ตอนที่ 277 อุบัติเหตุทางรถยนต์
โจวเจ๋อและหมอหลินมองดูญาติที่โค้งคำนับต่อหน้า ทำใจยอมรับไม่ได้อยู่ชั่วขณะหนึ่ง มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมากๆ เห็นได้ชัดว่าการเคารพซึ่งกันและกันเป็นเรื่องที่สมควร แต่กลับถูกมองข้ามมาเป็นเวลานานแล้ว
ในโลกนี้ มีแพทย์ไร้ฝีมือ แต่แพทย์ส่วนใหญ่มักจะมีความรับผิดชอบ บนโลกใบนี้ มีคนที่รีบแย่งกินหมั่นโถวเลือดคน[1]ของญาติสนิทมิตรสหายตัวเอง แต่คนส่วนใหญ่เป็นคนมีหลักการ
เพราะเหตุนี้เป็นผลทำให้คนทั้งสองกลุ่มนี้เอาแต่โวยวายเสียงดังไม่หยุดไม่หย่อนเพื่อดึงดูดความสนใจ จึงค่อยๆ นำไปสู่การเป็นปรปักษ์กันระหว่างทั้งสองกลุ่ม
“เสียใจด้วยนะคะ” หมอหลินเดินเข้าไปพยุงหญิงชราลุกขึ้น
หญิงชราเอื้อมมือไปวางบนหลังมือของหมอหลิน “ลำบากหนูแล้ว ตาเฒ่าของฉันนับว่าจากไปอย่างสงบ และเรื่องในบ้านก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องห่วงแล้ว”
นับว่าจากไปอย่างสงบอย่างนั้นเหรอ
ในเวลานี้โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้นมองเพดานอย่างไม่รู้ตัว
ใช่น่ะสิ หากโจวเจ๋อไม่ได้สอดมือเข้าไปยุ่งละก็ ชายชราก็น่าจะสามารถจากไปอย่างสงบได้
ตอนที่โจวเจ๋อคว้าดวงวิญญาณของเขาไว้แต่กลับคว้าไม่ได้นั้น ชายชราเจ็บปวดมากจนเกือบจะคุกเข่าลงหมอบให้กับโจวเจ๋อและขอร้องเขา ‘อย่าช่วยฉันเลย ปล่อยให้ฉันตายไปเถอะ ได้โปรด’
แน่นอนว่า เรื่องนี้ไม่สามารถบอกกับใครได้
หลังจากปลอบญาติของชายชราแล้ว หมอหลินก็เดินกลับไปที่ห้องทำงาน ยกชาที่เย็นชืดแล้วขึ้นมาจิบหลายอึก
โจวเจ๋อกับไป๋อิงอิงก็เดินตามเข้ามา ช่วยไม่ได้แหละนะ เหล่าสวี่กำลังตรวจร่างกายอยู่ ไม่อาจทิ้งเหล่าสวี่ไว้ที่นี่ ส่วนตัวเองก็กลับบ้านไปก่อนได้หรอก
หมอหลินนั่งบนเก้าอี้ โน้มตัวลงใช้มือนวดน่องของเธอเบาๆ วันนี้เธอสวมถุงน่องสีดำ ขาที่เรียวยาวเข้าคู่กับถุงน่องสีดำ เป็นเสน่ห์ลึกลับเพียงหนึ่งเดียวในโลกจริงๆ
เมื่อรวมกับเครื่องแบบชุดกาวน์สีขาวเข้าชุดกัน โจวเจ๋ออดไม่ได้ที่จะยืนพิงประตูห้องทำงานมองอยู่นานสองนาน
“อะแฮ่ม…” อิงอิงทำหน้ามุ่ยและกระแอมออกมา “เถ้าแก่ ผิดจริยธรรมห้ามมอง”
โจวเจ๋อยื่นมือไปลูบหัวอิงอิง “ยังไม่หย่าเลยนะ มองภรรยาตัวเอง มันเป็นสัจธรรมต่างหาก”
อิงอิงจนปัญญามาก เอ่ยขึ้นว่า “เถ้าแก่ ไม่รับหมอหลินไปด้วยเลยล่ะ ท่านลีลาอย่างนี้ น่าอึดอัดจริงๆ ไม่ได้จริงๆ ละก็ให้เธอเป็นหลวง ข้าเป็นน้อยก็ได้นะเจ้าคะ”
“คิดอะไรอยู่น่ะ” โจวเจ๋อยังลูบหัวของไป๋อิงอิงอยู่ แต่สายตายังคงจ้องมองขาของหมอหลิน
“ถึงอย่างไรผู้ชายจะมีมากชู้หลายเมียมันก็เป็นเรื่องธรรมดามาก ถ้ารับหมอหลินเข้าไปเพิ่มได้ ก็รับเหล่าสวี่เข้ามาด้วยเลยสิ”
พิษร้ายที่หลงเหลือมาจากยุคศักดินาของอิงอิงไม่เบาเลยนะเนี่ย
“ไปดูว่าเหล่าสวี่เสร็จหรือยัง” โจวเจ๋อพูดขึ้น
อิงอิงล้วงมือเข้าไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า และใส่มันเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของโจวเจ๋อ จากนั้นกระโดดโลดเต้นไปหาเหล่าสวี่
โจวเจ๋อเอาแต่จับจ้องไปตรงนั้นเพียงอย่างเดียวและไม่ได้สนใจ
หมอหลินรู้อยู่แล้วว่ามีชายคนหนึ่งใช้สายตาร้อนแรงมองเธออยู่แน่ๆ แต่เธอก็ไม่สนใจ กลับลุกขึ้นนั่งบนโต๊ะทำงาน ไขว่ห้าง ลำตัวตั้งตรง ส่วนเว้าส่วนโค้งน่าหลงใหล
โจวเจ๋อกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
ต้องยอมรับว่าหมอหลินสวยจริงๆ เสน่ห์แบบนั้นและทรวดทรงองเอวแบบนั้น ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่โจวเจ๋อได้สืบทอดความหมุกมุ่นของสวีเล่อในตอนแรกอย่าง ‘เธอไม่นอนกับฉัน’ มาด้วย
“ไม่พิจารณาเรื่องมาทำงานที่นี่จริงๆ เหรอคะ” หมอหลินถาม
“ไว้ค่อยว่ากันนะ”
โจวเจ๋อนั่งลงบนเก้าอี้ ถ้าเขามาทำงานที่นี่ละก็ ไม่ต้องวางเตียงเสริมในห้องทำงานด้วยเหรอ
“อืม ช่วงนี้หยุดพูดถึงเรื่องข้อตกลงการหย่าร้างสักพักก่อนนะ ช่วยฉันยืดเวลาออกไปสักหน่อยนะคะ ถ้าหย่ากับคุณปุ๊บ พ่อแม่ของฉันจะต้องรบเร้าให้ฉันหาผู้ชายต่อแน่ๆ มันน่ารำคาญมากน่ะค่ะ”
“คุณเปลี่ยนไปมาก” โจวเจ๋อพูด
แม้ว่าหมอหลินในอดีตจะทำงานได้ยอดเยี่ยมมาก แต่ในด้านการใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวเป็นลักษณะนิสัยของสตรีสมัยโบราณอย่างสิ้นเชิง เชื่อฟังพ่อแม่ของตัวเองมาก
การเกี่ยวดองระหว่างเธอกับสวีเล่อ อันที่จริงมันก็เป็นผลผลิตของพ่อแม่ประเภทเผด็จการนี้
“คนเรามักจะเปลี่ยนไปเสมอไม่ใช่เหรอคะ”
หมอหลินยิ้ม ชี้โจวเจ๋อและพูดขึ้น
“อาจารย์ที่ปรึกษาที่อุทิศตัวทำงานในตอนแรก ตอนนี้กลับคิดเพียงอาบแดดและอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวันเท่านั้น คนที่เปลี่ยนไปมากคือคุณต่างหาก”
“ก็จริง”
โจวเจ๋อพยักหน้า เขารู้สึกได้ว่าหมอหลินเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กำลังเปลี่ยนจากผู้หญิงที่อ่อนโยนเป็นสาวแกร่งยุคใหม่ในที่ทำงาน
“เรื่องร้านขายยา ถ้าคุณไม่คัดค้านละก็ ฉันจะจัดการตามนี้นะคะ” หมอหลินเอ่ยปาก
“ก็ได้ ผมสามารถช่วยดูให้ได้”
“อืม”
ขณะนี้เอง โทรศัพท์ของหมอหลินดังขึ้น เธอรับสายจากนั้นบอกโจวเจ๋อว่า
“การตรวจร่างกายของเพื่อนคุณคนนั้นเสร็จแล้วค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร”
“ครับ”
โจวเจ๋อลุกขึ้นยืน
“งั้นผมไปแล้วนะ”
“ยังมีอีก เสี่ยวอี้สอบติดมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นแล้ว”
“น่าตีนัก สอบไม่ติดมหาวิทยาลัยชิงหวาจนได้”
โจวเจ๋อโบกมือให้หมอหลินและเดินออกจากห้องทำงานไป
หมอหลินนั่งบนโต๊ะทำงานอยู่ลำพัง หันหน้าไปมองต้นไม้สองต้นในสวนนอกหน้าต่าง
ต้นหนึ่งเป็นต้นแปะก๊วย อีกต้นหนึ่งก็เป็นต้นแปะก๊วยเช่นกัน
…
“เถ้าแก่ หมอบอกว่าเหล่าสวี่ไม่มีปัญหาอะไร ท่านคิดจะแทงเขาเมื่อไรเจ้าคะ”
ไป๋อิงอิงยังคงแบกเหล่าสวี่ไว้เหมือนแบกกระสอบต่อไป
“กลับไปค่อย…” โจวเจ๋อพูดคำนั้นไม่ออก “กลับไปค่อยว่ากัน”
“อ๊ะ!”
หลังจากนั่งในรถ ตอนที่โจวเจ๋อสตาร์ทรถและขับไปตรงทางออกด้านหน้า ทันใดนั้นรถเบนซ์คันหนึ่งขับเอียงออกมาจากด้านหลัง พยายามจะชิงนำหน้าก่อน ทั้งบีบแตรตามหลังอย่างเอาเป็นเอาตาย เร่งเครื่องยนต์ดังคำรามไม่หยุด
โจวเจ๋อไม่สนใจและขับรถของเขาต่อไป และไม่หลบให้อีกฝ่ายด้วย
ทางออกนั้นใหญ่แค่นี้เอง รถเบนซ์คันนั้นจึงทำได้เพียงจอดอยู่ด้านหลังเท่านั้น แต่ในตอนที่โจวเจ๋อผ่านประตูป้อมรักษาความปลอดภัยเพื่อจ่ายค่าจอดรถนั้น รถคันนั้นยังคงบีบแตรไล่หลังไม่หยุดหย่อน โจวเจ๋อได้ยินแม้กระทั่งเสียงตะโกนด่า ประมาณว่า ‘ขับรถนิสสันเก่าๆ ยังไม่รีบหลีกทางให้อีก’
“เถ้าแก่ ไอ้คนข้างหลังนั่นน่ารังเกียจจริงๆ เลย” ไป๋อิงอิงพูดด้วยความไม่พอใจมาก
“เอาน่า” โจวเจ๋อพูด
“บ่ายนี้ข้าจะซื้อรถใหม่ให้เถ้าแก่เอง”
“ไม่ต้อง”
เมื่อรถแล่นออกจากโรงพยาบาล ไม่นานก็เข้าสู่ทางยกระดับสายเจียงไห่ ปรากฏว่าไม่นานนัก รถเบนซ์คันนั้นกลับขับตามมาอีกครั้งด้วยความเร็วที่เร็วมาก และแซงรถของโจวเจ๋อไป อีกทั้งยังจงใจดริฟต์รถอยู่ด้านหน้าโจวเจ๋อไม่หยุด ชายหนุ่มตรงที่นั่งคนขับคนนั้นยังยื่นมือออกมาชู ‘นิ้วกลาง’ ใส่อีกด้วย
“เถ้าแก่ ให้ข้าจะไปจับเขามาสั่งสอนสักยกไหม”
“ไม่ต้อง”
โจวเจ๋อลดความเร็วลง ไม่สนใจเขา
อันที่จริง เรื่องการขับรถแบบนี้น่ะ สำหรับคนที่เพิ่งได้ใบขับขี่และไม่เคยขับรถมาก่อนนั้น มักจะรู้สึกตั้งตารอคอยที่จะได้ขับรถบนถนนและคิดว่ามันสนุกมาก ตรงกันข้ามกับคนช่ำชองในการขับรถมานานที่มักจะมีความรู้สึกเคารพยำเกรงต่อท้องถนน
ช่วยไม่ได้ คุณขับรถของคุณเองอย่างปลอดภัย แต่คุณไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเจอกับพวกโง่เง่าบนท้องถนนกี่คน และพวกโง่เง่าเหล่านี้ไม่ได้พาตัวมันเองไปตายเท่านั้น มันยังพาคุณไปตายกับมันด้วยอีกต่างหาก
นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้มากที่สุดเรื่องหนึ่ง
โจวเจ๋อยังไม่ถึงกับต้องถือโทษโกรธมัน
รถเบนซ์ขับไปแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นาน โจวเจ๋อก็เห็นว่ามันจงใจลดความเร็วลงอีกครั้ง ปล่อยให้เขาแซงหน้ามันไป ผ่านไปสักพัก รถเบนซ์คันนั้นก็โผล่มาอีกครั้งและขับตามหลังมา
“เถ้าแก่ เจ้าพวกนี้มันกวนประสาทใช่ไหมเนี่ย”
ใช่ กวนประสาท
ยมทูตไม่แยแสคุณ แต่คุณกลับพยายามวิ่งมาอยู่ตรงหน้ายมทูตอย่างเอาเป็นเอาตาย
เพื่อเย้ยหยัน เพื่อประชันกัน เพื่อดึงดูดความสนใจ
คนแก่อายุมากกินสารหนูเพราะรังเกียจที่อายุยืนก็คงเป็นแบบนี้ละมั้ง
“ไม่เป็นไร”
“เถ้าแก่ ท่านนี่ก็ใจกว้างมากเลยนะเจ้าคะ ข้านับถือท่านจริงๆ!” ประจบสอพลอเรียบร้อย
โจวเจ๋อขำ
“คุณอยากขับรถไหม” โจวเจ๋อเอ่ยถาม
“ไม่อยากเจ้าค่ะ ยุ่งยากจะตายชัก” อิงอิงพูด
“อยากขับรถละก็ไปสอบใบขับขี่มานะ แต่อีกหน่อยถ้าขับบนถนนละก็ จะต้องระวังให้มากๆ หน่อย อุบัติเหตุบางอย่างคุณอาจจะไม่เป็นอะไร แต่คนอื่นๆ เป็นเพียงคนธรรมดา อาจจะเป็นปัญหาใหญ่ของพวกเขาได้”
“อื้อ ทราบแล้วเจ้าค่ะเถ้าแก่”
“อีกอย่างยังมีคุณนั่งอยู่ และยังมีเหล่าสวี่นอนอยู่บนรถคันนี้ด้วย ผมคงไม่อาจระบายความโกรธกับคนอื่นในเวลานี้ได้หรอก ในความเป็นจริงแล้ว ขับรถแล้วพาลไปทั่วเป็นเรื่องที่โง่เง่าเบาปัญญามากที่สุดเรื่องหนึ่ง”
“อื้อ อิงอิงเข้าใจแล้ว”
มีรถบรรทุกอยู่ด้านหน้าหนึ่งคันและยังมีรถประจำทางอยู่ข้างๆ อีกหนึ่งคัน
โจวเจ๋อไม่ได้เลือกที่จะขับแซง แต่ชะลอความเร็วลงและขับตามหลังไปก่อน
จังหวะนี้ รถเบนซ์ที่ตามหลังมาก็เริ่มคึกคะนองขึ้นมาอีกครั้ง เร่งความเร็วขึ้นและไม่เปิดไฟ เริ่มขับแซงอย่างบ้าคลั่งราวกับกำลังเล่นเกมแข่งรถบนเครื่องเล่นเกม 8 บิตเมื่อตอนเด็กๆ
หลังจากแซงรถติดๆ กัน เขาก็ขับมาถึงตำแหน่งเดียวกับโจวเจ๋อ ตามด้วยขับปาดตรงไปข้างหน้า หน้ารถเหวี่ยงเข้ามา ส่วนลำตัวรถก็เบียดเข้ามา
แม้ว่าระยะห่างของโจวเจ๋อกับรถบรรทุกข้างหน้าจะสั้นมาก ไม่พอที่จะให้มันขับเข้าไปได้ แต่มันก็ยังไม่ละความพยายาม
เพื่อพบเจอกับสถานการณ์ประเภทนี้ แนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องก็คือชะลอความเร็วแต่ไม่หลีกทาง
แต่จังหวะนี้ผู้ขับขี่มือใหม่หลายคนมักจะทำพลาด นั่นคือหลีกทางให้ตามสัญชาตญาณ และอุบัติเหตุทางรถยนต์มากมายก็เกิดขึ้นได้ในจังหวะนี้แหละ แต่คนที่แย่งเลนอย่างอาฆาตมาดร้ายก่อนหน้านี้กลับไม่เป็นอะไรเลยสักนิด แล้วจากไปอย่างสง่าผ่าเผย
เมื่อเห็นรถเบนซ์พยายามพุ่งเบียดไปข้างหน้าอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้ โจวเจ๋อที่เพิ่งถูกอิงอิงสรรเสริญเยินยอยกใหญ่ว่าใจกว้างไม่เพียงแต่ไม่ยอมหลีกทางให้เท่านั้น ยังไม่ชะลอความเร็วลงอีกด้วย กระทั่งยังเหยียบคันเร่งก่อนอีกต่างหาก!
‘ปัง!’
รถนิสสันเร่งความเร็วขึ้นทันที จากนั้นพุ่งทะยานขึ้นไป
‘โครม!’
ชนเข้าแล้ว
ตัวรถของอีกฝ่ายเอียง มีเพียงเฉพาะส่วนหน้าเท่านั้นที่ข้ามเส้นมา แต่ตัวรถยังทับอยู่บนเส้น หลังจากถูกชนขนาดนี้ ตัวรถอีกฝั่งหนึ่งชนเข้ากับท้ายรถบรรทุกคันหน้าอย่างจัง และตัวรถก็พลิกคว่ำทันที ตามด้วยหมุนคว้างเป็นวงกว้างราวกับท่าหมุนบีบอย เทคนิคการเคลื่อนไหวเกือบจะได้คะแนนเต็มเลยทีเดียว จนสุดท้ายชนเข้ากับรั้วกั้นถึงได้หยุดลง
ตัวรถพลิกคว่ำ หัวอยู่ล่าง ล้ออยู่บน มีควันเล็กน้อยลอยออกจากตัวรถ กระจกหน้าต่างรถแตกกระจายไปทั่วพื้น
อืม คล้ายกับเกิดควันดำและติดไฟใกล้จะระเบิดเหมือนในหนังในละคร แต่ทว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น
โจวเจ๋อก็จอดรถเช่นกัน และเปิดไฟสัญญาณเตือน ไฟฉุกเฉินติดขึ้น
จากนั้นโจวเจ๋อก็บอกไป๋อิงอิงที่นั่งอยู่ข้างคนขับ “เอาป้ายสัญญาณเตือนที่อยู่ในท้ายกระโปรงรถออกมาวางไว้ด้านหลัง จากนั้นแจ้งตำรวจ แจ้งคุณอาตำรวจให้มารับทราบความผิด เขาผิดเต็มประตูต้องรับผิดชอบเต็มที่”
“เจ้าค่ะ!” อิงอิงรีบลงจากรถไปหยิบป้ายสัญญาณเตือน
เถ้าแก่โจวเป็นพลเมืองที่เคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย เมื่อเจอเหตุการณ์ก็ปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติทุกข้ออย่างครบถ้วนเช่นกัน
หลังจากนั้น โจวเจ๋อเห็นประตูรถเบนซ์ถูกผลักเปิดออกผ่านกระจกเงาสะท้อนด้านหลัง และผู้ชายที่เลือดไหลอาบศีรษะก็คลานออกมาจากด้านใน
โจวเจ๋อจุดบุหรี่มวนหนึ่ง จากนั้นยื่นมืออีกข้างหนึ่งออกไปนอกหน้าต่างและชูนิ้วกลางใส่เจ้าบ้านั่น ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ออกมาและเอ่ยว่า “ไอ้โง่”
……………………………………………….
[1] กินหมั่นโถวเลือดคน หมายถึง การที่เกิดเหตุน่าสลด มีผู้คนเสียชีวิตอย่างน่าสงสาร แต่ยังมีบางคนขยี้ไปในทางที่ไม่ควรอย่างสนุกปาก เหมือนกินหมั่นโถวเลือดคนเข้าไปโดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลย