ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 298 จับโจร

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 298 จับโจร

“ดูอะไรเหรอ” จางเยี่ยนเฟิงขับรถแล้วถามไปด้วย

“ดูเรือนจำ”

“ทำไม ชอบที่นั่น อยากเข้าไปหรือไง งานของผมก็คือส่งคนที่สมควรไปที่นั่นโดยเฉพาะเข้าไปอยู่ข้างใน”

“อ้อ บังเอิญมาก งานของผมก็เหมือนกันครับ”

จางเยี่ยนเฟิงตกตะลึงเล็กน้อย แต่ไม่ได้ถามต่อ พูดจริงๆ นะ ทุกครั้งที่อยู่กับโจวเจ๋อ เขามักจะรู้สึกว่าทัศนคติของตัวเองกำลังแบกรับการโจมตีอย่างรุนแรง จากนั้นจางเยี่ยนเฟิงจึงจอดรถตรงหน้าทางเข้าหมู่บ้านที่อยู่ข้างหน้า “ผมจะไปซื้อบุหรี่ คุณอยากดื่มอะไรไหม อากาศร้อนจะตายแล้ว”

“อะไรก็ได้ครับ”

จางเยี่ยนเฟิงลงไปซื้อน้ำ ข้างหน้ามีซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ด้านข้างของซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นร้านขายลอตเตอรี่ เดิมทีมีคนสองสามคนกำลังยืนอยู่หน้าร้านเหมือนกำลังถกเถียงอะไรกัน แต่ตอนที่เห็นรถตำรวจคันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่นี่ และตำรวจในชุดเครื่องแบบก็เดินมาทางนี้ คนสองสามคนที่กำลังโต้เถียงกันอยู่จึงรีบแยกย้ายกันวิ่งหนีทันที!

“หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้!!!” ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่มานานแล้ว ถ้าหากจางเยี่ยนเฟิงมองพิรุธอะไรไม่ออกเขาคงต้องเอาตัวเองกระแทกเต้าหู้ให้ตายไปเลยจริงๆ จากนั้นเหล่าจางที่คิดจะไปซื้อบุหรี่และเครื่องดื่มจึงต้องเล่นเกมวิ่งไล่จับคนข้างหน้าแบบมาราธอนอย่างช่วยไม่ได้

โจวเจ๋อก็เห็นฉากนี้เหมือนกัน เขาจึงเดินลงจากรถ ทว่าเขาไม่เลือกที่จะช่วยเหล่าจางวิ่งไล่จับคน แต่กลับหยิบบุหรี่มวนสุดท้ายออกมาแล้วจุดไฟ เขาเพิ่งจะพ่นควันออกมา เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ก่อนหน้านั้นถูกเหล่าจางวิ่งไล่จับได้วิ่งอ้อมกลับมาทางนี้ คนสองสามคนนั้นน่าจะแยกกันวิ่งหนี เหล่าจางจึงทำอะไรไม่ได้ ต้องเลือกไล่ตามคนใดคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถแยกร่างแยกเงาได้

อีกฝ่ายตั้งใจวิ่งกลับมาเพื่อดูรถจักรยานไฟฟ้าโดยเฉพาะ จากนั้นจึงเห็นเขากระโดดขึ้นรถจักรยานไฟฟ้าโดยตรง เสียบกุญแจเข้าไปและสตาร์ทเครื่องอย่างรวดเร็ว

โจวเจ๋อหัวเราะ ถึงแม้ตัวเองจะรู้สึกยุ่งยาก และไม่คิดอยากจะช่วยเหล่าจางวิ่งไล่จับคน แต่เวลาแบบนี้ เจ้าตัวดันวิ่งมาอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้ว ดังนั้นตัวเองจะปล่อยเขาไปอีกคงจะน่าเกลียดไปหน่อย ทันใดนั้นโจวเจ๋อจึงเดินเข้าไปอาศัยจังหวะตอนที่รถของอีกฝ่ายยังไม่ออกตัว ตบไปที่หน้าของอีกฝ่ายอย่างจัง

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาขับรถจักรยานไฟฟ้าจริงๆ แล้วน่าจะใส่หมวกกันน็อก แต่คนที่ใส่จริงๆ กลับมีไม่เยอะ เด็กหนุ่มคนนี้ก็เช่นกัน ดังนั้นโจวเจ๋อจึงตบหน้าเขาได้อย่างแม่นยำ

อีกฝ่ายกำลังบิดคันเร่งพอดี แต่อยู่ดีๆ ก็โดนตบหน้าเข้าให้ รถจึงพุ่งไปข้างหน้าแต่คนกลับถูกฉุดไว้ แล้วตกลงมาจากรถทันที จากนั้นรถจักรยานไฟฟ้าก็ล้มลงตรงจุดที่ห่างออกไปสองสามเมตร

“นี่คือตำรวจ อย่าขยับ” โจวเจ๋อคาบบุหรี่อยู่ในปากแล้วพูดตวาด เด็กหนุ่มนั่งลงยองๆ กับพื้นทันทีแล้วใช้สายตากวาดมองโจวเจ๋อไม่หยุด

“เหอะ คุณไม่ใช่ตำรวจ” ไม่รอให้โจวเจ๋อถามว่าทำไมถึงมองได้แม่นยำขนาดนี้ อีกฝ่ายก็หยิบมีดพับสปริงเล่มหนึ่งออกมาจากตรงหน้าอก แล้วพุ่งเข้าใส่โจวเจ๋อ โจวเจ๋อถอยหลังไปหนึ่งก้าวเมื่อรู้ตัว และครั้งนี้เถ้าแก่โจวรับรองได้ว่า เขาไม่ลืมว่าตัวเองมีเกราะซามูไร!!! เขาไม่ลืมจริงๆ แต่ตรงทางเข้าหมู่บ้านมีร้านค้าค่อนข้างเยอะ และมีชาวบ้านที่ชอบกินแตง[1]เข้ามามุงล้อมดูตำรวจจับคนอยู่ไม่น้อย ถึงขนาดที่ว่ามีคนจำนวนมากหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวิดีโอแล้วเตรียมโพสต์อวดลงในโมเมนต์วีแชต

ถ้าหากเถ้าแก่โจวเรียกเกราะซามูไรออกมาตอนนี้ มีดแทงไม่เข้าแน่นอนและยังทำให้ไอ้โง่ตรงหน้าล้มลงได้ด้วย แต่เขาก็จะมีชื่อเสียงตามมาเพราะเรื่องนี้ ถึงตอนนั้นวิดีโอพวกนี้และชาวบ้านที่เข้ามามุงล้อมก็จะเผยแพร่ฉากนี้ออกไป คาดว่าคงมีคนตกใจไม่น้อย ‘โอ้พระเจ้า เกราะซามูไรนักรบมีอยู่จริง!’

โจวเจ๋อถอยหลังหนึ่งก้าว อีกฝ่ายชักมือกลับเตรียมประคองรถจักรยานไฟฟ้าขึ้นมาแล้วหนีต่อ เพราะเขาไม่ได้อยากแทงคนจริงๆ แต่พอเด็กหนุ่มหันกลับมา ก็รู้สึกว่ามีไอ้หมอนั่นที่ถูกตัวเองทิ้งไว้ข้างหลังได้วิ่งตามมาอีก เขาจึงไม่สนใจอะไรมาก หมุนตัวแล้ววาดมีดเข้าไปโดยตรง

อันที่จริงมีดพับสปริงแบบนี้คนที่ใช้เป็นจริงๆ จะเอาไว้แทง เพราะที่ถืออยู่ไม่ใช่ดาบเล่มใหญ่ในสมัยโบราณ จริงๆ แล้วตวัดมีดฟันคนก็เกิดแค่แผลภายนอกเล็กน้อยเท่านั้น ต้องเอามีดแทงลงไปถึงจะเกิดบาดแผลที่น่ากลัวของจริง

ชาติที่แล้วตอนเป็นหมอโจวเจ๋อเคยรับเคสฉุกเฉิน ผู้บาดเจ็บเป็นนักเรียนชั้นมัธยมต้นทะเลาะกับนักเรียนวัยเดียวกัน ผลปรากฏว่าคนหลังหยิบมีดพับสปริงออกมาแล้วแทงเข้าไปเป็นแผลลึกมาก เป็นแผลถึงอวัยวะภายใน ถึงแม้จะพยายามช่วยชีวิตอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตกลับมาได้ และคนที่ใช้มีดแทงก็ทำหน้างง ตามมาที่โรงพยาบาลคุกเข่ากับพื้นขอให้หมอช่วยชีวิตคู่กรณี

แน่นอนว่าถึงแม้การหวดมีดแบบนี้ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่เถ้าแก่โจวไม่ใช่พวกที่ชอบโดนทารุณอะไร และไม่คิดว่าแผลหลายจุดบนร่างการของตัวเองจะทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่

ทันใดนั้นเขาได้ยื่นมือขวาออกไปเล็กน้อย คว้ามีดพับสปริงของอีกฝ่ายโดยตรง ถึงแม้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะโชว์การเปลี่ยนชุดเกราะซามูไรให้ชาวบ้านที่เข้ามามุงล้อมดู แต่การแสดงการแย่งมีดด้วยมือเปล่านั้นไม่มีปัญหา แล้วจึงได้ยินเสียงดัง ‘กึก’ มีดพับสปริงถูกเล็บของโจวเจ๋อตรึงเอาไว้ จากนั้นมันก็บิดเบี้ยวขึ้นมา ทำเอาเด็กหนุ่มตกตะลึงอ้าปากค้าง แต่จะทำอย่างไรได้

อย่าว่าแต่เขาที่เป็นคนมุทะลุเลย ต่อให้เป็นคนร้ายที่แบกชีวิตคนไว้ข้างหลังจะมีสักกี่คนที่มีประสบการณ์ต่อสู้กับผีดิบ โจวเจ๋ออาศัยจังหวะตอนที่อีกฝ่ายกำลังเหม่อเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นเล็บได้ทิ่มเข้าไปที่ข้อมือของอีกฝ่าย อีกฝ่ายตัวสั่นสะท้านอย่างแรง น้ำลายฟูมปากแล้วล้มลงบนพื้นโดยตรง จากนั้นก็ดิ้นเหมือนคนเป็นลมบ้าหมู

เถ้าแก่โจวพ่นก้นบุหรี่ที่อยู่ในปากทิ้งไป แล้วนั่งลงบนตัวของอีกฝ่าย ขณะเดียวกันได้เรียกคุณป้าที่นั่งถือโทรศัพท์ถ่ายรูปอยู่ในร้านขายเครื่องมือช่าง “รบกวน ขอเชือกเส้นหนึ่งให้ผมหน่อยครับ!”

คุณป้าพยักหน้าทันที เดินเข้าไปหาในร้านแต่หาเชือกที่เหมาะสมไม่เจอ แต่ด้วยนิสัยที่โผงผาง เธอจึงดึงสายโทรศัพท์ลงมาแล้วยื่นมาตรงหน้าโจวเจ๋อ

“ขอบคุณครับ” โจวเจ๋อใช้สายโทรศัพท์มัดมือทั้งสองของเด็กหนุ่มก่อน จากนั้นจึงนั่งอยู่ข้างๆ อีกด้านหนึ่ง จางเยี่ยนเฟิงก็กลับมาแล้วและคุมตัวผู้ชายวัยกลางคนมาได้หนึ่งคน ผู้ชายวัยกลางคนถูกใส่กุญแจมือและโดนผลักให้เดินไปข้างหน้า

“คุณก็เก่งเหมือนกันนะ” จางเยี่ยนเฟิงมองโจวเจ๋อด้วยความแปลกใจอยู่บ้าง จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรไปที่สถานีตำรวจ

ถึงแม้จะยังไม่ได้สอบสวน และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายก่อเรื่องอะไรมากันแน่ แต่ถ้าไม่ใช่คนตาบอดมองปราดเดียวก็รู้ว่า คนที่เห็นตำรวจแล้ววิ่งเผ่นแนบถ้าไม่มีเรื่องอะไรคงแปลก

หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที เพื่อนตำรวจจากสถานีตำรวจท้องถิ่นก็มาถึง แล้วนำตัวสองคนที่ถูกจับได้ไปส่งที่สถานีตำรวจก่อน

จางเยี่ยนเฟิงตบฝุ่นตามร่างกายของเขา ก่อนจะยื่นมือเช็ดเหงื่อข้างหน้าผาก แล้วถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกพลางพูดว่า“แม่งเอ๊ย เหนื่อยมากจริงๆ วิ่งเก่งชะมัด”

“คุณก็วิ่งเร็วมากจริงๆ”

“เสียดาย ที่พลาดไปหนึ่งคน”

จางเยี่ยนเฟิงกัดฟัน ในสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจนเขาไม่สามารถยิงปืนได้ ถ้าเป็นการไล่ล่าอาชญากรอย่างเปิดเผยละก็หากอีกฝ่ายวิ่งหนีตัวเองยังพอยิงปืนเพื่อสกัดอีกฝ่ายได้ แต่ในกรณีนี้หากยิงปืนเพราะความสงสัยเท่านั้น ตำรวจจางไม่สามารถทำได้จริงๆ

“หากอยู่ที่อเมริกาสามารถยิงปืนได้เลย” โจวเจ๋อพูดแซว

“ดังนั้นส่วนตัวผมรู้สึกว่าที่อเมริกาไม่มีความปลอดภัยเหมือนประเทศของพวกเรา”

จางเยี่ยนเฟิงซื้อบุหรี่ในซูเปอร์มาร์เก็ตข้างๆ หยิบน้ำสองขวดแล้วยื่นให้โจวเจ๋อหนึ่งขวด จากนั้นเขาจึงรับสายอีกที หลังจากวางสายแล้วจึงหันไปพยักหน้ากับโจวเจ๋อแล้วพูดว่า “เพื่อนที่สถานีมาแล้ว เป็นไง สนใจอยากไปนั่งฟังไหม”

“จะเหมาะสมเหรอครับ”

“ทำหนังสือว่าเป็นที่ปรึกษาของสถานีตำรวจง่ายมาก เมื่อก่อนตอนนั้นที่พ่อของผมเป็นตำรวจ คดีฉ้อโกงหลอกเงินเป็นที่นิยมมาก ทำให้พวกเขาตำรวจเก่าที่รู้จักแต่จับผู้ร้ายอย่างเดียวต้องมึนกับคดีหลอกเงินพวกนี้มาก ดังนั้นจึงต้องควานหาที่ปรึกษาแล้วจึงค่อยๆ ทำคดีแบบนี้เป็นขึ้นมา อีกอย่างตำรวจก็ไม่ใช่สารานุกรมเก่งไปหมดทุกด้าน ถ้าจะหาที่ปรึกษาสองสามคนจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากจะเข้าใจอะไร”

“คุณคิดว่าพวกเขาทำอะไรครับ” โจวเจ๋อถาม

“ไม่แน่ใจ แต่พอเห็นตำรวจก็วิ่ง ผมเดาว่าอาจจะค้ายา”

เวลานี้ จางเยี่ยนเฟิงเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ รีบพุ่งไปที่ทางเข้าร้านขายลอตเตอรี่ที่สองสามคนนั้นรวมตัวกันก่อนหน้านั้น และพบว่าข้างในไม่มีคนแล้ว ดังนั้นจึงไปถามเพื่อนบ้าน

“คนขายลอตเตอรี่ล่ะครับ”

“เด็กหนุ่มเหรอ เขาหนีไปแล้ว ตอนที่พวกคุณไล่ตามจับเขาก็หนีแล้ว บ้านของเขาก็อยู่แถวนี้” เถ้าแก่เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ข้างๆ เป็นคนตอบ

“แม่งเอ๊ย!” จางเยี่ยนเฟิงทุ่มโคล่าเย็นในมือของตัวเองลงบนพื้นโดยตรง แล้วถามว่า “บ้านของเขาอยู่ไหนครับ”

“ข้างหน้าเลี้ยวซ้ายเข้าไปจะเจอตึกสีขาวสองชั้นประตูเหล็กสีแดงก็คือบ้านของเขา”

จางเยี่ยนเฟิงรีบวิ่งไปทันที โจวเจ๋อจึงได้แต่ตามไปด้วย ประตูเหล็กเปิดอยู่ ทั้งสองคนเดินเข้าไปในบ้านของอีกฝ่าย พบว่าประตูห้องได้เปิดอยู่ มีคุณย่าคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้องโถง ถือไม้เท้านั่งอยู่บนเก้าอี้ เมื่อเห็นคนแปลกหน้าบุกเข้ามาจึงรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

“พวกคุณเป็นใคร”

“ผมเป็นตำรวจครับ มีเด็กหนุ่มยืนขายลอตเตอรี่ที่ถนน…เด็กหนุ่มผมสีเหลือง เขาพักที่นี่ใช่ไหมครับ” จางเยี่ยนเฟิงถาม

“เขาเป็นหลานชายของฉัน…” คุณย่าพูดแล้วหยุด เหมือนกำลังต่อสู้กับความคิด แล้วจึงรีบพูดทันที “เขาเพิ่งวิ่งกลับมาที่บ้านหาถุงใส่ของ แล้วก็วิ่งออกไป บอกว่าจะไปหาที่หลบ คุณตำรวจ หลานชายของฉันทำเรื่องผิดกฎหมายหรือเปล่า คุณต้องช่วยเขานะ หลานชายของฉันเขาไม่ใช่คนเลว พ่อแม่ของเขาไปทำงานต่างถิ่น ปกติจึงไม่ได้ดูแลเขา และเขาก็หยุดเรียนนานแล้ว…” ขณะที่พูด คุณย่าทิ้งไม้เท้าแล้วคุกเข่ากอดขาของจางเยี่ยนเฟิงโดยตรง

“คุณย่า…เอ่อ…คุณรีบลุกขึ้นเถอะครับ…เอ่อ…”

“เขาหยิบอะไรไปครับ” จางเยี่ยนเฟิงประคองหญิงชราขึ้นมาแล้วถาม

“ฉันก็ไม่รู้ เขาเข้าไปในห้องของเขา…” คุณย่ายื่นมือชี้นิ้วไปที่ห้องห้องหนึ่ง “หยิบถุงใส่ของแล้วก็วิ่งออกไป”

จางเยี่ยนเฟิงรีบเดินไปในห้องนั้นทันที พบว่ามีเหรียญรู (เงินทองแดง) บางส่วนร่างอยู่บนพื้น โจวเจ๋อเดินเข้ามานั่งลงยองๆ เก็บเหรียญรูขึ้นมา จากนั้นขมวดคิ้วเผยสีหน้าที่รังเกียจออกมาบนใบหน้าของเขา เหรียญรูนี้เป็นเงินสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง

“ขโมยวัตถุโบราณเหรอ” เนื่องจากการสอบสวนทางนั้นยังไม่ได้ข้อสรุป จางเยี่ยนเฟิงจึงได้แต่คาดเดา

“ไม่ สามารถพูดให้ถูกต้องได้มากกว่านี้” โจวเจ๋อชี้ไปที่เหรียญรู “น่าจะเป็นโจรปล้นสุสาน”

“คุณรู้ได้ยังไง”

“เพราะว่ามีกลิ่นเหม็นของศพอยู่ข้างบนนี้”

ตอนที่เหล่าสวี่โดนพิษศพก่อนหน้านั้น ตัวเองยุ่งหาวิธีถอนพิษต่างๆ ให้กับเขา ตอนนั้นร่างกายของเหล่าสวี่ก็มีกลิ่นแบบนี้ คนที่ตายนานแล้วถึงจะมีกลิ่นเหม็นแบบนี้

…………………………………………………………………………

[1] กินแตง คล้ายกับคำว่า กินเผือกของไทย หมายถึงคนที่ชอบสนใจเรื่องของคนอื่น ชอบเสพดราม่า

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท