ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 304 ซื้อเนื้อ

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 304 ซื้อเนื้อ

เถาวัลย์อันเหี่ยวแห้งต้นไม้แฝงความชรา…ทงเฉิงมีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือเท่านั้น แต่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จริงๆ แล้วถนัดในการทำธุรกิจในพื้นที่เล็กๆ แห่งนี้มาก สามารถทำให้ตีนเขาจวินซานเกิดภาพ ‘บ้านเรือนเคียงไปกับลำน้ำที่ไหลผ่านใต้สะพานเล็กๆ’ ได้

นี่คือบ้านพักฟื้นกึ่งทางการ ตำแหน่งดี ทิวทัศน์สวย และที่สำคัญคือเงียบสงบเป็นอย่างมาก

นักท่องเที่ยวของภูเขาหลางซานจะไม่เดินอ้อมมาเที่ยวแถวนี้ และบริเวณใกล้ๆ ก็ไม่มีโรงพยาบาลห้างร้านอะไรเลย ถือว่าเป็นความเงียบที่ยากจะหาได้จากในเมือง

หวังเคอหยุดงานทั้งหมด สำหรับเขาแล้ว เมื่อก่อนอยู่ในสภาพที่ออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กพร้าต้องทำงานอย่างหนัก แต่วันนี้ การเปลี่ยนแปลงในครอบครัวทำให้เขาต้องเริ่มคิดใหม่อีกครั้ง

สำหรับคนมากมายแล้ว ครอบครัวและหน้าที่การงานเป็นแค่คำสรรพนาม มีครอบครัวแล้วถึงจะมีหน้าที่การงานมีหน้าที่การงานแล้วถึงจะมีครอบครัว แต่ความรู้สึกแบบนี้เหมือนชาวไร่ชาวนาในสมัยโบราณที่คิดว่าฮ่องเต้กินมื้อเช้าสามารถกินซาลาเปาไส้เนื้อได้ถึงสิบลูก มีเพียงคนที่ไปถึงระดับนั้นเท่านั้นถึงจะได้สัมผัสความสูงที่หนาวเหน็บ

ภรรยาของหวังเคอนั่งอยู่มุมหนึ่งของสวนดอกไม้ ส่วนหวังเคอกำลังทำกับข้าวอยู่ในห้องที่อยู่ในแนวทแยงมุมฝั่งตรงข้ามด้วยตัวเอง ตามกฎเดิม กับข้าวอย่างอื่นต่อให้อร่อยแค่ไหนก็เป็นได้แค่ตัวช่วยเท่านั้น มีเพียงซุปเนื้อหม้อใหญ่ที่กำลังต้มอยู่เพียงอย่างเดียว ถึงจะเป็นตัวเอกของจริงบนโต๊ะอาหารของครอบครัว

ฝีมือการทำซุปเนื้อของหวังเคอเยี่ยมยอดเป็นอย่างยิ่ง เมื่อก่อนตอนที่นักพรตเฒ่าอยู่ในบ้านของหวังเคอได้ดื่มไปไม่น้อย ด้วยความเข้าใจและเห็นใจของเถ้าแก่โจวที่มีต่อลูกน้อง แม้แต่น้ำซุปถ้วยนั้นของตัวเองก็ยังยื่นให้นักพรตเฒ่าดื่ม ทำให้นักพรตเฒ่ารู้สึกถึงความห่วงใยที่แสนอบอุ่นลอยมาปะทะหน้าเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

ตอนที่ใกล้จะทำกับข้าวเสร็จแล้ว คนที่ใส่ชุดหมอคนหนึ่งเดินเข้ามา พูดคุยกับหวังเคอด้วยท่าทีที่นอบน้อม หวังเคอยิ้ม ก่อนจะล้างมือแล้วเดินออกไปคุยรายละเอียดกับเขาในห้องรับแขก

อีกฝ่ายเป็นหมอของบ้านพักฟื้นแห่งนี้ มีหน้าที่รับผิดชอบงานด้านจิตวิทยาของผู้ป่วยในบ้านพักฟื้นแห่งนี้โดยเฉพาะ ถือว่ามีชื่อเสียงในวงการอยู่บ้าง แต่เขาไม่กล้าวางมาดต่อหน้าหวังเคอ

ถึงแม้จะอ้างว่ามาคุยเรื่องอาการป่วยของภรรยาของหวังเคอ แต่ในความเป็นจริงคือการสื่อสารแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน และในด้านนี้หวังเคออยู่เหนือกว่า

ถ้าหากไม่ใช่เพราะภาระหน้าที่ของครอบครัว หวังเคอสามารถลองไปเซี่ยงไฮ้เพื่อค้นหาความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นได้อย่างสิ้นเชิง

ภรรยาของหวังเคอใส่ชุดสีขาวนั่งอยู่ตรงนั้น สายตามีความคับแค้นใจเล็กน้อย เหมือนเด็กสาวที่โดดเดี่ยวไม่มีคนเล่นด้วย เห็นได้ชัดว่าเธอเบื่อมาก และตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าควรทำอะไร เธอได้แต่นับเวลา คิดว่าเมื่อไรจะถึงเวลากินข้าว ได้ดื่มซุปเนื้อที่ฝันอยากกินทุกวันเสียที

และในเวลานี้ร่างของสาวน้อยโลลิได้เดินออกมาจากสวนดอกไม้ที่อยู่ใกล้ๆ เธอเดินมาอยู่ตรงหน้า ‘แม่’ ของตัวเองอย่างเงียบสงบ

“หรุยหรุ่ย ลูกมาเยี่ยมแม่เหรอ” ภรรยาของหวังเคอยื่นมือลูบศีรษะของลูกสาวตัวเอง เธอลืมภาพที่ลูกสาวคว้ามีดโดยตรงตอนที่เธอถือมีดแทงสามีของตัวเองในวันนั้นไปแล้ว เวลาที่เธอเป็นปกติ จริงๆ แล้วเธอปกติเป็นอย่างมาก สามารถออกไปทำผม สามารถไปรับลูกสาวเวลาเลิกเรียน ปกติมากไม่เหมือนคนไข้อย่างสิ้นเชิง

แต่ตอนที่เธอไม่ปกติ ถ้าหากไม่ใช่เพราะหวังเคอคอยเฝ้าดูเธอ คอยชี้นำเธอตลอดเวลา เธออาจจะกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องฆ่าคนกินคนที่น่าสะพรึงกลัว

บางครั้งแม้แต่สาวน้อยโลลิก็รู้สึกว่าพ่อของตัวเองรักและตามใจแม่ของตัวเองมากเกินไป ตามใจมากจนเลยเถิดที่ว่ากันว่า ‘สามีภรรยาก็เหมือนนกในป่าเดียวกัน ยามคราวเคราะห์เข้าหาก็บินแยกจากกัน’ คงจะพูดเกินไปแล้ว แต่ด้วยตำแหน่งฐานะและการเงินของพ่อของเธอ ยังสามารถดูแลแม่ของเธอโดยที่ไม่เจ็บแค้นและไม่เสียใจเลยได้ ถึงแม้จะมีฐานะเป็นคนในครอบครัว สาวน้อยโลลิยังรู้สึกยากที่จะเข้าใจ

“แม่ดีขึ้นหรือยัง”

“อะไรคือดีขึ้นหรือยัง แม่ของลูกไม่ได้ป่วยเสียหน่อย พ่อของลูกบอกว่าจะมาพักฟื้นที่นี่ระยะหนึ่ง พ่อของลูกก็ไม่ง่ายเลย เหน็ดเหนื่อยทำงานยากลำบาก หลายปีที่ผ่านก็ไม่เคยได้พักผ่อนดีๆ กับเขาสักที ถึงเวลาที่ต้องพักแล้ว”

สาวน้อยโลลินั่งลงข้างๆ แม่ของตัวเอง หาได้ยากที่เธอจะแอบอิงแม่ของตัวเอง ในบ้านหลังนี้ สิ่งที่ตรึงใจเธออย่างลึกซึ้งยังคงเป็นหวังเคอ ผู้ชายคนนั้นเหมือนรู้หมดทุกอย่าง ไม่ว่าเธอจะนอนหลับหรือตื่นนอน เขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นลูกสาวของเขา เธอจึงรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก และรู้สึกกลัวมากในเวลาเดียวกัน

นี่คือสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ ตอนนั้นหลายปีแล้วที่หวังเคอไม่ได้เจอโจวเจ๋อเพื่อนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อวิเคราะห์รายละเอียดบางอย่างแล้วก็จำได้ทันที สำหรับความเปลี่ยนแปลงของลูกสาวที่ตัวเองคลุกคลีอยู่ด้วยจึงมีความรู้สึกไวกว่าเป็นธรรมดา

มนุษย์เราเมื่อถึงวัยกลางคนยากที่จะทำตัวเลอะเลือน ที่พูดนั้นหมายถึงคนอย่างหวังเคอ ครอบครัวของเขาภรรยาและลูกสาวของเขากลายเป็นเรือพังมีตะปูตอกอยู่นับไม่ถ้วน จะเพิ่มมาอีกหนึ่งก็ไม่มาก จะน้อยลงไปหนึ่งก็ไม่น้อย อยากจะเป็นอิสระก็ไม่ได้ เขาได้ปีนขึ้นไปที่สูงแล้วตะโกนว่า ‘สวรรค์ไม่ยุติธรรม’ จากนั้นกระโดดลงมานานแล้ว

สุนัขจิ้งจอกขนสีขาวปุกปุยวิ่งลอดออกมาจากเท้าของภรรยาหวังเคอ กระโดดลงมานั่งบนตักของสาวน้อยโลลิ

“แมวตัวนี้น่ารักจัง เดี๋ยวนี้เห็นมันบ่อย แต่พ่อของลูกบอกว่าแม่ดูผิดแล้ว เขาไม่เคยเห็นแมวตัวนี้มาก่อน แต่แม่รู้ว่ามันอยู่เป็นเพื่อนแม่ตลอดเวลา เวลานอนหลับก็มานอนเป็นเพื่อน” ภรรยาของหวังเคอชี้นิ้วแล้วพูดไปที่สุนัขจิ้งจอกตัวนั้น

สาวน้อยโลลิยื่นมือลูบศีรษะของสุนัขจิ้งจอกเบาๆ สุนัขจิ้งจอกตัวนี้ตอนแรกมาหาโจวเจ๋อที่ร้านหนังสือ ตอนนั้นโจวเจ๋อไม่อยู่พอดี ดังนั้นจึงถูกสาวน้อยโลลิชิงตัดหน้าก่อน

ถึงแม้สุนัขจิ้งจอกขาวจะหางขาด แก่นหลักถูกทำลาย การบำเพ็ญตบะสองร้อยปีก่อนหน้านั้นจะสูญสิ้นไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เป็นปีศาจใหญ่ที่ถูกพวกรุ่นหลังเรียกว่าเป็นบรรพบุรุษ ดังสิ่งที่เรียกว่าแมลงร้อยขาตายก็ไม่ล้มจึงหมายถึงเธอนั่นเอง

การอยู่เป็นเพื่อนคนป่วยเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอ กระทั่งในบางเรื่องเธอสามารถช่วยทำให้จิตใจของผู้ป่วยสงบลงได้อีกด้วย

สุนัขจิ้งจอกขาวแลบลิ้นออกมาเลียฝ่ามือของสาวน้อยโลลิ “แม่คะ หนูต้องไปทำการบ้านแล้ว”

“ไปเถอะลูก การบ้านสำคัญกว่า” สาวน้อยโลลิพาสุนัขจิ้งจอกขาวออกไป เธอไม่ได้ไปหาหวังเคอ และไม่อยากเจอเขาด้วย กระทั่งสามารถพูดได้ว่า…ไม่กล้าไป

เธออาศัยร่างของสาวน้อยโลลิ แต่เป็นวิญญาณของหญิงสาว ชาติที่แล้วเธอยุ่งมากในฐานะนักธุรกิจสาว แต่ในความเป็นจริงเธอยังเป็นโสดมาตลอด มีผู้ชายมากมายแต่เธอไม่ชอบเลยสักคน ดังนั้น…บางครั้งที่ได้เห็นเขานั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานดื่มชาขมใบเดียวพลางขมวดคิ้วพิจารณาเคสของผู้ป่วย ทำให้เธอรู้สึกเคลิบเคลิ้มหลงใหล

“หลักศีลธรรมในครอบครัวของเธอ วุ่นวายมากจริงๆ” สุนัขจิ้งจอกขาวเปล่งเสียงมนุษย์ออกมาเบาๆ ช่วงนี้สาวน้อยโลลิซื้อของบำรุงมาให้เธอใช่ว่าจะไม่ได้ผล และเพราะของบำรุงพวกนี้เธอจึงยอมอยู่เป็นเพื่อนแม่ของสาวน้อยโลลิและช่วยรักษาเธอด้วย

“ฉันสั่งให้เธอมา ไม่ได้สั่งให้เธอดูอันนี้” สาวน้อยโลลิไม่ค่อยชอบใจ

“เหอะๆ ผู้ชายคนนี้รักผู้หญิงคนนี้มากจริงๆ” สุนัขจิ้งจอกขาวพูด

“ฉันรู้”

“อยากถามว่าความรักนั้นเป็นฉันใด…”สุนัขจิ้งจอกขาวรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง “ฉันดูแล้วรู้สึกหลงไปเลย”

“กระแดะ”

“ไม่ได้กระแดะ ถ้าหากเธอหวังดีกับเขาจริง งั้นก็ช่วยจัดการภาระของเขาทิ้งไปดีกว่า”

‘ฉึบ!’ ลิ้นของสาวน้อยโลลิขยายออกมาอย่างรวดเร็ว ห่อหุ้มสุนัขจิ้งจอกเอาไว้ รัดสุนัขจิ้งจอกแน่นมาก สามารถรัดให้ขาดใจตายได้ตลอดเวลา

“ที่ฉันพูด…หรือว่า…ไม่ถูก…เหรอ”

“เธอ…ตายแล้ว…เขา…ก็จะ…หลุด…พ้น”

“ถ้าพูดอีกครั้ง ฉันจะฆ่าเทพเซียนด้วยมือตัวเองอย่างไม่ถือสา” สาวน้อยโลลิพูดเตือน เมื่อพูดจบแล้วจึงชักลิ้นกลับไป จากนั้นสุนัขจิ้งจอกขาวก็ร่วงไปลงไปบนพื้นอีกครั้ง

“หรือไม่ ก็ปล่อยให้ฉันแทนที่เธอ ให้ฉันได้กลายเป็นเธอก็ได้นะ เชื่อใจฉัน ฉันจะทำให้พ่อของเธอ สบายถึงจุดสุดยอดแน่นอน” สาวน้อยโลลิส่ายหน้า “เธอไม่เชื่อเหรอ” เหอะ ผู้ชายน่ะเหรอ สำหรับ ‘ผู้ชาย’ สุนัขจิ้งจอกขาวมีประสบการณ์มากมายนับไม่ถ้วน

“ถ้าหากเขาอยากให้เธอตายมีวิธีร้อยแปดพันเก้าที่สามารถทำได้”

“เขาโดนผูกมัดด้วยศีลธรรม”

“เขาไม่มีศีลธรรม”

สาวน้อยโลลิหมุนตัวมองไปทางผู้หญิงที่ยังนั่งเหม่ออยู่ตรงนั้นแล้วพูดต่อ “เธอรู้ไหมว่าเธอเป็นบ้าตั้งแต่เมื่อไร”

“ไม่รู้”

“เธอคบกับเขาแล้ว ตอนนั้นยังไม่มีฉัน ตอนนั้นเขาจนมาก เพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัย และภูมิหลังของครอบครัวก็คือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอไม่รังเกียจเขา ในฐานะเพื่อนนักศึกษา ยังยอมคบกับเขาต่อ ต้องทนการคัดค้านและแรงกดดันจากครอบครัวของเธอ”

“ละครแบบนี้ ฉันเห็นมาเยอะแล้ว แต่ฉันเจอเยอะกว่านั้นอีก พอได้เลื่อนขั้นมีเงินทองก็ฆ่าเมียทิ้ง”

สาวน้อยโลลิหัวเราะ

“เขาชอบกินเนื้อมาตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นฐานะไม่ดี กินเนื้อไม่ง่ายเหมือนตอนนี้ และเนื่องจากโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จึงมีความปรารถนาต่อเนื้อมากจนยากที่คนทั่วไปจะเข้าใจ ดังนั้นตอนนั้นเธอจึงซื้อเนื้อกลับมาทำอาหารให้เขาเป็นประจำ เธอชอบทำเนื้อให้เขากิน และเขาก็กินอย่างมีความสุขมาก เพราะตอนนั้นฐานะไม่ค่อยดี ดังนั้นเธอจึงต้องปั่นจักรยานไปไกลมากทุกวัน เพื่อซื้อเนื้อที่สดใหม่และราคาถูก”

“เลี่ยนจริงๆ”

“และได้เกิดเรื่องในครั้งนั้น เธอเจอนักเลงกลุ่มหนึ่ง”

ครั้งนี้สุนัขจิ้งจอกขาวไม่พูดแทรกแล้ว เพราะเธอรู้สึกว่าถ้าตัวเองพูดแทรกอีก ต่อไปเธอจะได้เป็นเสียงพากย์จริงๆ

“เธอโดนข่มเหงรังแกโดยนักเลงกลุ่มนั้น จากนั้นเธอก็หายตัวไป เขาพยายามตามหาเธอ สุดท้ายก็หาเจอจนได้ เธอหลบอยู่ข้างกองขยะ กอดเนื้อหมูที่มีกลิ่นเหม็นไว้ในอ้อมอก ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมปล่อยมือ”

“ฮู่ว…” สุนัขจิ้งจอกขาวแลบลิ้น

“ความทรงจำที่ทำให้เกิดการป่วยทางจิต ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ตอนนั้น เธอพยายามลบเลือนความทรงจำในวันนั้นมาตลอด แต่ก็ยังจำได้อยู่ดีว่าต้องช่วยซื้อเนื้อให้เขา ถึงแม้เขาจะปกป้องเธอคอยรักษาเธอมาตลอด แต่มีบางอย่างที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการทางแพทย์ได้” สาวน้อยโลลิมองสุนัขจิ้งจอกขาว ยื่นมือแล้วลูบก้นของเธอเล่นเหมือนกับสุนัขคอร์กี้ เธอไม่มีหางแล้วก็น่าสนุกดี

“ถือว่าผู้ชายคนนี้ยังจิตใจดีอยู่บ้าง”

“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”

“เรื่องอะไร”

“หลังจากครั้งนั้น เธอก็ท้อง เมื่อนึกถึงอาการป่วยของเธอ เขาจึงไม่ยอมให้เธอเอาเด็กออก”

“ไม่น่าจะใช่แบบนั้นมั้ง…”

“อสุจิของเขา…ตายหมดแล้ว”

…………………………………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท