ตอนที่ 265 เขายังไม่ตาย…
หลังจากกลืนซือตันของตัวเองแล้ว ถึงแม้ไป๋อิงอิงจะบาดเจ็บหนัก แต่อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่า ‘ต้นกำเนิดของพลังชีวิต’ ยังคงอยู่ สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ในภายหลัง
‘พลั่ก…’
ไป๋อิงอิงหล่นลงมาจากเสาไฟฟ้า เธอหลับตาอย่างช้าๆ เข้าสู่การหลับใหล แผลของเธอมีแสงสีดำกำลังหมุนเวียน พลังของซือตันกำลังช่วยฟื้นฟูร่างกายของเธอทีละนิด ถึงแม้จะช้ามาก กระทั่งอาจต้องแลกกับการสูญเสียตบะ แต่อย่างน้อยเรื่องราวก็กำลังพัฒนาไปในทางที่ดี
โจวเจ๋อโยนศพชองชายชราที่ไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างทิ้งไปที่พื้น จากนั้นตัวเองก็นั่งบนพื้นเช่นกัน แล้วค่อยๆ ก้มหน้าลง
สายลมเย็นพัดเอื่อยมา เส้นผมของโจวเจ๋อขยับเพราะเหตุนี้ เขานั่งอยู่ตรงนั้นไร้ซึ่งซุ่มเสียง เหมือนตกอยู่ในสภาวะงีบหลับ สาวน้อยโลลิที่อยู่ไกลๆ กำลังมองด้วยความสงสัยตลอดเวลา
เธอรู้สึกว่าจิตสำนึกนั่นกำลังเข้าสู่การหลับใหลอีกครั้ง ตอนนี้โจวเจ๋อตัวจริงน่าจะกลับมาแล้ว แต่เธอไม่กล้าเดินเข้าไปเพื่อยืนยัน ก่อนหน้านั้นตอนที่ตัวเธอยอมลดตัวทำท่านอบน้อมเกือบถูกตานี่จับกิน ถึงแม้สุดท้ายจะไม่ได้กิน แต่ก็ยังโยนเธอทิ้งไม่ต่างจากขยะ
ครั้งนี้สาวน้อยโลลิจะไม่เสี่ยงอันตรายอีก เพราะเธอสัมผัสได้ว่าตอนที่จิตสำนึกนั่นมองตัวเอง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่อาหารในสายตาของเขาเท่านั้น เพียงแต่เขากำลังพิจารณาว่าอาหารนี้จะอร่อยหรือไม่ จะถูกปากตัวเองหรือไม่ โดยไม่สนใจฐานะของเธออย่างสิ้นเชิง หรืออาจจะเป็นเพราะฐานะของเธอต่ำต้อยจนเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
อย่างเช่น คุณคิดว่ากุ้งมังกรกับปลาเหลืองเล็กแพงกว่ากันเท่าไร และจะตัดสินใจกินอันไหน แน่นอนว่ามีเรื่องหนึ่งที่สาวน้อยโลลิสงสัยมาก นั่นก็คือตอนที่จิตสำนึกนั่นตื่นอยู่ ทำไมถึงให้ไป๋อิงอิงกินซือตัน มันไม่สมเหตุสมผลเลย!
หรือว่าเหมือนกับเข้าตลาดปลา พอเวลานานเข้าก็เคยชินกับกลิ่นคาวปลาไปแล้ว หรือไม่ก็ตอนที่คุณจ้องมองปลาเค็มในเหวลึก ปลาเค็มตัวนั้นก็กำลังจ้องมองคุณเหมือนกัน หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป สาวน้อยโลลิยืนรับลมอยู่ในสวนดอกไม้ริมถนนมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ผีดิบสาวจอมเซ่อที่เธอมองแล้วขัดตาตลอดเข้าสู่การหลับใหล แต่โจวเจ๋อกลับนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ
สรุปแล้วคุณตื่นหรือยัง ฉันรออยู่ตรงนี้ร้อนใจมาก! สาวน้อยโลลิกัดริมฝีปากของตัวเอง ความสับสนที่อยู่ในใจยิ่งรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากเวลาผ่านไป
เธออยากจะดูชายชราคนนั้น อยากจะดูศพของชายชรา อยากจะดูว่าเขาเป็นเทพเจ้ามาจากไหน หลายปีที่ผ่านมานี้เขาปรากฏตัวทุกที่ ยมทูตมากมายในหลายพื้นที่มักจะบอกข้อมูลว่าตัวเองเคยเจอเขา
ฐานะของเขาแท้จริงแล้วเป็นปริศนามาตลอด อย่างเช่น อาจารย์ของเขาอยู่ที่ไหน เขาใช้วิธีอะไรกันแน่ถึงเดินมาถึงทุกวันนี้ได้
ตอนนี้โจวเจ๋อยื่นมือหยิบบุหรี่มวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า กัดไว้ในปากจากนั้นคลำหาไฟแช็ก
“%%%@###!!!!!”
สาวน้อยโลลิสบถด่าออกมา ทั้งๆ ที่ตื่นแล้วแต่ยังนั่งโพสท่าอยู่ตรงนั้น!
ในที่สุดเถ้าแก่โจวก็หาไฟแช็กเจอแล้ว มือที่ถือบุหรี่อยู่สั่นล็กน้อย จิตสำนึกนั่นเข้าสู่โหมดหลับใหล และเขาได้กลับมาควบคุมตัวเองอีกครั้ง สิ่งเดียวที่ต่างไปจากปกติก็คือ ครั้งนี้เขาไม่สลบ และร่างกายดูเหมือนจะไม่ค่อยมีบาดแผลเท่าไร
แต่โจวเจ๋อไม่ได้รู้สึกดีมากเท่าไร เพราะมันหมายความว่าการตื่นขึ้นของจิตสำนึกนั่นกำลังสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ การปรับตัวชดเชยของร่างกายก็เริ่มสมบูรณ์มากขึ้นเช่นกัน
โชคดีที่แก้ไขปัญหาได้แล้ว อิงอิงไม่เป็นไร ไม่เป็นไรก็ดี เขายังไม่ทันจะได้สูบบุหรี่ สิ่งที่เปียกชื้นอย่างหนึ่งก็โผล่เข้ามาดับบุหรี่ของเขาโดยตรง กระทั่งทำบุหรี่เปียกชื้นทั้งมวน
โจวเจ๋องงเล็กน้อย เมื่อหันกลับไป จึงเห็นสาวน้อยโลลิเดินฟึดฟัดเข้ามา จากนั้นถึงเข้าใจว่าเมื่อครู่ตัวอะไรทำให้บุหรี่ของตัวเองต้องเปียกกันแน่ เขาทิ้งก้นบุหรี่อย่างรังเกียจเล็กน้อย ความสามารถด้านนั้นของเถ้าแก่โจว…อ้อไม่ อย่างน้อยความสนใจด้านนั้นนับว่าปกติ สำหรับสาวน้อยโลลิแล้วเขาไม่ได้ชอบเป็นพิเศษ
“นี่ โจวเจ๋อ!” นิสัยหยิ่งผยองของสาวน้อยโลลิเด่นชัดอย่างไม่ต้องสงสัย หรือเมื่อครู่อาจจะขายหน้าต่อหน้าอีกจิตสำนึกหนึ่งหนักมาก ดังนั้นตอนนี้เธอจึงอยากกู้หน้ากลับมา
ถึงแม้จะเป็นการหลอกตัวเองและผู้อื่น แต่ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ยมทูตทุกตนล้วนมีนิสัยเป็นของตัวเอง นิสัยของสาวน้อยโลลิก็เป็นแบบนี้ โจวเจ๋อทำท่า ‘จุ๊ปาก’ เพื่อบอกให้เธอเบาเสียง สาวน้อยโลลิสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมา
โจวเจ๋อมองไป๋อิงอิงที่อยู่ข้างๆ พลางยื่นมือจัดเส้นผมทัดหูของเธอให้เรียบร้อย บาดแผลตามร่างกายถือว่าหนักมาก ถึงแม้จะมีซือตัน แต่ไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ดูจากสภาพแผลเหล่านี้แล้ว โจวเจ๋อรู้สึกสงสารจริงๆ
ทุกครั้งที่ตัวเขาใช้วิชาอู๋ซวงแล้วตื่นขึ้นมา จะมีเธออยู่ข้างกายเสมอ ร้อง ‘หงิงๆๆๆ’ คอยนวดให้เขา จากนั้นก็อุ้มเขาไปอาบน้ำในห้องน้ำ
เธอรู้ว่าเขาเป็นคนอนามัย ดังนั้นจึงดูแลเอาใจใส่ในเรื่องนี้อย่างพิถีพิถันมาตลอด
“ตอนนี้เธอตื่นขึ้นมาไม่ไหวหรอก” สาวน้อยโลลิพูดเตือน
โจวเจ๋อส่ายหน้า ยื่นมือและชี้นิ้วไปยังสิ่งที่แทบจะไม่ใช่รูปร่างคนที่อยู่ข้างกายตัวเองแล้วพูดว่า “อย่าปลุกเขาตื่น”
“…” สาวน้อยโลลิ
‘ปิ้ว!’ ร่างกายของสาวน้อยโลลิล้มลงไปทันที ล้มเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของโจวเจ๋อ แต่จิตวิญญาณของเธอกลับลอยไปไกลในชั่วพริบตา
ชายชราคนนั้น เขายังไม่ตายเหรอ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สาวน้อยโลลิเริ่มเข้าสู่โหมดปกป้องชีวิตของตัวเองตามสัญชาตญาณ
จิตสำนึกนั่นของโจวเจ๋อน่ากลัวเป็นอย่างยิ่งยามที่เขาตื่นขึ้นมา แต่ชายชราคนนี้คือความน่ากลัวอีกรูปแบบหนึ่ง ถ้าแม้แต่อีกจิตสำนึกหนึ่งของโจวเจ๋อยังไม่สามารถหาวิธีฆ่าชายชราคนนี้ได้ อย่างนั้นก็น่ากลัวจริงๆ น่ากลัวมากจริงๆ
ชายชราจะไม่ฆ่ายมทูต แต่สภาพในตอนนี้คือยมทูตอย่างโจวเจ๋อต่อยเขาจนเละเป็นหัวหมูแล้ว หากจะฝ่าฝืนกฎใช่ว่าจะทำไม่ได้
โจวเจ๋อวางร่างของสาวน้อยโลลิไว้ข้างกายตัวเองแล้วลุกขึ้นยืนช้าๆ ความรู้สึกอ่อนแอของร่างกายยังคงชัดเจน แต่เขายังคงเดินไปข้างๆ ชายชราคนนั้น
ตอนนี้คุณแยกไม่ออกแล้วว่าส่วนไหนเป็นศีรษะของชายชรา ส่วนไหนเป็นขาของชายชรา หลังจากชายชราโดนทุ่มลงพื้นนับครั้งไม่ถ้วน หากกรีดเนื้อของเขาออกมา สามารถนำไปทำเป็นลูกชิ้นเนื้อเด้งได้เลย เพราะเนื้อถูกตีจนนุ่มเด้งสุดๆ
แต่โจวเจ๋อจำได้ ตอนที่จิตสำนึกนั่นเข้าสู่การหลับใหลอีกครั้ง ได้ทิ้งท้ายประโยคหนึ่งไว้ให้เขา ‘เขายังไม่ตาย’ ทำให้โจวเจ๋องุนงงมาก จึงเป็นสาเหตุที่เขาตื่นขึ้นมาแล้วนั่งเหม่ออยู่ตรงนั้นครึ่งชั่วโมง
เมื่อยี่สิบเก้านาทีก่อน โจวเจ๋อด่าอีกจิตสำนึกที่อยู่ภายในร่างกายของตัวเองมาตลอด ดังคำกล่าวที่ว่าจะช่วยคนต้องช่วยให้สุดเหมือนส่งพระถังซัมจั๋งไปชมพูทวีป คุณทุบตีเขาเละขนาดนั้นแต่ไม่ฆ่าเขาให้ตายเก็บเขาไว้ทำไม คุณรู้ไหมว่าพวกตัวร้ายส่วนใหญ่ในภาพยนตร์มักจะตายเวลาที่พูดมากและทำเป็นเท่ในเวลาที่สำคัญ ในเมื่อรับบทตัวร้ายเวลาที่สามารถฆ่าตัวเอกได้ให้รีบฆ่าทิ้งโดยเร็ว อย่าอืดอาดแม้แต่วินาทีเดียว
เถ้าแก่โจวไม่เคยคิดว่าตัวเองอยู่ฝ่ายดีเลย ดังนั้นหลังจากเขาตื่นขึ้นมาจึงรู้สึกลนลานเล็กน้อย รอจนนาทีสุดท้าย โจวเจ๋อจึงถอนหายใจ เตรียมจุดบุหรี่หนึ่งมวนเพื่อทำจิตใจให้สบาย
สาวน้อยโลลิยืนอยู่ไกลๆ ด้วยกายร่างที่เลือนรางอยู่บ้าง หญิงสาวตัวสูงหุ่นเพรียว นี่คือร่างที่แท้จริงของเธอ พูดตามจริงก็สวยมากเหมือนกัน แต่ผอมไปนิด ไม่อวบอิ่มเหมือนไป๋อิงอิง
มีแต่ตอนเป็นหนุ่มเท่านั้นที่จะชอบผู้หญิงตัวผอมแห้งติดกระดูก แต่ผู้ชายที่มีอายุจริงๆ จะรู้ว่าสไตล์อวบอั๋นแต่ไม่น่าเบื่อเหมือนไป๋อิงอิงช่างสวยงามแค่ไหน
โจวเจ๋อเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่านี่เป็นรสชาติและปาฏิหาริย์ที่ธรรมชาติมอบให้ แต่โจวเจ๋อไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนี้ในหัวของเขาถึงคิดเรื่องพวกนี้ แต่เขาก็ยังยื่นมือพลิกตัวของชายชรา เขารู้สึกสับสนมึนลงเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ชายชราตายไปแล้วและตายแบบไม่สามารถตายได้อีก แต่ทำไมคนผู้นั้นถึงเตือนตัวเองเป็นพิเศษว่า เขายังไม่ตาย พูดล้อเล่นเหรอ แต่คนผู้นั้นไม่น่าว่างขนาดนั้น
สาวน้อยโลลิตอนนี้รวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้ามา จากนั้นก็หายตัวกลับไปในร่างสาวน้อยคนนั้น
“ตายแล้วเหรอ” สาวน้อยโลลิถาม
“อืม” โจวเจ๋อตอบ “ตายแล้วชัดๆ” ขณะพูด โจวเจ๋อได้ค้นกระเป๋าของชายชรา ซึ่งเป็นขั้นตอนที่น่าสะอิดสะเอียนมาก ควรทราบว่าชายชราคนนั้นถูกซ้อมเละกลายเป็น ‘เนื้อลูกชิ้นเด้ง’ ไปแล้ว เสื้อผ้ากับร่างกายติดหนึบรวมกัน
แต่โจวเจ๋อยังคงสงบนิ่งอย่างเห็นได้ชัด แหวกเนื้อที่แหลกเหลวค่อยๆ คลำหาแล้วจึงหากระเป๋าเจอ
โอ้ว มีของอยู่ข้างในจริงๆ ด้วย สิ่งที่เขาหยิบออกมาคือทะเบียนบ้านหนึ่งเล่มกับจดหมายแนะนำจากหน่วยงาน
“เมื่อปี 1980 กว่าๆ เพิ่งเริ่มมีแนวคิดมีบัตรประชาชน” สาวน้อยโลลิอธิบายอยู่ข้างๆ “มีช่วงหนึ่งหลังจากปลดแอกเป็นเวลานาน ไม่มีบัตรประชาชน แต่อาศัยทะเบียนบ้านกับจดหมายแนะนำจากหน่วยงานเพื่อพิสูจน์ตัวตนของตัวเอง”
สาวน้อยโลลิไม่สนใจถึงการเปิดเผยอายุของตัวเอง จากนั้นจึงแย่งทะเบียนบ้านกับจดหมายแนะนำจากหน่วยงานมาจากมือของโจวเจ๋อแล้วเปิดอ่าน
แน่นอนว่าโจวเจ๋อไม่รู้สึกตกใจกับอายุของสาวน้อยโลลิ อย่ามองว่าเธออยู่ในร่างของเด็กน้อย แต่วิญญาณของเธอที่ปรากฏให้เห็นก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ทว่าก่อนหน้านั้นเธอเคยเล่าเรื่องของตัวเองในอดีตให้เขาฟัง บวกกับช่วงเวลาในยุคนั้น ตอนนั้นเธอน่าจะอายุสามสิบปีเป็นอย่างน้อย ดังนั้นอายุที่แท้จริงของสาวน้อยโลลิมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็น…ผู้หญิงมีอายุคนหนึ่ง
“หลิวหย่วนฟั่ง เกิดปี 42 เขาอายุเจ็ดสิบหกปีแล้ว จดหมายแนะนำจากหน่วยงานเลือนรางไม่ชัดแล้ว ดูเหมือนจะเป็นชาวไร่คนหนึ่ง ชาวไร่คนหนึ่งกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง”
“ไม่ต้องรีบร้อน” โจวเจ๋อพูดแล้วคลำหาของออกมาจากตัวของชายชราอีก นี่คือสิ่งที่มีปกด้านหลังเป็นสีขาวดำ คล้ายใบแจ้งอะไรสักอย่าง เขาพลิกด้านแล้วจึงเห็นตัวหนังสือบรรทัดหนึ่ง
“นี่คืออะไร” สาวน้อยโลลิที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถาม
“ใบแจ้งตาย หลิวหย่วนฟั่ง เสียชีวิตจากการเจ็บป่วย” โจวเจ๋อเกาศีรษะแกรกๆ แล้วพูดอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “วันที่ตายระบุไว้ชัดเจน ชายชราคนนี้ตายมาสี่สิบสองปีแล้ว”
คนที่ตายมาแล้วสี่สิบสองปี เมื่อครู่เกือบจะฆ่าล้างบางร้านหนังสือ ขาดอีกแค่หนึ่งถึงสองนาทีเขาก็เกือบจะทำให้เถ้าแก่โจวต้องอยู่ตัวคนเดียวไม่มีใครช่วยเหลือแล้ว
“สิ่งเหล่านี้จะเป็นของปลอมหรือเปล่า”
“พกของปลอมติดตัว ถือขึ้นมาขึ้นรถไฟฟ้าความเร็วสูงเหรอ” โจวเจ๋อย้อนถาม
เวลานี้เถ้าแก่โจวเริ่มเอามือลูบคางของตัวเองเบาๆ ย้อนนึกถึงประโยคนั้นก่อนที่คนผู้นั้นจะนอนหลับใหล ‘เขายังไม่ตาย…’
………………………………………………………………