ตอนที่ 234 คนขี้งก!
ชีวิตมีหลายครั้งไม่ได้เหมือนตัวละครที่เราดูในโทรทัศน์ตอนเด็ก ที่ในนั้นจะมีคนอยู่สองประเภท ประเภทแรกคือจูสือเม่า ประเภทที่สองคือเฉินเพ่ยซือ มีเพียงสองฝ่ายเท่านั้น คือฝ่ายหนึ่งเป็นคนดี อีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนเลว ก็เหมือนกับเถ้าแก่โจวในเวลานี้ที่ชูสมุดหยินหยางขึ้นมาแล้วตะโกนว่า ‘ผมเรียกคุณคุณกล้ารับไหม’ หากอยู่ในเรื่องไซอิ๋ว คงให้ความรู้สึกเหมือนดูตัวประกอบนานสิบนาทีเต็ม กระทั่งบทบาทและจำนวนที่ออกฉากอาจจะสู้ปีศาจน้อยที่ร้องเพลง ‘ไต้อ๋องสั่งให้ข้ามาลาดตระเวน’ ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
เนื่องจากเรื่องนี้เป็นการเข้าร่วมของขุมกำลังทั้งสองฝ่ายและต่างระแวงซึ่งกันและกัน ซึ่งสุดท้ายแล้วสามารถกู้สถานการณ์จบลงอย่างสงบสุข แต่เถ้าแก่โจวกลับเหยียดขาเข้ามาแทรก การกระทำของเขาถือว่าดีหรือไม่ดี สามารถแยกได้ชัดจนไหม
จะว่าไปแล้ว นี่คือครั้งแรกที่โจวเจ๋อได้เจอหมอผีตัวจริง และเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น ‘เทพเจ้า’ เข้าร่างเหมือนที่กล่าวในตำนาน สิ่งนี้ทำให้เขาตัดสินใจหยิบสมุดหยินหยางออกมาใช้เองเป็นครั้งแรก
สมุดหยินหยางมีความสามารถอย่างหนึ่ง คือสามารถเก็บวิญญาณได้!
ตอนนั้นผีสาวที่พูดว่าเคยถูกโจวเจ๋อข่มขืนเมื่อชาติที่แล้วได้บอกไว้ว่า ถ้าหากโจวเจ๋อยินดี สามารถเก็บดวงวิญญาณผียั่วสวาทเข้าไปสองสามตน เวลาว่างก็สามารถเข้าไปหาประสบการณ์ได้ แน่นอนว่าหาประสบการณ์ได้ครึ่งทางเท่านั้น
เถ้าแก่โจวแน่นอนว่าไม่ได้เบื่อมากถึงขั้นจับผียั่วสวาทเข้าไปในสมุดหยินหยางนี้ ถ้าหากจะมองเป็นแก้วเครื่องบิน[1]ระดับไฮเอนด์จริงๆ จะเป็นการทำลายสิ่งของให้เสียหายเกินไป
วันนี้ได้เจอเทพเจ้าที่มาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจริง เถ้าแก่โจวจึงดีใจหยิบสมุดหยินหยางขึ้นมา เตรียมเจาะเลือด! เมื่อก่อนไม่เคยเป็นศัตรูกัน ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่ในเมื่อคุณมาที่ร้านหนังสือของผม นั่นหมายความว่า พวกเรามีวาสนาต่อกัน!
แม่ย่าแปดหันกลับมามองโจวเจ๋อ เธอไม่ได้ตอบอะไร และไม่ได้ขานคำว่า ‘ข้าอยู่ที่นี่!’ แต่สมุดหยินหยางที่ถูกขับเคลื่อนด้วยพลังชี่พิฆาตของโจวเจ๋อ เริ่มสั่นขึ้นมาเอง เสียงแมวร้องพลันดังขึ้น ราวกับว่าเป็นสัตว์ร้ายที่หลับใหลมานานได้เผยความน่ากลัวของมันออกมา
แม่ย่าแปดถอยหลังหนึ่งก้าว แต่สมุดหยินหยางกลับเปล่งแสงสีขาวออกมาคลุมทั่วร่างของผู้ชายตัวผอมสูงคนนี้ผู้ชายตัวผอมสูงแสดงสีหน้าสุดทรมานออกมา จากนั้นควันสีดำเป็นสายได้ลอยขึ้นมาจากกลางกะโหลกศีรษะ ควันดำนั้นหมุนวนอยู่ด้านบนไม่หยุด เหมือนกำลังแดดิ้นและกำลังต่อต้าน
ทางด้านล่าง เถ้าแก่โจวที่ถือสมุดหยินหยางอยู่ในมือกำลังตัวสั่นอย่างรุนแรง แม่งเอ๊ย สมุดหยินหยางเล่มนี้เหมือนเครื่องดูดควันที่มีกำลังสูง ดูดพลังชี่พิฆาตที่อยู่บนตัวเขาไม่หยุด!
“อ้าาาา…” เถ้าแก่โจวพยายามรักษาความสมดุลของร่างกาย ขณะเดียวกันได้รีดพลังชี่พิฆาตที่อยู่ในร่างกายของตัวเองออกมาไม่หยุด แต่ในมุมมองของนักพรตเฒ่า เถ้าแก่ของตัวเองเหมือนถือสมุดหยินหยางแล้วเริ่มสั่นเหมือนเป็นลมชัก กระโดดโหยงๆ เหมือนกำลังเต้นดิสโก้ ขาดก็แต่น้ำลายฟูมปากนิดหน่อย
ไป๋อิงอิงเห็นเหตุการณ์อยู่ข้างๆ จึงรีบยื่นมือเข้ามาวางบนไหล่ของโจวเจ๋อ ส่งพลังชี่พิฆาตในตัวเข้าไปเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้เขา
และจะโทษโจวเจ๋อที่ทำตัวตลกในเวลานี้ก็ไม่ได้ เพราะ ‘สินค้าเทคโนโลยีขั้นสูง’ ประเภทนี้จริงๆ แล้วเถ้าแก่โจวเพิ่งใช้เป็นครั้งแรก แถมยังไม่มีหนังสือคู่มืออีกด้วย
ปกติโจวเจ๋อไม่กล้าเอาสมุดเล่มนี้ไว้ใกล้ตัว โดยทั่วไปจะให้ไป๋อิงอิงเอาไปเก็บไว้มุมใดมุมหนึ่ง เพราะถ้าหากพกสมุดเล่มนี้ไปไหนมาไหนมันจะคอยเตือนคุณอยู่ตลอดเวลาว่ารอบตัวคุณมีคนกำลังใกล้ตาย
คุณจะช่วยหรือไม่ช่วยล่ะ ทั้งๆ ที่เป็นคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณเลยสักนิด ถ้าหากคุณรู้ว่าพวกเขากำลังจะตายแต่กลับไม่ทำอะไรเลย คุณจะเพิ่มความรู้สึกผิดให้ตัวเองทำไม
การเกิด แก่ เจ็บ ตาย และอุบัติเหตุต่างๆ เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ไม่ใช่เหรอ แต่ใครจะปลงตกได้จริงๆ ถึงแม้ตอนแรกเถ้าแก่โจวจะกินมโนธรรมของตัวเองไปแล้ว แต่ถ้าหากจู่ๆ เจอเด็กหรือคนท้องที่ใกล้ตายบนท้องถนน เขาจะทนนิ่งดูดายได้จริงเหรอ
ก่อนหน้านั้นเตรียมตัวไม่พอ บวกกับความเร่งรีบในตอนนี้ ทำให้โจวเจ๋อทำตัวไม่ถูกจริงๆ แต่แม่ย่าแปดก็ไม่ได้เก่งกาจอะไร หรือจะพูดอีกอย่างก็คือสมุดหยินหยางเล่มนี้มีการกดข่มตามธรรมชาติต่อพวกวิญญาณจริงๆ ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นอาวุธมาตรฐานของผู้พิพากษา ต่อให้มันลดระดับลงก็ไม่ใช่สิ่งที่รับมือง่าย
“น่าเกลียด…แต่…” หลังจากทิ้งเสียงตะโกนที่ดูขัดแย้งกัน แม่ย่าแปดที่หลอมรวมตัวเป็นกลุ่มควันสีดำก็ถูกเก็บเข้าไปอยู่ในสมุดหยินหยางของโจวเจ๋อในท้ายที่สุด
โจวเจ๋อรู้สึกว่าสมุดเล่มนี้หนักเล็กน้อย แต่หน้าปกก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เดิมทีเป็นแมวสีดำตัวหนึ่ง ตอนนี้กลายเป็นแมวสีดำอยู่ทางซ้าย งูทับสมิงคลาอยู่ทางขวา ร่างกายของแมวใหญ่กว่างูอย่างเห็นได้ชัด กำลังคำรามใส่งูทับสมิงคลาอยู่ และงูตัวนั้นก็งุนงงและสั่นเทิ้มอย่างชัดเจน
‘พึ่บ!’ เขาพลิกมือพับสมุดลงบนเคาน์เตอร์ โจวเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่หยุด เหนื่อยจริงๆ เหนื่อยเกินไปแล้ว เหงื่อเย็นไหลท่วมตัว และด้วยความจนใจโจวเจ๋อจึงได้แต่นั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างหลังหายใจหอบต่อไป
ผู้ชายตัวผอมสูงสลบอยู่ข้างๆ เมื่อครู่เชิญเทพเจ้าเข้าร่าง แล้วอีกสักพักก็โดนใช้กำลังบังคับดึงออกมา บวกกับเขาโดนต่อยไปหลายหมัด ผู้ชายตัวผอมสูงจึงหมดแรงจริงๆ หมดสติไม่รู้เรื่องแล้ว
ส่วนหลิวฉู่อวี่ สายตาของเขากวาดตามองผู้ชายตัวผอมสูงด้วยความหวาดกลัวเป็นอย่างมากในตอนแรก จากนั้นจึงเพ่งมองไปที่โจวเจ๋ออย่างแรง
เถ้าแก่โจวก็ไม่ได้ปิดบังความอ่อนแอของตัวเอง ไม่ใช่เพราะเถ้าแก่โจวสะเพร่า แต่เขารู้สึกว่าไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำแค่ยมทูตคนใหม่เท่านั้น ถึงแม้ตัวเองจะหายใจหอบ แต่หากต้องต่อสู้กับเขาก็ไม่มีปัญหา
กระทั่งโจวเจ๋อรู้สึกใจร้อนเล็กน้อย อยากจะให้อีกฝ่ายลงมือแย่งสมุดหยินหยาง ตัวเองจะได้ถือโอกาสนี้ฝึกทักษะ ‘กรงเล็บมังกร’ ขั้นใหม่ของตัวเองสักหน่อย
กรงเล็บที่แหลมคมและยาวเหมือนเคียวนี้ เถ้าแก่โจวรู้สึกอยากลองในสนามรบจริงบ้าง ทว่าหลิวฉู่อวี่เหมือนจะรู้จักกาลเทศะกว่าที่คิด หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ อันที่จริงเขามีความระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก บทเรียนของแม่ย่าแปดก่อนหน้านั้นทำให้ความคิดของเขาที่มีต่อโจวเจ๋อเปลี่ยนไปทันที เขาจึงได้แต่เดินมาข้างๆ โจวเจ๋อแล้วพูดเสียงเบาว่า “สหาย อาวุธของคุณ สุดยอดมาก เทพเจ้าแห่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แค่เผชิญหน้ากันประเดี๋ยวเดียวก็ถูกคุณกำราบแล้ว”
โจวเจ๋อหัวเราะ ยื่นมือรับน้ำชาที่ไป๋อิงอิงส่งมาให้ แล้วดื่มสองสามคำ
“แต่ว่าสหาย ถึงแม้จะเป็นเทพเจ้าแห่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่หายากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และนับตั้งแต่ที่สร้างประเทศมาหากคิดจะกลายเป็นปีศาจกลับยากยิ่งกว่า แต่พวกเขามีชื่อเสียงเรื่องความสามัคคี วันนี้คุณเก็บไปหนึ่งตัว ไม่แน่วันพรุ่งนี้หรือวันมะรืนเทพเจ้าตนอื่นจะมาหาเรื่องคุณอีก”
โจวเจ๋อฟังแล้วแต่ไม่รู้สึกตกใจกลัวกับคำพูดของอีกฝ่าย เถ้าแก่โจวในตอนนี้ต่อให้เหาเยอะก็ไม่กลัวที่จะโดนกัดแล้ว เพราะตัวเองยังมีชนวนระเบิดที่สามารถระเบิดได้ตลอดเวลาอยู่บนตัว ดังคำโบราณว่าไว้ คนรวยจะไม่นั่งใกล้ชายคาบ้านเพราะกลัวหลังคาจะร่วงลงมา แต่เถ้าแก่โจวกลับเหมือนคนกล้าตายที่แบกระเบิดอยู่ข้างหลัง อย่างเช่นหญิงชราที่สะพานไน่เหอ โจวเจ๋อก็ฆ่ามาแล้ว ส่วนเทพเจ้าแห่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือตนนี้ โจวเจ๋อไม่รู้ว่าตัวเองเก็บมาแล้วจะมีผลเสียอะไรตามมาหรือเปล่า แต่ก็ช่างมันเถอะ ในเมื่อเก็บมาแล้ว ก็ต้องลองทดสอบอาวุธของตัวเองว่าเจ๋งหรือไม่เจ๋ง
แต่ไม่ใช่เพราะโจวเจ๋อที่ทำตัวเป็นคนไม่เอาถ่านจู่ๆ ก็เข้าใจและพร้อมกลับเนื้อกลับตัวยินดีทำงาน ปีนั้นแม้แต่ซูสีไทเฮาก็ยังกล้าท้ารบกับกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งของโลกเลยนะ จะว่าไปแล้วคงได้แต่อธิบายว่า สภาพคนไม่เอาถ่านของโจวเจ๋อได้ยกระดับขึ้นอีกหนึ่งขั้น เข้าสู่ขั้นที่ต้องปล่อยไปตามยถากรรมแล้ว!
หลิวฉู่อวี่ยื่นมือชี้ไปที่นักร้องผู้ชายแล้วพูดว่า “สหาย คุณกินของใหญ่ ส่วนของเล็ก ผมจัดการเองใช่ไหม”ความหมายก็คือให้เขาเป็นคนส่งผีลงนรกสักหนึ่งตน จะได้ทำผลงานเล็กๆ น้อยๆ นับว่าเขาไม่ได้มาเสียเที่ยว
เขารู้สึกว่าคำขอนี้ไม่เยอะเกินไป และเรื่องนี้โจวเจ๋อก็ไม่ได้ทำอะไรตั้งแต่แรก แต่สุดท้ายกลับเก็บวิญญาณของเทพเจ้าแห่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปหนึ่งตน โดยไม่พิจารณาถึงผลเสียที่ตามมา หากมองแค่ตอนนี้นับว่าโจวเจ๋อกินจนอิ่มแปล้แล้ว เขาจะดื่มน้ำแกงสักหนึ่งคำคงไม่เยอะเกินไปใช่ไหม
แต่ใครจะรู้ว่าเถ้าแก่โจวกลับไม่ค่อยชอบใจการตอบสนอง ‘ที่รู้จักกาลเทศะ’ ของเขา สงสัยเล็บที่ยาวราวกับเคียวของตัวเองคงต้องรออีกระยะหนึ่งถึงจะได้ฝึกจนชินมือ เมื่อเจอ ‘คำขอที่สมเหตุสมผล’ ของอีกฝ่าย จึงพูดว่า “ไสหัวไป”
“…” หลิวฉู่อวี่
แม่งเอ๊ย ไอ้ผู้ชายหน้าด้าน ไร้ยางอาย!
หลิวฉู่อวี่ตวัดมือ แล้วกระจกที่อยู่ตรงหน้านักพรตเฒ่าก็ลอยขึ้นทันที ทว่าไป๋อิงอิงกลับยื่นมือไปกลางอากาศจับกระจกบานนั้นไว้แน่น กระจกสั่นหงึกๆ อยู่ในมือของไป๋อิงอิงไม่หยุด แต่ไม่สามารถหลุดพ้นไปจาก ‘กรงเล็บ’ ของไป๋อิงอิงได้
“ฮือๆๆ เถ้าแก่ ข้าชอบกระจกบานนี้ ต่อไปข้าจะได้แต่งหน้าให้สวยขึ้นมาคอยปรนนิบัติท่าน” ไป๋อิงอิงคุกเข่าต่อหน้าโจวเจ๋อพูดจาออดอ้อน
“เก็บเลยๆ” คนขี้งกแซ่โจวทำท่าเหมือนสมเหตุสมผล
“สหาย อย่ารังแกกันมากเกินไป ทุกคนต่างทำงานอาชีพเดียวกัน หากฉีกหน้ากันจะไม่ดี!” หลิวฉู่อวี่ชี้หน้าพูดดุใส่โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อได้ยินแล้วจึงยิ้ม เอนตัวนอนสบายด้วยท่าทีเยาะเย้ยสุดจะบรรยาย
“ใช้เหตุผลมาพูดไม่ได้ผลใช่ไหม” หลิวฉู่อวี่เริ่มเข้าสู่กระบวนการ ‘อย่าหาว่าผมไม่เตือนคุณล่วงหน้า นะ’ แต่จริงๆ แล้ว โจวเจ๋ออยากจะให้เขากระโดดเข้ามาเลย ตอนแรกที่ตัวเองฆ่ายมทูตที่เมืองเหยียนเฉิงสองคน พวกเขาก็ไม่ได้ชักช้าอืดอาดขนาดนั้น ทว่าหลิวฉู่อวี่ที่ซัดผู้ชายตัวผอมสูงและตวาดผีผู้หญิงก่อนหน้านั้น เวลานี้กลับระวังตัวและยอมจำนนอย่างชัดเจน ยอมจำนนจนแม้แต่นักพรตเฒ่ายังทนดูต่อไปไม่ไหว
เฮ้อ เถ้าแก่รังแกเจ้าขนาดนี้แล้ว เจ้ายังไม่กล้าต่อต้าน นอกจากทำศัลยกรรมที่หน้าแล้ว ข้างล่างก็ถูกตัดแล้วใช่ไหม
“ต่อไป คอยดูก็แล้วกัน!” หลังจากหลิวฉู่อวี่ทิ้ง ‘คำขาด’ ไว้ ก็หมุนตัวเดินออกไปทันที
โจวเจ๋องุนงงอยู่บ้าง มองไป๋อิงอิง จากนั้นชี้ตัวเองแล้วพูดว่า “ตอนที่ผมเพิ่งเป็นยมทูต ไม่ได้ขี้ขลาดเหมือนเขามากใช่ไหม”
ไป๋อิงอิงส่ายหน้า จากนั้นก็พยักหน้าหงึกๆ
หลิวฉู่อวี่กัดฟันกรอดเดินหันหลังให้โจวเจ๋อและคนอื่นมาถึงหน้าประตู แล้วผลักประตูร้านหนังสือออกไป
ในตอนนี้เอง โจวเจ๋อได้ตะโกนเรียกเขาอีกครั้ง “เฮ้ เดี๋ยวก่อน”
หลิวฉู่อวี่โล่งอกทันที หมุนตัวกลับมามองโจวเจ๋อแล้วยิ้มพูดว่า “สหายอยากจะเปลี่ยนจากสงครามต่อสู้เป็นสันติภาพแล้วใช่ไหม แบบนี้แหละถูกแล้ว คนเราต้องทิ้งทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง วันหลัง…”
“ผมลืมไปว่าผมจะเป็นผู้จับกุม ยังขาดลูกน้องยมทูตอีกสองสามคน เอาอย่างนี้ดีไหม คุณมอบเลือดจิตวิญญาณให้ผม จากนั้นคุณค่อยกลับไป”
“…” หลิวฉู่อวี่
ใบหน้าที่ฉีดโบท็อกซ์มาไม่รู้กี่ครั้งกับศัลยกรรมมาไม่รู้กี่หน ตอนนี้โกรธจนหน้าแดงก่ำเหมือนสีตับหมูแล้ว!
“รังแกกัน…เกินไปแล้ว…”
…………………………………………………………………………
[1]แก้วเครื่องบิน เป็นแสลงสื่อถึงอุปกรณ์ทรงกระป๋องที่เลียนแบบอวัยวะเพศหญิง ใช้สำหรับสำเร็จความใคร่ของผู้ชาย