ตอนที่ 317 เกราะป้องกัน!
“เลวยิ่งกว่าสัตว์…” ผู้หญิงร้องด่า เธอแทบสลบตั้งแต่หลังเที่ยงคืน
ตอนที่เธอลุกนั่งขึ้นมาช้าๆ หันไปเห็นทิปหนาเป็นปึกวางอยู่ตรงหัวเตียง ความโกรธบนใบหน้าของเธอมลายหายไปทันที กระทั่งมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา
ควรทราบว่า เขาได้จ่ายเงินค่าอาหารในร้านอาหารไปแล้ว ดังนั้นเงินค่าทิปนอกเหนือจากนั้น ไม่ต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์กับร้านอาหาร เพราะร้านก็รับรู้
…
“เสี่ยวติง คุณมาสายสิบห้านาที” ทนายอันชี้ไปที่นาฬิกาทองของตัวเองแล้วพูด
“ขอโทษครับ ทนาย เกิดอุบัติเหตุบนทางด่วน ทำให้รถติดบนทางด่วนทั้งแถบเลยครับ” คนขับรถอธิบาย
“อ้อ โอเค อย่างนั้นคุณก็น่าจะรอผมที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานเย็น” ทนายอันเปิดประตูรถตรงที่นั่งคนขับ เพื่อบอกให้คนขับรถของตัวเองออกมา “คุณไปคิดเงินเดือนของเดือนหน้ากับฝ่ายบัญชี จากนั้นคุณก็ไสหัวไปจากตรงหน้าผมได้เลย”
“ไม่…เอ่อ…” คนขับรถยากที่จะยอมรับได้อย่างเห็นได้ชัด
ควรทราบว่าเงินเดือนของบริษัทนี้เยอะมาก สวัสดิการและประกันก็ดี เขาไม่อยากเสียงานนี้ไป
“เถ้าแก่ ครั้งหน้าไม่มีแล้วครับ”
“ครั้งหน้า ขอโทษนะ คุณไม่มีครั้งหน้าแล้ว อยากจะเอาคนที่ไม่มีนิยามเรื่องเวลาอย่างคุณโยนทิ้งลงนรกจริงๆ ถึงตอนนั้นคุณก็จะเข้าใจว่าคนที่ยังมีชีวิตมีอากาศหายใจเป็นเรื่องที่มีความสุขและสวยงามมากแค่ไหน! ลงจากรถของผมเดี๋ยวนี้ now!”
คนขับรถลงจากรถ จากนั้นทนายอันจึงเข้าไปนั่งเอง สตาร์ทรถ ทิ้งแว่นกันแดดไปที่เท้าของอีกฝ่ายแล้วขับออกไปสองมือจับพวงมาลัยพลางมองเข็มนาฬิกาบนนาฬิกาข้อมือของเขา “ให้ตายเถอะ!” เขาสบถด่า
…
“กรุณาสังเกตเวลาด้วย” พัศดีชี้ไปที่นาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ที่แขวนอยู่ข้างบนแล้วพูด
“ครับ เข้าใจแล้วครับ” ทนายอันยิ้มให้พัศดี จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องเยี่ยมนักโทษ
เมืองทงเฉิงเป็นเมืองที่สงบสุขเมืองหนึ่ง ด้วยเหตุนี้โครงสร้างของเรือนจำแห่งนี้จึงไม่ใหญ่มาก มีบางส่วนที่ค่อนข้างโล่ง อย่างน้อยก็ไม่มีบรรยากาศที่บีบเค้นอึดอัด
ทนายอันนั่งตรงหน้าต่างกระจก เขาวางกระเป๋าเอกสารของตัวเองบนโต๊ะ หยิบเอกสารปึกหนาออกมาจากข้างใน เขามองไปรอบๆ แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สองครั้ง คนทั่วไปพูดว่าเมืองหรงเฉิงเป็นเมืองสงบน่าพักผ่อนหย่อนใจ แต่มันเป็นคำเล่าลือผิดๆ ที่โลกภายนอกมีต่อเมืองนี้เท่านั้น ลองดูจำนวนประชากรที่เบียดเสียดกันอยู่ในเมืองหรงเฉิงรวมทั้งถนนที่มีรถติดตลอดทั้งวันในปัจจุบันนี้ แล้วลองดูเขตพื้นที่พักอาศัยแต่ละแห่งที่แน่นขนัดเหมือน ‘ถ่านหินรังผึ้ง’ ใกล้จะเหมือนฮ่องกงเข้าไปแล้ว เมืองที่น่าพักผ่อนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
แต่เมืองทงเฉิง ถึงแม้จะเป็นเขตสามเหลี่ยมเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำฉางเจียง แต่กลับสบายจริงๆ สบายถึงขนาดที่ว่ามีผู้ค้ายา ‘แหกคุก’ สำเร็จตอนที่กำลังถูกศาลตัดสิน จึงสามารถพิสูจน์ได้ว่าเมืองทงเฉิงมีความสงบสุขมากกว่าเมืองหรงเฉิง
ประตูเหล็กฝั่งตรงข้ามถูกเปิดออก ทนายอันจึงเก็บความคิดของตัวเอง พูดจริงๆ นะ เขาเริ่มคิดถึงบ้านแล้ว แต่เพื่องานสองสามงานที่นัดไว้ล่วงหน้าเมื่อครึ่งปีก่อน เขาถึงตั้งใจตั้งบริษัทใหม่ที่เมืองทงเฉิงเป็นพิเศษ
อีกฝ่ายเป็นผู้ชายวัยกลางคนตัวผอมสูง เขาค่อยๆ นั่งลงตรงหน้าทนายอันอย่างเนิบนาบ สายตาค่อนข้างอึมครึม ทนายอันดีดนิ้ว หยิบไมค์ขึ้นมา แล้วพูดใส่ไมค์ว่า “ฮัลโหลๆๆ…” สายตาของอีกฝ่ายยิ่งบูดบึ้งมากขึ้น
“ฟังได้ยินไหม” ทนายอันชี้ไปที่ไมค์ อีกฝ่ายหยิบไมค์ขึ้นมาเงียบๆ แล้วพูดว่า “พวกเราไม่ต้องใช้ไมค์ก็ได้ยิน”
“ไม่ได้ ผมชอบความรู้สึกที่เป็นพิธีการแบบนี้ หน้าต่างเหล็ก กระจก โทรศัพท์ บวกกับตัวหนังสือสีแดงที่แปะอยู่บนกำแพงว่า ‘กลับตัวกลับใจ ตอบแทนสังคม’ พิธีการแบบนี้เป็นความสวยงามอย่างหนึ่ง”
“คุณคิดว่าสวย แต่คุณไม่บอกผมก่อน ปล่อยให้ผมเข้ามาอยู่ในร่างของนักโทษ!” อีกฝ่ายกำไมค์แน่นมากพลางกัดฟันพูด จากใบหน้าที่นิ่งสงบ ตอนนี้กลับบิดเบี้ยวน่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด
“คุณช่วยควบคุมอารมณ์ของตัวเองด้วย ผมช่วยปิดบังลมหายใจของคุณ แต่ถ้าอารมณ์ของคุณขาดการควบคุมสมุดของยมทูตจะจับลมหายใจของคุณได้ จากนั้นคุณก็จะจบเกม” ทนายอันแบมือ
“พัศดีของที่นี่น่ารักกว่ายมทูตเป็นไหนๆ คุณคิดว่ายังไง”
“แค่ยมทูตเท่านั้น” อีกฝ่ายไม่สนใจอย่างสิ้นเชิง
“ฮู่ว…คุณรู้อะไรไหม เมื่อวานวิญญาณร้ายที่หนีออกมากับคุณอีกสองคนโดนจับแล้ว และถูกส่งกลับไปนรกแล้วด้วย” เมื่อได้ยินดังนั้นอีกฝ่ายจึงตัวสั่นทันที เห็นได้ชัดว่าคำว่ากลับไปสองคำนี้ สำหรับเขาเป็นความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวอย่างใหญ่หลวง
“เขตแดนทงเฉิงหนึ่งปีที่ผ่านมามีความอัปมงคลเล็กน้อย เมื่อวานผมได้กินข้าวกับยมทูตท้องถิ่นโดยบังเอิญ”
“คุณได้กินข้าวกับยมทูตรู้สึกเป็นเกียรติเหรอ”
“เปล่าๆๆ คุณไม่เข้าใจ หมอนั่นไม่ธรรมดา”
“ไม่ธรรมดาตรงไหน”
“ผมสังเกตจากโหงวเฮ้ง ภรรยาของเขายังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่!”
“…” ผู้ชาย “คุณกำลังล้อผมเล่นเหรอ”
“โถๆๆ” ทนายอันยักไหล่ “ขอโทษนะครับ นอกเหนือจากนี้ ผมไม่เห็นเขาจะมีตรงไหนที่ไม่ธรรมดา แต่ผมรู้สึกว่าเขามีความพิเศษไม่ธรรมดาของจริง”
“ผมไม่อยากฟังคุณพูดไร้สาระ”
“นี่ไม่ใช่คำพูดไร้สาระ แต่เป็นคำเตือน คุณรู้ไหมทำไมผมชอบให้ลูกค้าสิงร่างอยู่ในเรือนจำ เพราะผมต้องตรวจสอบและประเมิน ดูว่าสมองของลูกค้าของผมถูกทรมานในคุกจนมีปัญหาทางสมองหรือเปล่า! ถ้าหากบ้าเหมือนสุนัข พอออกมาก็เหมือนไอ้โง่เพลิดเพลินกับอายุที่ยืนยาวและเงินทอง ผมขี้เกียจสนใจพวกเขา แล้วก็ผมขอพูดอีกครั้งถ้าหากที่นี่เป็นฉางโจวหรือซูโจว ก็ไม่สำคัญ แต่ในทงเฉิง คุณต้องอยู่เฉยๆ สายตาในการมองคนของผมไม่ผิดแน่ อย่าไปหาเรื่องไอ้หมอนั่น”
อีกฝ่ายสูดลมหายใจลึกๆ แล้วพูดว่า “ผมสามารถเข้าใจวิธีการดำเนินงานของคุณ และผมยังสามารถเข้าใจสาเหตุที่คุณให้ผมสิ่งร่างนักโทษในเรือนจำไม่ให้ผมได้รับอิสระ แต่สิ่งที่ผมทนไม่ได้ก็คือ ทำไมต้องให้ผมสิงร่างนักโทษข่มขื่น! คุณรู้ไหมบทบาทนี้ไม่มีที่ยืนในเรือนจำเลย และยังโดนนักโทษคนอื่นรังแกทุกวัน ผมไม่สามารถใช้พลังเพราะกลัวว่าลมหายใจจะแพร่ออกไปข้างนอก จึงต้องอดทน!”
“ถึงแม้นักโทษพวกนั้นจะอัดคุณนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่เมื่อเทียบกับการลงโทษในนรกถือว่าสบายกว่าใช่ไหม แล้วก็ใครสั่งให้ไอ้หมอนี่เตรียมตัวตายล่ะ เขาไม่ตายผมก็หาที่ให้คุณลงไม่ได้”
“คุณอยากลองดูบ้างไหม”
“พวกเรากลับมาคุยเข้าประเด็นกันดีกว่า ผมอยากให้คุณอยู่ในนี้อีกหนึ่งสัปดาห์ และในหนึ่งสัปดาห์นี้ ผมต้องการให้คุณทำการประเมินใหม่ เพื่อตัดสินว่าการร่วมธุรกิจของพวกเราจะไปสู่ขั้นต่อไปได้ ภายในหนึ่งสัปดาห์นี้ คุณต้องทำตัวดีๆ ให้ผม ปรับปรุงตัวเอง เปลี่ยนเป็นคนใหม่ เป็นคนที่มีประโยชน์ต่อสังคม หลังจากผมประเมินแล้ว ระยะโทษของไอ้หมอนนี่ก็จะสิ้นสุดลง ผมจะนำคุณออกมา จากนั้นส่งคุณไปที่ที่คุณอยากไป”
“ผมรู้ครับ”
“อืม ตอนนี้การร่วมงานของพวกเราเข้าสู่ช่วงที่สองแล้ว ดังนั้นต้องจ่ายเงินของช่วงที่สองให้ผมก่อน”
“งานยังไม่จบ!”
“ถ้าไม่มีเงินตอนนี้พวกเราก็จบงานได้เลย คุณสามารถกลับเข้าไปอยู่ในคุกกับเพื่อนร่วมคุกของคุณ หรือไม่คุณก็ลองใช้พลังของตัวเองระบายความโกรธ จากนั้นผมอยากจะดูว่ายมทูตทงเฉิงคนนั้นจะจัดการคุณยังไง”
“ผมจ่าย”
“แบบนี้ถูกแล้ว มา ประทับลายนิ้วมือตรงนี้” ขณะที่พูด ทนายอันได้นำสัญญาใบหนึ่งแปะไปบนกระจก อีกฝ่ายกดลงไปด้านล่างผ่านกระจก แต่บนกระดาษกลับไม่มีอะไร เพราะสิ่งที่มีอยู่บนนั้นไม่ใช่ลายนิ้วมือ แต่เป็นตราประทับวิญญาณ
“ชีวิตไม่ง่ายเลย ปีนี้ไม่ว่าอาชีพไหนก็หาเงินลำบาก” ทนายอันหาวหนึ่งที พลางเก็บเอกสารแล้วถามว่า “ในเรือนจำมีเรื่องอะไรแปลกใหม่บ้างไหม”
“นักเขียนที่อยู่ในเรือนจำคนนั้นออกหนังสืออีกแล้ว เขาจึงได้รับการลดโทษสองครั้ง”
“เหอะๆ”
“เห็นไอ้หมอนั่นแล้วรู้สึกขัดตา มองตัวเองสูงส่ง เหมือนพวกเสมียนที่คอยบันทึกจำนวนการรับโทษอยู่ในเรือนจำทุกวันพวกนั้น”
‘แปะ!’ ทันใดนั้นทนายอันยันสองมือไปที่กระจก ใบหน้าของเขาแทบจะติดเข้ามา แล้วพูดด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวว่า “แม่ง ถ้าคุณกล้าแตะต้องเขา คงไม่ต้องถึงมือยมทูตท้องถิ่นหรอก ผมจะเข้าเรือนจำไปฆ่าคุณเอง! ไม่สิ ผมจะจัดการคนชั่วเพื่อประชาชนด้วยตัวเอง จับคนเลวอย่างคุณกลับไปนรก!”
“ทำไม…”
“ล้มเลิกความคิดเมื่อกี้ของคุณซะ ไม่อย่างนั้น ถ้าคุณอยากตายก็อย่าลากผมซวยไปกับคุณ!” ทนายอันกลับไปนั่งที่เก้าอี้ใหม่อีกครั้ง ยื่นมือชี้ไปที่นักโทษที่อยู่ตรงข้าม
“ถ้าว่างก็อ่านหนังสือเยอะๆ อ่านหนังสือของเขา ดูความคิดของเขาว่าสูงส่งแค่ไหน คุณก็สามารถตะโกนคำขวัญได้ พูดคำขวัญไม่ต้องเสียเงิน ไม่พูดก็เสียของเปล่าๆ”
“ผมเข้าใจแล้ว”
“ถ้าหากคุณใช้ชีวิตในเรือนจำไปตามปกติได้ ก็หมายความว่าหลังจากคุณออกจากเรือนจำเข้าไปอยู่ในสังคมแล้วคุณจะสามารถใช้ชีวิตได้ปกติไม่สร้างความยุ่งยากให้กับผม เข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้ว”
“โอเค คืนนี้ผมต้องไปฉางโจว ยังมีลูกค้าอีกหนึ่งคนรอผมอยู่ที่นั่น พวกเราเจอกันสัปดาห์หน้า” ทนายอันลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องเยี่ยมนักโทษ
เหตุการณ์จลาจลจะเกิดขึ้นในนรกทุกๆ สองถึงสามปี และวิญญาณร้ายส่วนใหญ่จะเหมือนปีศาจที่ไม่มีภูมิหลังใน ‘ไซอิ๋ว’ จุดจบคือโดนไม้กระบองของซุนหงอคงตีจนตาย แต่ปีศาจที่มีภูมิหลังซุนหงอคงจะไม่กล้าฆ่า ตรงกันข้ามพวกเขาจะมีคนที่เป็นเกราะป้องกันอยู่เบื้องหลังมาพาพวกเขาไป ซุนหงอคงจึงได้แต่โบกมือแล้วพูดว่า ‘โชคดีนะ’
แท้จริงแล้วเขาก็คือหนึ่งในเกราะป้องกัน แต่เขามองฐานะทางบ้านของอีกฝ่ายด้วย ทว่าการทำธุรกิจแบบนี้ถือว่าแค่พอไปได้ ผีที่มีเงินมีอยู่ไม่น้อย แต่มีเงินและยอมเอาตัวเองเข้าแลกกัดฟันออกมาจากความจลาจลมีน้อยเกินไป โถๆๆ
ทนายอันเดินเข้าไปในห้องสูบบุหรี่แล้วจึงจุดบุหรี่หนึ่งมวนก่อน เขาเจอพัศดีสองคนที่เพิ่งเปลี่ยนเวรกันพอดีหนึ่งคนในนั้นมองมาที่เขาแล้วยิ้มพูดว่า “คุณเป็นทนายใช่ไหม”
“ครับ”
“เป็นทนายหาเงินได้เยอะมากใช่ไหม”
“พอได้ครับ”
พัศดีสองคนสูบบุหรี่เสร็จแล้วจึงเดินออกไป ทนายอันพ่นควันบุหรี่ออกมา เขาหยิบเงินกระดาษปึกหนึ่งที่เพิ่งจะเข้ามาอยู่ในกระเป๋าของตัวเองพร้อมกับร่างสัญญาที่เพิ่งเซ็นชื่อเมื่อครู่นี้ออกมาจากกระเป๋า เงินปึกหนามาก เขาวางเงินไว้ตรงหน้าแล้วเล่นกับมัน สายลมพัดมาปะทะใบหน้าเบาๆ “นี่คือสายลมที่อ่อนโยนและเบาสบายมากที่สุดในโลกมนุษย์”
…………………………………………………………………………