ตอนที่ 296 ช่วยน้องสาว!
เขากินวุ้นเย็นเสร็จแล้วจึงกลับมาที่ร้านหนังสือ แล้วอาบน้ำก่อนด้วยความเคยชิน ตอนที่ขึ้นไปข้างบนและผลักประตูห้องนอนเข้าไป เขาพบว่าอิงอิงกำลังเปลี่ยนผ้าปูที่นอนอยู่
หญิงสาวนั่งยองๆ ข้างเตียงยัดผ้าปูเตียงเข้ามุมอย่างละเมียดละไม แล้วปรับให้เรียบเสมอกันอย่างช้าๆ เธอทำด้วยความใส่ใจและละเอียดเป็นอย่างมาก
โจวเจ๋อจึงไม่ได้เข้าไป อย่างไรก็ตามตอนนี้เพิ่งจะค่ำ และเวลาเปิดร้านหนังสือโดยปกติก็คือตอนกลางคืน เขาเป็นเถ้าแก่จะเข้าไปนอนหลับก่อนไม่ได้แน่นอน
โดยปกติถ้าเถ้าแก่ร้านนอนหลับอย่างนั้นร้านคงเจ๊งแล้ว แต่ร้านของโจวเจ๋อมีความพิเศษนิดหน่อย พนักงานของเขาแต่ละคนล้วนเป็นคนมีเงิน ถึงแม้พวกเขาจะไม่ทำธุรกิจก็ยังอยู่กินได้อย่างสบาย แต่ตัวเขาเองที่เป็นเถ้าแก่กลับไม่มีอะไรจะกิน
จากนั้นเขาจึงไปดูเหล่าสวี่ที่อยู่ห้องข้างๆ เหล่าสวี่ยังคงนอนสลบเหมือนเดิม หลังจากพักฟื้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ท่าทางของเขาเหมือนคนกำลังนอนหลับจริงๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเล็บของตัวเองยังบาดเจ็บอยู่ กลัวจะเสียการควบคุม ตอนนี้โจวเจ๋ออยากจะทิ่มเขาให้ตื่นจริงๆ นอนๆๆ เอาแต่นอนอย่างเดียว จะไม่ทำงานแล้วใช่ไหม คิดว่าตัวเองมีห้องชุดยี่สิบกว่าห้องก็เก่งแล้วเหรอ คิดว่ามีห้องชุดยี่สิบกว่าห้องชาตินี้ก็อยู่กินสบายนอนขี้เกียจได้ตลอดไปเหรอ ถ้าหากห้องชุดราคาตกล่ะ แต่เมื่อครุ่นคิดไปมา โจวเจ๋อกลับส่ายหน้า อืม คำว่าถ้าหากดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
เขาเดินออกมาจากห้องแล้วเดินผ่านโถงทางเดิน มีตู้กระจกขนาดใหญ่ใบหนึ่งที่มีกระถางต้นไม้อยู่ด้านใน เดิมทีกระถางต้นไม้นี้วางอยู่ในห้องของนักพรตเฒ่า ก่อนหน้านั้นนักพรตเฒ่านอนอยู่ห้องเดียวกันกับเดดพูล ต่อมาภายหลังตัวของนักพรตเฒ่าได้ย้ายมันออกไป
สาเหตุก็เพราะเวลาที่นอนหลับ นักพรตเฒ่าจะได้ยินเสียงดอกไม้บานตลอด ถ้าหากดังแค่ครั้งเดียวเท่านั้นประสบการณ์แบบนี้ถือว่าสวยงามเป็นอย่างมาก ปัญญาชนหรือกวีสามารถนำไปแต่งเป็นบทกวีหรือโคลงกลอนได้บ้าง แต่จากการพูดของนักพรตเฒ่า ดอกไม้นี้บานตลอดทั้งคืน บานแล้วก็หุบ หุบแล้วก็บาน บานแล้วก็หุบอีก ดังนั้นเวลานอนหลับจึงเหมือนมีคนหยิบกระดาษหลายใบนับไม่ถ้วนมาฉีกเล่นตรงหน้าคุณ
ไม่ว่าสิ่งที่งดงามใดๆ เมื่อคุณเจอมาเยอะแล้ว ก็จะรู้สึกหมดสนุกไม่มีความหมายอะไร ตอนเย็นกระถางต้นไม้จะวางอยู่ตรงทางเดิน ตอนกลางวันจะวางอยู่ที่ระเบียงชั้นสอง เพื่อให้มันได้รับแสงอาทิตย์อย่างเต็มที่
หลังจากคืนนั้น ตอนแรกโจวเจ๋อคิดว่าร่างที่เหลวแหลกของเดดพูลที่ขยับไปมาช้าๆ จะค่อยๆ คืนสภาพกลับมา แต่ดูจากตอนนี้แล้วน่าจะเป็นตัวเขาเองที่คิดง่ายเกินไป ด้านล่างของตู้กระจกแทบจะเป็นโคลนเหนียวติดกันไปทั่ว ใบไม้ใหญ่สองสามใบกับดอกไม้ตูมขนาดเท่ากำปั้นได้งอกสูงออกมาจากตู้กระจกแล้ว จะไม่โตกลับมาแล้วใช่ไหม โจวเจ๋อไม่ค่อยแน่ใจ ใครสั่งให้เจ้าลิงหาเรื่องหว่านเมล็ดพันธุ์ลงไปในนี้ล่ะ
โจวเจ๋อหยิบกลูโคสข้างตัวแล้วรดลงไปในตู้กระจกเล็กน้อย ดอกไม้ตูมส่ายไปมาต่อหน้าโจวเจ๋อ เหมือนกำลังประจบเอาใจและขอบคุณเขา
“เหอะ” มุมปากของโจวเจ๋อเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ยื่นมือไปแตะดอกไม้ตูมดอกนี้ แล้วดอกไม้ก็บานทันที เผยให้เห็นกลีบดอกที่เต็มไปด้วยหนาม
ตอนที่โจวเจ๋อยื่นมือเข้ามามันบานก่อน แล้วจึงหุบอย่างรวดเร็ว เหมือนอยากจะกัดมือของโจวเจ๋อ โจวเจ๋อไม่หลบ ปล่อยให้ดอกไม้ดอกนี้โอบอุ้มมือของตัวเอง จากนั้นไม่มีความรู้สึกทิ่มแทงส่งผ่านมา ตรงกันข้ามฝ่ามือโดยเฉพาะปลายนิ้วดูเหมือนจะถูกห่อหุ้มด้วยกระแสอบอุ่น สบายเป็นอย่างมาก
หลังจากผ่านไปประมาณสองสามนาที กลีบดอกไม้จึงบานอีกครั้ง โจวเจ๋อดึงมือของตัวเองกลับมา พบว่ามือของตัวเองเต็มไปด้วยของเหลวสีขาวเหนียวข้น ส่งกลิ่นหอมประหลาดออกมาเป็นพักๆ เล็บนิ้วก้อยที่พังก่อนหน้านั้นตอนนี้เริ่มคันขึ้นมาแล้ว นี่คืออาการเตือนว่าเนื้อจะงอกออกมา จากนั้นเขาจึงยื่นมือแตะที่ใบไม้เบาๆ เหมือนจะขอบใจอีกฝ่าย
โจวเจ๋อดูโทรศัพท์ของตัวเองพลางหมุนตัวเดินไปข้างบน ถึงแม้จะพูดว่าเถ้าแก่โจวเป็นคนอนามัย แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ของเหลวที่อยู่บนมือของเขาไม่สามารถเช็ดออกได้ จากนั้นมีแมลงตัวหนึ่งบินผ่านทางเดิน ตอนที่มันเข้าใกล้ตู้กระจกดอกไม้ตูมพลันงอกยาวออกมาสองเมตร ลอดขึ้นไปข้างบนแล้วบานออกในทันใด มันจับยุงตัวนั้นใส่เข้าไป ‘ในปาก’หลังจากนั้นจึงหดถอยกลับไป
…
“เถ้าแก่ คุยเสร็จแล้ว อีกสามวันไปที่บ้านของเขา” นักพรตเฒ่าเดินมารายงานโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อพยักหน้า นักพรตเฒ่าเคยขอความคิดเห็นจากเขา และโจวเจ๋อได้ตกลงแล้วก่อนหน้านั้น
“เถ้าแก่ รอยฝ่ามือบนหลังของพ่อหนุ่มคนนั้น คืออะไรกันแน่”
“อาจจะเจอผีระหว่างทางก็เป็นได้ สงสัยคงจะถูกผีตบไหล่ถามทาง”
“เป็นปัญหาใหญ่ไหม”
“แค่รอยฝ่ามือผีเท่านั้น บนตัวของเขาไม่เห็นว่ามีผีตามรังควาญ และเขาก็ดูปกติมาก ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไรบนโลกนี้ คนที่โดนผีทำร้ายมีน้อยมากจริงๆ แต่คนที่เจอผีโดยบังเอิญนั้นมีเยอะมากจริงๆ แต่อย่างหลังโดยทั่วไปแล้วก็ไม่มีอะไรมาก ผีที่สามารถทำร้ายคนได้ ถึงอย่างไรก็มีน้อยมากถึงมากจริงๆ”
“หวังว่าจะไม่เป็นไร เขาเป็นคนหนุ่มที่นิสัยดีจริงๆ”
ถึงแม้เทศกิจหนุ่มคนนั้นจะชอบ ‘พูดมาก’ ไปบ้าง ทำให้นักพรตเฒ่าตกใจอยู่หลายครั้ง ทว่าเขาพูดออกมาจากใจจริงและเต็มไปด้วยความหวังดี
“ผมรู้สึกว่าช่วงนี้คุณมีจิตใจที่เมตตามากนะ” โจวเจ๋อยิ้มพูด เพื่อคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ถึงกับเชิญโจวเจ๋อไปทำพิธีที่บ้านของเขาด้วยกัน น้ำใจของคนถึงแม้จะไม่สามารถตีค่าเป็นราคาได้ แต่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถปฏิเสธความล้ำค่าของมันได้
“ตอนนี้เปลี่ยนทัศนคติแล้ว หากช่วยได้ก็ช่วย ถือเสียว่าสร้างบุญกุศลให้ตัวเอง”
“ความคิดของคุณอันตรายมาก โดยทั่วไปคนที่ใกล้ตายจะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์แบบนี้” โจวเจ๋อตบไหล่ของนักพรตเฒ่า
นักพรตเฒ่าตกใจตัวสั่น “เถ้าแก่ อย่าทำให้ตกใจแบบนี้สิ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องตื่นเต้น ไม่ว่ายังไงเวลาคุณตายแล้วไปนรกก็เหมือนได้กลับบ้านของตัวเอง ผมรับรองว่าจะส่งคุณไปแบบสบายแน่นอน”
“เอ่อ…” นักพรตเฒ่าไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดขอบใจหรือไม่พูดขอบใจดี
‘ปัง’ เสียงหนักอึ้งรุนแรงดังมาจากด้านนอกร้านหนังสือ
โจวเจ๋อหมุนตัวพรวด มองเห็นด้านนอกมีรถเมล์คันหนึ่งขับขึ้นมาบนทางเท้าแล้ว เครื่องสูบน้ำดับเพลิงถูกกระแทกเริ่มพ่นน้ำออกไปด้านนอก พร้อมกับเสียงกรีดร้องของคนที่อยู่บนถนนฝั่งตรงข้าม
“รถชนเหรอ” นักพรตเฒ่าพูด
“ลองไปดูสิ”
พอเดินออกไปข้างนอก ชั่วพริบตาเดียวโจวเจ๋อก็เห็นเด็กสาวคนหนึ่งนอนอยู่ข้างถนน มีเลือดไหลตามตัวสองสามจุด และบริเวณใกล้ๆ ยังมีผู้บาดเจ็บบนพื้นอีกสองสามคน
คนขับรถเมล์เดินลงมาจากรถ รีบโทรศัพท์ด้วยท่าทีที่ร้อนใจ และด้วยสัญชาตญาณของการเป็นหมอเมื่อชาติที่แล้ว โจวเจ๋อจึงเดินเข้าไปโดยตรง แล้วตรวจอาการของเด็กสาวที่นอนอยู่บนพื้นไม่ค่อยได้สติเป็นอันดับแรกก่อน เพราะอาการบาดเจ็บของเธอดูแล้วหนักมาก
ตำแหน่งศีรษะ หน้าอก และต้นขามีบาดแผลที่ชัดเจน แผลบริเวณศีรษะค่อนข้างใหญ่ ทั้งยังสงสัยว่าจะมีกระดูกหักตามร่างกายด้วย
“เถ้าแก่ ไม่เป็นไรใช่ไหม” นักพรตเฒ่าเดินตามเข้ามา
“ขับรถออกมาแล้วส่งไปโรงพยาบาล” โจวเจ๋อกล่าว
“อ้อ ได้”
โจวเจ๋อเงยหน้า ที่นี่มีกล้องวงจรปิดอยู่น่าจะบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้แล้ว
นักพรตเฒ่าขับรถนิสสันที่เพิ่งซ่อมเสร็จออกมา จากนั้นโจวเจ๋อจึงอุ้มเด็กสาวขึ้นรถ แล้วนักพรตเฒ่าก็ขับรถไป ก่อนหน้านั้นโจวเจ๋อพูดว่าจะไปสอบใบขับขี่กับนักพรตเฒ่า ทว่านักพรตเฒ่าไปสอบมาแล้ว แต่โจวเจ๋อยังไม่ได้ไป
“ไปโรงพยาบาลไหน” นักพรตเฒ่าถาม
“ที่ใกล้ที่สุด”
นักพรตเฒ่าขับรถเข้าไปในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ใช่แล้ว ถูกแล้ว นี่ก็คือโรงพยาบาลของตระกูลหลิน
โจวเจ๋อไม่ได้ติดต่อผู้อำนวยการหลิน หลังจากเข้าตึกแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลแล้วจึงตะโกนสองสามที ไม่ช้าก็มีพยาบาลและหมอเข็นเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมารับเด็กสาวแล้วเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
หลังจากจัดการเสร็จแล้ว โจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่าจึงนั่งยองๆ สูบบุหรี่อยู่หน้าทางเข้าสวนดอกไม้ เวลาผ่านไปประมาณสองชั่วโมง เสียงรองเท้าส้นสูงของผู้หญิงได้ดังขึ้น จากนั้นกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยเป็นอย่างมากก็โชยมาติดๆ
“พวกคุณเป็นคนส่งคนมาเหรอคะ” หมอหลินเอ่ยถาม โจวเจ๋อพยักหน้า “พวกคุณเป็นคนขับรถชนเหรอ”
“มีรถชนกันที่หน้าร้าน คนที่ขับรถชนเป็นรถเมล์ พวกเราทำตัวเป็นคนดีเหมือนเหลยเฟิง” นักพรตเฒ่าอธิบายทันที
“จากที่ดูอาการแล้วคือกระดูกซี่โครงหัก เลือดออกในช่องเยื่อหุ้มปอด ม้ามแตก หมอสองสามแผนกของพวกเราต้องร่วมกันรักษา หลังจากยืนยันการรักษาแล้วจึงส่งเข้าห้องผ่าตัดโดยตรง ตอนนี้เพิ่งผ่าตัดเสร็จ และประสบความสำเร็จมาก เด็กผู้หญิงพ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ”
“ค่ายาและค่ารักษา ต้องสำรองจ่ายก่อนไหม” นักพรตเฒ่าถาม ไปโรงพยาบาลก็ต้องเสียเงิน นักพรตเฒ่าเข้าใจหลักการนี้มาตลอด
โจวเจ๋อส่ายหน้า นักพรตเฒ่าพยักหน้า แต่แอบตะโกนในใจว่าเป็นโรงพยาบาลของตัวเองเหรอ!
หลินหวั่นชิวหัวเราะ “ผู้ที่ก่อเหตุเป็นรถเมล์ อย่างนั้นค่ารักษาทั้งหมดต้องให้พวกเขาเป็นคนออกค่ะ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่ต้องจ่ายเงินค่ารักษาเลย แน่นอนว่าเวลาที่เจอเรื่องแบบนี้ พวกเราต้องลงทะเบียนแบบไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะต้องอนุมัติการตรวจรักษา ตรวจแล็บ และการใช้ยาต่างๆ หลายรายการอย่างเร่งด่วน รักษาก่อนค่อยจ่ายทีหลัง เพื่อรับประกันว่าจะช่วยชีวิตได้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ชีวิตคนสำคัญกว่าค่ะ”
เวลานี้ มีมอเตอร์ไซต์คันหนึ่งขับเข้ามาในโรงพยาบาล จากนั้นขับอ้อมป้อมยามโดยตรงแล้วเข้ามาจอดใต้ตึกแผนกฉุกเฉิน คนที่กระโดดลงมาเป็นผู้ชายวัยกลางคนสวมเสื้อยืดคนหนึ่ง
“น้องสาวของผมอยู่ข้างในใช่ไหมครับ” ผู้ชายถาม
โจวเจ๋อจำเสียงได้ เพราะเขาหยิบโทรศัพท์ของเด็กสาวมาโทรตอนที่อยู่บนรถ อืม โทรศัพท์ของเด็กสาวถูกล็อกด้วยลายนิ้วมือ ดังนั้นเขาจึงจับนิ้วของเธอมาปลดล็อก
“การผ่าตัดประสบความสำเร็จมาก น้องสาวของคุณพ้นขีดอันตรายแล้ว” โจวเจ๋ออธิบาย
อีกฝ่ายกวาดตามองโจวเจ๋อหนึ่งทีแล้ววิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล
“เชอะ ไม่พูดขอบใจสักคำ” นักพรตเฒ่าพูดอย่างไม่พอใจ
“อย่าไปสนใจเลย คุณส่งเงินช่วยนักศึกษายากจนก็ได้รับการปฏิบัติแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
“…” นักพรตเฒ่า
“กลับแล้วนะครับ คุณทำงานต่อเถอะครับ” โจวเจ๋อบอกลาหมอหลิน เมื่อเข้าไปนั่งในรถแล้ว นักพรตเฒ่าจึงขับรถ จากนั้นทั้งสองคนกลับไปที่ร้านหนังสือพร้อมกัน
ร้านหนังสือเปิดบริการถึงตีสาม คืนนี้กิจการไม่ค่อยดี ไม่มีผีมาเข้าร้าน โจวเจ๋อจึงขึ้นไปข้างบนนอนกอดอิงอิงแล้วหลับไป จนกระทั่งตื่นนอนตอนสิบโมงของเช้าวันที่สอง ตอนที่โจวเจ๋อเดินลงมากำลังจะเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำนักพรตเฒ่าที่ตื่นขึ้นมาทำความสะอาดแต่เช้ากำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ที่เคาน์เตอร์พลันหยิบโทรศัพท์แล้วตะโกนเรียกโจวเจ๋อทันที “เถ้าแก่ เจ้ามาดูโมเมนต์นี้สิ” ขณะที่พูด นักพรตเฒ่าเป็นฝ่ายเดินเข้ามาแล้วยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้าโจวเจ๋อ
“ผู้มีจิตใจเมตตา ‘ช่วยน้องสาวของผมด้วย’ รถเมล์ทงเฉิงสายสิบเอ็ด ขับรถชนอนาถ สาวน้อยวัยแรกแย้มบาดเจ็บหนัก ครอบครัวยากจน ต้องการเงินรักษาชีวิตด่วน!”
“หืม” โจวเจ๋อตกตะลึง แล้วถามว่า “รถที่ชนเมื่อวานเหรอ”
“ใช่ ก็คือเด็กสาวคนนั้นที่พวกเราไปส่งที่โรงพยาบาล รูปภาพก็มี แล้วก็ยังมีที่อยู่ของโรงพยาบาล ห้องคนไข้เหมือนกันเปี๊ยบ คนที่โพสต์ก็คือพี่ชายของเด็กสาวคนนั้น พี่ชายของเธอพูดบนนั้นว่า ค่าซีทีสแกนสามหมื่น กว่าที่บ้านจะรวบรวมเงินได้สองหมื่นก็ไม่ง่าย แต่โรงพยาบาลก็ไม่ยอมรักษา โรงพยาบาลมองแต่เงินไม่มองคน ตอนนี้น้องสาวของเขาต้องการผ่าตัดช่วยชีวิตด่วน ค่ารักษาต้องใช้เงินเป็นล้าน หวังว่าทุกคนจะช่วยเหลือน้องสาวของเขา ช่วยเหลือน้องสาวของเขาด้วย!”
…………………………………………………………………………