ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 239 น้ำตื้นคนเลวเยอะ

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 239 น้ำตื้นคนเลวเยอะ

โจวเจ๋อกลับมาที่ด้านหลังเคาน์เตอร์ รินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว เพิ่งจะดื่มได้สองคำ นักพรตเฒ่าก็เข้ามาแล้ว

“แปะแล้วเหรอ”

“แปะแล้ว เถ้าแก่”

นักพรตเฒ่าเกาศีรษะแกรกๆ แล้วถามว่า “เถ้าแก่ ทำไมหลังรถของพวกเขามีพวงหรีดเยอะขนาดนั้น” และนั่นไม่ใช่พวงหรีดจริง ถ้าหากไม่ถูน้ำตาวัวคงมองไม่เห็นด้วยซ้ำ

คนจีนต่างรู้ดี พวงหรีดมีไว้ใช้สำหรับคนตาย สำหรับคนเป็นคือสิ่งที่เป็นอัปมงคลมาก ด้านหลังรถจู่ๆ มีของพวกนี้มากมาย ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้จะพูดว่าหนุ่มเทศกิจสองคนเกือบจะทำให้ตัวเองซวยโดนเถ้าแก่เล่นงานแล้ว แต่พวกเขาช่วยเพราะความหวังดี นักพรตเฒ่าจึงยอมให้ยันต์กระดาษที่ซ่อนอยู่ในเป้ากางเกงด้วยความสมัครใจ

“ถูกคนด่าลับหลังบ่อยๆ จึงเยอะเป็นธรรมดา” โจวเจ๋อหัวเราะ ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไร เขาอยากจะให้ไป๋อิงอิงชงน้ำชาให้ตัวเอง แต่เพิ่งนึกได้ว่าไป๋อิงอิงกำลังเล่นเกมสงครามเลือดสาดอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ต

“ช่วยชงน้ำชาให้ผมหน่อย”

“อ้อ ได้เลย” นักพรตเฒ่าก็คล่องแคล่วมาก ตอนที่ชงน้ำชาก็ดูชำนาญ จริงๆ แล้วเขารู้เรื่องหลายอย่างและชอบเรียนรู้ ก่อนหน้านั้นโจวเจ๋อเคยเห็นนักพรตเฒ่าทำค็อกเทลให้ลูกค้าตอนที่สวี่ชิงหล่างไม่อยู่

“เถ้าแก่ ที่บอกว่าถูกคนด่าเยอะคืออะไร”

“หลังจากมีคนเห็นรถของเทศกิจ มักจะชอบถ่มน้ำลายใส่ท้ายรถ แล้วก็ด่าอีกว่า ‘รีบตายรีบไปผุดไปเกิดซะ’ ไม่นานพวงหรีดจึงเยอะขึ้นเรื่อยๆ”

“แช่งเหรอ”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”

“แต่หนุ่มเทศกิจสองคนนั้นก็ไม่เลวนะ”

“ครูที่กระโดดตึกฆ่าตัวตายคนนั้นก็ไม่เลว”

“เอ่อ…อันนี้…”

“วางใจได้ พวงหรีดนั่นไม่ทำให้คนตายหรอก อย่างมากก็แค่ดวงอ่อนนิดหน่อย หลังจากที่คุณแปะยันต์กระดาษไปแล้ว น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”

“เฮ้อ ข้ารู้สึกเสียใจแทนเด็กสองคนนั้น ถือสิทธิ์อะไรทำไมต้องให้พวกเขาแบกรับชื่อเสียงที่ไม่ดีของเทศกิจด้วย”

“เพราะว่าคนส่วนใหญ่ชอบยกชามข้าวกินวางตะเกียบด่าคน ถ้าหากตัวเองขับรถหรือตอนที่เดินอยู่บนถนนถูกพ่อค้าหาบเร่ขวางทางก็จะด่า แต่พอเห็นวิดีโอในอินเทอร์เน็ตที่เทศกิจ ‘ตี’ คน แล้วรายงานข่าวว่า ‘รังแก’ พ่อค้า ก็จะด่าอีก”

“เฮ้อ คำพูดคนน่ากลัว คำพูดของคนน่ากลัวจริงๆ เถ้าแก่ ชงน้ำชาเสร็จแล้ว”

นักพรตเฒ่าส่งน้ำชาไปให้ จากนั้นจึงหยิบผ้ามาเช็ดตรงนั้นทีตรงโน้นทีอย่างจริงจัง ถึงแม้เดดพูลจะเก็บกวาดร้านสะอาดสะอ้านแล้ว แต่นักพรตเฒ่ายังหวั่นใจ กลัวโจวเจ๋อจะเอาเรื่อง ‘ลูกชาย’ มาพูดอีก

เถ้าแก่โจวกลับนอนลงบนโซฟา เขาเพิ่งจะนอนลง สวี่ชิงหล่างก็เดินลงมาข้างล่าง

“ตอนกลางวันไปกินข้าวข้างนอกมาเหรอ” สวี่ชิงหล่างซักถามเหมือนอยากติโทษ

“ใช่”

“เหอะๆ”

นักพรตเฒ่าเดินออกไปไกลอีกหน่อยอย่างรู้กาลเทศะ

“เหล่าโจว ออกไปข้างนอกกับผมหน่อย ช่วยผมหนึ่งเรื่อง” สวี่ชิงหล่างพูดกับโจวเจ๋อ

โจวเจ๋อลืมตาอย่างจนใจอยู่บ้าง มองสวี่ชิงหล่างที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังพยักหน้า

ในฐานะเพื่อน ในเมื่อเขาเอ่ย คุณจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร โดยเฉพาะตอนนี้คุณยังนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางที่ไม่มีอะไรทำ อยากจะหาข้ออ้างก็หาไม่เจอ นอกจากนี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ ที่ผ่านมาเหล่าสวี่ได้ช่วยเหลือโจวเจ๋อเยอะมาก

สวี่ชิงหล่างขับรถ โจวเจ๋อนั่งข้างคนขับ รถมุ่งหน้าไปอำเภอเหมินไห่บ้านเกิดของสวี่ชิงหล่าง แต่ไม่ไกลมาก ทงเฉิงถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุโดยทั่วไปแล้วรถไม่ติดเลย คาดว่าคงใช้เวลาขับรถไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

“เรื่องก็เป็นแบบนี้ ปัญหาที่เจอตอนย้ายหลุมศพครั้งที่แล้ว ตอนนี้เริ่มกลายเป็นปัญหาสะสมแล้ว” สวี่ชิงหล่างเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้โจวเจ๋อฟังก่อน

โจวเจ๋อรู้เรื่องนี้เหมือนกัน ตอนนั้นสวี่ชิงหล่างต้องออกจากร้านหนังสือกลับบ้านเกิดไม่ใช่แค่หนึ่งครั้งเท่านั้น ก็เพราะเรื่องย้ายหลุมศพนี่แหละ ถึงแม้ระดับวิชาอาคมของสวี่ชิงหล่างในสายตาของโจวเจ๋อกับสาวน้อยโลลิจะนับว่ารู้แค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น แต่ระดับของเขาเมื่อเทียบกับพวกที่รับจัดงานศพในชนบทรวมทั้งนักพรตที่เดินทางไปทั่วถือว่าสูงกว่าเยอะ ดังนั้นสวี่ชิงหล่างจึงเป็นคนจัดการเรื่องย้ายหลุมฝังศพเอง เขาคำนวณตำแหน่งและวันที่ แล้วทำการเคลื่อนย้ายตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นจนได้

อย่างแรกมีน้ำไหลออกมาจากหลุมศพของบรรพบุรุษ จากคำพูดของสวี่ชิงหล่างดูเหมือนจะเป็นน้ำพุร้อนใต้ดินที่ไหลซึมออกมา และน้ำก็มีควันสีขาวพวยพุ่งออกมา ร้อนมาก

หลังจากขุดหลุมไปแล้ว ดินก็ถล่มลงมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ถึงแม้จะไม่มีใครเสียชีวิต แต่ชาวบ้านที่รับผิดชอบขุดสุสานก็ตื่นตระหนกตกใจไปตามๆ กัน

สุดท้ายไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว จึงได้แต่ช่วยกันขุดออกมา เจอพวกโครงกระดูกเป็นกอง มีโลงศพบางโลงที่อยู่มานานจนผุพังแล้ว กระดูกจมฝังอยู่ในกองดิน มีบางศพเมื่อก่อนยากจน ตอนที่ทำพิธีฝังศพไม่มีแม้แต่โลงศพ ต้องใช้เสื่อฟางห่อเพื่อนำไปฝัง

นอกจากหลุมที่หลายปีมานี้ป้ายหลุมฝังศพยังดีอยู่ โครงกระดูกที่เหลือก็ไม่รู้ว่าเป็นบรรพบุรุษของบ้านไหนเพราะแยกไม่ออก แต่ไม่ว่าอย่างไรหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ก็ใช้แซ่เดียวกัน จึงไม่เป็นไร จากนั้นจึงย้ายไปฝังรวมกันอีกที่หนึ่งโดยไม่ได้คิดอะไร

ส่วนหลุมฝังศพเก่าจะมีโครงกระดูกที่ไม่ได้ถูกย้ายหลงเหลืออยู่ไหมก็ไม่มีใครสนใจอีก และระดับการค้นหาก็ยากเกินไป หากจะใช้เครื่องขุดดินขุดที่ดินผืนนี้อีกรอบก็คงทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ

แต่หลังจากนั้นเรื่องแปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น ของในหมูบ้านเริ่มหาย และสัตว์ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ก็เริ่มล้มตายอย่างไม่มีสาเหตุ แล้วก็มีคนที่ฝันว่าปู่ย่าตาทวดของครอบครัวตัวเองมาร้องทุกข์ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทำเอาหมู่บ้านแห่งนี้เริ่มอยู่ไม่สุขกลัวแม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้า

สวี่ชิงหล่างคิดหาวิธีแก้ไขแล้วก็ไร้ประโยชน์ จึงได้แต่ขอความช่วยเหลือจากโจวเจ๋อ

ตอนที่สวี่ชิงหล่างมาถึงหมู่บ้านเป็นเวลาบ่ายสามโมงกว่าแล้ว ถึงแม้จะพูดว่าเป็นหมู่บ้านชนบท แต่ทุกครัวเรือนล้วนเป็นบ้านสองชั้นสไตล์ตะวันตก ด้านนอกที่อยู่ไม่ไกลเป็นถนนใหญ่ แต่ในหมู่บ้านเป็นถนนคอนกรีต และมีรถดีๆ จำนวนไม่น้อยจอดอยู่ในลานบ้าน

พื้นที่แถบชนบทของมณฑลเจียงซู เจ้อเจียง และเซี่ยงไฮ้แตกต่างจากชนบทในพื้นที่แถบตะวันตกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก สาเหตุแรกเป็นเพราะการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สาเหตุที่สองเป็นเพราะสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ เมื่อพัฒนาแล้วมีความสะดวกสบายมากกว่าสภาพแวดล้อมในพื้นที่เขตภูเขาทางตะวันตกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก

สวี่ชิงหล่างจอดรถบนทางคอนกรีตที่อยู่ข้างคันนา เขาพอกลับถึงบ้านก็ไม่ได้พาโจวเจ๋อไปพบผู้อาวุโสและญาติสนิทอะไร แต่พาโจวเจ๋อมุ่งตรงไปที่หลุมฝังศพทันที

เขตหลุมฝังศพเก่าเต็มไปด้วยหญ้าและวัชพืช ดูอ้างว้างวังเวงอย่างเห็นได้ชัด

“ย้ายหลุมฝังศพเพราะถูกเวนคืนที่ดิน จะมีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงผ่านที่นี่ ก่อนหน้านั้นหมู่บ้านไม่สมัครใจ แต่หลังจากที่ได้รับเงินชดเชยแล้ว ทุกคนจึงตกลง”

สวี่ชิงหล่างนั่งยองๆ ข้างคันนาแล้วจุดบุหรี่หนึ่งมวน

โจวเจ๋อเดินดูสุสานหนึ่งรอบ จากนั้นยักไหล่แล้วพูดว่า “ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร และสัมผัสไม่ได้ถึงวิญญาณผี ที่นี่สะอาดมากเหมือนเวลาที่นายมาส์กหน้าเสร็จในทุกๆ คืน”

“ผมเคยลองแล้ว แต่ก็ไม่เจออะไรที่นี่เหมือนกัน เดิมทีผมคิดว่าตัวเองเก่งไม่พอ ในเมื่อคุณมาแล้วก็ยังไม่เจออะไรอย่างนั้นปัญหาก็ไม่ได้เกิดจากที่นี่”

“ซากศพที่ถูกขุดออกมาก่อนหน้านั้นสุดท้ายจัดการยังไง” โจวเจ๋อถาม

“ยกเว้นที่แยกออกแล้วถูกฝังต่างหาก ที่เหลือส่วนใหญ่ถูกฝังรวมกัน” สวี่ชิงหล่างกล่าว

“อย่างนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ว่าซ้อเจ็ดกับซ้อแปดเคยเป็นศัตรูกันตอนที่มีชีวิตอยู่ พอตายไปแล้วถูกฝังอยู่ด้วยกันจึงทะเลาะกันหรือเปล่า” โจวเจ๋อพูดกึ่งล้อเล่น

“เรื่องไม่น่าง่ายขนาดนั้น วิญญาณผีจะกินสัตว์เลี้ยงตามบ้านได้เหรอ”

ตอนที่ทั้งสองคนกำลังสูบบุหรี่วิเคราะห์เรื่องนี้ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงตะโกนมาแต่ไกล “กระโดดน้ำแล้วๆๆ!!!!!!”

คนที่ตะโกนเป็นหญิงชราคนหนึ่ง มีอายุแล้ว แต่เสียงดังชัดแจ๋ว เสียงตะโกนของเธอมากพอที่จะทำให้คนตกใจครึ่งหมู่บ้าน

สวี่ชิงหล่างกับโจวเจ๋อวิ่งไปทันที แต่มีผู้ชายสองสามคนกระโดดลงสระไปแล้ว และไม่ต้องรอการตอบสนองใดๆจากสวี่ชิงหล่างกับโจวเจ๋อ ผู้ชายสองสามคนนั้นก็ลากผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมาจากสระน้ำแล้ว

หมู่บ้านชนบทในแถบเจียงหนานชอบสร้างสระน้ำในบ้านของตัวเอง เพราะตัวเองสามารถเลี้ยงปลาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอะไรได้

ตอนที่ผู้หญิงถูกลากขึ้นมาใบหน้าซีดขาว แต่ยังมีสติอยู่ มือของเธอคว้าอะไรอยู่อย่างไม่รู้ตัว เหมือนยังหยุดอยู่ในช่วงสิ้นหวังตอนที่เพิ่งจมน้ำ

สวี่ชิงหล่างรีบเข้าไปตรวจอาการทันที ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ เริ่มทักทายสวี่ชิงหล่าง

โจวเจ๋อยืนมองอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นเขานึกปัญหาได้อย่างหนึ่ง เหล่าสวี่เนื่องจากย้ายหลุมฝังศพจึงได้ห้องชุดยี่สิบกว่าห้องไม่ใช่เหรอ ที่นี่ก็เป็นบ้านเกิดของเขา ทำไมที่นี่ถึงไม่โดนย้าย

หรือไม่ก็ ที่นี่เป็นบ้านเกิดของเขาถูกแล้ว แต่ตอนแรกที่เขาอยู่กับพ่อแม่ ไม่ได้ใช้ชีวิตที่หมู่บ้านนี้เหรอ โจวเจ๋อก็เกรงใจไม่ได้ถามสวี่ชิงหล่างเรื่องนี้ เขากำลังร้อนใจอยู่ ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์เอาห้องชุดยี่สิบกว่าห้องมาอวดเท่

การกระโดดน้ำฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป โจวเจ๋อนั่งยองๆ ข้างสระน้ำ น้ำในสระไม่ใสเท่าไร และมีสาหร่ายสีเขียวลอยอยู่บนผิวน้ำไม่น้อย

เขายื่นมือแหวกสาหร่ายสีเขียวที่อยู่ตรงหน้า โจวเจ๋อเอียงศีรษะเล็กน้อยมองลงไปใต้ผิวน้ำ แต่ก็มองไม่เห็นอะไรและไม่มีอะไรเช่นกัน ถึงแม้สระน้ำจะสกปรก แต่ไม่มี ‘สิ่งที่สกปรก’ เด็ดขาด

ผู้หญิงถูกแบกกลับเข้าไปในบ้าน ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเริ่มมารวมตัวกัน ทงเฉิงอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก ดังนั้นถึงแม้จะเป็นคนหนุ่มสาวของหมู่บ้าน ถ้าหากทำงานก็หางานที่อยู่ละแวกนี้ ไม่จำเป็นต้องระหกระเหินไปทำงานที่อื่น ความมีชีวิตชีวาในหมู่บ้านถือว่าดีพอสมควร

สวี่ชิงหล่างยังคงยุ่งอยู่ข้างใน โจวเจ๋อยืนอยู่ด้านนอกกลุ่มคน สูบบุหรี่ของตัวเองต่อไป และในเวลานี้ ข้างหน้ามีชายชราคนหนึ่งใส่เสื้อผ้าเก่าสกปรกเดินเข้ามา เขาเดินและด่าไปด้วย ชาวบ้านที่อยู่โดยรอบต่างแสดงสีหน้ารังเกียจออกมาบนใบหน้า ทยอยหลีกทางให้

ชายชราเอาแต่ด่าของของตัวเอง อย่างแรกด่าเจิ้นฝู แล้วค่อยด่าหัวหน้าหมู่บ้าน จากนั้นก็ด่าชาวบ้านที่เห็นแก่เงินพวกนี้ด้วยความรู้สึกที่โกรธเป็นอย่างมาก เขาเดินด่าแล้วถ่มน้ำลายไปด้วย ด่าด้วยคำแย่ๆ ไม่น่าฟัง ลืมกำพืด เห็นแก่เงิน เจอหน้าบรรพบุรุษไม่ได้…

โจวเจ๋อมองดูความคึกคักอยู่ข้างๆ โดยพิงต้นฉัตรจีนต้นหนึ่ง

ชายชราน่ารักมากในสายตาของโจวเจ๋อ คนเรามีอายุถึงปูนนี้แล้ว ไม่สนแล้วเรื่องปล่อยวางไม่ปล่อยวาง อยากด่าก็ด่า อยากโวยวายก็โวยวาย อยากจะบ้าก็บ้า ไม่ว่าอย่างไรชายชรามีชีวิตอีกสองสามปีก็ตายแล้ว ทำไมต้องทนกับความโมโหเรื่องหยุมๆ หยิมๆ ของคุณด้วย

เพียงแต่ตอนที่ชายชราด่าได้ถือไม้เท้าเดินมาทางโจวเจ๋อ ตอนที่เขาเห็นโจวเจ๋อพลันเบิกตาโตอย่างไม่รู้ตัว

“คุณปู่ๆ…” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาแต่ไกล ดึงมือของคุณปู่ตัวเอง เธอกลัวว่าคุณปู่จะเดินมั่วซั่วแล้วโวยวายไปทั่วแต่ชายชรายังคงจ้องมองโจวเจ๋อต่อไป

“นี่เป็นคุณอาที่มาจากต่างเมือง ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านนี้ค่ะ” เด็กผู้หญิงพูดกับคุณปู่ของตัวเอง คุณปู่อายุมากแล้วสมองเลอะเลือนจำอะไรไม่ค่อยได้

“คุณอาอะไร!” ชายชราถ่มน้ำลายใส่โจวเจ๋อโดยตรง ถ่มน้ำลายลงบนรองเท้าของโจวเจ๋อ

“ผี!”

“ขอโทษค่ะๆ คุณอา ขอโทษค่ะๆ” เด็กผู้หญิงนั่งลงยองๆ ใช้แขนเสื้อของตัวเองเช็ดรองเท้าให้โจวเจ๋อทันที เธอกลัวว่าคุณอาต่างเมืองจะต่อยคุณปู่ของตัวเอง

“กลับมา เช็ดรองเท้าให้ผีทำไม! พวกเราตระกูลชุยจะเสียหน้าเรื่องนี้ไม่ได้! คนก็ส่วนคน ผีก็ส่วนผี ใช้ชีวิตสง่าผ่าเผยตอนที่มีชีวิตอยู่ พอตายไปก็ไม่ต้องก้มหัวคุกเข่าให้ผีพวกนี้!” ชายชราดุหลานสาวของตัวเองพร้อมกับดึงหลานสาวของตัวเองกลับมาในเวลาเดียวกัน

หลานสาวยืนอยู่ข้างๆ ชายชราและตะโกนขอโทษโจวเจ๋อไม่หยุด “ขอโทษๆ”

โจวเจ๋อก้มหน้ามองรองเท้าของตัวเองที่ถูกเด็กผู้หญิงเช็ดเมื่อครู่ เขาเป็นคนอนามัย ชายชราถ่มน้ำลายถึงแม้จะถูกเช็ดไปแล้ว แต่ความขยะแขยงในใจกลับยากที่จะลบเลือน

ถึงแม้ชายชราคนนี้จะบ่นโวยวาย ชาวบ้านไม่ชอบ แต่เขาเป็นพวกเสือซุ่ม ดูเหมือนจะบ้าเสียสติ แต่ในความเป็นจริงเขากลับรู้ดีมากกว่าใครในหมู่บ้านแห่งนี้

“คุณไม่กลัวพญายม แล้วหลานสาวของคุณล่ะ ถ้าอย่างนั้น ผมพาเธอลงไปก่อนดีไหม” โจวเจ๋อพูดกึ่งล้อเล่น

“ไอ้หนุ่ม แกกล้าเหรอ!” ชายชราตะคอกเสียงดังแล้วพุ่งเข้าหาโจวเจ๋อโดยตรง

‘ตู้ม!’ โจวเจ๋อเดิมทียืนอยู่ข้างสระน้ำอยู่แล้ว คราวนี้ถูกชายชราพุ่งเข้าใส่จึงตกลงไปในสระน้ำพร้อมกับชายชรา

“มีคนตกน้ำอีกแล้ว มีคนตกน้ำอีกแล้ว!!!”

“ช่วยคนด้วย รีบช่วยคน รีบมาช่วยคนเร็วๆ!”

“คุณปู่ๆ!”

“ตาชุยคนบ้าตกน้ำแล้ว!!” เสียงร้องตะโกนของพวกชาวบ้านดังมาจากบนฝั่ง

…………………………………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท