ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 250 แม่เจ้าโว้ย!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 250 แม่เจ้าโว้ย!

ตอนที่ต้มอาหารยา ฉวีเจินเจินเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม ทันใดนั้นเธอรู้สึกว่าตัวเองเดินเข้ามาในฝูงหมาป่าเอง ที่นี่มีนักพรตเฒ่าที่ล้ำลึกยากจะคาดเดาคนหนึ่ง และภายในห้องบนชั้นสองที่อยู่ในแนวทแยงมุมกับจุดที่ตัวเธออยู่ ก็มีผีดิบตัวหนึ่งกำลังอาบน้ำอยู่!

ไม่ว่าตัวเธอจะพยายามทำใจให้สงบแค่ไหน ฉวีเจินเจินก็ยากที่จะรักษาความนิ่งสงบได้ จนเธอเกือบจะควบคุมไฟตอนใส่สมุนไพรผิดพลาด ในที่สุดขั้นตอนสุดท้ายของการปรุงอาหารยาเป็นอันเสร็จสิ้น ต้มเสร็จแล้ว เธอถอนหายใจยาวโล่งอก ปิดเตา จากนั้นรีบวิ่งลงมาจากชั้นบนราวกับวิ่งหนี

นักพรตเฒ่ากำลังผสมค็อกเทลอยู่ข้างล่าง เมื่อเห็นหญิงสาววิ่งลงมาแล้วจึงเรียกทันที “ต้มเสร็จแล้วเหรอ”

“เสร็จแล้วค่ะ” ฉวีเจินเจินพูดแล้วรีบเดินออกไปที่หน้าประตูร้านหนังสือทันที ร้านหนังสือลึกลับเหมือนทะเล เธอต้องกลับบ้านไปหาพี่ชาย!

“อ้าว!” นักพรตเฒ่าตะโกนเรียกเธอจากด้านหลัง แต่หญิงสาวเดินจากไปด้วยความแน่วแน่ ตะโกนอย่างไรก็รั้งไม่อยู่

นักพรตเฒ่าจึงถอนหายใจ นำค็อกเทลที่ตั้งใจเตรียมไว้ให้หญิงสาวมาดื่มเอง จากนั้นเขาจึงหัวเราะ ‘ฮิๆ’ รีบขึ้นไปห้องครัวเพื่อแอบดื่มอาหารยา

ตรงเคาน์เตอร์ของร้านอินเทอร์เน็ต ฉวีหมิงหมิงกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ตรงนั้น ที่บ้านเพิ่งโทรมาหาเขาเรียกให้เขากลับไป เขาจึงพูดลวกๆ แบบขอไปที สำหรับบ้านของเขา เขารู้สึกรำคาญจริงๆ ที่บ้านมีญาติพี่น้องกลุ่มใหญ่ แต่พอมาถึงรุ่นนี้ คนที่สืบทอดวิชาของตระกูลฉวีอย่างแท้จริงมีน้อยมาก

อย่างไรก็ตามยุคสมัยกำลังเปลี่ยนไป ส่วนแบ่งตลาดและความต้องการแพทย์แผนจีนลดลงเรื่อยๆ หลังจากที่ชาวบ้านเจ็บป่วยก็จะไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดยาและรับยามากินจนกลายเป็นความเคยชินแล้ว แต่ในด้านการบำรุงสุขภาพ ตลาดของแพทย์แผนจีนหลายปีมานี้เริ่มเฟื่องฟูขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้นคนในตระกูลพวกนั้น ทั้งคนรุ่นเดียวกันแล้วก็ผู้ใหญ่อีกหลายคน โดยส่วนใหญ่จะอ้างชื่อการแพทย์แผนจีนตระกูลฉวีเพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาสุขภาพ ใช้ประโยชน์จากความเชื่อของประชาชนที่มีต่อความลึกลับของการแพทย์แผนจีน เพื่อทำกำไรมหาศาล

เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่ผู้อาวุโสของตระกูลมารวมตัวกันยังหัวเราะเยาะกิจการศิลปะการต่อสู้ที่ถูกกล่าวหาว่าจอมปลอม ใครจะคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์พลิกผัน ธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพตามตำรับแพทย์แผนจีนในปีนี้จะเกิดปัญหาเหมือนกัน ตลาดก็เริ่มเกิดความโกลาหล คนในครอบครัวอยากให้เขากลับไปกู้สถานการณ์ แต่เขาไม่อยากกลับไป

พอคิดว่าคนที่บ้านทำพื้นในรองเท้าที่สามารถรักษาได้ทุกโรค ผ้าอนามัยบำรุงร่างกาย ฉวีหมิงหมิงก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว เขายอมเปิดร้านอินเทอร์เน็ตอยู่ที่นี่ ตอนเย็นศึกษาวิจัยเกี่ยวกับแมลงของตัวเองดีกว่า ไม่อยากกลับบ้านเลยจริงๆ

“พี่ชายๆ!” เสียงของน้องสาวรบกวนความคิดของฉวีหมิงหมิง

“เป็นอะไร ส่งอาหารยาไปแล้วเหรอ”

“ส่งไปแล้ว พวกเขา ในร้านของพวกเขา…” ฉวีเจินเจินชี้ไปที่ร้านหนังสือ

“ร้านของพวกเขาน่ากลัวจริงๆ เลี้ยงผีดิบด้วย”

“ผีดิบ” ฉวีหมิงหมิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “จริงหรือหลอก”

“จริงค่ะ ในถังอาบน้ำ มีผีดิบกำลังแช่น้ำอยู่ค่ะ!” ฉวีเจินเจินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ใบหน้าของเธอเขียนว่า ‘ถ้าพี่ไม่เชื่อหนู หนูจะกัดพี่จริงๆ’!

“เอ่อ…เดี๋ยวนะ พี่ขอเรียงลำดับก่อน” ฉวีหมิงหมิงทำตัวไม่ถูกจริงๆ เขายื่นมือหยิบเข็มเงินออกมาหนึ่งเล่ม จับปลายนิ้วของน้องสาวแล้วจิ้มลงไป จากนั้นเริ่มคลึงเบาๆ

อารมณ์ตื่นเต้นของฉวีเจินเจินเริ่มกลับมาเป็นปกติ จากนั้นนั่งลงด้วยท่าทีที่สงบลง

“ขอบคุณพี่ชายค่ะ”

“เหอะ ไม่เป็นไร มา พวกเรามาเรียบเรียงกันใหม่ เธอพูดว่ามีผีดิบตัวหนึ่งอยู่ในร้านของพวกเขา และผีดิบตัวนั้นกำลังอาบน้ำอยู่”

“ใช่ค่ะ แมลงที่อยู่ในร่างกายของหนูรู้สึกได้ ต้องใช่แน่ๆ ตอนที่เข้าใกล้คนนั้น พวกแมลงที่อยู่ในร่างกายของหนูเริ่มกลัวขึ้นมา ปกติพวกมันเห็นคนจะตื่นเต้นมาก แต่ครั้งนี้พวกมันกลัวค่ะ!”

“พี่คิดว่า ในนี้ น่าจะมีอะไรเข้าใจผิด” ฉวีหมิงหมิงไม่ค่อยเชื่อเท่าไร

ครอบครัวของเขาเป็นตระกูลแพทย์ที่สืบทอดมายาวนาน แน่นอนว่าไม่ใช่ครอบครัวโบราณตามถนนเก่าในนิยายแฟนตาชี อันที่จริงหากพูดกันถึงแก่นแท้แล้ว เป็นมรดกของแพทย์ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น แต่ฉวีหมิงหมิงเป็นกรณีพิเศษ ถึงแม้จะพูดว่าการแพทย์และพิษกู่ไม่แยกสำนัก แต่การแพทย์แผนจีนมีน้อยมากที่จะเล่นของพวกนี้ ทำให้ความรู้ความเข้าใจของผู้คนในยุคปัจจุบันเกี่ยวกับพิษกู่จะเชื่อมโยงเข้ากับชนเผ่าเหมียวเท่านั้น

เขาเป็นกรณีพิเศษ เขาชอบศึกษาวิจัยด้านนี้ ดังนั้นจริงๆ แล้วเขาก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่เคยเห็นผีหรือเทพเจ้า ไม่รู้จักนรก อ้อ ลืมไป ตอนที่เขาเรียนในมหาวิทยาลัยเขาเคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ตามหลักการแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง

“นี่” มีคนเรียกมาจากด้านหลัง ฉวีเจินเจินหันไปมองข้างหลัง ตอนที่เห็นโจวเจ๋อกับผู้หญิงคนนั้น เธอตกใจกระโดดขึ้นมาทันที รีบเข้าไปหลบด้านหลังพี่ชายอย่างรวดเร็ว

คราวที่แล้วตอนที่โจวเจ๋อมา ฉวีเจินเจินยังกล้าวางมาดใส่เขา ไม่ชอบขี้หน้าเขา แต่ครั้งนี้หลังจากเธอได้เห็นสิ่งที่อยู่ในร้านหนังสือมากับตาตัวเอง เธอจึงไม่กล้าทำตัวแบบนั้นกับโจวเจ๋ออีก

ควรทราบว่า นักพรตเฒ่าที่น่ากลัวและลึกล้ำยากจะคาดเดาคนนั้นเป็นแค่ลูกน้องของชายหนุ่มคนนี้เท่านั้น!

“มา เทศกาลไหว้บ๊ะจ่างมาถึงแล้ว พวกเราไปตลาดผักซื้อบ๊ะจ่างกลับมาพอดี” ขณะที่พูด โจวเจ๋อสั่งให้ไป๋อิงอิงเอาบ๊ะจ่างไปวางบนเคาน์เตอร์

“ขอบคุณครับ” ฉวีหมิงหมิงตอบ

“ไม่ต้องเกรงใจ” ขณะพูดโจวเจ๋อเตรียมตัวจะกลับไปที่ร้านพร้อมกับไป๋อิงอิง ของขวัญตามมารยาทชิ้นนี้อย่างมากก็แค่ขอบคุณที่เขาให้ตัวเองกินอาหารยาครั้งที่แล้ว โจวเจ๋อยังไม่ได้กลับร้านหนังสือ จึงไม่รู้ว่าวันนี้เขาได้ส่งอาหารยาไปอีกหนึ่งชุด

นักพรตเฒ่ามัวแต่แอบกิน จึงไม่ได้โทรบอกโจวเจ๋อ

“พวกคุณซื้อมาเหรอ” ฉวีหมิงหมิงชี้ไปที่ถุงใบใหญ่สองใบที่ไป๋อิงอิงถืออยู่ในมือ เขาได้กลิ่นยาสมุนไพรชัดเจนมาก

“อ้อ เพื่อนของผมไม่สบาย จึงซื้อยากลับไปต้มนิดหน่อยครับ” โจวเจ๋อตอบ

“ป่วยเป็นอะไรครับ” หลังจากฉวีหมิงหมิงถามแล้วจึงยิ้มเอ่ยว่า “คุณก็รู้ ถ้าต้องใช้ยาสมุนไพร ผมที่เป็นแพทย์แผนจีนอยู่ตรงนี้ ทำไมถึงไม่ให้ผมไปดูให้ครับ”

โจวเจ๋อเม้มปากแล้วพูดว่า “กลัวว่าอาการป่วยนี้คุณจะรักษาไม่ได้ครับ”

“ลองพูดก็ไม่เป็นไรครับ”

“เขาโดนพิษ”

“พิษอะไร”

“พิษผีดิบ”

ฉวีหมิงหมิงได้ยินดังนั้นจึงหันไปมองน้องสาวที่อยู่ด้านหลังตัวเองเป็นพิเศษ เขาคิดว่าน้องสาวของตัวเองน่าจะมองผิด

ในเมื่ออีกฝ่ายทำอาชีพปล้นสุสาน ลงสุสานโดนพิษผีดิบจึงเป็นเรื่องปกติ อีกอย่างจะมีผีดิบที่ไหนกำลังอาบน้ำจริงๆ น่าจะเป็นคนที่โดนพิษผีดิบแล้วอาศัยถังอาบน้ำเพื่อระบายพิษมากกว่า

“ลองดูก่อนก็ได้ครับ” ฉวีหมิงหมิงพูดอย่างมั่นใจ

“ได้ครับ งั้นก็รบกวนคุณด้วยนะครับ”

โจวเจ๋อเพิ่งจะผลักประตูเดินเข้าไปในร้านหนังสือ ก็เห็นนักพรตเฒ่ารีบวิ่งออกมาอย่างเร็วจี๋ ตะโกนเรียกโจวเจ๋อเหมือนเห็นผู้ช่วยชีวิต “เถ้าแก่ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว ข้าจะได้ออกไปรับไปรษณีย์ด่วน!” ขณะที่พูดก็ไม่รอให้โจวเจ๋อตอบ นักพรตเฒ่าวิ่งออกจากร้านหนังสือไปโดยตรง แต่ท่าวิ่งของเขาไม่ค่อยสมดุลเท่าไร เหมือนคนมีขาที่สามแทรกตรงกลาง

“เหอะๆ บรรยากาศร้านของพวกเราค่อนข้างเป็นกันเองครับ” โจวเจ๋ออธิบาย

ฉวีหมิงหมิงยิ้มแต่ไม่พูด ตอนที่นักพรตเฒ่าวิ่งผ่านตัวเขาไป เขาได้กลิ่นของยาสมุนไพร จึงคิดว่าพนักงานคนนี้น่าจะแอบดื่มอาหารยาที่ตัวเขาเป็นคนต้ม ผลลัพธ์ทันตาเห็น

แต่เขาจำได้ว่าครั้งที่แล้วตัวเองได้ต้มอาหารยาชนิดเดียวกันให้โจวเจ๋อ ทว่าโจวเจ๋อกลับดื่มจนหมดด้วยสีหน้านิ่งเฉย แล้วเดินออกไปอย่างเงียบสงบ ไม่มีการตอบสนองใดๆ เลยสักนิด ฉวีหมิงหมิงยังคิดว่าอาหารยาของตัวเองไม่ได้ผล ตอนนี้ลองเทียบกันดูอีกที ดูเหมือนว่าโจวเจ๋อจะ…หมดหนทางเยียวยาแล้ว

“เชิญครับ” โจวเจ๋อเชิญฉวีหมิงหมิงผู้เป็นพี่ชายกับน้องสาวขึ้นไปชั้นสอง ฉวีเจินเจินกลัวมากจริงๆ แต่เธอก็ยังเดินตามพี่ชายของตัวเองไป เธอเป็นห่วงว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดกับพี่ชายของตัวเอง

เมื่อผลักประตูห้องของสวี่ชิงหล่างเข้าไป เดิมทีสวี่ชิงหล่างที่กำลังนอนหลับอยู่ได้ลืมตาขึ้น มองคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามา แล้วต่อว่าด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “มองผมเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้วยังเชิญคนอื่นมาเที่ยวอีกเหรอ”

“ได้เลย เงินค่าผ่านประตูจะแบ่งกับนาย ผู้ชายที่หน้าตาสวยกว่าผู้หญิงถึงแม้จะมีน้อย แต่ใช่ว่าจะไม่มี แต่ผีดิบที่หน้าตาดีกว่าผู้หญิง หายากมากจริงๆ”

ฉวีหมิงหมิงเดินมาข้างๆ ถังอาบน้ำตรวจสอบอาการของสวี่ชิงหล่างก่อน แล้วขมวดคิ้วพูดว่า “นี่ไม่ได้โดนพิษผีดิบธรรมดาทั่วไป นี่คือการติดเชื้ออย่างหนึ่ง…”

พิษผีดิบทั่วไป จะไม่ทำให้ร่างกายของคนเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้

“สามารถรักษาได้ไหมครับ” โจวเจ๋อถาม เขาสนใจผลลัพธ์เท่านั้น

“อาการแบบนี้ผมเคยอ่านเจอในหนังสือโบราณ พอมีวิธีอยู่ และวิธีรักษาของพวกคุณ จริงๆ แล้วได้ผลลัพธ์ที่แย่มาก” ฉวีหมิงหมิงยื่นมือแช่ลงไปในถังอาบน้ำครู่หนึ่ง จากนั้นเอามือมาดมที่ปลายจมูก ดูเหมือนว่าเขาจะพบอะไรที่แปลกบางอย่าง จึงแลบลิ้นเลียน้ำอาบของสวี่ชิงหล่างบนฝ่ามือของเขาทันที

สวี่ชิงหล่างจึงหน้าแดง

“รสชาติมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเล็กน้อย คืออะไรครับ นี่คือยาบำรุงภายนอกและภายในชั้นเยี่ยมสำหรับผ่อนคลายเส้นเอ็นและกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต”

โจวเจ๋อครุ่นคิดแล้วจึงเข้าใจ เพื่อนนักเรียนหมิงหมิงพูดถึงโคลนที่ผสมฉี่ของเจ้าลิง

“ลองพูดก่อนว่าจะรักษาเขายังไง ต้องเตรียมอะไรบ้าง”

“วิธีของผมคือต้องเลี้ยงแมลงพิษลักษณะพิเศษอย่างรวดเร็ว แล้วใช้แมลงพิษตัวนี้เข้าไปภายในร่างกายของคนไข้เพื่อดูดพิษให้สะอาด ก็จะสามารถแก้ปัญหาพิษผีดิบได้แล้ว แต่ปัญหาคือแมลงพิษที่เหมาะสมผมมี แต่ขาดสิ่งที่ใช้เลี้ยงแมลงพิษครับ”

“คืออะไร”

“คุณต้องลงไปที่สุสานนั้นอีกครั้ง แต่มันอันตรายมาก”

“สุสาน” สวี่ชิงหล่างทำหน้ามึนงง เกี่ยวกับสุสานได้อย่างไร

“สุสานที่ไหน” โจวเจ๋อก็นึกไม่ออกว่าหมายความว่าอะไร

“ก็คือสถานที่ที่เขาโดนพิษครับ ไปหาจ้งจื่อ (บ๊ะจ่าง)”

“จ้งจื่อ?”

“หืม ผีดิบในสุสาน หากพูดตามภาษาของพวกคุณ ก็คือจ้งจื่อไม่ใช่เหรอครับ” ฉวีหมิงหมิงพูดด้วยความฉงน

“เจ้านั่นแหละจ้งจื่อ พวกเจ้าเป็นจ้งจื่อกันทั้งบ้าน!” ไป๋อิงอิงดุทันที

“อิงอิง อย่าเสียมารยาท” โจวเจ๋อเอ่ยเตือน

“หงิงๆๆ” เป็นเด็กดีในชั่วพริบตา

“ครับ พวกเราจะไปหาจ้ง…จื่อ จากนั้นทำยังไงต่อครับ”

“ผมต้องการเส้นผมของเขาเป็นตัวนำ เส้นผมของผีดิบใส่เข้าไปในสมุนไพรที่กำหนดโดยเฉพาะ แล้วเอามาเลี้ยงแมลงพิษ ตัวแมลงพิษที่ถูกเลี้ยงออกมาจะมีความปรารถนาตามธรรมชาติต่อส่วนประกอบของพิษผีดิบ จึงนำมาแก้พิษได้ดีที่สุดแล้ว”

“อ้อ แบบนี้นี่เอง คุณน่าจะพูดเร็วๆ หน่อย” ขณะที่พูดโจวเจ๋อจึงหันไปทางอิงอิงแล้วพูดว่า “เส้นผม”

“ได้เลย เถ้าแก่” ไป๋อิงอิงใช้เล็บของตัวเองดึงเส้นผมกระจุกหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้ฉวีหมิงหมิง

“ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าใช้เลย” ไป๋อิงอิงพูดอย่างใจกว้างมาก “ไม่พอมาขอเพิ่มที่ข้าได้นะ”

ฉวีหมิงหมิงมองเส้นผมที่อยู่ในมือ เขาทำตัวไม่ถูกแล้ว “ผมไม่ได้ต้องการเส้นผมของคุณ ผมต้องการ…”

ขณะที่พูดฉวีหมิงหมิงเหมือนนึกอะไรออกทันที หน้าขาวซีดในพริบตา แม่เจ้าโว้ย!

…………………………………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท