ตอนที่ 273 ทาสในเรือน!
“เอาละ มาพูดถึงทาวน์เฮาส์นั่นกันดีกว่า”
โจวเจ๋อดื่มชาที่เย็นชืดในมือลงไปจนหมดโดยไม่รู้ตัว ช่วยไม่ได้ ปากแห้งมากจริงๆ
ที่จริง พูดตามเหตุผลแล้ว ข้าวของในหลุมศพของอิงอิงน่าจะมีไม่มาก ถึงขายทั้งหมดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อห้องชุดมากมายขนาดนี้ได้ และทั้งหมดยังเป็นทำเลที่ตั้งระดับกลางและระดับสูงอีกด้วย
หากเป็นเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว นั่นยังเป็นไปได้ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาราคาบ้านในทงเฉิงพุ่งสูงเสียดฟ้าอย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่านั้น ทงเฉิงอยู่ติดกับเซี่ยงไฮ้ เพียงแค่ข้ามแม่น้ำแยงซีไปเท่านั้น จึงได้รับผลกระทบอย่างมาก
เท่าที่โจวเจ๋อรู้มา ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเริ่มมีชาวเซี่ยงไฮ้จำนวนมากเดินทางมาซื้อบ้านในทงเฉิง การซื้อบ้านไม่ใช่เพื่ออยู่อาศัย แต่เอาไว้เพื่อมาบูชาแผ่นป้ายจารึกบรรพบุรุษของตัวเองและกลับมาปัดกวาดหลุมฝังศพในช่วงเทศกาลเชงเม้งเท่านั้น
หนึ่งครัวเรือน หนึ่งแผ่นป้าย ทั้งชุมชนเล็กๆ อาจจะมีคนตายมากกว่าคนเป็นเสียอีก
มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หลังจากบ้านพลังหยาง[1]ถูกเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ไป ราคาบ้านพลังหยิน[2]ก็เปรียบเสมือนน้ำขึ้นเรือย่อมสูงอย่างต่อเนื่อง กระทั่งบ้านพลังหยินที่ดีหน่อยราคาแพงกว่าบ้านพลังหยางทั่วไปด้วยซ้ำ
แน่ละ แม่นางไป๋เป็นเทพเจ้าประจำวัดในทงเฉิงมาเป็นเวลาสองร้อยปี หากนางว่างและเบื่อหน่ายจนรวบรวมสะสมของโบราณไว้บ้างก็ไม่น่าแปลกใจสักนิดเลยจริงๆ
หลังจากแม่นางไป๋ลงนรกไป แน่นอนว่าไม่สามารถนำสิ่งของพวกนี้ติดตัวไปได้ คนใกล้ชิดเพียงคนเดียวก็ต้องเป็นอิงอิงอย่างแน่นอน และด้วยเหตุนี้ ทรัพย์สินของอิงอิงนั้นยากแท้หยั่งถึงจริงๆ
“ทาวน์เฮาส์หลังนั้น ตั้งอยู่อาคาร 4 เลขที่ 1 ในชุมชนหาวเหอเหนือโกลด์โคสต์[3] แต่ทว่ามีครอบครัวหนึ่งเสียชีวิตไปเมื่อห้าปีก่อน เป็นแม่พาลูกของตัวเองทั้งสองคนกินยาพิษฆ่าตัวตายน่ะ ต่อมาบ้านหลังนั้นก็ว่างมาตลอด ราคาที่ติดป้ายไว้มักจะเป็นหนึ่งในสามของบ้านหลังอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง แต่แม้กระทั่งราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดินแล้วก็ยังขายไม่ออกเหมือนเคย
นี่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้อีกเช่นกัน ใครจะยินดีจ่ายเงินก้อนโตเพื่อซื้อบ้านหลังนี้กัน คนเราก่อนจะซื้อบ้านจะต้องสอบถามข้อมูลก่อนอย่างแน่นอน อีกทั้งคนรวยเชื่อเรื่องไสยศาสตร์เสียด้วย อย่างน้อยๆ จะต้องตรวจสอบดูว่าเคยมีอะไรเกิดขึ้นกับบ้านหลังนี้มาก่อนหรือไม่ ราคาที่ถูกติดไว้ที่นี่ หากไม่เคยเกิดเรื่องอะไร คงไม่มีใครเชื่อว่าจะขายราคาต่ำถึงขนาดนี้หรอกจริงไหม”
“เธอจ่ายเงินไปหรือยังครับ” โจวเจ๋อถาม
“จ่ายเงินมาแล้ว แต่บริษัทของเราคิดว่าจำเป็นต้องแจ้งข้อมูลที่จำเป็นต้องทราบให้แก่ลูกค้าวีไอพีของเรา ในขณะเดียวกัน เรายังให้คำแนะนำที่จำเป็นให้แก่ลูกค้าของเราอีกด้วย
แม้ว่าตอนนี้ราคาเริ่มต้นของบ้านหลังนี้จะต่ำ แต่จากมุมมองของการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์…ไม่สิ พิจารณาจากมุมมองของการลงทุน หลังซื้อมาแล้วอยากจะปล่อยออกไป ระดับความยากนั้นมันมากเกินไปจริงๆ นอกเสียจากว่าจะยอมเสียกำไรก้อนโต ไม่อย่างนั้นการขายทิ้งในระยะเวลาอันสั้นเป็นเรื่องยากทีเดียว”
จากมุมมองของผู้จัดการ ไป๋อิงอิงซื้อบ้านเพื่อเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์แน่นอน ใครจะซื้อบ้านมากมายขนาดนี้ไว้อยู่อาศัยเองกันล่ะ
แต่จากมุมมองของโจวเจ๋อนั้น บ้านที่อิงอิงซื้อเอาไว้ก่อนหน้านี้เพียงแค่อยากเก็บตุนไว้ หลังจากมีเกิน 20 หลังจนถึง 30 หลังแล้ว รอให้สวี่ชิงหล่างโอ้อวดแล้วค่อยเอาออกมาตบหน้าเขา
แต่ตอนนี้บ้านผีสิงหลังนี้อาจจะเป็นไปได้ว่าอิงอิงตั้งใจจะเก็บไว้อยู่เองก็ได้
บ้านผีสิงดีจะตาย เงียบสงบไม่จอแจแถมยังมีไอเย็นติดมาด้วย การอาศัยในบ้านผีสิงถือว่าได้เปรียบมากพอสมควร
ส่วนที่ว่าจะถูกผีหลอกหรือไม่ อาจจะเป็นปัญหาสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับไป๋อิงอิงและโจวเจ๋อแล้ว
สำคัญด้วยเหรอ
นั่นคือผีเหรอ
นั่นเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่เป็นมรดกตกทอดต่างหากเล่า เป็นของขวัญที่มาพร้อมกับการซื้อบ้าน!
ดังนั้น บ้านผีสิงเป็นสมบัติอย่างหนึ่ง!
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแต่ บ้านพลังหยางจะดีแค่ไหน ฮวงจุ้ยจะดีอย่างไร ถ้าให้อิงอิงและเขาเข้าไปอยู่อาศัย สามารถเปรียบได้กับปราสาทของเคานต์แดร็กคูลาได้เลย กระทั่งสามารถเลือกให้เป็นบ้านผีสิงสิบอันดับแรกของโลกด้วย
“ในเมื่อจ่ายเงินแล้วก็จัดการดำเนินการได้เลยครับ” โจวเจ๋อช่วยไป๋อิงอิงตัดสินใจ
“เอ่อ…งั้น ได้ครับผม เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะกลับมาในอีกสามวันพร้อมกับลงนามเซ็นสัญญานะครับ”
ผู้จัดการส่ายหัว เขาไม่เข้าใจโลกของคนรวยเลย แต่ค่านายหน้าที่ตกอยู่ในมือแล้วไม่รับเอาไว้ก็เสียไปเปล่าๆ เหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่เขาตั้งใจมาเตือนเป็นพิเศษ เพราะต้องการจะหย่อนเบ็ดยาวไว้จับปลาตัวใหญ่
เมื่อเห็นชายคนนั้นเดินออกไปแล้ว นักพรตเฒ่าก็ถือไม้เท้าเดินเข้ามา และพูดอย่างอิจฉา
“เถ้าแก่ ทำไมเจ้าไม่เก็บทั้งเหล่าสวี่กับอิงอิงไว้ทั้งคู่เลยล่ะ อย่างนี้เจ้าก็จะเป็นเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ในทงเฉิงได้ทันควันเลยนะ”
โจวเจ๋อยกถ้วยชาที่ดื่มจนหมดและทำท่าคว่ำมันลง
น้ำชาในถ้วยชาหมดแล้ว แต่ข้างในยังมีใบชาหลงเหลืออยู่
“อย่านะๆๆ!” นักพรตเฒ่ารีบยิ้มแหยๆ และขอให้ยกโทษให้ทันที
เดดพูลหญ้ายังขึ้นหัวอยู่ที่ชั้นบนอยู่เลย สุขภาพของตัวเขาเองยังไม่ค่อยจะดีนัก ทำงานทำความสะอาดไม่ได้หรอก
โจวเจ๋อวางถ้วยชากลับไปที่เดิม และบิดขี้เกียจหนึ่งที ในเวลานี้เขาก็คร้านจะถือสาอะไรกับนักพรตเฒ่าเช่นกัน
หลังจากผู้จัดการออกไป โจวเจ๋อก็ยังใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป เขาไม่ได้มุ่งหน้าไปคุยเรื่องบ้านกับอิงอิงโดยเฉพาะ ไม่ว่าอิงอิงจะซื้อบ้านเพื่อจุดประสงค์ใดก็ตาม เขาที่ไม่ได้ออกเงินสักนิด ไม่บังอาจแบกหน้าไปพูดอะไรหรอก
เถ้าแก่โจวได้แต่ปลงอนิจจังว่าคนที่ต้องการบ้านจริงๆ ในโลกนี้ไม่สามารถซื้อบ้านได้ ส่วนคนที่มีบ้านหลายหลังต่างไม่ทันได้อยู่อาศัย
แม้แต่ผีดิบก็เริ่มเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์แล้ว
หมดหวังแล้ว สิ้นหวังแล้วจริงๆ
…
สามวันต่อมา โจวเจ๋อกำลังตรวจร่างกายให้สวี่ชิงหล่างในห้องนอนบนชั้นสอง สวี่ชิงหล่างฟื้นตัวได้ไม่เลว แต่ก็ยังไม่มี เค้าส่อให้เห็นว่าจะตื่นขึ้นมา โจวเจ๋อชั่งใจว่าจะพาเขาไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลดีหรือไม่ ถึงอย่างไรในร้านหนังสือนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอุปกรณ์การแพทย์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยชั้นสูงเหมือนอย่างในโรงพยาบาล
เถ้าแก่โจวสามารถอนุมานได้ในหลายๆ เรื่องโดยอาศัยจากประสบการณ์ แต่ก็ไม่มีผลการทดสอบชัดๆ อยู่ดี ท้ายที่สุดก็ยังไม่วางใจ
หากหลังจากตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้วพบว่าสวี่ชิงหล่างสบายดี จนถึงตอนนั้นถ้าเขายังไม่ตื่นขึ้นมาละก็ บางทีโจวเจ๋อก็อาจจะใช้เล็บสะกิดเขา ฝืนกระตุ้นจนทำให้เขาฟื้นขึ้นมา
ไม่ว่าเขาจะเต็มใจเผชิญหน้ากับเรื่องจริงที่ว่าชายชราเป็นทั้งอาจารย์ของเขาและศัตรูคู่อาฆาตที่ฆ่าพ่อของเขาหรือไม่ ก็จะหลบหนีโดยกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปตลอดไม่ได้หรอกใช่ไหมล่ะ
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ช่วงนี้เถ้าแก่โจวสั่งอาหารมากินจืดชืดจนแทบจะไม่รับรู้รสชาติแล้ว น้ำดอกพลับพลึงแดงล้ำค่าขนาดนี้ เอามากินกับอาหารเดลิเวอรี่ มันรู้สึกไม่คุ้มค่า
กลับกันร่างกายของอิงอิง ‘ฟื้นตัว’ ได้ค่อนข้างดี สามารถเคลื่อนไหวเองและเริ่มช่วยดูแลร้านหนังสือได้ เถ้าแก่โจวได้ใช้ชีวิตแบบนายทุนน้อยที่ตื่นเช้ามาอาบแดด อ่านหนังสือพิมพ์ และจิบกาแฟอีกครั้ง
อืม
หลังจากออกมาก็ตั้งใจไปดูเดดพูลเป็นพิเศษ หญ้าบนหัวสูงสามฟุตแล้ว
โจวเจ๋อเป็นห่วงจริงๆ ว่าเจ้านี่จะฟื้นตัวไม่ได้ แต่หลังจากคิดไปคิดมา หากเจ้านี่กลับคืนมาไม่ได้แล้วเอามาปลูกไว้ในกระถางก็ดูเหมือนว่าจะไม่เลวทีเดียว
“อิงอิง มีคนมาหา!”
ทันทีที่โจวเจ๋อลงบันไดไปก็ได้ยินเสียงตะโกนของนักพรตเฒ่า
อิงอิงที่กำลังทำความสะอาดห้องน้ำรีบทิ้งของในมือแล้ววิ่งหน้าตั้งออกไปทันที
โอ้ เป็นผู้จัดการนายหน้าอสังหาริมทรัพย์คนนั้น
อิงอิงผลักคนคนนั้นออกไป จากนั้นรีบวิ่งขึ้นไปบนชั้นสอง แล้ววิ่งลงมาพร้อมถือเอกสารต่างๆ นานาในมือ ทั้งยังลากผู้จัดการไปหน้าประตูร้านและกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง
ลับๆ ล่อๆ เหมือนกลัวว่าเถ้าแก่ของนางจะรู้
อิงอิงยังไม่รู้ว่าตอนที่นางพักผ่อนอยู่บนชั้นสอง เถ้าแก่ของนางได้คุยกับผู้จัดการคนนี้ไปตั้งนานแล้ว
ผู้จัดการทำได้เพียงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก พยักหน้าต่อไปเรื่อยๆ
คนรวย คนเอาแต่ใจ คนซื้อบ้านไม่เรื่องเยอะ ลูกค้าดีและเอาใจใส่เช่นนี้ ผู้จัดการทำได้เพียงระมัดระวัง
อีกทั้ง ผู้จัดการยังรู้ว่าโดยทั่วไปแล้ว ลูกค้าประเภทที่ซื้อบ้านและจ่ายเงินอย่างรวดเร็วกระทั่งขี้เกียจไปดูบ้าน ภูมิหลังของพวกเขาต้องไม่ธรรมดา และโดยทั่วไปแล้วพวกเขาอยู่ในชนชั้นที่ไม่อาจบรรยายได้
เช่นเดียวกับร้านหนังสือแห่งนี้ คนบ้าเท่านั้นที่จะเปิดร้านหนังสือที่ถนนหนานต้า
นี่ไม่ได้พิสูจน์ว่าภูมิหลังของครอบครัวนี้ลึกซึ้งหรือไม่หรอกเหรอ
ไม่แน่ว่าการเปิดร้านหนังสือก็เพื่อสร้างสถานที่สำหรับแลกเปลี่ยนอำนาจและเงินตรา ยังไงเสียละครในทีวีก็แสดงกันแบบนี้อยู่แล้ว คาดว่าน่าจะเอาไว้เป็นบ้านพักตากอากาศอีกหลังหนึ่ง
โจวเจ๋อหัวเราะเบาๆ หันหลังเดินขึ้นไปชั้นบนและกลับไปที่ห้องนอนอีกครั้ง
ลิ้นชักชั้นล่างสุดของตู้ที่อยู่ในห้องนอนเปิดแง้มอยู่ครึ่งหนึ่ง น่าจะเป็นอิงอิงที่เพิ่งเปิดและหยิบของออกมาจากข้างใน แล้ววิ่งออกไปก่อนที่จะทันได้ปิดมัน
โจวเจ๋อเดินไปเปิดมันออก มีเอกสารมากมายกองอยู่ชั้นล่างสุด แน่นอนว่าสิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็ยังเป็นใบรับรองอสังหาริมทรัพย์กองหนา
เถ้าแก่โจวนั่งลงบนพื้นไปเลย และในขณะที่อิงอิงยังง่วนอยู่ด้านล่าง ตัวเขาได้ไล่ดูเอกสารทีละชุดๆ
ประเภทบ้านแถบโกลด์โคสต์ ชั้นในอาคาร สวนบนดาดฟ้า บ้านพักตากอากาศแฝด ทาวน์เฮาส์…
ขณะดูโจวเจ๋อก็ส่ายหน้าไปด้วย
ตัวเขาในชาติที่แล้วทำงานหนักมาตั้งหลายปี ยากมากกว่าจะได้บ้านมาสักหลัง อีกทั้งราคาบ้านก็ไม่สูงมาก ทำเลที่ตั้งก็ไม่ดี แต่ความเจ็บปวดจากการแบกรับภาระหนี้บ้านในตอนนั้นยังคงกดดันอยู่ในจิตใจและยังอยู่ในความทรงจำจนมาถึงทุกวันนี้ เหมือนกับมีหลอดเข็มกำลังดูดเลือดหลอดใหญ่ออกจากร่างกายอย่างโหดเหี้ยม
เลือดนี้ ไม่ใช่แค่สิ่งที่ดูดคุณในปัจจุบัน มันยังพรากส่วนแบ่งของคุณไปอีกยี่สิบปีข้างหน้าด้วย!
คุณก็เหมือนเป็นแกะตัวหนึ่ง ไม่เพียงแต่ถูกจองขนในปีนี้เท่านั้น ก่อนคุณจะตาย ขนแกะล้วนถูกจองเอาไว้ในทุกๆปี เพียงแค่รอการตัดเท่านั้น
มีความลำบากใจ มีความสับสน และมีความไม่อยากจะเชื่อสายตาเล็กน้อย
สาวใช้ของเขา แอบซื้อบ้านหลายหลังโดยที่ไม่บอกเขา โลกนี้ช่างมหัศจรรย์จริงๆ
ปลาเค็มโจวดูเหมือนชายกระจอกขี้แพ้ ดูบ้านหมดแล้วทุกประเภท สไตล์การตกแต่งแบบไหนที่เหมาะกับมันต่างอยู่ในหัวหมดแล้ว จนตอนสุดท้ายทำให้ตัวเองเวียนหัวเล็กน้อย
เป็นความรู้สึกเวียนหัวอันแสนสุข
ฉะนั้นบอกได้ว่า ก็เหมือนตอนที่อิงอิงเล่นเกม คนที่เล่นเกมเช่นเดียวกันพวกนั้นก็ไม่เข้าใจความพิเศษของฝ่ายตรงข้ามพวกเขาว่าแท้ที่จริงแล้วคือสาวน่ารักหรือผีดิบกันแน่ เช่นเดียวกันกับที่ไม่รู้ว่าพวกนักเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์เป็นมนุษย์หรือไม่
เมื่อพลิกดู โจวเจ๋อก็หยิบถุงแฟ้มที่อยู่ด้านล่างสุดขึ้นมา
โอ๊ะ ถุงแฟ้มนี้ดูจริงจังเป็นทางการมากกว่าเมื่อกี้เสียอีก น่าจะเป็นบ้านหรูกว่านี้ใช่หรือไม่
แกะขดลวดออก เปิดมันออกมา
สิ่งที่ร่วงออกมาคือภาพถ่ายหลายใบ เป็นภาพถ่ายวิลล่า
โอ้ เป็นวิลล่าจริงๆ ด้วย
โจวเจ๋อหยิบเอกสารข้างในออกมาอีกครั้ง
“อาคาร 4 เลขที่ 1 ชุมชนหาวเหอเหนือโกลด์โคสต์…
ผู้ตาย : …”
นี่มันอะไรกัน ทำไมมีของประเภทนี้มาอยู่ตรงนี้ได้
โจวเจ๋อพลิกดูมันอีกรอบถึงพบว่าแท้จริงแล้วมันคือแฟ้มคดีของทางการ
นานทีเดียวกว่าโจวเจ๋อจะนึกขึ้นมาได้
ตอนที่จางเยี่ยนเฟิงมาหาเขาและมอบแฟ้มคดีให้เขา บอกให้ตนเองช่วยเขาดูแฟ้มคดีเก่านี้ให้หน่อย ผลคือถูกธาตุแท้ของเขาปฏิเสธไปสามครั้งติดต่อกัน แถมรอจนจางเยี่ยนเฟิงออกไปก็โยนแฟ้มเอกสารให้อิงอิงเอาไปซ่อนไว้อย่าให้เขาเห็นมันเด็ดขาด
โจวเจ๋อโยนแฟ้มเอกสารกลับไปทันที
ไม่ดู ไม่ดูมันเด็ดขาด!
หลังจากนั้นโจวเจ๋อปิดลิ้นชักกลับไป แต่จู่ๆ ก็นิ่งอึ้งไป
เดี๋ยวก่อนนะ
อาคาร 4 เลขที่ 1 ในชุมชนหาวเหอเหนือโกลด์โคสต์อย่างนั้นเหรอ
คุ้นหูมาก
เชี่ย
นี่มันบ้านผีสิงหลังที่อิงอิงเพิ่งเตรียมจะซื้อเมื่อกี้ไม่ใช่เหรอ
………………………………………………………………..
[1] บ้านพลังหยาง หมายถึง สถานที่ถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์
[2] บ้านพลังหยิน หมายถึง สถานที่ใช้ฝังศพของคนตาย
[3] โกลด์โคสต์ หมายถึง เมืองติดชายทะเล