ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 237 พี่ชายน้องสาวรักกันอย่างสุดซึ้ง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 237 พี่ชายน้องสาวรักกันอย่างสุดซึ้ง

ชายหนุ่มคนสุภาพมองพนักงานของตัวเองหนึ่งทีแล้วส่ายหน้า จากนั้นทำท่า ‘เชิญ’ ให้โจวเจ๋อเพื่อให้เขาเข้าไปพูดข้างใน

พนักงานหญิงที่อยู่ข้างๆ ใช้สองมือจิกชายเสื้อของตัวเองด้วยความตึงเครียด น้ำตาแทบจะไหลออกมา เห็นได้ชัดว่าเธอกลัวมาก เธอไม่ได้กลัวโจวเจ๋อ แต่กลัวเถ้าแก่ของตัวเอง

โจวเจ๋อเดินเข้าไปในห้องข้างใน น้อยมากที่จะมีออฟฟิศอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่แม้แต่พื้นที่แคบๆ ก็ยังพยายามจะวางคอมพิวเตอร์ให้ได้ สามารถทำห้องพิเศษเพิ่มได้ก็จะทำ ส่วนสถานที่พักผ่อนของพนักงานก็ทำแบบง่ายๆ

นอกจากนี้ออฟฟิศนี้กว้างจริงๆ ข้างในยังมีอีกหนึ่งห้อง น่าจะเป็นห้องนอน ในห้องหลักมีโซฟาแล้วก็โต๊ะทำงาน พื้นพรมเป็นภาพวาดหมึกจีนที่เคลือบด้วยฟิล์ม เป็นภาพภูเขาและแม่น้ำขนาดใหญ่ เวลาเดินเหยียบอยู่บนนั้น เหมือนกำลังเดินอยู่ในภูเขาฉางไป๋ซานกับแม่น้ำเฮยหลงเจียง

ภาพที่แขวนไว้บนกำแพงเป็นภาพอักษรพู่กันจีนทั้งหมด ในนั้นยังมีลายเซ็นของศิลปินที่มีชื่อเสียงสองสามภาพ แม้แต่โจวเจ๋อที่ไม่เข้าใจภาพพวกนี้ก็พอรู้จัก แต่ไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม

แต่…น่าจะเป็นของจริง เพราะอีกฝ่ายสามารถเปิดร้านอินเทอร์เน็ตที่ถนนหนานต้าได้ แถมยังสร้างห้องขนาดใหญ่ในนี้เพื่อทำเป็นโซนพักผ่อนหย่อนใจ โจวเจ๋อมองคนคนนี้ รู้สึกเหมือนคนอื่นมองตัวเองในอดีต เปิดร้านหนังสือที่ต้องขาดทุนแน่นอนในย่านการค้าทำเลทองของเมืองนี้ อืม เถ้าแก่คนนี้ ‘คาดเดายาก’ จริงๆ แต่อย่างน้อยต้องมีเงินเยอะมากแน่ๆ

อีกฝ่ายชงน้ำชา แล้วยกเข้ามาเอง “เชิญนั่งครับ”

โจวเจ๋อนั่งลงบนโซฟา เขาสามารถพูดได้ว่ามาซักไซ้เอาความ แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เคร่งขนาดนั้น ไม่ว่าใครไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรยากที่จะหลีกเลี่ยงการใช้ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างเช่นโจวเจ๋อเห็นผู้หญิงคนนั้นไม่สบายมากถึงแม้จะช่วยหยิบหนอนตัวนั้นออกมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ร้อนใจมาพูดเพื่อแก้แค้นอะไรให้เธอ เพราะไม่สำคัญขนาดนั้น

“เรื่องนี้ เป็นความผิดของผมเองครับ ผมจัดการคนของผมไม่ดี และขอบคุณพี่ชายที่ยื่นมือเข้าช่วย ไม่อย่างนั้นผลเสียที่ตามมายากจะคาดเดา” ขณะพูดชายหนุ่มคนสุภาพบีบถ้วยน้ำชาที่อยู่ในมือจนแตก จากนั้นหยิบเศษกระเบื้องด้วยมือขวา แล้วกรีดไปที่แขนซ้ายของตัวเองโดยตรง!

ชั่วเวลาเพียงครู่เดียวแขนซ้ายร่วงลงมาจากไหล่ เผยให้เห็นบาดแผลที่น่ากลัว เลือดสดไหลอาบ โจวเจ๋อก้มหน้าดื่มน้ำชากลิ่นหอมสดชื่น เลือดสดของอีกฝ่ายหยดลงบนพื้นพรมรวมเป็นจุดเดียวกัน แต่อีกฝ่ายทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือขวาขยับแว่นตา มือซ้ายห้อยอยู่ข้างลำตัว เดินมาตรงหน้าโจวเจ๋อแล้วถามว่า “พี่ชาย ข้อแลกเปลี่ยนนี้ คุณคิดว่าเป็นยังไงบ้างครับ”

โจวเจ๋อพยักหน้าเพื่อบอกว่าพอใจแล้ว อันที่จริงหากยึดตามทัศนคติความดีและความชั่วของโจวเจ๋อ เขาไม่ได้ตระหนักว่า ‘บุคคลพิเศษ’ จำเป็นต้อง ‘ผดุงความเป็นธรรมให้สวรรค์’ เพื่อขจัดคนที่ทำลายโลก โจวเจ๋อไม่แน่ใจว่าโลกนี้มี ‘นักพรตแห่งหุบเขามังกรเสือ’ หรือ ‘นักพรตแห่งภูเขาเหลาซาน’ อยู่จริงหรือไม่ แต่เขาเข้าใจอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ไม่ว่าจะจัดการอย่างไร การกำจัดความชั่วส่งเสริมความดี และหน้าที่รักษากฎระเบียบอันชอบธรรมของโลกไม่มีทางตกมาอยู่บนตัวของยมทูตอย่างเขา

นอกจากนี้ เหตุผลที่แท้จริงที่โจวเจ๋อมาที่นี่ ไม่มีอะไรมากไปกว่าความบังเอิญที่เขาพบว่าเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามบนถนนเส้นนี้มีความผิดปกติเล็กน้อย กลัวว่าจะมารุกล้ำผลประโยชน์ในอาณาเขตของตัวเอง ดังนั้นจึงมาลองดูเชิงเสียหน่อย

“พี่ชาย ไม่ทราบว่าพี่อยู่สายไหนครับ” อย่างแรกลงโทษตัวเองก่อน จากนั้นจึงเริ่มคลำหาเบาะแส นี่เป็นแผนการที่พบเห็นบ่อยในวงการ โจวเจ๋อเหยียดนิ้วชี้ลงไปข้างล่าง ซึ่งหมายถึงเขาทำงานให้นรก

“อ้อ พี่ชายปล้นสุสาน ไม่รู้ว่าพี่สืบทอดการปล้นสุสานมาจากสำนักไหน”

“…” โจวเจ๋อ

“ผมสะเพร่าเอง ผมชื่อฉวีหมิงหมิง บ้านอยู่เหอหนาน บรรพบุรุษทำอาชีพหมอครับ แต่พอถึงรุ่นของผม เหอะๆ ผมชอบเล่นเกม ตอนเด็กชอบโดดเรียนบ่อย ไม่ชอบไปเรียนแพทย์ชอบไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตครับ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงออกจากบ้านแล้วมาเปิดร้านอินเทอร์เน็ต ผมเปิดร้านนี้ได้ครึ่งปีแล้ว นี่เป็นความสะเพร่าของผมเอง ไม่รู้ว่าแถวนี้มีเสือซุ่มแบบพี่อยู่ด้วย”

“ผมคิดว่าคุณมาจากเหมียวเจียง”

“เป็นเพราะหนอนตัวนั้นหรือเปล่าครับ จริงๆ แล้ว นับตั้งแต่โบราณมา หมอกับกู่ไม่แยกสำนัก และในยุคที่นานกว่านั้น หมอยังทำอาชีพทำนายดวงชะตาและอาชีพอื่นควบคู่ไปด้วย ในชนเผ่าเรียกว่าหมอผีครับ เนื่องจากตอนนี้คนได้รับอิทธิพลจากผลงานภาพยนตร์และโทรทัศน์ คิดว่าที่เหมียวเจียงเท่านั้นที่มีการทำกู่ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดของคนส่วนมาก

หนอนตัวนั้นถูกเลี้ยงด้วยยาสมุนไพร หลังจากเข้าไปในร่างกายของคนแล้วจะปล่อยพิษเรื้อรัง ทำให้การทำงานของหัวใจและปอดเข้าสู่ภาวะล้มเหลว ผมเองก็คิดไม่ถึงว่าน้องสาวของผมครั้งนี้จะลงมือหนักมาก เป็นความประมาทของผมเอง ตอนนี้มาลองคิดดูแล้ว รู้สึกกลัวเล็กน้อย โชคดีที่พี่ชายยื่นมือเข้าช่วย ไม่ทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่”

บนโลกใบนี้มีบุคลที่มีความสามารถแปลกๆ อันน่ามหัศจรรย์อยู่จริงๆ พวกเขาอาจไม่ได้รู้แจ้งในศาสตร์ลึกลับ แต่วิธีการของพวกเขาไม่สามารถดูหมิ่นได้เด็ดขาด ในเมื่ออีกฝ่ายคิดว่าโจวเจ๋อเป็นคนปล้นสุสาน เช่นนั้นก็หมายความว่าเขาไม่มีความสามารถของ ‘เนตรหยินหยาง’ จึงมองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของโจวเจ๋อ

นอกจากนี้อีกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นท่าทางหรือการลงโทษตัวเอง ล้วนแสดงได้อย่างสมบูรณ์แบบ รู้จักรุกรู้จักถอย มีความจริงใจมาก และไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ให้ติ

ส่วนน้องสาวที่ดูแลร้านอินเทอร์เน็ตแห่งนี้ ชายหนุ่มคนนี้ทรมานต่อหน้าโจวเจ๋อถือว่าเป็นการยอมรับผิดแทนแล้ว โจวเจ๋อจึงไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงต่อ

หรือจะต้องโทรแจ้งลุงตำรวจบอกว่าที่นี่มีคนใช้ ‘วิชากู่ของเผ่าเหมียว’ ฆ่าคนอย่างนั้นเหรอ คาดว่าถ้าหากลุงตำรวจที่รับสายเป็นคนตลกเขาน่าจะพูดว่า ‘โอเค อย่างนั้นขอให้คุณเป็นตัวแทนแห่งดวงจันทร์ทำลายเธอ!’

“ในเมื่อเป็นเพื่อนบ้านกัน อย่างนั้นพี่ชายก็อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนครับ น้องชายไม่เก่ง พอทำกับข้าวเป็นบ้าง”

กินข้าว ช่างเถอะ โจวเจ๋อไม่ชินกับการกินข้าวนอกบ้าน

โจวเจ๋อกำลังจะปฏิเสธ แต่ใครจะคิดว่าเพื่อนนักเรียนฉวีหมิงหมิงคนนี้กลับพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “ผมถนัดการใช้ยาเป็นอาหาร ทำให้ยามีรสชาติ สามารถช่วยปรับเลือดลมในร่างกาย ทำให้ชีพจรคล่องตัว ดูจากสีหน้าแล้ว ผมเห็นว่าพี่ชายน่าจะบาดเจ็บบ่อยใช่ไหมครับ ดังนั้นชี่จึงไหลเวียนไม่คล่องตัวทำให้เลือดติดขัดสะสมในร่างกาย ของพวกนี้ยังไงก็เป็นผลเสียต่อร่างกายครับ บำรุงเสียหน่อย จะทำให้อายุยืนยาว คนเราต้องอาศัยลมหายใจในการดำรงชีวิต หาเลือดลมดี ยมทูตก็ไม่กล้ามากล้ำกรายครับ”

“…” โจวเจ๋อ

“ไม่ต้องครับ” โจวเจ๋อลุกขึ้นเตรียมจะออกไป ร่างกายของตัวเองเขารู้ดีที่สุด หรือว่าต่อไปหากใช้วิชาอู๋ซวงหนึ่งครั้งก็ต้องมา ‘บำรุง’ ที่นี่หนึ่งครั้งเหรอ

ถึงตอนนั้นเถ้าแก่ร้านอินเทอร์เน็ตคนนี้คงจะคิดว่าโจวเจ๋อตั้งใจทำงานมาก ตอนที่ลงไปปล้นสุสานต้องต่อสู้กับผีดิบในสุสานทุกครั้งไป ไม่ใช่สิ ผีดิบในสุสานฟังแล้วระคายหูเล็กน้อย

โจวเจ๋อเดินมาถึงหน้าประตู ฉวีหมิงหมิงจึงพูดอีก “อาหารยาของผม ได้ผลมากกับโรคที่ไม่กล้าบอกใครนะครับ”

โรคที่ไม่กล้าบอกใคร โจวเจ๋อหยุดเดิน ยื่นมือนวดคอของตัวเองแล้วถอนหายใจพูดว่า “ดูเหมือนจะเมื่อยคอนิดหน่อย เมื่อก่อนผมเคยบาดเจ็บจริงๆ อย่างนั้นก็ลองกินบำรุงดูสักหน่อย”

ห้องครัวอยู่ชั้นสอง ใช่แล้ว ฉวีหมิงหมิงเหมาทั้งสองชั้น ชั้นหนึ่งทำร้านอินเทอร์เน็ตกับห้องทำงานและห้องนอน ส่วนชั้นสองนี้ มีสมุนไพรวางกองแยกเป็นประเภทต่างๆ แล้วก็มีอุปกรณ์ทำกับข้าวและเตาขนาดเล็กใหญ่ นับว่าเป็นสวรรค์ของนักกินก็ว่าได้

หลังจากโจวเจ๋อเดินชมแล้ว จึงเดินลงไปข้างล่าง แต่มีโซนหนึ่งที่ถูกปิดด้วยผ้าม่าน ฉวีหมิงหมิงไม่ได้เปิดให้เขาเข้าไป โจวเจ๋อจึงไม่เข้าไปอย่างรู้กาลเทศะ อันที่จริงโจวเจ๋อ ‘ได้ยิน’ เสียงเบียดเสียดเบาๆ จากในนั้น ใส่อะไรไว้ในนั้นไม่ต้องพูดก็รู้ เถ้าแก่โจวไม่ค่อยสนใจหนอนพิษกู่พวกนั้นเท่าไร

ฉวีหมิงหมิงรับผิดทำชอบทำอาหาร เขาบอกว่าทำเสร็จแล้วจะยกลงมา

โจวเจ๋อนั่งชมภาพวาดพวกนี้อยู่ในออฟฟิศเพียงลำพัง และน้องสาวที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์คนนั้นก็เดินมาพร้อมน้ำตาคุกเข่าลงบนพื้นใช้ผ้าเช็ดคราบเลือดที่อยู่บนพรม

เธอเสียใจและเศร้ามาก ตอนที่โจวเจ๋อเห็นเธอ เหมือนมองเห็นไป๋อิงอิง ถ้าหากตัวเขาบาดเจ็บเลือดไหลเยอะขนาดนั้น ไป๋อิงอิงก็น่าจะเสียใจเหมือนกัน

เมื่อคิดได้ดังนั้น โจวเจ๋อจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาไป๋อิงอิง บอกว่าตัวเองอยู่ที่ร้านอินเทอร์เน็ตที่อยู่ตรงข้ามคงไม่กลับไปกินข้าวแล้ว

ไป๋อิงอิงตะโกนบอกว่าเสร็จงานที่ร้านหนังสือแล้วจะไปบิน…คู่ อ้อไม่ เล่นเกมด้วยต่างหาก นางคิดว่าโจวเจ๋อวิ่งไปเล่นเกมที่ร้านอินเทอร์เน็ต

พอวางสาย โจวเจ๋อพบว่าหญิงสาวคนนั้นยืนอยู่ที่เดิมและมองโจวเจ๋อด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน โจวเจ๋อเอานิ้วชี้หน้าตัวเอง “โทษผมเหรอ”

หญิงสาวไม่ตอบแต่ยื่นมือเช็ดน้ำตา เบ้ปากแล้วเดินออกจากออฟฟิศด้วยท่าทางน้อยใจมาก

โจวเจ๋อยักไหล่ หลายปีที่ผ่านมาพวกผู้หญิงจัดการยากที่สุด หวังว่าฉวีหมิงหมิงจะดูแลเธอให้ดี แต่โจวเจ๋อก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรมาก การฆ่าคนทำร้ายคนโดยที่ผีไม่ได้เป็นผู้กระทำไม่ได้อยู่ในขอบเขตของเขา บนโลกนี้มีการฆ่ากันทุกวันรวมทั้งเรื่องที่ชั่วร้ายมากมาย

หญิงสาวเช็ดคราบเลือดเสร็จแล้ว จึงล้างมือแล้วเดินไปชั้นสอง ฉวีหมิงหมิงนั่งยองๆ อยู่หน้าเตาเล็กกำลังดูความแรงของไฟ ยาที่ต้มอยู่ในหม้อกลิ่นฉุนมากแต่ไม่เลี่ยน ตรงข้ามกลับส่งกลิ่นหอมสดชื่นเหมือนสะระแหน่ออกมา

“พี่ชาย พี่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้” สาวน้อยเดินมาข้างกายเถ้าแก่ของเธอ จับแขนซ้ายของเถ้าแก่ขึ้นมาด้วยความสงสาร

“ไม่เป็นไร น้องสาวไม่รู้ความ ก่อเรื่อง แน่นอนว่าฉันที่เป็นพี่ชายต้องรับผิดชอบ คนที่อยู่ข้างล่างเป็นคนมีเหตุผล และไม่ทำให้พวกเราต้องลำบากใจ”

“แค่โจรปล้นสุสาน พวกคนชั้นล่าง แต่กลับมองตัวเองเป็นข้าราชการอะไรแบบนั้น”

“ฉวีเจินเจิน ทำผิดก็คือทำผิด ถ้าเขาไม่ยื่นมือเข้าช่วย มือของเธออาจจะติดหนี้เลือดชีวิตคนคนหนึ่ง หนอนพิษกู่มีจิตวิญญาณ เธออยากให้หนอนพิษกู่ที่ตัวเองเลี้ยงย้อนกลับมากินตัวเองใช่ไหม”

“โอเคค่ะๆ เจินเจินผิดไปแล้ว” ฉวีเจินเจินยื่นมือลูบแขนของพี่ชายตัวเองแล้วซุกหน้าลงไป ใช้ลิ้นของตัวเองเลียแผลของเขาเบาๆ

“พี่ชาย ดีกับฉันมากจริงๆ”

“เหลวไหล เธอเป็นน้องสาวของฉัน ฉันไม่ทำดีกับเธอ แล้วจะดีกับใครล่ะ”

“ค่ะ พี่ชายรักฉันที่สุดเลย”

“เหอะๆ” ฉวีหมิงหมิงยื่นมือลูบใบหน้าของน้องสาว ฉวีเจินเจินเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายของตัวเองด้วยใบหน้าที่เปี่ยมรักแล้วเอ่ยว่า “พี่ชาย น้องสาวจะเป็นเตาหลอมยาที่ดีของพี่ตลอดไป”

“เด็กดี” ฉวีหมิงหมิงเปิดฝาดูแล้วพูดว่า “ต้องใส่ยาแล้ว เขาพลังหยางพร่อง พลังหยินหนักมาก คงเป็นเพราะอยู่ในสุสานเป็นเวลานาน แต่ก็น่าสนใจนะ โจรปล้นสุสานทั่วไป ความถี่ในการลงสุสานจะไม่เร็วขนาดนี้ เขาทำให้พี่รู้สึกเหมือนนอนอยู่ในสุสานทุกวัน ช่างเถอะ เอาเต่าทองสิบห้ากรัม ด้วงเงินห้ากรัม แล้วก็หิ่งห้อยห้ากรัม แบบนี้จะช่วยรักษาภาวะหยางพร่องในร่างกายของเขาได้” ฉวีหมิงหมิงพูดจบแล้วก็วางมือไว้ใต้คางของน้องสาวตัวเอง

“ค่ะ ได้เลย” หญิงสาวพยักหน้า จากนั้นอ้าปาก วินาทีต่อมามีแมลงตัวเล็กที่มีลวดลายบนปีกสามตัวบินออกมาจากปากของเธอ มีด้วงเงินหนึ่งตัวค่อยๆ คลานออกมาจากหูซ้ายของเธอ และมีแมลงสีทองเข้มหนึ่งตัวถูกบีบออกมาจากมุมตาของเธอ

หนอนและแมลงพวกนี้ร่วงลงมาอยู่กลางฝ่ามือของฉวีหมิงหมิงอย่างเชื่อฟัง ฉวีหมิงหมิงคว่ำมือแล้วใส่หนอนกับแมลงพวกนี้ลงไปในหม้อ ชั่วเวลาเพียงครู่เดียวกลิ่นยายิ่งหอมเข้มข้นยิ่งขึ้น

…………………………………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท