ตอนที่ 306 ชั่วนิรันดร!!!
“หมอหวัง ขอบคุณคำชี้แนะของคุณครับ ได้ฟังคำชี้แนะของผู้รู้ดีกว่าการอ่านหนังสือสิบปี ในเรื่องที่ปรึกษาทางด้านจิตวิทยา ผมยังต้องเดินทางนี้อีกไกล ผมหวังว่าจะได้เดินตามรอยเท้าของคุณเร็วขึ้นนะครับ”
จิตแพทย์หนุ่มในสถานพักฟื้นกำลังโค้งคำนับให้หวังเคออย่างจริงใจ นี่คือความเคารพนับถือที่ออกมาจากใจเพราะเมื่อครู่หวังเคอไม่เพียงแต่ตอบคำถามด้านนี้ที่ตัวเองงงมานานแล้ว ขณะเดียวกันได้ให้ตัวเองก็อปปี้ข้อมูลเคสตัวอย่างรวมทั้งการวิเคราะห์อาการคนไข้ที่เขาได้รวบรวมไว้ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา
ทุกวงการอาชีพ ไม่ว่าในประเทศจีนหรือต่างประเทศ จริงๆ แล้วมีประเพณีเก่าที่ยังอนุรักษ์ไว้ แต่ทัศนคติของหวังเคอที่จริงใจต่อรุ่นน้อง ประทับใจและพิชิตใจของเขาได้จริงๆ
“เกรงใจเกินไปแล้ว หมอจ้าว วันหลังถ้ามีโอกาส พวกเรายังพูดคุยกันได้อีก ไม่ว่ายังไงคุณก็เห็นแล้วว่าผมน่าจะอยู่ที่นี่นานหน่อย”
“เป็นเกียรติของผมมากครับ ขอบคุณครับ” หมอจ้าวโค้งตัวอีกครั้งจากนั้นจึงเดินออกไป
หวังเคอสูดลมหายใจลึกๆ และกลับไปนั่งที่เก้าอี้แล้ว หลังจากไอติดกันสองสามที เขาหยิบกล่องซิการ์ออกมาจากในลิ้นชักกะจะดูดซิการ์หนึ่งมวน เขามักจะให้ความรู้สึกผ่อนคลายกับคนอื่นเสมอ เพราะเป็นความเคยชินจากงานของเขา และเป็นหลักปรัชญาการใช้ชีวิตของเขาเช่นกัน เขายังไม่ทันได้จุดซิการ์ ก็มีข้อความส่งเข้ามาในโทรศัพท์ บนนั้นโชว์ว่าเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ และมีเพียงสามคำเท่านั้น ‘ฉันมาแล้ว’ หวังเคอตอบกลับไปสองสามคำ ‘เข้ามาครับ’
ไม่นานประตูได้เปิดออก ระบบรักษาความปลอดภัยในสถานพักฟื้นมีความเข้มงวดเป็นอย่างมาก อีกฝ่ายสามารถเดินเข้ามาโดยตรง แสดงว่าฐานะของอีกฝ่ายต้องไม่ธรรมดา อีกฝ่ายใส่เสื้อคลุมสีดำ หลังค่อมเล็กน้อย เมื่อเดินเข้ามาแล้วก็ปิดประตูด้วยความคุ้นชิน จากนั้นจึงนั่งลงบนโซฟาแล้วรินน้ำชาให้ตัวเอง
เขามีอายุใกล้จะห้าสิบปีแล้ว คุณจะเรียกเขาว่าคนแก่ไม่ได้ เพราะอายุห้าสิบปีไม่ถือว่าแก่ และคุณจะเรียกเขาว่าชายวัยกลางคนไม่ได้ เพราะไม่ใช่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นอายุที่น่าอิหลักอิเหลื่อพอสมควร อิหลักอิเหลื่อจนถึงขั้นผมสีดำครึ่งหนึ่งสีขาวครึ่งหนึ่งเหนือศีรษะของเขากำลังบอกคุณทุกสิ่ง
‘โขลกๆ…’ อีกฝ่ายไอหนักๆ สองที หยิบขวดยาออกมาจากหน้าอก เทยาออกมาสองแคปซูลแล้วหยิบน้ำมาดื่ม ก่อนจะเงยหน้าและได้ยินเสียง ‘อึกๆ’ สองที แล้วจึงก้มหน้าต่ำหายใจหอบติดต่อกัน
“ผมใกล้จะตายแล้ว” เสียงของอีกฝ่ายมีความแหบเล็กน้อย แต่ความแหบแบบนี้ไม่ได้ให้ความรู้สึกอ่อนแรงต่อผู้อื่น ตรงกันข้ามกลับเหมือนเสือดุที่กำลังหมอบไม่มีใครกล้าดูถูกเขา เพราะกลัวจะโดนทำร้ายกลับ
“ผมรู้ครับ” หวังเคอพยักหน้า วางซิการ์ลง เพราะเขารู้ดีว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ ตอนนี้ดมกลิ่นบุหรี่ไม่ได้แล้ว ถ้าหากเขาอยากมีชีวิตต่ออีกสองสามวัน
ผู้ชายคนนั้นเงยหน้ามองซิการ์ แล้วจึงแสยะยิ้มออกมา ใช้ลิ้นเลียปากด้วยความอยาก จากนั้นจึงหาวแล้วก้มหน้าอีกครั้ง แบมือมองฝ่ามือที่หยาบกร้านของตัวเอง แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “สองปีก่อน ผมถามคุณว่าอยากให้ผมลงมือไหม คุณบอกรอก่อน คุณรู้ไหมตอนนั้นผมรู้สึกยังไง”
“รู้สึกอยากฆ่าผมมาก” หวังเคอตอบอย่างใจเย็น
ผู้อาวุโสยิ้มเล็กน้อย ยิ้มเหมือนได้ใจ “ลูกสาวลูกชายของผมรวมทั้งหมอส่วนตัวของผม บอกว่าผมสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงตอนนี้ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ทางการแพทย์แล้ว แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าทำไม”
“ดังนั้น คุณต้องขอบคุณผม”
“ขอบคุณคุณ?” ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าทันที นัยน์ตาแดงฉานไปด้วยเลือด พร้อมกับคำรามเสียงต่ำ “ขอบคุณที่คุณทำให้ผมลำบากอีกสองปีเหรอ สองปีก่อนผมถูกวินิจฉัยแล้ว ตอนที่หมอบอกว่าเวลาของผมเหลือไม่เกินสามเดือน ผมโทรหาคุณแทบบ้า อยากจะคืนหนี้บุญคุณให้คุณ แต่คุณไม่ยอม คุณบอกว่ารออีกหน่อย! เป็นคุณที่ทำให้ผมติดหนี้บุญคุณอย่างไม่เต็มใจ เป็นคุณที่ปล่อยให้ผมป่วยทรมานมากถึงสองปี! ผมต้องขอบคุณคุณด้วยนะ ผมต้องขอบคุณคุณจริงๆ!”
“สองปีก่อน ไม่เหมาะสมจริงๆ” หวังเคอตอบ
“คุณกลัวเหรอ”
“ใช่ครับ ผมกลัว สองปีก่อน สองคนนั้นเพิ่งจะออกจากคุก ถ้าหากพวกเขาตายกะทันหัน จะถูกเชื่อมโยงมาถึงตัวผมได้ง่ายมาก ผมไม่สามารถเสี่ยงอะไรได้เลย และไม่อนุญาตให้ผมเกิดความเสี่ยงใดๆ!”
“เหอะๆ ผมรู้ เด็กที่ออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ต่อสู้มาถึงทุกวันนี้ไม่ง่าย ดังนั้นแม้แต่ความแค้นก็ยังต้องทนมาตลอด เพราะกลัวว่าตัวเองจะสูญเสียทุกอย่างไป คุณรู้ไหม จากประสบการณ์การครึ่งค่อนชีวิตของผมบอกผมว่าบางครั้งยิ่งกลัวการสูญเสียก็จะยิ่งเสียสิ่งนั้นไป นอกจากนี้คนที่ใช้ชีวิตแบบนี้จะเหนื่อยมากและไม่คุ้มค่าเลย”
“คุณผิดแล้ว ผมไม่ได้เสียดายเงินเและตำแหน่งฐานะของผม” หวังเคอส่ายหน้า
“ก็จริง ถ้าหากคุณไปเซี่ยงไฮ้หรือหน่วยงานอื่น น่าจะเจริญก้าวหน้าไกลกว่านี้ โขลกๆๆ…อย่างนั้นคุณกลัวเสียอะไร”
“ภรรยาของผม แล้วก็ลูกสาวของผม”
“ลูกนอกคอกก็นับเหรอ”
หวังเคอเบิกตาโตทันที เผยแววตาเป็นประกายลึกล้ำออกมา
“น้อยมากที่คุณจะโกรธ” ผู้ชายคนนั้นหัวเราะเสียงแหบ “สงสัยไม่ได้แกล้งเป็นพ่อผู้มีเมตตา คุณกล่อมตัวเองยังไง เอาเด็กที่ไม่ใช่ลูกสาวของคุณมาเลี้ยงเป็นลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง”
“เธอ เป็นลูกสาวของผมหวังเคอ ไม่ว่าเธอจะเป็นคน หรือว่าผี!”
“โอเคๆๆ เธอเป็นลูกสาวของคุณ เป็นลูกสาวสุดที่รักของคุณ”
ผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นยืนกัดฟัน “เสืออย่างผมฟันใกล้ฟันหลอแล้ว ผมกลัวมากจริงๆ กลัวว่าตอนที่คุณอยากให้ผมใช้หนี้บุญคุณ ฟันของผมจะกัดคนไม่ได้แล้ว” ขณะพูดผู้ชายคนนั้นหยิบปืนออกมากระบอกหนึ่ง ส่ายไปมาตรงหน้าหวังเคอแล้วพูดว่า “ตอนที่คุณติดต่อผม ผมหยิบมันออกมาด้วย คุณก็รู้ ในประเทศจีน ใช้ปืนมีความหมายว่าอะไร”
หวังเคอมองผู้ชายคนนั้น แล้วจึงใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ พลางพูดว่า “ตอนที่ผมติดต่อคุณ ไม่รู้สถานการณ์ของคุณ จนกระทั่งได้เจอกันก่อนหน้านั้น ผม…”
“ไม่ต้องพูดให้มากความ ผมติดหนี้บุญคุณของคุณ ก็คือติดหนี้บุญคุณของคุณ ของแบบนี้ ขอเพียงผมยังมีลมหายใจอยู่ ยังไงก็ต้องคืน! นี่คือหลักการที่ถูกต้อง ทั้งชีวิตนี้ของผม ผมเชื่อเรื่องนี้ ถึงแม้ผมจะรู้ว่า หากยิงปืนออกไป สิ่งที่ผมสะสมมาครึ่งค่อนชีวิตรวมทั้งสิ่งสะสมที่อยากทิ้งเอาไว้ให้ลูกสาวและลูกชายของผมอาจจะถูกทำลายไปเลย แต่ผมจะไม่เสียใจ”
หวังเคอยักไหล่ทำท่าเหมือนจะโน้มน้าว แต่ไม่ได้โน้มน้าวจริงๆ
“สองปีแล้ว สองคนนั้นตายไม่น่าจะไม่มีปัญหาอะไร อย่างน้อยก็ไม่ดึงดูดความสนใจของคนมากเกินไป และถ้าหากตรวจสอบขึ้นมา ผมสามารถแบกรับให้คุณได้ ไม่ให้ตกมาถึงหัวของคุณ”
ผู้ชายคนนั้นวางปืนกลับไปบนโต๊ะน้ำชา แล้วจึงนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง เขาลุกขึ้นแป๊บเดียวก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว
“หมอบอกให้ผมใช้ไม้เท้า แต่ผมไม่ใช้ของเล่นพรรค์นั้น ตอนผมเป็นหนุ่มเคยชี้คนแก่ถือไม้เท้าแล้วพูดกับลูกน้องว่า ต่อไปถ้าหากผมถึงวันที่ต้องถือไม้เท้าเดิน สู้เอาปืนยัดใส่ปากเหนี่ยวไกยิงตัวเองทิ้งดีกว่า”
“อืม”
“แต่พอมาถึงช่วงเวลาสุดท้ายจริงๆ ผมพบว่าตัวเองขาดทุนมาก”
“ทำไมครับ”
ผู้ชายคนนั้นยื่นมือลูบปากกระบอกปืนที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาแล้วพูดว่า “ใช้มันไม่ได้แล้ว”
“ทำไม”
“เพราะว่ามันเดิมทีอยากจะฆ่าแค่สองคน แต่ดันตายไปหมดแล้ว”
“ตายแล้ว” หวังเคอค่อยๆ ลุกขึ้น “คุณสั่งคนไปฆ่าเหรอ”
“เหอะ…” ผู้ชายนั่งอ้าขาแล้วยิ้มพูดว่า “ผมสั่งให้คนไปสืบ หลังจากสองคนนั้นออกจากคุก ไม่นานก็มารวมหัวกันอีก แล้วก็ไปชวนคนอื่นอีกสองสามคนไปปล้นสุสานในป่า แต่โชคไม่ดี สองคนนั้นตายอยู่ข้างใน ทางตำรวจกำลังสืบเรื่องนี้อยู่ ถ้าหากผมไม่รู้จักคุณ ผมคงคิดว่าคุณดูถูกเสือแก่ขี้โรคอย่างผมแน่นอน ถึงได้ออกเงินจ้างพวกเขาให้ฆ่ากันเองแก้แค้นให้คุณ”
“ผมเปล่า”
“ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ทำ เพราะว่าคุณจะทำให้พวกเขาตายไปเลย ตอนแรกผมคิดว่าจะช่วยคุณจับคนมาก่อนแล้วส่งให้คุณจัดการ บางครั้งความโกรธบางอย่างคุณต้องลงมือทำเองถึงจะสะใจ ผมที่ขลุกอยู่กับมีดเปื้อนเลือดในอดีต เข้าใจหลักการนี้ที่สุด”
‘แปะ!’ ผู้ชายคนนั้นตบมือ “แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว เว้นเสียแต่ว่าคุณจะวิ่งไปนรกจับวิญญาณพวกเขาสองคนกลับมา ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางจริงๆ พวกเขาน่าจะไปเกิดแล้ว ฮ่าๆๆๆ…โขลกๆๆ…สุดท้ายคุณหวังเคอก็ไม่ได้แก้แค้นด้วยตัวเอง”
“ตายแล้ว…ก็ดี”
“เหอะ ผมไม่ชินเลยกับคนที่พูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางปลงตกอย่างคุณ แม่งเอ๊ย เสแสร้งหาพระแสงอะไร เสแสร้งมานานจนกลายเป็นสัญชาตญาณไปแล้ว คุณเหนื่อยไม่เหนื่อย” ผู้ชายคนนั้นลุกขึ้น ถือไม้เท้าเดินกะโผลกกะเผลกเตรียมตัวออกไป
“ปืน” หวังเคอพูดเตือน
“ของเล่นเด็ก เอาให้ลูกสาวของคุณ สถานที่แบบนี้ระบบความปลอดภัยเข้มงวดมาก ผมจะเอามันเข้ามาได้ยังไงคุณโง่หรือเปล่า”
หลังจากรอผู้ชายคนนั้นออกไปแล้ว หวังเคอจึงหันมามองไปทางภรรยาที่ยังนั่งเหม่ออยู่ในสวนคนเดียว ภรรยาของเขาเหมือนจะรู้สึกได้ จึงหันมามองหวังเคอแล้วยิ้มพรายให้เขา
“ซุปเนื้อใกล้จะเสร็จแล้ว เดี๋ยวก็กินข้าวได้แล้วครับ” หวังเคอตะโกนพูด
“ค่ะ กินเนื้อ” ภรรยายิ้มอย่างมีความสุขมาก
หวังเคอใส่ผ้ากันเปื้อนอีกครั้ง เดินเข้าไปในห้องครัว ตอนที่เขาจับมีดหั่นต้นหอมและกุยช่าย เขามองใบมีดแล้วตกตะลึงสองสามวินาที พร้อมกับพูดพึมพำว่า “ตายไป…แล้วจริงๆ เหรอ”
…
เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าฉินจ้าวเจิ้น เขตกั่งจ๋า เมืองทงเฉิง
กินข้าวได้แล้ว เด็กทุกคนได้คุณน้าแบ่งเคาหยกให้คนละหนึ่งชิ้น ในยุคนั้น สถานที่แบบนี้ การกินเนื้อเป็นเรื่องที่มีความสุขมากอย่างหนึ่ง ถึงแม้จะพูดว่าคนจีนกำลังหลุดพ้นจากยุคที่ไม่มีข้าวไม่มีเนื้อกินแล้ว แต่สภาพในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามักจะธรรมดากว่าข้างนอกพอสมควร
เด็กสองคนนั่งกินข้าวด้วยกัน เด็กคนโตกว่าจ้องเนื้อชิ้นนี้อยู่นาน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบใส่ชามของเด็กที่ตัวเล็กกว่าตัวเอง
“พี่ ไม่กินเหรอ”
“ไม่กิน นายกินเถอะ”
เด็กที่ตัวเตี้ยกว่าจึงไม่เกรงใจและไม่รู้จักการยอมให้ กินเนื้อสองชิ้นในชามของตัวเองอย่างอร่อย กินจนปากมันแผล็บ
“อาเจ๋อ ต่อไปถ้าพี่ทำงานจะหาเงินเยอะๆ เลย”
เด็กผู้ชายตัวเตี้ยกว่าเก็บเม็ดข้าวที่ติดข้างปากใส่เข้าไปในปากแล้วถามอย่างน่ารัก
“หาเงินไปทำไม”
“หาเงินแต่งงานไง”
“แต่งงานทำไม”
“หลังจากแต่งภรรยาแล้วก็เอาเงินให้ภรรยา แล้วจะสั่งให้เธอไปซื้อเนื้อให้ฉันกินทุกวัน ทำให้ฉันกิน ให้ฉันได้กินเนื้อทุกวัน!”
“แต่งภรรยามีความหมายแบบนี้เหรอ”
“ใช่ ภรรยาที่ไม่ซื้อเนื้อให้นายกิน แต่งแล้วจะมีประโยชน์อะไร ลุงฉินที่อยู่ห้องยามชอบอวดพวกเราเป็นประจำไม่ใช่เหรอ บอกว่าภรรยาของเขาซื้อเนื้อหมูมาทำหมูสามชั้นน้ำแดงให้เขากินเป็นประจำ ดังนั้นแต่งงานมีภรรยา ก็คือทำงานหาเงินให้เธอไปซื้อเนื้อหมู!”
“อ้อ เข้าใจแล้ว“
“อาเจ๋อ นายล่ะ”
“พี่มีเนื้อกิน ผมก็จะมีเนื้อกินเหมือนกัน”
…
ภายในป่า ซากศพเดินได้สองตัวกำลังขุดดินอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่รู้จักความเจ็บปวด รู้จักแต่ทำให้สำเร็จตามคำสั่งของเบื้องบน
หลุมลึกขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็วชนิดที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่นานโครงสร้างศาลเจ้าโบราณก็โผล่ออกมา และตรงจุดที่ไกลมาก ตำรวจจางเยี่ยนเฟิงที่พยายามรักษาทัศนคติต่อโลกของตัวเองเอาไว้ รู้สึกว่าทัศนคติของตัวเองพังหมดแล้ว เขามองซากศพเดินได้ที่เดินออกมาจากต้นไม้หลายครั้ง แล้วก็มองโจวเจ๋อที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ
พี่ชาย นี่ก็คือสิ่งที่คุณพูดว่าจะปกป้องทัศนคติของผมเหรอ นี่คือสิ่งที่คุณพูดว่าอยากให้ผมใช้ชีวิตเหมือนคนปกติต่อไป คุณให้ผมดูสิ่งนี้ แล้วผมจะใช้ชีวิตปกติได้อย่างไร
ใต้ดินด้านล่าง เจ้าที่รู้สึกเย็นเหนือศีรษะและกำลังก่นด่าด้วยความโกรธ “เจ้ากำลังก่อเวร! ก่อเวร! พวกเขาบุกรุกสุสานบุกรุกศาลของข้า ข้าฆ่าพวกเขา เพื่อตักเตือนคนอื่นว่าอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างก็สมควรแล้ว! แต่ข้าไม่เคยกักขังวิญญาณของพวกเขา ปล่อยให้วิญญาณของพวกเขาลงนรกไปเกิดใหม่แล้ว!
ร่างกายและวิญญาณเชื่อมต่อกัน ฉะนั้นผู้คนจึงให้ความสำคัญในการฝังศพคนตายลงดินเพื่อให้พวกเขาสงบสุข เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อวิญญาณที่อยู่ในนรก แต่ตอนนี้เจ้าทำให้พวกเขาสองคนกลายเป็นซากศพเดินได้ไปแล้ว นี่คืออยากให้วิญญาณของพวกเขาถึงแม้จะอยู่ในนรกก็สูญเสียโอกาสกลับชาติไปเกิดตลอดไป ถูกลงโทษในแดนชำระอย่างไร้จุดสิ้นสุด ไม่ได้ผุดไปเกิดชั่วนิรันดร!”
…………………………………………………………………………