ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 263 เจ้าซนมาก!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 263 เจ้าซนมาก!

ไม่มีการปูเรื่อง ไม่มีลางสังหรณ์ล่วงหน้า เงาดำปรากฏตัวขึ้นในทันใด อุดมคติและเหตุผลของมันแทบจะนำมาซึ่งการทำล้ายล้างร้านหนังสือให้พังทลายลงไป

ถ้าหากร้านหนังสือเหลือเถ้าแก่โจวคนเดียวไม่มีใครช่วยงาน แบบนี้ร้านหนังสือจะมีความหมายอะไร หรือนี่อาจจะเป็นการใช้ชีวิต เป็นชีวิตของมนุษย์ ถึงแม้ว่าคุณจะตายไปแล้ว ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นยมทูต ก็หนีโชคชะตานี้ไม่พ้น

ขอแค่คุณ ‘ยังมีชีวิตอยู่’ อย่างนั้นก็ต้องเตรียมตัวรับความตื่นเต้นที่จะมาสู่ชีวิตของคุณตลอดเวลา หรือบางทีก็อาจจะเป็นความหวาดกลัว!

สายตาของโจวเจ๋อนิ่งสงบมาก ไม่ใช่แววตาโกรธเคืองก่อนหน้านั้น นี่คือความใจเย็นจริงๆ โจวเจ๋อในตอนนี้ไม่ใช่โจวเจ๋อคนเดิมอีกต่อไป นี่ก็เหมือนกับเด็กกลุ่มหนึ่ง พวกเขากำลังเล่นเกมดีดลูกแก้วอย่างถึงจิตถึงใจ ตาใหญ่มองตาเล็ก แล้วตอนนี้ก็มีผู้ใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามาร่วมวง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก ถ้าหากคุณยังมองตากันปริบๆ อีก เฮ้อ จริงๆ เลยเชียว แบบนี้หน้าด้านไหม

ร่างกายเริ่มแห้งเหี่ยวอย่างช้าๆ แต่ครั้งนี้ระดับการแห้งเหี่ยวไม่มากนัก ยังสามารถรักษาสภาพเดิมของร่างกายได้เป็นส่วนใหญ่ แต่คมเขี้ยวที่มุมปากกลับดูหนักขึ้น

“ยินดีด้วย คุณทำให้ผมโกรธแล้ว ดังนั้น ผมจะผดุงธรรมแทนสวรรค์ จัดการคุณเอง!”

“พูดมาก”

โจวเจ๋อใช้เล็บยาวของตัวเองแคะหูของตัวเองเบาๆ แล้วดีดออกไป

‘วืด!’

เงาดำหายไปจากที่เดิมโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าใดๆ ทั้งสิ้น! แต่โจวเจ๋อกลับยื่นมือคว้าไปข้างหน้า เหมือนกำลังโบกมือไปมา ในชั่วพริบตาเดียวเงาดำเหมือนกับนำคอของตัวเองมาถวายใส่ฝ่ามือของโจวเจ๋อ ปรากฏตัวต่อหน้าโจวเจ๋อ ยื่นคอให้โจวเจ๋อเช่นกัน

‘กึก!’ รวดเร็ว ตรงไปตรงมา ไม่พูดมากเสียเวลากับเงาดำเลยสักนิด และขี้เกียจพูดถึงหลักการผดุงคุณธรรมอะไรด้วย

โจวเจ๋อบีบแล้วหักคอของเงาดำโดยตรง ร่างของเงาดำบิดเบี้ยวเสียดสีกันจนไฟลุกพึ่บเผาไหม้ขึ้นมา กลายเป็นประกายไฟลอยกลางอากาศชั่วขณะหนึ่ง

ก่อนหน้านั้นความเร็วของเงาดำนั้นเร็วมาก แต่การเคลื่อนไหวของเขาถูกโจวเจ๋อมองทะลุปรุโปร่งแล้ว กระทั่งสามารถนั่งเฝ้าต้นไม้รอกระต่ายได้เลย ไม่เพียงแต่เรื่องกลยุทธ์เท่านั้น ด้านยุทธวิธี โจวเจ๋อก็ยังดูถูกการเคลื่อนตัวของเขา แต่หนังคนหนึ่งผืนไม่มีแล้ว หนังคนผืนใหม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีก เงาดำเดินออกมาอีกครั้ง ปรากฏตัวอยู่ทางด้านซ้ายของโจวเจ๋อ

ติ่งหูของโจวเจ๋อกระดิกเล็กน้อย เขากำลังฟัง กำลังแยกแยะ เหมือนละครหุ่นเชิด ไม่ว่าหุ่นเชิดจะมีความคล่องตัวแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ต้องมีสายหุ่นเชิดที่คอยควบคุมพวกมันอยู่เบื้องหลัง ถ้าหาสายหุ่นเชิดเส้นนี้ไม่เจอ คุณก็ต้องทำลายหนังคนไปเรื่อยๆ และใครจะรู้ว่าไอ้หมอนี่เก็บหนังคนไว้เท่าไรกันแน่ จากนั้นเขาก็เดาะปากเบาๆ พอจะรู้ทิศทางและตำแหน่งคร่าวๆ แล้ว แต่ได้ยินไม่ชัดเจน

โจวเจ๋อพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆ และตอนนี้เสียงขลุ่ยก็ดังขึ้นอีก เสียงขลุ่ยเหมือนจะกลายเป็นเพลงธีมหลักในค่ำคืนนี้ เหมือนฝันร้ายที่ไร้ตัวตน ปกคลุมอยู่เหนือศีรษะของทุกคนในร้านหนังสือ มาพร้อมกับความอึดอัดและความน่าสะพรึงกลัว

โจวเจ๋อยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน แต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เสียงนี้ น่ารำคาญจริงๆ” จากนั้นเขี้ยวทั้งสองข้างของโจวเจ๋อก็เริ่มเสียดสีกัน ‘กึก…กึก…กึก…’ นี่คือเสียงของการกัดฟัน เวลาที่คนนอนหลับมักจะชอบนอนกัดฟันเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก และได้ยินเป็นปกติ

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสียงขลุ่ยที่น่ากลัว โจวเจ๋อจึงเริ่มกัดฟัน

‘ฮู้ฮูๆๆ…ฮู้ฮูๆๆ…ฮู้ฮูๆๆ…’ เสียงขลุ่ยไพเราะเสนาะหูดึงดูดคนฟังนับพันครั้ง

‘กึก…กึก…กึก…กึก…’ เสียงกัดฟัน เอ่อ เสียงกัดฟันนั่นแหละ ไม่มีจังหวะอะไร ดูเหมือนจะแค่กัดฟันเท่านั้น

ดูเหมือนเป็นการต่อต้านที่ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร เป็นการต่อต้านที่เพ้อฝันไม่สามารถเป็นจริงได้ แต่ไม่ช้าก็เริ่มมีเสียงดังกร๊อบแกร๊บมาจากขลุ่ยหยก มีรอยแตกเป็นทางอยู่ด้านบนของมัน!

‘กึก…กึก…กึก…’

โจวเจ๋อกัดฟันต่อไป มุมปากยิ้มขึ้นมา เหมือนกำลังเคี้ยวหมากฝรั่งนั่งดูละครอยู่ข้างๆ

‘กร๊อบ…กร๊อบ…กร๊อบ…’ นี่ไม่ใช่เสียงกัดฟัน แต่เป็นเสียงของรอยแตกที่ปรากฏบนขลุ่ยหยกเลานี้อย่างต่อเนื่อง มาพร้อมกับลมหายใจที่ทำให้คนต้องใจสั่น

‘กึก!’ ทันใดนั้นโจวเจ๋อก็กัดฟันอย่างหนักหน่วง หลังจากเขี้ยวทั้งสองกระทบกับขลุ่ยหยกอย่างรุนแรงแล้ว ขลุ่ยหยกพลันแตกหักกลายเป็นสองท่อน! เงาดำเหมือนนิ่งเหม่อไปทั้งตัว จากนั้นโจวเจ๋อจึงโผล่มาด้านหน้าเงาดำ เงาดำไม่แม้แต่จะต่อต้าน ร่างกายถูกโจวเจ๋อแทงทะลุโดยตรง จากนั้นจึงฉีกขาดในที่สุด!

‘สวบสาบๆ…’ ติ่งหูของโจวเจ๋อกระดิกอีกครั้ง เขาจับเสียงนี้ได้แล้ว ซ่อนตัวอยู่ตรงนั้นเหรอ เงาดำตัวที่สามปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากปรากฏตัวแล้วก็ต้องงุนงง เพราะเขาพบว่าคู่ต่อสู้ของตัวเอง ยมทูตคนนั้นไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว เพราะโจวเจ๋อไปโผล่ตัวอยู่ข้างถังขยะที่อยู่ตรงหัวโค้งถนนไกลๆ จากนั้นเตะถังขยะใบนั้นลอยออกไปโดยตรง!

‘ปัง!’ ถังขยะแตกทันที มีคนกระโดดออกมาจากในนั้นเพราะกินลูกเตะของโจวเจ๋อไปหนึ่งที คนผู้นี้ใส่เสื้อคลุมสีเขียวเก่าๆ หลังค่อมมาก ใบหน้าแปะด้วยกระดาษสีขาวใบหนึ่ง น่าจะเป็นชายชรา

กระดาษสีขาวใบนั้นถูกเจาะเป็นสองรู ทำให้ดวงตาคู่นั้นสามารถมองเห็นภายนอกได้พอดี

“คุณเป็นใครกันแน่ คุณไม่ใช่ยมทูต!”

โจวเจ๋อไม่ตอบ เขาไม่สนใจจะเล่นเกมตอบคำถามกับคนใกล้ตาย หลังจากพุ่งเข้าไป ก็ซัดอีกฝ่าย…จนแบนราบไปเลย!

ร่างกายของโจวเจ๋อกระแทกกับร่างกายของชายชรา ร่างกายของชายชราเริ่มถอยหลังชนกำแพงจนทะลุ แต่ด้วยแรงที่ไม่แผ่วลงเลย จึงกระแทกทะลุกำแพงอีกชั้น สุดท้ายทะลุกำแพงติดๆ กัน!

สามารถจินตนาการได้เลยว่า ตอนที่คนพวกนั้นมาทำงานในวันถัดมา น่าจะสะดุ้งตกใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะว่าร้านของตัวเองกับร้านของเพื่อนบ้านถูกเจาะกำแพงเชื่อมต่อกัน คงจะคิดว่าพวกขโมยที่ไหนที่โอหังอวดดีขนาดนี้!

เงาดำปรากฏตัวอยู่ด้านหลังชายชรา ทั้งสองคนสับเปลี่ยนเคลื่อนย้าย ชายชราย้ายตัวไปอีกด้านหนึ่ง ส่วนเงาดำได้ปริแยกออกจากกันอีกครั้ง

จากนั้นทั้งสองคนก็กลับมาตำแหน่งเดิม ภายใต้ไฟริมทางที่แตกละเอียด มีทางเดินเล็กๆ ขวางกั้น พวกเขาสบตากัน “คุณเป็นใครกันแน่!” ชายชราเริ่มถามอีก

โจวเจ๋อยังไม่สนใจเหมือนเดิม แล้วพุ่งเข้าไปอีกครั้ง ร่างกายของชายชราบวมขึ้นอย่างกะทันหัน ยันต์กระดาษสีแดงลอยกระจายออกมาจากแขนเสื้อของเขาทีละใบ แล้วมาติดอยู่บนตัวของเขา

“กำจัดภูตผีปีศาจ!” ภายใต้เสียงคำราม พลังของชายชราได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทันที นี่คือความงมงายอย่างหนึ่ง นี่คือความเชื่ออย่างหนึ่ง กระทั่งสามารถพูดได้ว่าเป็นความศรัทธาอย่างหนึ่ง

ทำไมชายชรามักชอบพูดถึงเหตุผล พูดถึงความถูกต้อง เป็นเพราะว่าเขาต้องการรักษาความเชื่อเหล่านี้ นี่คือรากฐานของเขา กระทั่งเป็นความหมายที่เขายังมีตัวตนอยู่ และเป็นต้นกำเนิดพลังของเขา

ถึงแม้ต่อหน้าทำอีกอย่างลับหลังทำอีกอย่าง ทว่ารูปแบบเช่นนี้ ขั้นตอนเหล่านี้ ฉากหน้าและสโลแกนแบบนี้ ยังจำเป็นต้องตะโกนออกมา และต้องตะโกนเสียงดัง ตะโกนให้ซาบซึ้งใจกันไปเลย กระทั่งสะกดจิตตัวเองไปด้วย

‘พลั่ก!’ กำปั้นของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอีกครั้ง ‘พลั่ก!’ จากนั้นก็ซัดอีกหนึ่งหมัด! ‘พลั่ก!’ ‘พลั่ก!’ ‘พลั่ก!’ ทั้งสองฝ่ายต่อยติดต่อกันสองสามหมัด หลังจากต่อยหมัดสุดท้ายอย่างเต็มที่ โจวเจ๋อยังยืนอยู่ที่เดิม แต่ใต้เท้าของชายชรากลับเสียดสีจนเกิดประกายไฟ ถอยครูดไปข้างหลังติดต่อกันสิบกว่าเมตร รองเท้าปลดแอกของเขาถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ทิ้งรอยบุบลึกลงบนถนน

แต่โจวเจ๋อกลับไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้เขาจะเหนือกว่า ทว่าอีกฝ่ายยังสู้กับหมัดของเขาได้ จึงทำให้เขาไม่ค่อยสบายใจนัก คราวนี้เขาหลับตาเล็กน้อยเหมือนกำลังพูดพึมพำกับตัวเอง “ทิ้งการระวังตัวจากข้า อยากให้ข้าช่วยเจ้าฆ่าคนที่อยู่ตรงหน้า ก็ต้องทิ้งการระวังตัวจากข้าทั้งหมด ให้ข้าได้แสดงพลังอย่างอิสระ”

ทันทีที่สิ้นเสียง ใบหน้าของโจวเจ๋อจึงแสดงความยินดีออกมา เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่โจวตกลงแล้ว ขอเพียงได้ฆ่าชายชราที่อยู่ตรงหน้า ทารุณเขา แก้แค้นเขา! เถ้าแก่โจวยินดีแลกทุกอย่าง โดยไม่ต้องลังเลแม้แต่นิดเดียว!

“ซี้ด…” โจวเจ๋อส่งเสียงคร่ำครวญออกมาเบาๆ ร่างกายของเขาแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาสีดำกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุดเหมือนน้ำหมึก ขณะเดียวกันเขาเริ่มโก่งตัวช้าๆ พลางอ้าปาก เขี้ยวกับลิ้นเหมือนให้ความร่วมมือกันอย่างปรองดรองและสมบูรณ์แบบ เขาเข้าสู่สภาวะที่เขาชอบที่สุดและสบายที่สุด

“โฮก!” เสียงคำรามดังออกมา โจวเจ๋อหายไปจากที่เดิม และตอนนี้ชายชราก็ตะโกนเสียงดังว่า “วิถีธรรมในโลกคือความผันผวนของชีวิต!” ร่างกายของเขาหายไปจากที่เดิม วินาทีต่อมา ทั้งสองฝ่ายเจอกันระหว่างทาง จากนั้นก็คือ

‘พลั่ก!’

‘พลั่ก!’

‘พลั่ก!’

‘พลั่ก!’

‘พลั่ก!’

ไม่ใช่การต่อยกันเหมือนก่อนหน้านี้ และไม่ใช่การต่อยที่ยากจะแยกออกจากกันอีกต่อไป แต่เป็นเถ้าแก่โจวจับข้อเท้าของอีกฝ่ายโดยตรง แล้วเหวี่ยงชายชราลงกับพื้นไม่ยั้งเหมือนขว้างถุงทราย! ความเร็วเช่นนี้ ยากที่จะจินตนาการได้! บดขยี้ด้วยพลังที่สุดยอดและรวดเร็วชนิดที่ชายชราเองก็คาดไม่ถึง!

‘ปัง!’

ห้องนอนชั้นสองของร้านหนังสือ เงาดำกระจายหายไป เดดพูลที่โดนแทงท้องทะลุนอนฟุบอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเล็กน้อย

ใบหน้าของสวี่ชิงหล่างเริ่มลอยอยู่บนผิวน้ำ ในถังอาบน้ำล้วนเป็นเลือดสดของเขา แต่หน้าอกของเขายังกระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อย

‘ปัง!’

บนถนนอีกด้านหนึ่ง เงาดำกระจายหายไป วิญญาณปีศาจทั้งสามตัวที่เกือบจะโปร่งแสง เหลือเพียงรัศมีเล็กน้อยนักพรตเฒ่านอนอยู่บนพื้นพยายามเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มอันเนื่องมาจากความแค้นได้รับการชำระ จากนั้นศีรษะก็กระแทกพื้นอย่างแรงสลบไปเลย

เจ้าลิงเช็ดน้ำตาพลางหยิบสมุดหยินหยางหันไปหาวิญญาณปีศาจพวกนั้น แมวดำกลับเข้าไปในสมุดหยินหยางเป็นตัวแรก แม่ย่าแปดกับหวงอาซานหลังจากสบตากันแล้ว จึงเข้าไปในสมุดหยินหยาง พวกมันตอนนี้อ่อนแอเกินไป หากออกไปจากที่นี่เกรงว่าแม้แต่วิญญาณสัมภเวสีเร่ร่อนยังสามารถข่มเหงพวกมันได้ ดังนั้นจึงต้องก้มหน้าเลือกเข้าไปอยู่ในสมุดหยินหยางต่อ เพื่อความอยู่รอด!

พวกสัตว์ต่างๆ ในป่าเก่าแก่ เติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้นตั้งแต่เด็ก ขอเพียงให้มีชีวิตอยู่ ไม่มีอะไรที่ยอมก้มหัวไม่ได้

“โลกมนุษย์ของแกเหรอ!”

‘พลั่ก!’

‘พลั่ก!’

“ทางที่ถูกต้องของแกเหรอ!”

‘พลั่ก!’

‘พลั่ก!’

“ความผันผวนของชีวิตเหรอ!”

‘พลั่ก!’

‘พลั่ก!’

ถนนทั้งสองด้านถูกโจวเจ๋อทุบเป็นหลุมลึกลงไปสองสามเมตร ส่วนร่างกายของชายชราเลือดเนื้อแหลกเหลวไปนานแล้ว เผยกระดูกสีขาวโพลนออกมา น่าอนาถและน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง

“ตอนนี้ต่อให้เป็น…ไท่ซานฝู่จวิน…เวลาอยู่ต่อหน้าข้า…ยังไม่กล้าพูดถึง…วิถีธรรมในโลก…กับข้าเลย…”

โจวเจ๋อปล่อยมือ ชายชราถูกเท้าของเขาเหยียบย่ำเหมือนโคลน

“เถ้าแก่…เก่งมากเลย…หงิงๆๆ…” ไป๋อิงอิงที่ถูกแขวนอยู่บนเสาไฟฟ้าร่างกายอ่อนระโหยโรยแรงใกล้จะหมดลม ตอนนี้พยายามออกแรงลืมตา พยายามร้องตะโกนด้วยความยินดี

โจวเจ๋อตกตะลึงเล็กน้อย เขาหันไปทางผีดิบสาว หากจะพูดถึงระดับของชีวิต ทั้งสองคนแตกต่างกันเป็นอย่างมาก กระทั่งไป๋อิงอิงในสายตาของเขา เป็นแค่มดตัวเล็กๆ เท่านั้น เขาไม่อยากโดนเรียกว่าผีดิบเหมือนไป๋อิงอิง นี่คือการดูหมิ่นเขาอย่างหนึ่ง

แต่พอเห็นหญิงสาวท่าทางเหมือนนักเรียนมัธยมปลายคนนี้ถูกดึงซือตันออกมาจนมีสภาพเป็นแบบนี้แล้ว ยังให้กำลังใจเขาอีก โจวเจ๋อไม่รู้ว่าเป็นอะไร เขายื่นมือออกไปเหมือนโดนผีอำแล้วข่วนจมูกของไป๋อิงอิงเบาๆ ยิ้มเล็กน้อยด้วยท่าทีที่ผิดปกติไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง “เจ้าซนมาก”

……………………………………………………………..

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท