ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 291 เอาปากกาไปเขียนเองสิ!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 291 เอาปากกาไปเขียนเองสิ!

โจวเจ๋อรู้สึกว่าเขาใกล้บ้าเต็มทีแล้ว ปีศาจกระดูกขาวที่ปรากฏในตอนแรก เดิมทีเป็นนักเขียนหญิงปกติธรรมดา จู่ๆ กลายเป็นโรคประสาทไปเสียอย่างนั้น แต่อย่างน้อยๆ ความประสาทของเธอก็ยังมีคำอธิบายให้ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจเสียทีเดียว แถมเธอยังทำภารกิจได้สำเร็จอีกด้วย เธอปรากฏตัวขึ้น เธอหยิบมีดฟันเขา กระดูกของเธอแข็งมากจริงๆ!

แต่เธอมีจุดเริ่มต้นและจุดจบไปแล้ว เธอมีราคาค่างวดคุ้มกับบทตัวประกอบของเธอแล้ว เธอมีความรับผิดชอบสูงและขยันขันแข็ง ตอนนี้ก็ยังกระตุกอยู่ตรงมุมแคบๆ ในห้องน้ำอยู่เลย!

แม้ว่าจะเธอจะไม่ได้เข้ากล้อง แต่เธอก็ยังพยายามอย่างเต็มที่ แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ

แต่มือแค่ข้างเดียวอย่างแกนี่มันบ้าอะไรกัน แมวแขวนคอตัวเองบ้าบอตัวนั้นอีก และที่เกินจริงยิ่งกว่านี้คือ ช่วงแรกเกริ่นมาอย่างเทพ แค่ดูก็รู้ว่าบอสใหญ่กำลังจะลงสนามแล้ว

แสงไฟเอย เอฟเฟกต์เอย เลือดเอย ต้นทุนเอย ฉากเอย สิ้นเปลืองไปตั้งมากมาย ผลก็คือเหมือนกับติดคาอยู่ในทีวีจนตาย ล้อกันเล่นหรือเปล่า!

บ้านผีสิงในสวนสนุกยังมีความเป็นมืออาชีพมากกว่าแกอีก!

แต่เถ้าแก่โจวประเมินรูปการณ์ผิดไปอย่างเห็นได้ชัด ต่อมา ข้อเท็จจริงเริ่มพิสูจน์ให้เขาเห็น

ตลกแล้ว ไม่มีขีดจำกัดขั้นต่ำสุดต่างหาก!

นอกจากพวกเราจะไร้สาระแล้ว ยังไร้สาระได้มากกว่านี้อีก!

ทันใดนั้นงูจำนวนมากก็เลื้อยออกมาจากโซฟา แต่ก่อนหน้านี้เถ้าแก่โจวกลับไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่นิด เพียงแต่หลังจากที่งูเหล่านี้เลื้อยออกมาก็เริ่มระเบิดตัวเองตายทีละตัวๆ คลายกับว่าปลงไม่ตกเลื้อยออกมารวมตัวกันแล้วคิดสั้นฆ่าตัวตายเสียอย่างนั้น เป็นฉากโศกนาฏกรรมนองเลือดของจริง!

เถ้าแก่โจวถูกเลือดงูกระเซ็นใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนตกตะลึงพรึงเพริด

จากนั้นตะขาบยักษ์คลานออกมาจากใต้พรม จากนั้นลำตัวตะขาบก็ตั้งตรง แต่ต่อมาคล้ายกับว่ามีบางอย่างผิดปกติกับกระดูกสันหลัง ลำตัวงอและตายไปเลย!

ต่อมา เงาผีเริ่มปรากฏตัวขึ้นบนผนัง ท่าทางน่าครั่นคร้าม แต่แล้วไม่รู้ว่าเป็นอะไร จู่ๆ ไฟก็สว่างขึ้นเอง หลังจากที่เงาผีเหล่านี้ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาก็พากันหายวับไปพร้อมกัน!

ต่อจากนั้นยังมี…ยังมี…ยังมี…

เถ้าแก่โจวเหมือนเป็นผู้ชมเสียอย่างนั้น ยืนมองพวกภูตผีพวกนี้อยู่กลางห้องนั่งเล่น ฝ่ายคุณร้องเพลงเสร็จ ผมค่อยขึ้นเวที เถ้าแก่โจวไม่จำเป็นต้องลงมือเองด้วยซ้ำ พวกมันเล่นเองตายเองไปแล้วเรียบร้อย

แม้แต่ในตอนท้าย เมื่อมีผีตัวใหม่ออกมา เถ้าแก่โจวไม่ประหม่าเลยสักนิด กระทั่งเริ่มคาดเดาว่าผีตัวนี้จะฆ่าตัวมันเองให้ตายอย่างไร

ตอบถูกให้คะแนนตัวเองเพิ่มสิบคะแนน!

เถ้าแก่โจวสาบานว่านับตั้งแต่เขากลายเป็นยมทูตก็ยังไม่เคยเห็นผีแปลกๆ พิลึกกึกกือมากมายขนาดนี้ภายในวันเดียว แต่ละตัวมีลักษณะเฉพาะและแตกต่างกันไป อีกทั้งแม้แต่รูปแบบการฆ่าตัวตาย ทุกตัวล้วนสร้างสรรค์มาก!

“บ้าจริง หน้าไม่อายจังเลย! มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์บ้างไหมเนี่ย! บ้านแค่หลังเดียวมีผีมาจากไหนตั้งเยอะตั้งแยะ! ยังมีออกมาเรื่อยๆ แกคิดว่าที่นี่อยู่ใน ‘ไซอิ๋ว’ หรือไง!”

ไป๋อิงอิงแขวะไปพลางฉีกไปพลาง ผีออกมาตัวหนึ่งก็ฉีกทิ้ง ผีตัวต่อไปออกมาก็ฉีกต่อเรื่อยๆ!

ถึงอย่างไรก็เร่งความเร็วได้ด้วยตัวเอง ปล่อยให้โครงเรื่องไร้ประโยชน์พวกนั้นถูกฉีกไปซะ!

ขณะที่ฉีกไปเรื่อยๆ มือไป๋อิงอิงหยุดชะงัก เอ๊ะ นี่มันดูเหมือนจะไม่ธรรมดานะ

“ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มองเห็นผีเยอะแยะและเรื่องเหลือเชื่อมากมายในบ้านหลังนี้ ราวกับว่าบ้านของผมกลายเป็น ‘คืนมหัศจรรย์ในพิพิธภัณฑ์’ ไปแล้ว

ตอนที่ผมหนีหัวซุกหัวซุนครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนที่ผมตกใจกลัวจนกรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่ากลับไม่มีใครสนใจผม ตอนที่สภาพจิตใจของผมเกือบจะพังทลาย

จู่ๆ เงาด้านหลังของผมก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ในมือของเขากำลังถือปากกาอยู่ด้ามหนึ่ง เป็นปากกาหมึกซึมด้ามหนึ่ง เหมือนเขากำลังเขียนอะไรบางอย่าง และคล้ายกับกำลังหัวเราะเยาะใส่ผม…”

“อืมมมม…ในที่สุดปากกาก็มาแล้ว”

ในที่สุดไป๋อิงอิงก็เลิกฉีกหนังสือและเริ่มตั้งใจอ่าน สิ่งที่น่าเสียดายก็คือหนังสือเล่มนี้ถ้าเป็นฉบับไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ อิงอิงก็สามารถดูแลและทะนุถนอมมันได้ แค่จัดการค้นหาคำว่า ‘ปากกา’ ปราดเดียวก็ได้แล้ว

ตอนนี้อิงอิงฉีกจนเมื่อยมือไปหมดแล้ว!

เถ้าแก่โจวกำลังสูบบุหรี่อยู่ ยิ้มและทำตัวลอยอยู่เหนือเมฆดูเหตุการณ์ด้วยจิตใจที่สงบ

คล้ายกับท่อนร้องในเพลงของเริ่นเสียนฉี ‘คลื่นลูกหนึ่งยังไม่สงบ คลื่นอีกลูกโถมเข้ามา…’

คลื่นลูกแล้วลูกเล่าตามกันมาติดๆ เถ้าแก่โจวเฉยชาไปเสียแล้ว

หลังจากที่คุณพี่ผีตัวนั้นฆ่าตัวตายโดยรูปแบบที่อธิบายไม่ได้ โจวเจ๋อเขี่ยบุหรี่ จากนั้นมองเห็นเงาปรากฏบนพื้นหลังจากที่ไฟเปิดเอง เงานั้นค่อยๆ ไต่คลานขึ้นมาอย่างช้าๆ จากแนวระนาบกลายเป็นสามมิติ

‘พี่ชาย! คุณจะฆ่าตัวเองตายยังไงกันนะ!’ โจวเจ๋อคิดในใจ

จากนั้น โจวเจ๋อก็มองเห็นสิ่งที่เงานี้ถืออยู่ในมือ นั่นคือ…ปากกา!

ปากกา

ปากก้า

ปากก๋า

ในชั่ววินาทีนั้น โจวเจ๋อเหมือนจะนึกอะไรออกแล้ว!

ให้ตายเถอะ มันเป็นกุญแจสำคัญในการทำลายหลุมพรางนี่นา!

โจวเจ๋อรีบยื่นมือไปแย่งปากกาทันที เขามีสมุดหยินหยางแล้ว และสิ่งที่ควบคู่กับสมุดหยินหยางก็คือปากกาของผู้พิพากษา!

หรือว่า นี่จะเป็นปากกาที่ผู้พิพากษาทำหล่นหายบนโลกมนุษย์กันนะ

ใช่แล้ว โจวเจ๋อนึกถึงฉากตอนที่เขาเผชิญหน้ากับสมุดหยินหยางในตอนแรกได้ มีแค่ปากกาของผู้พิพากษาเท่านั้นที่มีความสามารถคล้ายกัน และในแง่ของความเป็นจริงนั้นคุณสมบัติของมันสูงยิ่งกว่า!

แต่ทว่า เงานี้กลับไม่ได้ฆ่าตัวตายอย่างว่าง่าย ตอนที่โจวเจ๋อโผเข้าหามัน เงามันวิ่งหนีก่อนเลย ในขณะที่วิ่งก็เปล่งเสียงแหลมเล็กในลำคอของชายหนุ่มออกมาด้วย

“เหอะๆๆ มาจับฉันสิ เหอะๆๆ มาจับฉันเลย จับฉันสิ จับฉัน…”

เสียงนี้น่าขยะแขยงมาก แฝงไปด้วยกลิ่นอายของการยั่วยุ และสิ่งที่ยิ่งทำให้โจวเจ๋อทนไม่ไหวก็คือ เสียงเดิมของเงานั้นมันเป็นเสียงของโจวเจ๋อเอง!

บ้าเอ๊ย จริงๆ เลย หน้าขายหน้าชะมัด!

เงานั้นวิ่งไปที่ชั้นสอง โจวเจ๋อก็ไล่ตามขึ้นไปบนชั้นสอง

เงานั้นวิ่งไปที่ชั้นหนึ่ง โจวเจ๋อก็ไล่ตามไปถึงชั้นหนึ่ง

บ้านหลังนี้จะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ได้ใหญ่มากขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้เล็ก เถ้าแก่โจวไล่ตามเงานี้ไปเหมือนเล่นเกมแมวไล่จับหนูในบ้านหลังนี้

ในที่สุด เงาดำก็เลี้ยวเข้าไปในห้องนอน เถ้าแก่โจวถีบประตูห้องนอนออกและพบว่าเงาของเขากำลังนอนอยู่บนเตียงพอดี แถมยังโบกมือให้เขาด้วย

“มาสิ คุณชาย มาเล่นสิ คุณชาย…”

ยังคงเป็นเสียงของเขาเอง เสียงนี้กระตุ้นเส้นเลือดตรงหางตาโจวเจ๋อจนโชว์หราออกมาให้เห็นชัดเจน

แต่ทว่า ตอนที่โจวเจ๋อทนไม่ไหวจะกระโจนเข้าใส่มันนั้น จู่ๆ ก็รู้สึกวิงเวียน โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองเซไปเซมาอยู่ตลอดเวลา คล้ายกับมดที่อยู่ในขวดแก้ว และขวดแก้วนั้นก็โคลงเคลงอยู่ตลอดเวลา

เงานั้นก็เป็นเหมือนกัน กลับไปกลับมาเดี๋ยวซ้ายเดี๋ยวขวา ขึ้นๆ ลงๆ ไม่หยุด

ราวกับว่ามีคนสองคนนั่งอยู่ในรถบัส และรถบัสก็ตกลงไปในเหว

“ปากกาล่ะ เล่นอะไรเนี่ย! จับเงาจับนานขนาดนี้ แกเป็นบ้าไปแล้วมั้ง!”

อิงอิงโมโหแล้วนะ พระเจ้าช่วย หนังสือประเภทนี้ตีพิมพ์ออกมาได้ยังไง หนังสือที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหนือธรรมชาติต่างก็ตีพิมพ์ได้ยากกันทั้งนั้น เพราะมันง่ายที่คุณจะพัวพันไปถึงพื้นที่ต้องห้ามอย่างการส่งเสริมความเชื่องมงายของระบบศักดินา หรืออาจมีคนที่อิจฉาริษยาจงใจใช้เรื่องนี้เล่นงานคุณได้

ดังนั้น แม้แต่ในร้านหนังสือ นิยายสยองขวัญที่สามารถตีพิมพ์และวางบนชั้นหนังสือได้ ก็มีอยู่เพียงไม่กี่เล่ม

แต่หนังสือ ‘ฝันร้ายบนปลายปากกา’ เล่มนี้กลับตีพิมพ์ออกมาได้ แอบดีใจอยู่ใช่ไหมล่ะ

แต่เนื้อเรื่องนี้กลับมีแต่น้ำล้วนๆ!

‘แควก! แควก! แควก!!!!!!!!!!!’

อิงอิงเริ่มฉีกทึ้งมันออกอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้นางโหดเหี้ยมมากจัดการฉีกไปถึงหน้าสุดท้าย เพราะอิงอิงถือว่ารู้ทันลูกไม้ของนักเขียนคนนี้แล้ว ด้านหน้าล้วนเป็นการเกริ่น ล้วนเป็นการบรรยายไร้สาระ นางเพียงต้องอ่านตอนท้ายสุด อ่านว่าตอนสุดท้ายแล้วปากกาไปอยู่ที่ไหน หรือไม่ก็ถูกเอาไปวางไว้ที่ไหนสักที่แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว!

เมื่อเป็นแบบนี้ อิงอิงก็ตระหนักได้ทันทีว่า หนังสือเล่มหนาขนาดนี้ ขอแค่อ่านหน้าแรกกับหน้าสุดท้ายก็สามารถอ่านจนจบได้แล้ว

เนื้อเรื่องดำเนินไปเร็วมาก รวดเร็วจนทำให้คนแทบเสียสติ โจวเจ๋อพบว่าตัวเองเดี๋ยวไปโผล่ในห้องนั่งเล่น เดี๋ยวไปโผล่ในห้องนอน เดี๋ยวไปโผล่ในห้องน้ำ สรุปแล้ว ผลุบๆ โผล่ๆ หมุนวนไปในแต่ละที่โดยไม่หยุดพักเลย

จนกระทั่งตอนสุดท้าย คล้ายกับผู้กำกับตะโกนว่า ‘หยุด’ โจวเจ๋อถึงหยุดลง เงานั้นก็หยุดลงเช่นกัน เขายืนอยู่บนระเบียงพร้อมกับมัน เงาถูกเขาบีบคั้นและกดดันอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายในที่สุดก็เดินมาถึงทางตัน คำบรรยาย ‘หนึ่งแสนคำ’ ถูกตัดตอนไว้ที่นี่

เพราะแม้แต่โจวเจ๋อก็ไม่ทันจะดูให้แน่ใจว่าในกระบวนการที่รวดเร็วนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่รวมๆ แล้วต้องมีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

หลังจากหยุดลง โจวเจ๋อไม่ได้รีบร้อนไปแย่งปากกา เงาดำก็ไม่รีบร้อนหลบหนีเช่นกัน โจวเจ๋อย่อตัวลงและเริ่มอ้วก ให้ตายเถอะ หมุนจนเวียนหัว

เงาดำก็เซไปเซมา เห็นได้ชัดว่ามันก็รู้สึกแย่เหมือนกัน

หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง โจวเจ๋อยื่นมือไปแย่งปากกา เงาดำปล่อยมือจนปากการ่วงลงไปอยู่ในมือโจวเจ๋อ

“ได้มาแล้ว!”

โจวเจ๋อมีความสุขมาก

เงาดำกลับหัวเราะออกมา หัวเราะร่าอย่างมีความสุข คล้ายกับเด็กสาวที่ใช้มารยาร้อยเล่มเกวียน ทุบหน้าอกคุณเบาๆ แล้วบ่นกระปอดกระแปดว่าคุณไม่สนใจเธอ บ่นว่าคุณไม่เล่นกับเธอ บ่นว่าเมื่อก่อนคุณเรียกเธอว่าเด็กดี ตอนนี้กลับเรียกเธอว่าแม่วัวนม…

“โอเค ฉันเอามาปากมาได้แล้ว”

โจวเจ๋อพึมพำกับตัวเอง แบบนี้ก็สามารถออกไปได้แล้วใช่ไหม

เมื่อมองเงาที่นั่งยองๆ แล้วหัวเราะเสียงดังอยู่ตรงนั้น โจวเจ๋อขมวดคิ้วน้อยๆ และเอ่ยขึ้น

“ออกไปยังไง”

ใช่น่ะสิ แล้วจะไปจากที่นี่ได้ยังไง

“ให้ปากกาแกไปแล้ว ตามใจแกเลย”

“อะไรนะ”

ไป๋อิงอิงอ่านหน้าสุดท้ายจบแล้ว

“ผมถามเจ้าเงาดำ ในเมื่อได้ปากกามาแล้ว ผมจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร ผมมีรักแท้รออยู่ข้างนอก ผมไม่สามารถหลับใหลอยู่ที่นี่ได้ตลอดไป ผมต้องออกไป ผมจะต้องออกไป ผมจะต้องออกไปให้ได้!

แต่เงาดำนั้นเพียงแค่หัวเราะใส่ผม บอกว่าให้ปากกาผมมาแล้ว จากนั้น…”

จุดไข่ปลานี้ไม่ได้ละเว้นจริงๆ แต่ประโยคสุดท้ายของย่อหน้าสุดท้ายของหน้าสุดท้ายของบทสุดท้ายของหนังสือ ก็คือ ‘จากนั้น…’

ไป๋อิงอิงเบิกตากว้าง เมื่ออ่านถึงประโยคสุดท้าย มือที่ถือหนังสือสั่นเทาเล็กน้อย จากนั้นนางพลิกดูด้านหลังหนังสือและหามันอย่างละเอียด ในที่สุดก็พบรายละเอียดที่ไม่ทันสังเกตมาก่อนหน้านี้

‘ฝันร้ายบนปลายปากกา’…เล่ม 1

ตัวเลข ‘1’ นี้มันเล็กมากๆ เล็กจนไม่ทันได้สังเกต เว้นแต่ว่าคุณตั้งใจจะมองหามัน ไม่อย่างนั้นแทบจะไม่สังเกตเห็นเลยด้วยซ้ำ

“แงๆๆ ทำยังไงดีเนี่ย หนังสือเล่มนี้มีแค่เล่มแรกไม่มีเล่มต่อไปเสียด้วย…”

เงาดำมองโจวเจ๋อ พลางหัวเราะอย่างต่อเนื่องและยื่นมือชี้โจวเจ๋อ

“เอาละ ปากกาให้แกแล้ว แกก็เขียนเองสิ…”

………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท