ตอนที่ 262 ปลดล็อก ตื่น!
หากมองอย่างละเอียด สามารถมองเห็นรอยนิ้วเปื้อนเลือดทั้งสิบบนศีรษะของโจวเจ๋อได้ และบางจุดยังมีเลือดสดไหลออกมา ไหลย้อยไปตามหูและคางของโจวเจ๋ออย่างช้าๆ
เถ้าแก่โจวปกติไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่สนใจทั้งสิ้นขาดก็แต่เอามือป้องหูเอาไว้ไม่ให้ได้ยินเท่านั้น น้อยมากจริงๆ ที่เขาจะลนลานและร้อนใจแบบนี้
ชาติที่แล้วขยันหมั่นเพียรทะนุถนอมเวลาและโอกาสต่างๆ พยายามไต่เต้าขึ้นไป ชาตินี้เขายอมเป็นปลาเค็มตัวหนึ่ง เดิมทีคิดว่าตัวเองสามารถใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปได้อย่างสบายใจ และคิดว่าตัวเองไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงหรือใส่ใจ
การใช้ชีวิตแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผู้คนดูถูกคนพเนจร เพราะว่าพวกเขาจน แต่ผู้คนกลับอิจฉาคนที่เดินทางท่องเที่ยวใช้ชีวิตหรูหราคิดจะไปเที่ยวเมื่อไรก็ไปแบบนั้น
เถ้าแก่โจวเป็นอย่างหลัง แต่ตอนนี้เขาร้อนใจและกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เหมือนสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของตัวเองกำลังจะจากตัวเองไป ซึ่งเหมือนเพลงที่ร้องว่า สูญเสียแล้วถึงจะรู้คุณค่า นี่เป็นโรคทั่วไปของคนส่วนใหญ่ อ้อ เป็นโรคทั่วไปของผู้ชายส่วนใหญ่
โจวเจ๋อไม่เคยลืมภาพที่ไป๋อิงอิงแอบใช้ลิ้นคนแก้วน้ำของตัวเองอย่างซุกซน ไม่เคยลืมตอนที่ตัวเองดื่มน้ำแล้วรู้สึกถึงความหวานเล็กน้อย และยิ่งไม่เคยลืมความรู้สึกสบายตอนที่ตัวเองนอนบนตักของเธอและปล่อยให้เธอนวดจนเผลอหลับไป กระทั่งแม้แต่ตอนที่ไป๋อิงอิงแอบออกแบบเตียงไม้ไผ่แบบต่างๆ สำหรับเทศกาลเสื้อกันหนาวครั้งถัดไป ก็ถูกพบเข้าโดยบังเอิญในครั้งหนึ่งที่โจวเจ๋อใช้คอมพิวเตอร์
วันก่อนไป๋อิงอิงหยิบเงินของเธอมาให้โจวเจ๋อเอาไป ‘ซื้อบริการ’ ถึงแม้จะทำให้โจวเจ๋อรู้สึกปวดตับ แต่ก็รู้สึกชื่นชมและซาบซึ้งใจในตัวหญิงสาวที่เซ่อซ่าและน่ารักมากคนนี้เป็นอย่างมาก
’ปึง!’ เมื่อผลักประตูออฟฟิศ โจวเจ๋อเห็นยันต์กระดาษสามใบร่วงกระจายอยู่บนพื้น เขางยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ฉวีเจินเจินนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ไม่ขยับเขยื้อน ส่วนไป๋อิงอิงที่เดิมทีควรจะนั่งเล่นเกมกับเธอกลับไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว
โจวเจ๋อพุ่งไปตรงหน้าฉวีเจินเจิน ยื่นมือดึงยันต์กระดาษใบนั้นออกจากหน้าอกของเธอ
“กรี๊ดๆๆๆๆ!!!!!” ฉวีเจินเจินเริ่มกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เธอเหมือนผู้หญิงบ้าที่โดนลงโทษให้กักตัว เริ่มระบายความไม่สบายใจและความหวาดกลัวในใจของตัวเองออกมา สภาพของเธอในตอนนี้ อยากจะถามอะไรก็คงถามไม่ได้ความ
คนมากมายในร้านอินเทอร์เน็ตหันมาดูสถานการณ์ทางนี้ คนส่วนใหญ่คิดว่าโจวเจ๋อคิดจะทำอะไรหญิงสาวที่เป็นคนเฝ้าเคาน์เตอร์ มีผู้ชายใส่เสื้อยืดสองคนยืนขึ้นแล้วเดินมาทางนี้เหมือนวีรบุรุษช่วยสาวงาม
“นี่ พี่ชาย เก่งนักเหรอ รังแกผู้หญิง”
โจวเจ๋อหมุนตัวคิดจะเดินออกไป
“นี่ จะไปแล้วเหรอ ขี้ขลาดชะมัด อยากออกไปเหรอ ไม่มีทาง พูดเรื่องนี้…”
โจวเจ๋อหันขวับกลับมาทิ่มแขนของอีกฝ่ายโดยตรง อีกฝ่ายลงไปนอนกลิ้งกับพื้นทันที น้ำลายฟูมปาก อีกสองคนทางด้านข้างที่อยากจะเป็นวีรวบุรุษช่วยสาวงามงงมากเมื่อเห็นฉากนี้ และไม่กล้าเดินไปข้างหน้าสักก้าว
โจวเจ๋อพุ่งออกจากร้านอินเทอร์เน็ตมาที่ถนน เขาเหมือนจะสัมผัสได้รางๆ ว่าอิงอิงอยู่แถวนี้ แต่ที่นี่น่าจะถูกปิดบังด้วยวิชาอำพรางตาขั้นสูง เล็บของเขางอกยาวออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วทิ่มลงไปบนพื้น ควันสีดำเป็นสายเริ่มฟุ้งกระจายเข้าสู่ผิวดิน ทันใดนั้นตรงแนวทแยงข้างด้านหน้าโจวเจ๋อ ควันสีดำเหมือนถูกขัดขวางไม่สามารถเข้าไปได้
อยู่ตรงนั้น!
เวลานี้โจวเจ๋อไม่มีเวลาคิดถึงนักพรตเฒ่ากับเจ้าลิง และไม่มีเวลานึกถึงสวี่ชิงหล่างกับเดดพูลที่อยู่ชั้นสอง ในหัวของเขามีแต่ไป๋อิงอิงเท่านั้น ไม่ใช่ความลำเอียง แต่เป็นสัญชาตญาณ คนเรามักจะนึกถึงสิ่งที่ใจของตัวเองอาลัยอาวรณ์อย่างแท้จริงเวลาที่อยู่ในช่วงคับขันเสมอ
โจวเจ๋อพุ่งไปทางนั้น ชูเล็บขึ้นมาแล้วหวดลงไป! ไม่มีสิ่งใดอยู่ตรงหน้า อย่างน้อยสำหรับตอนนี้คือมองไม่เห็นอะไรเลย แต่โจวเจ๋อรู้ดีว่ามีค่ายกลขวางอยู่ตรงนี้ เถ้าแก่โจวไม่ใช่คนความรู้น้อยเหมือนวันวาน สัมผัสประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มาแล้วไม่น้อย
ดูเหมือนเล็บจะกรีดโดนม่านกั้นที่มองไม่เห็น ภาพที่อยู่ตรงหน้าเริ่มบิดเบี้ยวเกิดการเปลี่ยนแปลง
แม้แต่ไฟริมทางแต่ละดวงก็แตกละเอียดไปแล้ว บนพื้นมีรอยเลือดและรอยไหม้หลายจุด ไป๋อิงอิงถูกแขวนอยู่บนขลุ่ยหยก เธอร้องไห้กระซิกน่าเวทนา โดยเฉพาะบาดแผลที่น่ากลัวนั่น เห็นแล้วน่าตกใจ
เงาดำที่ยืนอยู่ข้างๆ ไป๋อิงอิงหันมามองโจวเจ๋อที่ปรากฏตัวกะทันหัน เขาตกใจอยู่บ้าง เพราะเขารู้ดีถึงอานุภาพของยันต์ทั้งสามใบนั้น เว้นเสียแต่ว่าตึกถล่มลงมา ไม่อย่างนั้นคนที่อยู่ในห้องจะไม่สามารถรับรู้สถานการณ์ภายนอกได้เด็ดขาด
เขาไม่ฆ่ายมทูต ดังนั้นจึงตั้งใจกันโจวเจ๋อออกไปโดยเฉพาะ แต่โจวเจ๋อก็ยังเข้ามา เขาจึงไม่ค่อยสบายใจเท่าไรสายตาของเขามองโจวเจ๋อเหมือนกำลังมองคนหน้าด้านไม่รู้กาลเทศะคนหนึ่ง เขาไม่ฆ่ายมทูต แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะฆ่าไม่ได้ และไม่ได้หมายความว่า เขาไม่กล้าฆ่ายมทูต
ถ้าหากยมทูตเดินทางสกปรกสมคบคิดกับปีศาจร้ายจริงๆ ก็สมเหตุสมผลที่ต้องกลายเป็นเป้าหมายให้เขา ‘ผดุงธรรมแทนสวรรค์’ ต้องกำจัดให้สิ้นซาก!
ใช่ ต้องใช่แบบนี้ มีเหตุผลมาสนับสนุนแล้ว สามารถอธิบายได้ทุกอย่าง
เงาดำรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก สายตาเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นขึ้นมา “คุณมา เพราะอยากจะ…พูดอะไรกับผมใช่ไหม” เงาดำถาม
โจวเจ๋อไม่สนใจเขาแต่พุ่งไปหาไป๋อิงอิง และเป็นประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เงาดำไม่ห้ามโจวเจ๋อ ปล่อยให้เขาวิ่งไปอยู่ข้างๆ ไป๋อิงอิง
มือของโจวเจ๋อวางลงบนใบหน้าของไป๋อิงอิง เขามองทุกอย่างอย่างไม่อยากจะเชื่อ หญิงสาวที่ร้อง ‘หงิงๆๆ’ ออดอ้อนทำตัวน่ารักโรแมนติกกับเขามาตลอด ตอนนี้กลับถูกทรมานจนมีสภาพเป็นเช่นนี้ และตอนที่เธอเผชิญความเจ็บปวดทรมานเหล่านี้ ตัวเขา…ตัวเขา…ตัวเขากลับนั่งดื่มเหล้าอยู่ข้างบน!
ความโกรธเคือง ความละอายใจ ความแค้นใจ ทรมานหัวใจของโจวเจ๋อไม่หยุด ในใจของเขาเต็มไปด้วยการประณามตัวเองอย่างที่ยากจะจินตนาการได้
เขาอยากใช้ชีวิตแบบปลาเค็ม เขาอยากใช้ชีวิตสบายๆ ไร้จุดหมาย เขาชอบชีวิตขี้เกียจไปวันๆ แบบนี้ เขาเคยเตรียมตัวเตรียมใจเป็นหมูที่ตายที่ไม่กลัวน้ำร้อน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ตัวเขาแค่ยอมรับก็พอ ขอเพียงให้เขาได้ใช้ชีวิตสุขสบายในตอนนี้ อย่างอื่นไม่ต้องสนใจ
แต่ทำไม ทำไมถึงไม่เข้ามาหาเรื่องเขาโดยตรง แต่กลับมาเล่นงานคนรอบข้างเขา
ไป๋อิงอิงลืมตาอย่างหมดเรี่ยวแรง สายตาของเธอพร่ามัวเล็กน้อย ไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน เธอเห็นโจวเจ๋อแล้วเธอไม่ได้ร้องไห้และไม่โวยวาย ยิ่งไม่เสียใจไม่ขอให้ปกป้อง และไม่ต่อว่าโจวเจ๋อว่ามัวทำอะไรอยู่ถึงเพิ่งมา
เธอใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตัวเองพูดเตือนว่า “เถ้าแก่…ระวัง…เสียงขลุ่ยของเขา…”
สายตาของโจวเจ๋อมองไป๋อิงอิงอย่างละเอียด โดยเฉพาะตอนที่เห็นแผลขนาดใหญ่ที่ลำคอของเธอ เขาแทบจะคำรามออกมาด้วยความโกรธ!
“คุณกำลังหาอันนี้อยู่ใช่ไหม” เงาดำยิ้มพลางยื่นมือออกมา บนฝ่ามือของเขา มีซือตัน[1]กลมสดใสกำลังลอยอยู่
“คุณเลี้ยงเธอเอาไว้ข้างกาย น่าจะเพื่อเจ้าสิ่งนี้ใช่ไหม ขอโทษนะ ผมเป็นผู้ผดุงคุณธรรม เจ้าสิ่งนี้เป็นของผมแล้วคุณในฐานะยมทูต ไม่คำนึงในหน้าที่ของตัวเอง กลับเลี้ยงผีดิบรวมถึงให้ท้ายปีศาจร้าย ความเสียหายนี้ถือว่าผมลงโทษคุณ คงไม่มากเกินไปใช่ไหม”
โจวเจ๋อหันมามองชายชรา เขาอยากจะถามว่า ‘ทำไม’ อยากจะถามว่า ‘คุณเป็นใครกันแน่’ อยากจะถามว่า ‘ผมไปล่วงเกินคุณตรงไหน’ อยากจะถามว่า ‘ทำไมคุณต้องทำแบบนี้’ แต่ปากกลับพูดไม่ออก เพราะตอนนี้ไม่ว่าคำพูดใด ไม่ว่าการพูดที่มากเกินไปใดๆ ไม่ว่าคำอธิบายที่เกินความจำเป็นใดๆ ต่างไม่มีความหมายทั้งสิ้น
อิงอิงถูกทรมานจนกลายเป็นแบบนี้ เขายังต้องถามอะไรอีก ไม่จำเป็นต้องถามเลย ไม่ต้องถามจริงๆ
“คุณไปเถอะ ต่อไปตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ผีดิบตัวนี้ต้องอยู่ที่นี่ ผมยังต้องถลกหนังของเธอเอามาใช้ประโยชน์อีก เธอเกิดจากสิ่งสกปรก สามารถอุทิศตนเพื่อความถูกต้อง ถือว่าผมช่วยสร้างบุญกุศลให้เธอ”
“สร้างบุญกุศลเหรอ” โจวเจ๋อมองเงาดำอย่างมึนงง จากนั้นจึงก้าวเดินออกมา เดินเข้าไปหาเงาดำ
“คุณ…หมายความว่ายังไง…” เงาดำถาม โจวเจ๋อไม่ตอบ เดินเข้าไปหาเขาต่อไป
“ปีศาจร้ายในร้านหนังสือของคุณถูกผมกำจัดหมดแล้ว ผมกำลัง…ช่วยคุณอยู่”
“ช่วยผมเหรอ” โจวเจ๋อเดินไปข้างหน้าต่อ
“เหอะๆ สงสัยคุณจะโกรธมาก”
“โกรธเหรอ”
เงาดำเห็นโจวเจ๋อเดินเข้ามาใกล้ตัวเองไม่หยุด จิตอาฆาตรุนแรงบนตัวแทบจะกลายเป็นหยดน้ำไหลออกมา เขารู้สึกสงสัยอยู่บ้าง สงสัยว่ายมทูตตนนี้ไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรเลยใช่ไหม จากนั้นจึงโมโหอยู่บ้าง โมโหที่ยมทูตตัวเล็กๆ ตนนี้ไม่รับน้ำใจทั้งที่ตัวเองอุตส่าห์ไว้หน้า ยมทูตตนนี้ตัดสินใจแน่วแน่คิดจะเป็นแก๊งเดียวกันกับปีศาจร้ายพวกนี้แล้ว
“คุณคิดว่าคุณเป็นใคร กล้าพูดแบบนี้กับผม”
เสียงขลุ่ยดังขึ้นแสบแก้วหูของโจวเจ๋อทันที ใบหน้าของโจวเจ๋อแสดงความเจ็บปวดออกมา วินาทีนั้นเหมือนท้องฟ้าหมุน
ไป๋อิงอิงเตือนโจวเจ๋อถึงเสียงขลุ่ย แต่โจวเจ๋อไม่ได้สนใจเลยสักนิด ไม่ใช่เพราะโจวเจ๋อไม่เห็นค่าคำเตือนของไป๋อิงอิง แต่เป็นเพราะโจวเจ๋อโกรธมากเกินไปจึงประมาท และวินาทีที่เห็นสภาพน่าอนาถของไป๋อิงอิง โจวเจ๋อก็รู้แล้วว่าตัวเองควรทำอะไร
กลัว ขี้ขลาด กังวล สุนัขเฝ้าประตู ซุปเนื้อหมา ยึดแล้วแทนที่ แผนต้นหลี่ตายแทนต้นท้อ แม่งไร้สาระทั้งเพ!
ตอนนี้โจวเจ๋อมีความคิดอย่างเดียวคือใช้ทุกวิถีทาง ยอมแลกทุกอย่าง กระทั่งต่อให้ตัวเองตกนรกอเวจีตลอดไป ก็ต้องทำให้เงาดำนี้ ไอ้แก่คนนี้ถูกทำลายกลายเป็นเถ้าถ่าน กลืนกินวิญญาณให้จงได้ เอาความเจ็บปวดทรมานที่ไป๋อิงอิงต้องทนรับจากเขาคืนเขาเป็นสิบเท่า ร้อยเท่า พันเท่า หมื่นเท่าไปเลย!
ภายใต้ความเจ็บปวดที่เกิดจากเสียงขลุ่ย โจวเจ๋อหยุดเดิน แล้วใช้นิ้วชี้ข้างซ้ายของตัวเองจิ้มตรงกลางระหว่างคิ้วของตัวเองอย่างเงียบๆ เงียบมากเหมือนไปเคาะประตูเพื่อนบ้านแล้วพูดว่า ‘ฝนจะตกแล้ว ช่วยเก็บข้าวที่ตากในหุบเขาด้วย’
ขณะเดียวกันโจวเจ๋อได้หลับตา จากนั้นค่อยๆ ลืมตา มุมปากของเขามีรอยยิ้มโค้งขึ้นมาเล็กน้อย บุคลิกของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินในชั่วพริบตา แล้วพูดเย้ยหยันว่า “เหอะๆ…ไม่ได้เป็นเพราะกลัวข้า…ตื่น…จึง…หาทุกวิธี…ไม่ให้ข้า…ตื่นหรอกเหรอ…”
เงาดำเริ่มงุนงงกับการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ไม่ช้าเขาเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง แล้วพูดทันที “ใช่ เขาไม่รู้อะไรควรไม่ควร แต่คุณน่าจะรู้ใช่ไหม”
โจวเจ๋อเงยหน้าอย่างฉงน มองเงาดำที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นเหยียดนิ้วชี้ไปที่ไอ้หมอนี่แล้วถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าเป็นใคร กล้าพูดกับข้าด้วยกิริยาเช่นนี้”
…………………………………………………………………………
[1] ซือตัน คือเน่ยตันในร่างกายของศพ ในที่นี้คือผีดิบเกิดจากการบำเพ็ญตบะของผีดิบ โดยคำว่าซือ (尸) แปลว่าศพ