ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 305 ตัวตนที่แท้จริงของโจวเจ๋อ!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 305 ตัวตนที่แท้จริงของโจวเจ๋อ!

ความเย็นเยียบไหลเข้าสู่ภายในร่างกายของตัวเอง รู้สึกบวมเจ็บปวดทรมานเหมือนจะแตกออกจากกัน ตอนแรกยังรู้สึกแห้งผาก แต่ต่อมารู้สึกลื่นไหลอย่างช้าๆ หลังจากความเย็นเยียบจึงกลายเป็นความร้อนชื้นและอบอุ่นเข้ามาแทนที่

ชาตินี้เถ้าแก่โจวได้ยืมซากศพคืนชีพกับ ‘สวีเล่อ’ เท่านั้น ยังไม่เคยถูกคนอื่นฝืนบังคับสิงร่างมาก่อน ส่วนคนผู้นั้นที่อยู่ภายในร่างกายของตัวเอง นั่นคือความขัดแย้งภายใน ทุกครั้งที่เขาออกมาเป็นเพราะโจวเจ๋อให้สิทธิ์ออกมาโดยตั้งใจ จึงมีลักษณะแตกต่างกัน

ครั้งนี้เจ้าที่เป็นฝ่ายอยากเข้าสิงร่างเอง เถ้าแก่โจวจึงเปิดประตูให้เขาอย่างสบาย คุณอยากเข้ามาใช่ไหม โอเคเข้ามาเลย คุณหาเรื่องเองนะ จะมาโทษผมไม่ได้

โจวเจ๋ออยากพัฒนาความสัมพันธ์อันดีเพื่อการร่วมงานกันที่ดีระหว่างเพื่อนบ้านอย่างสวรรค์และยมโลกในท้องถิ่นเมืองทงเฉิง ทุกคนต่างพัฒนาด้วยความสันติภาพ คุณเป็นเจ้าที่ของคุณไป คอยรับการกราบไหว้บูชาของคุณ ผมก็เป็นยมทูตของผม งานจับผีเป็นหน้าที่ของผม

ตอนนี้คุณไม่มองผมเป็นเจ้าหน้าที่ อย่างนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรคุณ ปลาเค็มโจวมีเหาเยอะก็ไม่กลัวโดนกัด เทพเซียนจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือสองสามตัวที่โดนเขาจับขังอยู่ในสมุดหยินหยางตอนนี้ยังไม่ปล่อยออกมาเลย เมื่อก่อนทำเรื่องหาเหาใส่หัวเอาไว้ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ก็ไม่รบกวนเวลาดื่มกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ นอนอาบแดดตอนเช้าของเขาเหมือนเดิม

“เหอะๆ เจ้าเป็นข้าราชการใช่ไหม” โจวเจ๋อชี้ไปที่จางเยี่ยนเฟิงแล้วพูด จางเยี่ยนเฟิงตกตะลึงเล็กน้อย เวลานี้คำพูดของโจวเจ๋อมีสำเนียงของคนแก่แฝงอยู่ ซึ่งไม่ใช่เสียงของโจวเจ๋ออย่างสิ้นเชิง

“ใช่ เป็นเขา ท่านเจ้าที่ ท่านต้องการอะไร ขอให้บอก พวกเรามาคุยกับท่าน ไม่มีเรื่องอะไรที่คุยไม่ได้ ใช่ไหม ท่านต้องเชื่อรัฐ…บาล ทุกอย่างสามารถสนทนาและสื่อสารเพื่อหาทางแก้ไข” นักพรตเฒ่าเห็นจางเยี่ยนเฟิงทำตัวไม่ถูก จึงรีบแสดงตัวก่อนทันที

“ยันต์กระดาษของเจ้า…มีปัญหา” โจวเจ๋อมองนักพรตเฒ่าแล้วพูด

“ฮิๆ มีปัญหาๆ” นักพรตเฒ่าพยักหน้าน้อมรับ เขาไม่แน่ใจว่าความมั่นใจของโจวเจ๋ออยู่ตรงไหน ตอนนี้จึงถือว่าเป็นคำพูดของเถ้าแก่ ยอมทำตัวต้อยต่ำเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ก่อนเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า

“ยันต์ของเจ้า…” โจวเจ๋อส่ายหน้า จากนั้นมองไปทางจางเยี่ยนเฟิงแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นมือปราบท้องถิ่นใช่ไหม”

“…” จางเยี่ยนเฟิง

“ศาลเก่าของข้า พังแล้ว ดังนั้น…” เวลานี้เสียงของโจวเจ๋อพลันเปลี่ยนไป “เจ้ากำลัง…ทำอะไร…”

“…” นักพรตเฒ่า

“…” จางเยี่ยนเฟิง

ต่อมาก็เข้าสู่ช่วงนักพรตเฒ่าและจางเยี่ยนเฟิงสองคนนั่งแทะเมล็ดแตงดูสิ่งที่น่าทึ่งจนต้องอ้าปากค้าง คนที่ไม่เข้าใจคงคิดว่าเถ้าแก่โจวคงว่างจนเบื่อถึงได้มาเล่นดัดเสียงอยู่ตรงนี้

ในสมัยราชวงศ์ชิงเคยใช้ถ้อยคำใน ‘ศิลปะการดัดเสียง’ ของหลินซื่อหวน ‘ทันใดนั้นได้เคาะค้อนไม้เล็ก เสียงปรบมือหายไปในพริบตา ยกม่านกันลมออกมองด้านใน มีเพียงหนึ่งคน หนึ่งโต๊ะ หนึ่งเก้าอี้ พัดหนึ่งเล่ม และค้อนไม้เล็กเคาะโต๊ะหนึ่งอันสำหรับเล่านิทานเท่านั้น’ เป็นประโยคปิดท้ายของความวุ่นวาย

“ในนี้ ทำไมถึงมีอีกคน” เจ้าที่งงอยู่บ้าง เกิดอะไรขึ้น

“ข้า…ถามเจ้านะ” เสียงของคนผู้นั้น มาพร้อมกับความไม่พอใจและรำคาญเป็นอย่างยิ่ง เขากำลังถามโจวเจ๋อ

“เจ้า…เป็นสวะมาจากไหน ถึงกล้าพูดจาโอหังต่อหน้าข้า!” ข้าผู้เป็นเทพอยู่ตรงนี้ ยืมกายเนื้อนี้ แต่เจ้ากลับมาโอหังใส่ข้า!”

“เกิดอะไรขึ้น” จางเยี่ยนเฟิงถามนักพรตเฒ่า นักพรตเฒ่าพอจะเดาออกแล้ว จึงยื่นมือแอบดึงแขนเสื้อของจางเยี่ยนเฟิงให้ไปข้างหลัง เพื่อบอกให้เขาถอยหลังตามตัวเองช้าๆ ต่อจากนี้ก็คือการต่อสู้ระหว่างเทพเซียนแล้ว คนธรรมอย่างพวกเราถอยก่อนแล้วค่อยว่ากัน

“ของเสีย…อะไร…ก็ทิ้ง…ลงข้างในเหรอ” นี่คือคำถามของคนผู้นั้น เขาอาศัยอยู่ข้างในอยู่ดีๆ จึงถามโจวเจ๋อว่าทำไมถึงพาใครเข้ามามั่วแบบนี้ แบบนี้เขาจะอยู่ที่ไหน

“โอหัง!” เจ้าที่ตวาด

จากนั้นวินาทีต่อมา ร่างกายของโจวเจ๋อก็เริ่มแห้งเหี่ยวอย่างช้าๆ ประกายแสงสีเขียวเริ่มลอยขึ้นมาจากร่างกายอย่างช้าๆ ทำให้คนรู้สึกถึงความลี้ลับมหัศจรรย์ ขณะเดียวกันร่างกายของโจวเจ๋อก็เริ่มโก่งเหมือนคนหลังค่อมเล็กน้อย ปล่อยแขนสองข้างแนบลำตัว แกว่งเข่าเบาๆ เล็บยาวแทบติดพื้นขูดดินโคลนข้างล่างไม่หยุด

นัยน์ตาลุ่มลึกคู่นั้น มีประกายสีดำราวกับความอึมครึมอัดอั้นกำลังก่อตัวอย่างรุนแรงก่อนจะเกิดฝนตกฟ้าร้อง เขี้ยวนูนออกมาจากมุมปาก สายตาดุเหมือนปีศาจ “แกลอง…พูดอีกครั้งซิ” โจวเจ๋อเหยียดนิ้วชี้ไปที่ตัวเอง

“เอ่อ…เจ้า…เจ้าเป็นใคร!!! ให้ตายเถอะ เจ้าเป็นใครกันแน่!!!” เจ้าที่เริ่มร้องโวยวาย

“ไปตาย…ซะ!” โจวเจ๋อยื่นมือจับตรงระหว่างคิ้วของตัวเอง แล้วจึงเกิดเสียงกระทบกระทั่งระหว่างเล็บเหมือนเสียงโลหะปะทะกัน จากนั้นแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งถูกดึงออกมาจากตรงกลางระหว่างคิ้วของโจวเจ๋อโดยตรง

“เจ้าเป็นปีศาจอะไรกันแน่ เจ้าเป็นใครกัน!”

โจวเจ๋อไม่พูด ยังคงดึงต่อไป

“ข้าเป็นเจ้าที่แถวนี้ ได้รับราชโองการแต่งตั้งจากสวรรค์ อบรมสั่งสอนชาวบ้านไปทั่วทิศ เจ้าจะทำตัวไร้มารยาทกับข้าได้ยังไง! เจ้าจะไม่เคารพข้าไม่ได้ ขอร้องละ อย่าไม่เคารพข้าแบบนี้ ขอร้องละเจ้าจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้!”

กลุ่มแสงสีเขียวถูกดึงออกมาช้าๆ นัยน์ตาดำของโจวเจ๋อจ้องมองไปที่เขา จากนั้นมุมปากเหมือนจะมีน้ำลายไหลออกมาจำนวนหนึ่ง ค่อยๆ ไหลลงมาตามเขี้ยวที่แหลมคม นี่คือความอยากกิน

“เจ้าที่…อร่อย…”

“…” เจ้าที่

‘ตึ้ง!’ ลำแสงสีทองพุ่งออกมาในทันใด กระแทกไปที่หน้าผากของโจวเจ๋อโดยตรง โจวเจ๋อตัวเอนเล็กน้อย จากนั้นไม่ขยับตัวเหมือนถูกเวทมนต์ห้ามวัตถุเคลื่อนไหว แผ่นไม้แผ่นหนึ่งปรากฏอยู่บนหน้าผากของโจวเจ๋อ เล็กและแคบมาก นอกจากนี้ยังเก่ามากอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหมายความว่าการจุดธูปกราบไหว้บูชาเขาของชาวบ้านแถบนี้น้อยลงจนแทบไม่มีแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าที่นิสัยแย่ขนาดนี้ จุดธูปบูชาน้อยลงยังไม่เป็นไร แต่ดันมีสารเลวกลุ่มหนึ่งมาขุดสุสานของเขาอีก ทำให้เขาโกรธแค้นมากจริงๆ!

ดังนั้นเขาจึงอยากออกมาจนแทบทนไม่ไหว ถึงแม้จะทำผิดกฎ แต่อยากสร้างศาลใหม่ให้ตัวเอง แท้จริงแล้วใช่ว่าจะไม่มีคนกราบไหว้บูชาเขา ศาลเจ้าที่ที่สร้างขึ้นไปทั่วเมืองทงเฉิงมีอยู่ไม่น้อย แต่ล้วนตั้งขึ้นมาแบบไม่ถูกต้อง ธูปเทียนที่จุดไหว้บูชาจึงไม่รู้ว่าลอยไปที่ไหน

เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ ยังมีเจ้าแม่ชิงอีแม่นางไป๋ซึ่งเป็นศาลเจ้าเล็กๆ ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในท้องถิ่นแย่งชิงการจุดธูปบูชากับเขาอีก จึงทำให้เจ้าที่ตัวจริงเสียงจริงต้องใช้ชีวิตลำบากมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่กลัวทำผิดกฎข้อห้ามแล้ว

แต่ใครจะรู้ ไม่ทันระวังเผลอไปเหยียบกับระเบิดเข้า!

แสงสีเขียวถือโอกาสหนีออกจากการควบคุมของเล็บโจวเจ๋อมาลอยอยู่กลางอากาศ มองโจวเจ๋ออย่างเย็นชา “ตัวของข้าเป็นศาลเจ้าอยู่แล้ว ปราบวิญญาณชั่วทุกอย่าง ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอะไร เว้นเสียแต่ว่าเจ้าเป็นอิ๋งโกว โฮ่วชิงกลับชาติมาเกิด ไม่อย่างนั้นยังบดขยี้เจ้าให้ตายได้เหมือนเดิม! อาศัยแค่บุญกุศลของเจ้าในช่วงนี้ ข้าก็สามารถสร้างบุญใหม่ได้อีกครั้ง สิ่งที่ติดค้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถือว่าชดเชยกลับมาหมดแล้ว!” เจ้าที่แอบฝันหวาน

ณ ที่ไกลๆ นักพรตเฒ่าที่กำลัง ‘ตรวจสอบสถานการณ์อย่างเงียบๆ’ ได้หยิบยันต์กระดาษที่แปะบนหน้าผากของตัวเองออกมา เตรียมตัวต่อสู้ตลอดเวลา จางเยี่ยนเฟิงไม่ค่อยเข้าใจ เขากระทั่งไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรหยิบปืนออกมาหรือไม่

“ไม่ต้องกลัว ข้าปกป้องเจ้าเอง เมื่อห้าร้อยปีก่อนที่ภูเขาฮวากั่วซานข้าเคย…” ขณะที่พูดนักพรตเฒ่าพบว่าตัวเองตื่นเต้นเกินเหตุ แล้วจึงหยุดพูดไร้สาระทันที จากนั้นในเวลานี้ ป้ายไม้ที่ติดอยู่บนหน้าผากของโจวเจ๋อได้เกิดเสียงแตก ‘เปรี๊ยะ’ ดังชัดแจ๋ว ป้ายไม้เกิดเป็นรอยแตกร้าวไปทั่ว

โจวเจ๋อที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพลันยื่นมือปัดป้ายไม้ที่อยู่บนหน้าผากของตัวเองออกไป เขาใช้แววตาที่แปลกประหลาดมองเจ้าที่ที่กลายเป็นแสงสีเขียว “เจ้า…ดีไม่เลว…”

เจ้าที่ลนลานเล็กน้อย ป้ายไม้ของตัวเองถึงแม้จะอ่อนพลังเพราะขาดการกราบไหว้บูชานานหลายปี แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่แย่ขนาดนี้

จากนั้นประโยคถัดไปของโจวเจ๋อได้ทำให้เจ้าที่รู้สึกตกใจลนลานทันที “ไม่น่าเชื่อ…ที่จำ…ข้า…ได้…”

‘พึ่บ!’ วินาทีต่อมาเจ้าที่ได้กลายเป็นแสงในชั่วพริบตาแล้วมุดลงไปใต้ดินตรงหน้า หลบเข้าไปในสุสานของตัวเองตัวสั่นงันงก โลกข้างนอกน่ากลัวเกินไป ข้าไม่กล้าออกไปอีกแล้ว

โจวเจ๋อบดขยี้ตำแหน่งตรงกลางระหว่างคิ้วของตัวเองต่อไป พูดจริงๆ นะมันเจ็บนิดหน่อย โดยเฉพาะพลังบุญที่อยู่บนนั้น ทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียน แต่เขาไม่ได้โทษโจวเจ๋อที่ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาในสถานที่แบบนี้ กระทั่งตอนนี้เขารู้สึกว่าโจวเจ๋อปลุกเขาขึ้นมาเป็นการเลือกที่ถูกต้อง

เจ้าที่ที่ได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยธูปหอมของชาวบ้านถือว่าเป็นเทพเจ้าจอมปลอมก็ยังได้ รสชาติน่าจะไม่เลว เขาเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว ยื่นมือขุดชั้นดินบนพื้น ขุดติดต่อกันสองสามทีก็รำคาญแล้ว เขาจึงยืดตัวตรงขึ้นมาช้าๆ

“เขากำลังทำอะไร” จางเยี่ยนเฟิงถามนักพรตเฒ่า นักพรตเฒ่ามองออกทุกอย่างแล้วจึงพูดฮึดฮัดเบาๆ “สืบทอดสายเลือดพิเศษมาเหมือนกันจริงๆ โรคขี้เกียจ”

เวลานี้โจวเจ๋อกวาดสายตามาทางนักพรตเฒ่า “นักพรตเฒ่าที่ซื่อสัตย์ของท่านออกตัวแล้ว!!!” นักพรตเฒ่ากระโดดออกมาทันที ไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆ ทั้งสิ้น นั่งลงยองๆ ช่วยขุดดินตรงหน้าให้โจวเจ๋อโดยตรง

เขารู้ว่าโจวเจ๋อจะทำอะไร และรู้ดีว่าเวลานี้ตัวเองควรทำอะไร คุณลองถามนักพรตเฒ่าว่าลำบากไหม ไม่ลำบาก!แม่งเอ๊ย เมื่อก่อนถึงแม้จะเคยรับใช้เถ้าแก่ผีมาสองสมัย แต่ในอดีตเถ้าแก่ผีสองคนนั้นรวมกันยังหนาไม่เท่าขนบนต้นขาของคนที่อยู่ตรงหน้าแม้แต่เส้นเดียวเลย!

นักพรตเฒ่ากระทั่งคิดว่า เถ้าแก่กัดข้าหน่อย ให้ข้ากลายเป็นผีดิบระดับสูงเถอะ! ขอให้มีไอคิวสูงเหมือนอิงอิงและทนทานสุดยอด! แต่เสียดายโจวเจ๋อกลับยื่นมือออกมาปัดหนึ่งที นักพรตเฒ่ารู้สึกถึงพลังโจมตีจู่โจมเข้ามา ตัวลอยกระเด็นออกไปร่วงกองบนพื้นกลิ้งกลุกกลักสองสามรอบ อีกทั้งปากยังกินดินเข้าไป น่าน้อยใจจริงๆ เจ้าไม่กัดข้า แถมยังตีข้าอีก

“ช้าเกินไป…” โจวเจ๋อพูดเสียงหนัก

“ให้ข้าเรียกเครื่องขุดดินมาให้ท่านไหม” นักพรตเฒ่าขมวดคิ้วถามต่อ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาในเวลาเดียวกัน

โจวเจ๋อไม่ตอบแต่แบมือสองข้างอย่างช้าๆ เริ่มอ้าปากออก จากนั้นคำรามเสียงต่ำออกมาจากลำคอของเขา ซึ่งมาพร้อมกับความรู้สึกกดดันและหายใจไม่ออกที่น่าสะพรึงกลัว

นักพรตเฒ่ากับจางเยี่ยนเฟิงต้องเอามืออุดหูของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ แต่ถึงแม้จะพยายามแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าร่างกายโอนเอนเหมือนเดิม แทบจะมีเลือดกำเดาไหล และในเวลาเดียวกัน ศพทั้งสองในต้นไม้ที่กลายเป็นประติมากรรมได้ลืมตาพร้อมกันอย่างไม่น่าเชื่อ เปลือกไม้เริ่มแยกออก ต่อจากนั้นต้นไม้ทั้งต้นเริ่มสั่นไหว สุดท้ายก็ได้ยินเสียงดัง ‘เปรี๊ยะ’ ต้นไม้ทั้งสองต้นหักออกพร้อมกัน ซากศพเดินได้ทั้งสองเดินตัวเซมายืนอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋ออย่างช้าๆ อ้าปากและคำรามพร้อมกันไม่หยุด

“ครั้งที่พวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่…ต้องตาย…เพราะขุดของของคนอื่น…อย่างนั้น…หลังจากตายไป…ข้าจะให้พวกเจ้า…ขุด…ต่อไป!” ซากศพเดินได้ทั้งสองเดินออกไปทันที เริ่มใช้แขนทั้งสองข้างของตัวองขุดดินอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วยากที่คนจะจินตนาการได้

…………………………………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท