินสวี่ชิงหล่างพูดจาดูแคลนว่า “แรด”
นักพรตเฒ่ายังคงนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ อ่านหนังสือที่อยู่ในมืออย่างสนุกสนาน แม้แต่ภาคต่ออีกนับล้านตัวอักษรก็ยังอ่านจบ นอกจากนี้ยังอ่านซ้ำไปซ้ำมาอีกสองสามรอบ
จนถึงสุดท้าย นักพรตเฒ่าจึงบ่นว่าเถ้าแก่ยืมซากคืนชีพเร็วเกินไป น่าจะปล่อยให้สวีเล่อคนชั่วเขียนเยอะกว่านี้หน่อย ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็คืออาชีพอันยิ่งใหญ่ที่สร้างความสุขให้กับคนรุ่นหลัง กระทั่งกลายเป็นร่องรอยความเป็นหนุ่มสาวที่ฝังลึกในใจของคนรุ่นหลังอีกหลายคน
ไป๋อิงอิงนั่งอยู่ข้างหลังโจวเจ๋อ คอยรินน้ำชาให้โจวเจ๋อเรื่อยๆ จากนั้นในมือของไป๋อิงอิงก็ถือหนังสือ ‘การฝึกฝนทักษะของสาวใช้’ และกำลังศึกษาอย่างละเอียด
นอกจากนี้ยังเป็นเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นอีกด้วย โจวเจ๋อมองด้วยความตกใจที่ไป๋อิงอิงเรียนภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยตัวเอง
แต่เมื่อลองคิดดูแล้วจึงเข้าใจ คนที่มีชีวิตสองร้อยปีโดยที่ร่างกายและวิญญาณไม่ดับสลาย ความฉลาดของนางน่าจะเหนือกว่าที่จะใช้สายตาของคนปกติทั่วไปมองได้
จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่ตอนกลางคืนอย่างช้าๆ
นักพรตเฒ่ากำลังรอดวงวิญญาณ เขากำลังรอนักร้องคนนั้น รอให้นักร้องคนนั้นมาเติมเต็มการติดตามดาราของนักพรตเฒ่าโดยเฉพาะ
และหลิวฉู่อวี่ยมทูตคนใหม่ที่มาจากฉางโจวก็กำลังรอดวงวิญญาณของเขาเหมือนกัน
โจวเจ๋อบิดขี้เกียจ เงยหน้ามองสองคนนั้นหนึ่งที แล้วจึงคิดว่าพวกเขากำลังรอคนคนเดียวกันใช่ไหม ดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้สูง
ทว่าเพื่อนร่วมสายอาชีพที่อยู่ข้างบ้านคนนี้ก็เป็นพวกไล่ตามดาราเหมือนกันเหรอ เพราะอยากตามดาราถึงได้มาเป็นยมทูต เหอะๆ ไม่น่าจะสุดโต่งขนาดนั้น
‘แอ๊ด…’ ประตูของร้านหนังสือถูกผลักออก ผู้ชายตัวผอมสูงใส่หมวกไม้ไผ่สานใบหนึ่งเดินเข้ามา ผู้ชายคนนี้ถือไม้ไผ่อยู่ในมือ แถมยังใส่แว่นกัดแดด ดึกขนาดนี้ยังจะใส่แว่นกันแดด แล้วก็หมวกไม้ไผ่สานอีก เห็นแล้วอยากจะทุบศีรษะของเขาจริงๆ
ตั้งแต่หัวจรดเท้าผู้ชายตัวผอมสูงคนนั้นได้แสดงออกว่า ‘ฉันเท่’ ‘ฉันเป็นผู้รู้’ อย่างเห็นได้ชัด จากนั้นจึงหาที่นั่งติดริมหน้าต่างแล้วนั่งลง เขาไม่ได้สั่งน้ำชาและไม่ได้หยิบหนังสือออกมาอ่าน แต่นั่งตัวตรงหลังตรงใส่แว่นกันแดดอยู่ตรงนั้น
ทว่านักพรตเฒ่าก็หาทางจนได้ หยิบน้ำแร่แก้วหนึ่งยกไปให้เขา ขณะเดียวกันได้พูดเน้นกับผู้ชายทำเท่คนนั้นว่า “ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำหนึ่งร้อยหยวน” พอวางน้ำลง นักพรตเฒ่าจึงเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ
เจ้าลิงตัวเล็ก และนักพรตเฒ่าก็นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ข้างหลังอีก ดังนั้นเถ้าแก่โจวจึงมองไม่เห็น หากเถ้าแก่โจวมองเห็นละก็ เกรงว่าคงจะตบหน้านักพรตเฒ่าไปแล้ว
ตอนนี้เจ้าลิงน้อยยังคงรักษาความไร้เดียงสาในตอนแรกได้ดีมาก เถ้าแก่โจวจะไม่ยอมให้นักพรตเฒ่าพาเจ้าลิงน้อยทำตัวเกเรแน่นอน
หลังจากมีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน บรรยากาศในร้านหนังสือยิ่งเงียบเข้าไปอีก ไม่มีใครพูดอะไร ต่างคนต่างอยู่กับตัวเอง
โจวเจ๋อจึงหลับตาเอนตัวนอนลงไปเลย ไป๋อิงอิงลุกขึ้นมาช่วยนวดไหล่ให้โจวเจ๋อ จากนั้นก็นอนหลับรอจนถึงเวลาประมาณเที่ยงคืน เกิดลมพัดมาจากด้านนอก ต่อจากนั้นอุณหภูมิเหมือนจะลดลงเล็กน้อยเพราะเหตุนี้
โจวเจ๋อเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความสงสัย
ไป๋อิงอิงพูดพึมพำ “เถ้าแก่ ที่มาเป็นผีใช่ไหม จัดฉากเวอร์วังอลังการมาก”
ใช่แล้ว มีลมพัดและฝนตกปรอยๆ ขาดก็แต่เพลงพื้นหลังสักเพลง นี่เป็นรูปแบบการปรากฏตัวของตัวเอกในภาพยนตร์ชัดๆ
เถ้าแก่โจวเคยส่งผีมากมายนับไม่ถ้วนในร้านหนังสือแห่งนี้ คนอื่นเข้าหมู่บ้านมาแบบเงียบๆ ไม่อยากให้ใครรู้ วันนี้กลับเป็นครั้งแรกที่ได้เจอสถานการณ์แบบนี้ กลิ่นอายวิญญาณแทรกอยู่ท่ามกลางสายลม เป็นผีไม่ผิดแน่
จากนั้นเพลงพื้นหลังก็มีจริงๆ มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังร้องเพลงอยู่ข้างนอก ร้องเพลงรักที่ได้รับความนิยมในยุค 90เส้นเสียงอ่อนหวานละมุน แฝงไปด้วยการผ่านโลกมาอย่างโชกโชน
นักพรตเฒ่าลุกขึ้นพรวดด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ!
เฮ้ย มาจริงๆ!
หลิวฉู่อวี่ไม่ขยับเขยื้อนเหมือนเดิม ดูตัวเองที่อยู่ในกระจกต่อไป เขารักษาท่าทางและการกระทำเหล่านี้นานสองสามชั่วโมงแล้ว พอมองตัวเองแล้วก็ยิ่งอยากมองอีก และยิ่งรู้สึกว่าตัวเองสวย เขากำลังเคลิบเคลิ้มอย่างลึกซึ้ง
ผู้ชายที่สวมหมวกไม้ไผ่สานก็ไม่ขยับเหมือนกัน หลังจากที่เขาเข้ามาแล้วก็นั่งนิ่งตัวตรงตลอดเวลา การนั่งลักษณะนี้ กับเดดพูลที่นั่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้นในตอนนี้ ดูเหมือนทั้งสองคนกำลังแข่งขันกัน
ผู้มาเยือนมาอย่างอลังการมาก คนที่เดินเข้ามาก่อนเป็นผู้ชายใส่สูทสีไวน์แดงคนหนึ่ง ผู้ชายคนนี้กำลังร้องเพลงรักสุดซึ้งด้วยใบหน้าที่ขาวซีด
นักพรตเฒ่าเกือบจะวิ่งไปขอลายเซ็นกับเขาแล้ว ผลปรากฏว่าข้างหลังของผู้ชายมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ผู้หญิงใส่ชุดกระโปรงสีแดง แม้แต่ตรงเท้าของผู้หญิงคนนี้ก็ยังเป็นรองเท้าส้นสูงสีแดง
คนทั่วไปมองไม่เห็น แต่โจวเจ๋อมองเห็น และสีแดงที่อยู่บนตัวของผู้หญิงคนนี้ ก็ได้สลายกลายเป็น ‘น้ำ’ หยดติ๋งๆทุกที่ที่เธอเดินไป ล้วนทิ้งรอยสีแดงเอาไว้
ในที่สุดหลิวฉู่อวี่ก็ลุกขึ้น เดินมาอยู่ตรงหน้าผู้หญิงและมองเธอด้วยแววตาเป็นประกาย ผู้หญิงเงยหน้าขึ้นมองเขาจากนั้นยิ้มเล็กน้อย แบมือทั้งสองข้างแล้วพูดว่า “ท่านยมทูต ฉันขอทำตามสัญญา ยอมมัดตัวเองแล้วลงนรกค่ะ”
หลิวฉู่อวี่เม้มปาก เห็นได้ชัดถึงความโกรธของเขา โจวเจ๋อสามารถเข้าใจความโกรธของเพื่อนร่วมสายอาชีพคนนี้ได้ อาจจะเป็นเพราะว่าหลิวฉู่อวี่กับผีผู้หญิงคนนี้เคยสัญญาอะไรไว้ก่อนหน้านั้น ก็เหมือนตัวเองกับสตรีคนนั้นที่อยากอยู่เป็นเพื่อนลูกชายสอบเอ็นทรานซ์
แต่ผลในตอนนี้คือ ผู้หญิงกลับกลายเป็นผีร้ายไปแล้ว ผีร้ายไม่มีคุณสมบัติที่จะลงนรกกลับไปเวียนว่ายตายเกิดใหม่ ก็เหมือนกับผลไม้สดที่เดิมทีสามารถขายได้ราคาดีแต่กลับเน่าเสีย อย่าว่าแต่ขายเลย แม้แต่ให้ตัวเองกินก็ยังกลัวท้องเสีย
“ปล่อยเขาเสีย คุณลงนรกไม่ได้แล้ว จงดับสลายไปเองเถอะ เขายังพอได้ คุณปลดพันธนาการจากเขา ผมจะส่งเขาไปลงนรก”
“นี่!” ไป๋อิงอิงไม่พอใจอยากจะพูดอะไร แต่กลับถูกโจวเจ๋อจับข้อมือไว้ เพื่อบอกให้เธอไม่ต้องพูด
โจวเจ๋อรู้ว่าไป๋อิงอิงอยากจะบ่นอะไร คุณมาหาผีผู้หญิง แต่พอพบว่าผีผู้หญิงกลายเป็นผีร้ายไปแล้วไม่สามารถทำผลงานได้ จึงอยากจะส่งผีผู้ชายลงไปแทน
ที่นี่เป็นเมืองทงเฉิง เป็นพื้นที่ของเถ้าแก่ของข้า เจ้าคิดจะมาแย่งธุรกิจที่นี่เหรอ
“ถ้าฉันอยากจะลงไปกับเขาล่ะ” มือของผีผู้หญิงมัดกับผีผู้ชายอย่างแน่นหนา ผีผู้ชายทำสีหน้างุนงง แต่ดวงตาของผีผู้หญิงกลับเปี่ยมไปด้วยความรักที่ลึกซึ้ง
แม่งเอ๊ย นี่มันแฟนพันธุ์แท้ชัดๆ คลั่งไคล้มากจนกระทั่งต่อให้ฉันตายกลายเป็นผีร้าย ก็จะพาคุณลงไปนรกด้วยกัน
ตอนกลางวันนักพรตเฒ่าได้พูดว่าการตายของนักร้องชายคนนี้ผิดปกติ ก่อนที่จะตายได้เปิดเผยประวัติชั่วของตัวเองมาจนเกลี้ยง จากนั้นก็กระโดดตึกฆ่าตัวตาย สงสัยน่าจะได้รับผลกระทบมาจากภูตผีและวิญญาณ
โจวเจ๋อนิ่งคิดเล็กน้อย มีผีฆ่าคนในเมืองทงเฉิงของเขาเหรอ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วนะ
“ตัวคุณทำผิดเอง ตอนนี้กลับลากคนอื่นลงน้ำไปด้วย หน้าด้านไร้ยางอายจริงๆ!” หลิวฉู่อวี่จ้องมองผีผู้หญิง แล้วพูดชัดๆ ทีละคำ
ผีผู้หญิงอายเล็กน้อยและรู้สึกเศร้าเหมือนกัน แต่ก็ยังคุกเข่าต่อหน้าหลิวฉู่อวี่ ร้องไห้ฟูมฟายขอร้องว่า “ท่านยมทูต ขอร้องท่านล่ะ ทางเดินไปยมโลกมีเขาเดินกับฉัน ฉันถึงจะไม่รู้สึกเหงา”
“ทางเดินไปยมโลก คุณคิดว่าคุณยังมีโอกาสลงนรกอีกเหรอ คุณปล่อยเขาเดี๋ยวนี้ ผมจะพาเขาลงไปนรก เขาถูกคุณทำร้ายน่าอนาถมากพอแล้ว”
“แต่ฉันทำแท้งเพื่อเขามาสามครั้งแล้ว ทุ่มเทเพื่อเขาทุกอย่าง! ฉันรักเขา ฉันรักเขามากว่าครอบครัวของฉัน ฉันขอโทษคนในครอบครัวของฉัน แต่ตอนนี้ฉันอยากจะอยู่กับเขา ถึงแม้จะต้องลงนรกด้วยกันก็ตาม!”
ผีผู้หญิงเหมือนคนสติฟั่นเฟือน แน่นอนว่าถ้าหากคุณไม่บ้าไม่ยึดติดมากเกินไป คุณคงไม่กลายเป็นผีร้ายหรอก
“เธอถอยไป!” หลิวฉู่อวี่พลิกกระจกที่ตัวเองนั่งเล่นอยู่ตรงนั้น ลำแสงสีม่วงพุ่งออกมาส่องไปที่ตัวของผีผู้หญิงโดยตรง ผีผู้หญิงล้มลงกับพื้นอย่างแรง ดวงวิญญาณเปลี่ยนเป็นเบาบางมากขึ้น
ต่อจากนั้น หลิวฉู่อวี่จึงคว้าดวงวิญญาณของซูเปอร์สตาร์หนุ่มคนนั้น
“ไม่ๆๆ ขอร้องท่านล่ะ ท่านยมทูต ไม่ๆ!!!” ผีผู้หญิงขอร้องอ้อนวอนจับขาของหลิวฉู่อวี่ด้วยมือทั้งสองข้าง ด้วยเหตุนี้หลิวฉู่อวี่จึงขยับเขยื้อนไม่ได้
โจวเจ๋อที่ทำตัวเป็น ‘คนอยากรู้อยากเห็น’ อย่างสบายใจตั้งแต่ต้นจนจบในที่สุดก็เผยสีหน้าเข้าใจออกมา ก่อนหน้านั้นโจวเจ๋อกำลังสงสัยอยู่ในใจ ทำไมเพื่อนร่วมอาชีพที่เพิ่งได้รับตำแหน่งยมทูตคนใหม่ถึงดั้นด้นมาจับผีผู้หญิงถึงเมืองทงเฉิง ต่อให้ผีผู้หญิงตนนี้กลายเป็นผีร้ายแล้วก็ตาม แท้จริงแล้วก็ไม่มีอะไรสำคัญ เธอมาที่เมืองทงเฉิงแล้วปล่อยให้ยมทูตที่เมืองทงเฉิงจับก็มีค่าเท่ากัน
ประเด็นสำคัญคือหลังจากที่ดวงวิญญาณของผีผู้หญิงถูกทำร้าย กลับหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของยมทูตตนนี้ได้! จะต้องไม่ใช่ผีผู้หญิงธรรมดาเด็ดขาด ถ้าหากจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ไม่ได้เป็นเพราะผีผู้หญิงตนนี้มีความผิดปกติอะไรหลังจากที่ตายไป แต่ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ผู้หญิงคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!
นี่คือปลาตัวใหญ่แท้ๆ
ในความเป็นจริง คนที่คล้ายกับพระขี้เรื้อนที่เข้าใจหลักของเรื่องลี้ลับแบบนั้นมีตัวตนอยู่ อันที่จริงสวี่ชิงหล่างก็นับว่าเป็นลักษณะนี้เหมือนกัน แต่ความเก่งของเขารู้แค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น ส่วนบรรพบุรุษของนักพรตเฒ่าน่าจะเคยหรูหราอู้ฟู่มาก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่ทิ้งยันต์กระดาษที่มีประโยชน์แบบนี้เอาไว้ แถมยังมีเยอะเหมือนกับการขายส่งผักกาดขาว เวลาที่นักพรตเฒ่าใช้หมดก็ยังมีใบอื่นอีก
โจวเจ๋อจุดบุหรี่หนึ่งมวน เขายังไม่เคลื่อนไหวเหมือนเดิม ถ้าหากผีผู้หญิงไม่กลายเป็นผีร้ายละก็ ไม่แน่ตอนนี้เถ้าแก่โจวคงจะต่อยตีแย่งผลประโยชน์กับเขาแล้ว
อย่างไรก็ตาม โจวเจ๋อไม่ไหวติง แต่ผู้ชายตัวผอมสูงสวมหมวกไม้ไผ่สานพร้อมกับท่าทางที่อยากจะบอกคนทั้งโลกว่า ‘ฉันเท่’ คนนั้นกลับเริ่มลุกขึ้นช้าๆ
เขาถอดหมวกไม้ไผ่สานเผยให้เห็นศีรษะล้านของเขา นัยน์ตารูปทรงสามเหลี่ยมให้ความรู้สึกที่คับแคบเป็นอย่างมาก เขาจ้องมองผีผู้หญิงกอดขาขอร้องหลิวฉู่อวี่ตาไม่กะพริบ กำลังมองหลิวฉู่อวี่ใช้กระจกตีผีผู้หญิงด้วยความโมโห ผู้ชายตัวผอมสูงสูดลมหายใจลึกๆ แล้วพูดเสียงหนักว่า “ทำเกินไปแล้ว ยมทูตไร้ความปรานีอย่างพวกคุณ”
“…” โจวเจ๋อ
เถ้าแก่โจวที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่พูดไม่ขยับเลยด้วยซ้ำมีเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าที่มึนงงของเขา
อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่านั่งเฉยๆ ก็ซวยได้
…………………………………………………………………………