ตอนที่ 261 หงิงๆๆ!
“เนื้อของวันนี้ไม่สดเลย” หญิงสาวมุดศีรษะออกมาจากผ้าห่มแล้วบ่น
“ช่วงนี้พ่อทำงานเหนื่อยเกินไป งานก็เยอะเหลือเกิน วันพรุ่งนี้จะไปตลาดผักเลือกเนื้อสดใหม่ที่สุดมาให้หนูนะ”
“ค่ะ หนูอยากกินเนื้อสดใหม่” หญิงสาวมุดศีรษะกลับไปในผ้าห่มต่อ
ผ่านไปสักพักหนึ่ง หวังเคอผู้ไม่เคยสูบบุหรี่ในห้องนอน และไม่นำของกินใดๆ เข้าไปในห้องนอนเลย ชีวิตของเขาเหมือนกับงานของเขา ล้วนถูกเขาจัดการอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ก็หันกลับมาเห็นว่าห้องนอนของลูกสาวยังเปิดไฟอยู่
‘ก๊อกๆๆ…’
“หรุยหรุ่ย ยังไม่นอนเหรอ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากในห้อง เธอน่าจะนอนหลับแล้ว แต่ลืมปิดไฟ
หวังเคอช่วยปิดไฟในห้องของลูกสาวจากด้านนอก แล้วหมุนตัวเดินไปที่ห้องน้ำชั้นสอง เตรียมตัวอาบน้ำ เขาไม่รู้ว่า ลูกสาวของเขาในยามนี้ไม่ได้นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงเหมือนอย่างที่เขาคิด แต่กลับใส่ชุดนอนสายเดี่ยวยืนอยู่ที่ระเบียง สายลมพัดเอื่อยมาพร้อมกับความหนาวเย็นอยู่บ้าง ชายกระโปรงชุดนอนพลิ้วไหวตามสายลมไปพร้อมกับผ้าม่าน
สายตาของสาวน้อยโลลิจ้องมองออกไปไกลๆ ทิศทางนั้นเป็นตำแหน่งของร้านหนังสือโจวเจ๋อ เธอสัมผัสได้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรมันก็อยู่ไม่ไกลจริงๆ เพียงแต่ในป่าตรงหน้าสาวน้อยโลลิ มีเงาร่างสีดำของคนผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เขาก็กำลังจ้องมองเธอเหมือนกัน
นี่คือคำเตือน นี่คือการข่มขู่ สาวน้อยโลลิรู้ดีถึงความมั่นใจของเขาคนนี้ เธอเคยได้ยินกิตติศัพท์ของคนผู้นี้จากยมทูตรุ่นก่อนของเมืองทงเฉิง เป็นคนที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก และเป็นคนที่ทำตามอำเภอใจมากที่สุด
เขาเป็นตัวประหลาด ไม่ว่าจะเป็นยมทูตคนไหนก็ไม่สามารถบอกถึงฐานะที่แท้จริงของคนผู้นี้ได้ ข้อมูลที่รู้ทั้งหมดก็มีจำกัดมาก แต่เรื่องที่เขาทำ สาวน้อยโลลิพอรู้เรื่องอยู่บ้าง
เขามักจะเงียบหายไปไม่มีข่าวคราว แล้วก็มักจะโผล่มาเป็นพักๆ เพื่อทำเรื่องบางสิ่ง ในแวดวงของยมทูตด้วยกันจะเล่าขานเกี่ยวกับข้อมูลของเขาสืบต่อกันมาทุกช่วงเวลาหนึ่ง เขาปรากฏตัวที่ไหน ยมทูตที่นั่นจะตัวสั่นงันงก นี่ไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด
แต่เขาก็รักษากฎของตัวเองเช่นกัน เขาฆ่าปีศาจ กำจัดมาร ทำในสิ่งที่ปรมาจารย์เทียนซือในสมัยโบราณทำมาตลอด เขาจะไม่รบกวนที่ทำงานของยมทูต ทุกคนต่างคนต่างอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
สาวน้อยโลลิรู้ว่า เขาเป็นคนทงเฉิง แต่เธอคาดคิดไม่ถึงว่า หลังจากสิบปีที่ออกจากเมืองทงเฉิงไป เขาจะกลับมาอีก
เงาดำนี้ ถูกจัดมาเตือนเธอเป็นพิเศษว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นใช่ไหม
สาวน้อยโลลิยิ้มเล็กน้อย เธอรู้ดีว่า เขาจะไม่ฆ่าโจวเจ๋อ เพราะโจวเจ๋อเป็นยมทูต แต่ขณะเดียวกันเธอก็รู้อีกว่า คนที่อยู่ข้างกายโจวเจ๋อ อ้อไม่ พวกที่ไม่สามารถเรียกว่าคนได้กลุ่มนั้น น่าจะกลายเป็นเป้าหมายที่เขาอยากกวาดล้าง
เขามาเตือนเธอว่า อย่าเดินสุ่มสี่สุ่มห้า แต่สาวน้อยโลลิไม่คิดจะขยับตัวเลยด้วยซ้ำ เขาไม่ฆ่าโจวเจ๋อ ก็หมายความว่าตัวของสาวน้อยโลลิไม่มีอันตราย ดังนั้นจึงขี้เกียจจะเดินเพ่นพ่าน
เธอเงยหน้า มองดวงดาวบนท้องฟ้า แต่คืนนี้อากาศไม่ดีเท่าไร มองไม่เห็นดวงดาว แต่สาวน้อยโลลิก็ยังอยากรู้ว่า ตอนที่ปลาเค็มตัวนั้นรู้ว่าจู่ๆ คนที่อยู่ข้างกายของตัวเองถูกนักพรตหัวรั้นคนหนึ่งกำจัดทิ้งไปทีละคน เขาจะมีการตอบสนองอย่างไร
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สาวน้อยโลลิจึงมองไปยังสายตาของเงาดำนั้น พร้อมกับความเห็นใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เหตุผลของเขา กฎของเขา ความเชื่อของเขา มาตรฐานของเขา ล้วนตั้งขึ้นจากพื้นฐานของระดับเต๋าที่น่าเหลือเชื่อของเขา เพราะปีศาจกับผีที่เขาพบเจอล้วนอ่อนแอกว่าเขา ดังนั้นเขาสามารถผดุงคุณธรรมแทนสวรรค์ สามารถเรียกตัวเองว่าเป็นผู้มีหลักการที่ยิ่งใหญ่ สามารถเผยแพร่ความคิดและความเชื่อของเขาได้ไม่หยุด ซึ่งเหมือนตอนที่หลี่ขุยฆ่าเด็ก ก็ตะโกนว่า ‘ผดุงธรรมแทนสวรรค์’ เช่นกัน
วีรบุรุษแห่งเขาเหลียงซานดื่มเหล้าและกินเนื้อบนภูเขา แต่พวกเขาไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้น ว่าเหล้าและเนื้อนั้นมาจากที่ใด ทว่าพวกเขาก็ยังเรียกตัวเองว่าวีรบุรุษ แล้วถือธงบอกว่า ‘ช่วยผดุงคุณธรรมแทนสวรรค์’ แต่นั่นเป็นเพราะกำปั้นใหญ่เท่านั้น เมื่อพบกำปั้นที่ใหญ่กว่าของตัวเอง เหตุผลของเขายังจะอธิบายได้อีกไหม
แต่มีความแปลกเล็กน้อย ทำไมไอ้หมอนั่นถึงเงียบมาก ลมหายใจแบบนั้นยังไม่ปรากฏออกมา ปลาเค็มตัวนั้น เขากำลังทำอะไรอยู่ ยังไม่รู้ ยังไม่เห็นเหรอ หรือว่าเขาเมาเหล้าไปแล้ว
…
“ฉันไม่เมา…”
โจวเจ๋อมองแก้วเหล้ากับขวดเหล้าตรงหน้าตัวเอง ความเจ็บแปลบตรงหน้าอกทำให้เขายากที่จะถอนตัว ชั่วพริบตาเดียวเขาถึงขั้นสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจอะไรหรือเปล่า
แม่งเอ๊ย นับตั้งแต่เข้ามาอาศัยอยู่ในร่างของสวีเล่อ โจวเจ๋อยังไม่เคยไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเลย ตอนนี้พอฉุกคิดขึ้นได้จึงกลัวเล็กน้อย ถ้าหากสวีเล่อมีโรคทางพันธุกรรมอะไร ไม่เท่ากับว่าตัวเขาเสียเปรียบเหรอ
ฉวีหมิงหมิงออกไปนานแล้วยังไม่กลับมา โจวเจ๋อนั่งดื่มเหล้าอยู่ในออฟฟิศคนเดียวจึงรู้สึกเบื่อเล็กน้อย อีกทั้งเขาก็ไม่ใช่คนขี้เหล้า
โจวเจ๋อพยายามฝืนทนความเจ็บแปลบที่หน้าอก แล้วลุกขึ้นผลักประตูออฟฟิศ ด้านนอกประตู ร้านอินเทอร์เน็ตยังคงคึกคักเหมือนเดิม ไป๋อิงอิงกับฉวีเจินเจินนั่งอยู่ด้วยกัน กำลังเล่นเกมกันอย่างมีความสุข
เมื่อมองเงาหลังของไป๋อิงอิง โจวเจ๋อยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนอาการเจ็บแปลบที่หน้าอกไม่ค่อยทรมานเท่าไรแล้ว
ความรู้สึกเช่นนี้ เหมือนสามีกำลังเห็นภรรยาทำงานบ้าน พ่อแม่มองลูกของตัวเองกำลังเล่นเกม ชาวไร่มองดูพืชไร่ที่อุดมสมบูรณ์โบกสะบัดไปมาตามสายลม เป็นความสุขที่บริสุทธิ์จากใจจริงอย่างหนึ่ง ยามที่ได้เห็นเธอมีความสุขอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่ได้เรียกไป๋อิงอิงให้มารินน้ำชาหรือกลับร้านด้วยกัน ในเมื่อเธอเล่นสนุกอยู่ ก็ปล่อยให้เธอเล่นอีกสักพักแล้วกัน
โจวเจ๋อใช้มือข้างหนึ่งยันกำแพงเดินออกมาจากร้านอินเทอร์เน็ต แล้วเดินข้ามถนน ตอนที่กำลังจะผลักประตูร้านหนังสือโจวเจ๋อเห็นนักพรตเฒ่าใส่ชุดนักพรตฮัมเพลงและกวาดถนนไปด้วย เจ้าลิงน้อยน่ารักยังคงนั่งอยู่บนไหล่ของเขา ดูเหมือนกำลังแกะเปลือกถั่วลิสงอยู่ หนึ่งคนหนึ่งลิงมีความสุขมากในคืนนี้
โจวเจ๋อส่ายหน้า ในเมื่อเขาชอบ อย่างนั้นก็ปล่อยเขาไป หลังจากผลักประตูเดินเข้าไปในร้านหนังสือ เดดพูลยังคงนั่งเงียบอยู่ตรงนั้นเหมือนปกติทุกวัน ถ้าหากในร้านไม่สกปรก เขาก็จะนั่งอยู่ตรงนั้นทั้งวันไม่กระดุกกระดิก
โจวเจ๋อรินน้ำเย็นให้ตัวเองหนึ่งแก้วแล้วดื่มลงไป ความเจ็บแปลบบริเวณหน้าอกยังคงดำเนินต่อไป แต่กลายเป็นความชินชาบ้างแล้ว ความเจ็บปวดใดๆ การเจ็บป่วยใดๆ ตอนที่คุณเริ่มชินชากับมัน การรับรู้ถึงมันจะเริ่มลดน้อยลงไปช้าๆ
โจวเจ๋อเดินขึ้นไปข้างบน ผลักประตูห้องนอนของสวี่ชิงหล่าง “ถอนพิษสำเร็จไหม” โจวเจ๋อถามสวี่ชิงหล่างที่นั่งพิงอยู่ในถังอาบน้ำ
สวี่ชิงหล่างหันหลังให้โจวเจ๋อนั่งพิงอยู่กับขอบถังอาบน้ำ มีเสียงกรนเล็กน้อย จากนั้นโจวเจ๋อก็เห็นหนอนตัวหนึ่งที่ตัวดำไปทั้งตัวอยู่ตรงมุมหนึ่งของกำแพง ด้านในของตัวหนอนเต็มไปด้วยพิษผีดิบ น่าจะถอนพิษสำเร็จแล้ว เหล่าสวี่คงเหนื่อยจึงนอนหลับสนิทมาก
โจวเจ๋อไม่รบกวนอยู่นาน ปิดประตูห้องนอนเบาๆ เขาเดินกลับมาที่ชั้นหนึ่งอีกครั้ง เลือกนิตยสารมาหนึ่งเล่ม นั่งลงในตำแหน่งที่ตัวเองคุ้นเคยที่สุด เอนหลังพิงโซฟาแล้วนอนลงไป
ท่าทางที่คุ้นเคย บรรยากาศที่ใช่ มีดนตรีเบาๆ เป็นเพลงพื้นหลังในร้านหนังสือ แต่ไม่รู้ทำไม โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่าง ปกติเขาสามารถนอนแบบนี้ได้ทั้งวัน และไม่คิดจะขยับตัวไปไหน เขาเพลิดเพลินกับความสงบเพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่ดี เพลิดเพลินกับความขี้เกียจ แต่วันนี้ดูเหมือนจะผิดปกติไปนิด
อิงอิงเล่นเกมอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ต นักพรตเฒ่ากับเจ้าลิงกำลังกวาดถนนอยู่ เหล่าสวี่นอนหลับอยู่ข้างบน ไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหม
….
“ร่างกายนี้ถูกหล่อเลี้ยงมาอย่างดียากที่จะได้เจอ ใครกันแน่ที่ทุ่มเวลานานหลายปีเพื่อเลี้ยงผีดิบตัวหนึ่ง เหอะๆดังนั้นถ้าหากถลกหนังของเธอออก น่าจะมีประโยชน์มาก”
ไป๋อิงอิงถูกขลุ่ยหยกจับห้อยไว้กลางอากาศ แขนทั้งสองข้างของเธอห้อยลงไปข้างลำตัว เธอก้มหน้าต่ำลงไปทั้งตัว ดูแล้วน่าสงสารอย่างยิ่ง
“พวกปีศาจเดินทางผิดอย่างพวกเธอ ไม่มีคุณค่าเลยสักนิด นี่เป็นวิธีไถ่บาปต่อโลกนี้สำหรับพวกเธอ ฉันขอเป็นตัวแทนของความถูกต้อง ยึดสิ่งที่อยู่ในร่างกายของพวกเธอ ถือว่าเป็นการสร้างบุญกุศลของพวกเธอก็แล้วกัน หากชาติหน้ามีจริง ขออย่าเกิดผิดที่อีก”
เงาดำยื่นมือออกมา ยังเป็นฝ่ามือที่เล็กแคบแต่แหลมคมมากเหมือนเดิม เป็นเหมือนใบเลื่อย แต่ไม่ช้าเขาก็ลังเล “ก่อนที่จะถลกหนังของเธอ หยิบเน่ยตัน[1]ของเธอออกมาก่อนดีกว่า อันนี้น่าจะมีประโยชน์มากกว่า” ขณะที่พูด มือของเขาได้วางอยู่ที่คอของไป๋อิงอิง จากนั้นทิ่มเข้าไปช้าๆ ไป๋อิงอิงเดิมทีมีกายเนื้อที่แข็งแรง แต่เวลานี้กลับเปราะบางอย่างเห็นได้ชัด จึงเหมือนกับเอาตะเกียบแบะเนื้อเต้าหู้อ่อน และน่าจะเป็นเพราะอาการบาดเจ็บหนัก ทำให้ร่างนี้ใกล้จะแตกดับ เหมือนกับเปลวเทียนริบหรี่ที่อยู่ท่ามกลางสายลม และเหมือนกับใบไม้ปลิดปลิวที่ได้แต่ถูกรังแกโดยสายลม
มือของเงาดำเริ่มเลื่อนลงไปช้าๆ ปากแผลเริ่มจากลำคอ และถูกกรีดต่อไปช้าๆ เหมือนปลาที่โดนผ่าท้องเพื่อที่จะล้างทำความสะอาดได้เยอะขึ้น
“อ๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!” ไป๋อิงอิงเงยหน้า ส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา
…
“อ๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!”
ภายในร้านหนังสือ จู่ๆ โจวเจ๋อก็รู้สึกเจ็บจนกล้ามเนื้อกระตุกสั่นไปทั้งตัว กลิ้งตกลงมาจากโซฟาทันที กระแทกกับโต๊ะน้ำชาที่อยู่ข้างกาย
“เจ็บ…เจ็บจริงๆ…เจ็บชะมัด…” โจวเจ๋อเหมือนจะรู้สึกได้ในที่สุดว่ามีอะไรแปลกๆ ต้องมีอะไรแปลกๆ แน่นอน เขามองไปที่เดดพูล ตะโกนเรียกเดดพูลอยู่ในใจ แต่เดดพูดยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม
โจวเจ๋อรีบวิ่งออกจากร้านทันที ตะโกนเรียกนักพรตเฒ่าที่กวาดถนนอยู่สุดถนนทางโน้น แต่นักพรตเฒ่ากลับร้องเพลงของตัวเองต่อไป กวาดถนนต่อไป แม้แต่คำพูดของเถ้าแก่ก็ยังทำเป็นหูทวนลม!
โจวเจ๋อรีบวิ่งเข้าไปในร้านอินเทอร์เน็ตทันที เขาวิ่งตรงดิ่งขึ้นไปบนชั้นสองเหมือนคนบ้า วิ่งเข้าไปข้างหน้าไป๋อิงอิงที่กำลังเล่นเกมอยู่
“อิงอิงๆ!” โจวเจ๋อจับไหล่ของไป๋อิงอิง
“เถ้าแก่…มีอะไรเจ้าคะ…อยากให้อิงอิงรินน้ำชาไหม” ไป๋อิงอิงหันมามองโจวเจ๋อ นัยน์ตาของโจวเจ๋อหดตัวลง ไป๋อิงอิงที่อยู่ตรงหน้าเขามีเลือดเต็มไปทั้งตัว เนื้อตัวโชกเลือดมีบาดแผลน่ากลัว และแผลที่คอของเธอยังคงโดนฉีกขยายยาวออกไปไม่หยุด นี่เป็นฉากที่ทำให้คนขนหัวลุก และไป๋อิงอิงดูเหมือนจะไม่รู้สึกตัว
เธอเห็นเถ้าแก่เหม่อมองตัวเอง จึงหัวเราะขึ้นมาด้วยความซุกซน “หงิงๆๆ…”
“เกิดอะไรขึ้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ!” โจวเจ๋อเอามือกุมศีรษะของตัวเองแน่น เล็บทิ่มเข้าไปในผิวหนังของตัวเอง เลือดสดเริ่มไหลหยดติ๋งๆ ทั้งหมดนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่!
…
ยันต์กระดาษสามสีที่แปะอยู่หน้าประตูออฟฟิศ ตอนนี้เริ่มสั่นขึ้นมา ทันใดนั้นยันต์กระดาษใบแรกได้ร่วงลงมาจากประตู จากนั้นใบที่สอง ต่อด้วยใบที่สาม และชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในออฟฟิศเอามือกุมศีรษะด้วยความทรมานสุดขีดก็เริ่มเงยหน้าขึ้นช้าๆ!
………………………………………………………………………..
[1] เน่ยตัน คือ ยาที่หลอมภายในร่างกายซึ่งเกิดจากการบำเพ็ญตบะ เต๋าเน้นที่การฝึกฝนภายในจะเปรียบร่างกายเป็นเหมือนเตาหลอม