ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 272 อิงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 272 อิงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์!

โจวเจ๋อให้ไป๋อิงอิงขี่หลังกลับมา ไป๋อิงอิงใช้มือข้างหนึ่งคล้องคอของโจวเจ๋อ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือไอศกรีมเลียแผล็บๆ โจวเจ๋อได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของหญิงสาวกับกลิ่นหอมหวานของไอศกรีมเช่นกัน

“เถ้าแก่ ท่านเหนื่อยไหมเจ้าคะ”

“ไม่นะ”

“อิงอิงหนักไหมเจ้าคะ”

“ไม่นะ”

“อย่างนั้นเถ้าแก่ทำไมถึงอุ้มอิงอิงขึ้นมาข้างบนแล้วร่วงไปข้างล่างอยู่เรื่อย”

“ไม่นะ”

“ใช่เจ้าค่ะ”

“อิงอิง”

“หา เถ้าแก่”

“ทำไมคุณถึงไม่ใส่เสื้อชั้นใน”

“เถ้าแก่ เมื่อก่อนอิงอิงในเสื้อชั้นในตลอด”

“แล้วทำไมวันนี้คุณถึงใส่ตู้โตว” (เสื้อชั้นในของผู้หญิงสมัยโบราณ)

“วันนี้เถ้าแก่ใส่เสื้อผ้าให้อิงอิงนะเจ้าคะ”

“อ้อ ผมผิดเอง ผมคิดว่าคุณเป็นคนสมัยราชวงศ์ชิง เคยชินกับการใส่แบบนี้”

“เถ้าแก่ชอบตู้โตวเหรอเจ้าคะ”

“ชอบหมดเลย”

พวกเขากำลังพูดถึงข่าวน่าสนใจของ ‘ปารีสแฟชั่นวีกครั้งล่าสุด’ ไปเรื่อยเปื่อย โจวเจ๋อพาไป๋อิงอิงขี่หลังเดินมาถึงหน้าประตูร้านหนังสือ ในร้านหนังสือกำลังเปิดเพลงอยู่ “มาทำงานในกว่างตงขาดการติดต่อ” ไป๋อิงอิงฮัมเพลงไปด้วย จากนั้นถามว่า “เถ้าแก่ นี่คือเพลงอะไร สะเทือนอารมณ์จัง”

“คนทำงานในกว่างตงสิบปี ชื่อเพลง ‘เรื่องเล่าความรักในกว่างตง’ ร้องเป็นภาษากวางตุ้ง”

“อ้อ แบบนี้นี่เอง”

ประตูร้านหนังสือถูกผลักออก โจวเจ๋อพบว่ามีคนแปลกหน้าคนหนึ่งอยู่ในร้าน เขาใส่ชุดสีขาว สวมรองเท้าผ้าพันชั้น มือถือพู่กันจีน กำลังตวัดพู่กันอยู่บนกระดาษสีขาวที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์

นักพรตเฒ่านั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น ทุกครั้งที่อีกฝ่ายตวัดพู่กัน เขาร้องว่า “ดี!” พลางปรบมืออยู่ข้างๆ

โจวเจ๋อวางอิงอิงลงบนโซฟาแล้วเดินเข้ามาดู

“เถ้าแก่ กลับมาแล้วเหรอ ลูกค้าคนนี้เป็นนักเขียนอักษรพู่กันจีนรุ่นใหญ่ ลืมพกเงินมาดื่มน้ำชาที่ร้านของพวกเราแต่เขามีพู่กัน กระดาษกับหมึกจีน ข้าจึงสั่งให้เขาเขียนตัวอักษรทิ้งไว้เพื่อเป็นค่าน้ำชา”

โจวเจ๋อพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร น้ำชาหนึ่งถ้วยราคาไม่เท่าไร เขาเขียนตัวอักษรจีนให้ถือว่าพอให้อภัยได้

“ฮู่ว!” เขียนเสร็จแล้ว ลงชื่อ ประทับตรา ผู้ชายใส่ชุดสีขาวอายุเกือบห้าสิบปีกำลังมองตัวหนังสือของตัวเอง

นักพรตเฒ่าเดินเข้าไปดู แล้วพูดชมไม่หยุดปาก “เขียนดี เขียนได้ดี! ความหมายลึกซึ้ง ตัวหนังสือมีพลัง เถ้าแก่ เอาไปแขวนในร้านดีไหม แขวนข้างล่างป้าย ‘แค่ลองไปเรื่อยๆ เผื่อจะเข้าท่า’”

“ร้องเพลงในรัฐเยียนอย่างทอดถอนใจ ยอมเป็นนักโทษรัฐฉู่ ถึงแม้ถูกมีดตัดคอ ไม่เสียแรงในฐานะเยาวชน”

ทุกคำที่เขียนเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ นักพรตเฒ่าพูดชมว่าตัวอักษรเขียนได้ทรงพลังมากก็ไม่เกินจริง โจวเจ๋อไม่รู้เรื่องการเขียนพู่กันจีน แต่หากมองในฐานะชาวบ้านที่ชอบแทะเมล็ดแตง ถือว่าเป็นภาพอักษรจีนที่ดีมาก ทว่าตอนที่ได้ยินนักพรตเฒ่าพูดว่าจะแขวนภาพอักษรจีนไว้ด้านนอก โจวเจ๋อจึงพูดตามตรงว่า “อย่าแขวนไว้ข้างนอก แขวนไว้ที่ห้องของตัวเองเถอะ”

“อะไรนะ” นักพรตเฒ่าตกใจ เรื่องผิดปกติต้องมีปีศาจแน่! เวลาที่เถ้าแก่ทำดีกับคุณ หมายความว่าเขาเห็นหลุมอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว และกำลังดูคุณกระโดดลงไป นี่คือประสบการณ์จากการหยั่งเชิงในแต่ละครั้งของนักพรตเฒ่า

“เหอะๆ เถ้าแก่คนนี้พูดถูกแล้ว ภาพอักษรจีนนี้ ไม่เหมาะที่จะแขวนไว้ในพื้นที่โล่งกว้าง นี่ตัดตอนมาจากบทกลอน ‘เสียงทอดถอนใจ’ ของวังจินเว่ย”

“ว่าไงนะ กลอนของคนทรยศเหรอ” นักพรตเฒ่าชี้ไปที่ผู้ชายวัยห้าสิบปีแล้วพูดทันที “น้องชาย เจ้าขี้งกเกินไปหรือเปล่า ข้าเห็นว่าเจ้าไม่ได้พกเงินมาจึงใจดีให้เขียนอักษรจีนแทนค่าน้ำชา แต่เจ้ากลับเขียนอักษรจีนด่าพี่ชายอย่างข้าเหรอเจ้ารู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน ที่นี่คือทางผ่านที่พวกผีทั้งหลายต้องทิ้งค่าเดินทางเอาไว้!”

“เขียนดีก็พอแล้ว แต่อย่าเอาไปแขวนเลย ตัวหนังสือของผมไม่ได้ราคาถูกขนาดนั้น น้ำชาหนึ่งถ้วย แลกไม่ได้”ผู้ชายชุดขาวเริ่มเก็บพู่กันและน้ำหมึกของตัวเอง จากนั้นหมุนตัวเดินออกจากร้านหนังสือ

“คนอะไรจริงๆ เลย” นักพรตเฒ่ายังไม่พอใจกับเรื่องนี้

“เสอเหวินยวน” โจวเจ๋อมองชื่อที่ลงท้ายไว้แล้วพูดว่า “เขาคิดว่าเขาใช้น้ำชาหนึ่งถ้วยแลกกับภาพอักษรจีนของเขาเขารู้สึกเสียเปรียบเกินไป ดังนั้นจึงตั้งใจเขียนคำที่คุณไม่สามารถแขวนโชว์เพื่อความเท่ได้ แบบนี้เขาถึงจะรู้สึกสบายใจหน่อย”

“ขี้งก เขาคิดว่าเขาเป็นใคร กะอีแค่คนที่ใส่ชุดคอสเพลย์เก๊กหล่อคนหนึ่ง ต่อให้เขาเขียนดีแค่ไหน จะมีค่ามากกว่าลายเซ็นของผู้นำเหรอ”

โจวเจ๋อไม่ได้สนใจนักพรตเฒ่าที่โกรธอยู่ หลังจากล้างมือเปลี่ยนเสื้อกาวน์แล้วก็เดินขึ้นไปชั้นสอง อาการของเหล่าสวี่กำลังดีขึ้น แต่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา โจวเจ๋อคิดว่าสติของเหล่าสวี่อาจจะปฏิเสธการฟื้นขึ้นมา เพราะอาจารย์ของเขากลายเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อแม่ของตัวเอง เขาไม่รู้ว่าหลังจากตัวเองฟื้นขึ้นมาแล้วควรจะเผชิญหน้ากับเรื่องนี้อย่างไร แต่อย่างน้อยสภาพร่างกายก็ฟื้นตัวดีมาก

โจวเจ๋อเดินไปดูเดดพูลที่อยู่ในตู้กระจก เขากลับพบว่ามีหญ้าสองสามต้นงอกอยู่บนตัวของเดดพูล

“นักพรตเฒ่า!” โจวเจ๋อเดินลงมาจากชั้นบน “คุณใส่อะไรลงไปในตู้กระจกของเดดพูล!”

ตอนนี้คนที่สามารถเคลื่อนไหวภายในร้านหนังสือนี้มีน้อยมาก โจวเจ๋อนับเป็นหนึ่งคน ไป๋อิงอิงก็เพิ่งฟื้น และก็อยู่กับเขาตลอดเวลา ดังนั้นคนที่น่าสงสัยมากที่สุดจึงไม่ต้องเดา

“ไม่ได้ใส่อะไรลงไปนะ” นักพรตเฒ่าพูดอย่างสงสัย

“อย่างนั้นบนศีรษะของเขามีหญ้างอกขึ้นมาได้ยังไง”

“เฮ้ย หญ้างอกบนหัวเหรอ” นักพรตเฒ่าตกใจ “ข้าไม่รู้ว่านะเถ้าแก่ ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย” ขณะพูด สายตาของนักพรตเฒ่าพลันมองไปที่เจ้าลิงที่กำลังแทะเมล็ดแตงอยู่ข้างๆ เขาจับเจ้าลิงขึ้นมาแล้วถามว่า “เจ้าลิง พูดมา เจ้าใส่อะไรลงไปใช่ไหม”

เจ้าลิงตอนแรกก็งงไม่เข้าใจ แต่ภายใต้การจ้องมองของนักพรตเฒ่ากับโจวเจ๋อ เจ้าลิงจึงทำปากจู๋ หยิบเมล็ดพันธุ์ออกมาจากในกระเป๋าหนังสือใบเล็กของตัวเอง

“เจ้าหว่านเมล็ดพันธุ์ใส่ลงไปข้างในให้เขา” นักพรตเฒ่าตกใจกรามแทบหลุด

“เจี๊ยกๆๆๆ!” เจ้าลิงร้องโหวกเหวกพลางโบกมือไปมา แล้วชี้ไปที่โจวเจ๋อเป็นระยะ ความหมายคร่าวๆ คือมันเห็นโจวเจ๋อใส่ปุ๋ยให้เดดพูลทุกวัน เจ้าลิงก็น่าจะใส่อะไรลงไปหน่อย

“คอยดูเจ้าลิงของคุณดีๆ” โจวเจ๋อไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน

“โอเค ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจแล้ว” นักพรตเฒ่ารีบขอโทษแทนเจ้าลิง

ตอนกลางวันในร้านหนังสือ ในที่สุดก็ฟื้นฟูกลับมามีชีวิตชีวาอยู่บ้าง โจวเจ๋อนอนอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟา ไป๋อิงอิงนอนอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อถือหนังสือ ‘การฝึกฝนทักษะของสาวใช้’ อ่านต่อไป นางจะไม่พลาดรายละเอียดใดๆ เพื่อยกระดับของตัวเองทั้งสิ้น

เมื่อถึงตอนเย็น โจวเจ๋อส่งไป๋อิงอิงขึ้นชั้นบนก่อน จากนั้นตัวเองจึงลงมาชั้นล่างเตรียมตัวอาบน้ำ ตอนนี้เองประตูร้านถูกผลักออก มีชายหนุ่มใส่ชุดสูทราคาถูกคนหนึ่งเดินเข้ามา ชายหนุ่มเดินเข้ามาแล้วมองไปรอบๆ เขาไม่ได้นั่งแต่ยืนอยู่ตรงนั้น

“นี่” นักพรตเฒ่าที่นั่งอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ตะโกนหนึ่งที แล้วถามว่า “เจ้าเป็นคนหรือผี”

“ไม่ทราบว่า คุณไป๋อยู่ที่นี่ไหมครับ”

โจวเจ๋อที่ผลักประตูห้องน้ำเข้าไปแล้วเดินถอยหลังกลับมาสองสามก้าว พิจารณามองชายหนุ่มคนนี้หนึ่งที สายตาของเขาแฝงไปด้วยการสำรวจ คุณถามหาอิงอิงของผมทำไม แล้วก็ทำไมคุณถึงรู้จักอิงอิงของผม

“คืออย่างนี้ครับ คุณไป๋ไม่ได้ติดต่อกับผมนานแล้ว ผมจึงไม่ค่อยวางใจจริงๆ วันนี้จึงเสียมารยาทมาเยี่ยมถึงบ้านครับ”

“อ้อ” โจวเจ๋อขานรับหนึ่งที แล้วนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง จากนั้นชี้ไปที่ตำแหน่งตรงข้ามกับตัวเอง แล้วพูดว่า “นั่งครับ”

ชายหนุ่มจึงนั่งลงอย่างไม่สบายใจ

ไม่สบายใจหาแม่แก่เหรอ! สายตาแบบนี้ของนายหมายความว่าอะไร ทำไมเหมือนว่าที่ลูกเขยมาเจอพ่อตาล่ะ

“มาหาเธอมีธุระอะไรครับ” โจวเจ๋อยกถ้วยน้ำชาที่เย็นแล้วดื่มไปหนึ่งคำ

“คืออย่างนี้ครับ บ้าน ผมหาให้เธอแล้ว”

‘พรวด…’ เถ้าแก่โจวพ่นน้ำออกมาหนึ่งคำร่วงลงมาบนโต๊ะน้ำชาโดยตรง

ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นทันที หยิบกระดาษทิชชูเช็ดคราบน้ำให้โจวเจ๋อ

“คุณเป็นอะไรครับ”

“พวกคุณรู้จักกันนานแค่ไหนแล้ว” โจวเจ๋อถาม เป็นไปไม่ได้ โจวเจ๋อไม่คิดว่าอิงอิงจะมีโอกาสรู้จักผู้ชายคนอื่นปกติตัวเขาจะอยู่บ้านตลอด อิงอิงจึงไม่มีโอกาสอะไร เธอคอยปรนนิบัติเขาทั้งวันส่วนตัวเองก็เอาแต่เล่นเกม แล้วจะหาเวลาที่ไหนได้ หรือว่าตอนที่ตัวเขาสลบอยู่ โจวเจ๋อจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเขาชอบสลบบ่อยๆ สลบทีเป็นเวลาครึ่งเดือน คือช่วงเวลานี้เหรอ

“รู้จักครับ รู้จักกันเกือบหนึ่งปีแล้วครับ” ชายหนุ่มตอบ

เกือบหนึ่งปีแล้ว หมายความว่าหลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน ก็รู้จักกันแล้วเหรอ ตัวเขาถูกหลอกมาเกือบหนึ่งปี โจวเจ๋อหายใจถี่ขึ้นกะทันหัน เวลานี้เขารู้สึกอยากจะจับตัวไอ้หนุ่มที่อยู่ตรงหน้าลงนรกเสียจริง ไม่สนใจว่าจะถูกหรือไม่ถูก ไม่สนใจว่าจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม กระทั่งไม่สนใจว่าจะถูกลงโทษหรือไม่ ความหุนหันพลันแล่นนี้กำลังก่อตัวขึ้นอย่างแรง

“ไม่ทราบว่า คุณไป๋ล่ะครับ” ชายหนุ่มถาม

“นักพรตเฒ่า เตรียมข้าว” โจวเจ๋อตะโกน

“อะไรนะ” นักพรตเฒ่าทำสีหน้างุนงง

“หัวหมูชุยจี้ เต้าหู้แห้งไป๋ผู แป้งกรอบซีถิง หมั่วโถวไห่อัน เหล้าเหลืองหรูเกา เอามาเสิร์ฟ”

“เอ่อ…” นักพรตเฒ่าคิดในใจว่าอาหารพวกนี้เป็นอาหารต้อนรับผีที่ผ่านมาที่ร้านเมื่อก่อนไม่ใช่เหรอ

“ไม่ต้องเกรงใจครับ ไม่ต้องเกรงใจ ผมกินมาแล้วครับ” ชายหนุ่มทำท่าเหมือนตกใจที่ได้รับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะได้กินชุดอาหารจากนรก

“คืออย่างนี้ครับ คุณไป๋ไหว้วานให้ผมช่วยดูทาวน์เฮ้าส์ ผมไปคุยเรียบร้อยแล้ว ราคาเกือบหนึ่งในสี่ของตลาด แต่ผมอยากจะมาขอคำยืนยันกับคุณไป๋เรื่องสุดท้ายครับ เพราะทาวน์เฮ้าส์หลังนั้นเคยมีคนตายมาก่อนผมอยากจะถามคุณไป๋ว่าเจ้าตัวรู้เรื่องนี้ไหม…”

“เดี๋ยวนะ!” โจวเจ๋อตัดบทของอีกฝ่าย แล้วถามโดยตรง “คุณทำอาชีพอะไรครับ”

“อ้อ ผมลืมไป นี่คือนามบัตรของผม ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของทงเฉิงเหลียนเจียครับ”

“ขายบ้าน” โจวเจ๋อพูดด้วยความสงสัย นี่คือนายหน้าขายบ้านเหรอ

“ใช่ครับ คุณไป๋เป็นลูกค้าวีไอพีระดับโกลด์ของพวกเรา หนึ่งปีที่ผ่านมา เธอได้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ห้องชุดสุดหรูระดับไฮเอนด์มากกว่าสิบห้องในทงเฉิงผ่านสาขาของพวกเราครับ”

“…” โจวเจ๋อ

“…” นักพรตเฒ่าที่ทำหูตั้งกำลังแอบฟัง

“ในนี้ มีเรื่องอะไรเข้าใจผิดหรือเปล่าครับ” โจวเจ๋อถาม ฉันรู้ว่าสาวใช้ของฉันมีเงินมาก แต่ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าสาวใช้ของฉันจะมีเงินเยอะขนาดนี้!

“คืออย่างนี้ครับ คุณไป๋เคยพูดว่า สามีของเธอมีเมียน้อยคนหนึ่ง ชอบใช้ห้องชุดยี่สิบกว่าห้องมาอ่อยสามีของเธอตลอด ดังนั้นเธอจึงอยากมีห้องชุดมากกว่าเธอ และคุณไป๋ยังพูดอีกว่าเธอไม่ต้องการบ้านที่รัฐจัดสรรให้ผู้ถูกเวนคืน ต้องการแค่บ้านในย่านระดับกลางและระดับไฮเอนด์เท่านั้นครับ”

…………………………………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท